Top's life in Taiwan
Group Blog
 
 
มกราคม 2549
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
30 มกราคม 2549
 
All Blogs
 

ภาพเล่าเรื่อง Tarogo Gorge

ช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา ตัวผมได้ไปเที่ยว Tarogo Gorge มาครับ... เป็นทริปที่ไปแบบเดียวดาย เพราะคนอื่นๆต้องกลับบ้านกลับช่องกันหมด ถ้าหากจะอยู่คนเดียวก็เป็นการเหงาแย่เลย ดังนั้นคนที่มีหัวใจนักค้นหาอย่างเรา จึงหยุดอยู่เฉยไม่ได้ เราต้องออกตระเวนเที่ยวครับผม


วันนี้อากาศและท้องฟ้าสดใสมากๆ เป็นใจกับเราอย่างดี


ดูรูปฟ้าสวยๆไปพลางๆก่อนนะครับ จะเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับทริปนี้ให้ฟังไปเรื่อยๆ..


ที่ๆจะไปเนี่ย เป็นภูเขาที่มีธารน้ำไหล เป็นธรรมชาติที่สวยอันดับต้นๆในไต้หวันเลยครับ เกือบทุกทัวร์ที่มาเที่ยวไต้หวัน จะต้องไปที่นี่..


Tarogo Gorge อยู่คนละฝั่งเกาะกับเมืองที่ผมอยู่เลยครับ เพราะฉะนั้นจะต้องนั่งรถไฟไปอ้อมเพื่อที่จะไปถึง ที่นี่อยู่ในเมือง Hualian ซึ่งต้องอ้อมรอบบนเกาะผ่านไถเป่ยเพื่อที่จะไปถึงที่นี่..ลำบากสุดๆ


เริ่มเลยละกัน ทริปนี้ออกเดินทางตอนกลางคืนครับ เพื่อจะไปให้ถึงที่นั่นสักประมาณสายๆ คงเป็นเวลาพอดีที่จะหาที่พักหนึ่งคืนได้ เดินเที่ยวรอบๆเมือง และอีกวันก็จะไปเที่ยว Tarogo โดยจะต้องจองทัวร์ด้วยเพราะศึกษามาแล้วว่าถ้าไปเองคงไม่มีปัญญาไปแหงๆ.. บนรถไฟเนี่ยจะดีมากๆเลย ถ้าไม่มีเด็กซนคนนี้ เล่นเสียงดังทั้งคืนเลยครับ


ได้นั่งริมหน้าต่างก็เลยกะจะถ่ายออกไปข้างนอก พอดีเงาสะท้อนก็ได้ภาพสวยไม่หยอกเหมือนกันแฮะ


นี่ล่ะครับทั่น โฉมหน้าของเด็กซนคนนี้ แอบถ่ายเอามาประจานเลย.. (สังเกตในปากมีทาโร่ด้วย..ดูไปดูมาก็หิวเหมือนกันนะเนี่ย)


นี่เป็นตั๋วรถไฟ ซึ่งผมจะไปต่อรถที่ไถเป่ยอีกรอบนึง รถไฟที่นี่ดีมากเลยยครับ บอกเวลาถึงเสร็จสรรพ ซึ่งเที่ยงตรงมากๆเลยครับ...


นี่เป็นเวลาใกล้ถึงเมือง Hualian แล้วครับ ตื่นขึ้นมาอีกทีจากกลางคืนกลายเป็นตอนเช้า ทัศนียภาพสวยงามมากๆเลยครับ ข้างนึงเป็นภูเขา อีกข้างเป็นทะเล แต่ตอนนี้ผมนั่งด้านภูเขาก็เลยถ่ายมาให้ดู แต่รับรองขากลับผมต้องนั่งฝั่งทะเลให้ได้..


นี่เป็นสถานีรถไฟของเมืองนี้ครับ บรรยากาศดีมากๆครับอยู่ติดภูเขาเลย


นี่เป็นอาหารมื้อแรกของผมที่นี่เลยครับ (เอามาให้ยั่วน้ำลายเล่น)


จะเห็นว่าทั่วทั้งเมืองนี้จะมีปฎิมากรรมพวกหินอ่อน วางอยู่รอบๆเมืองครับ...ที่นี่สินค้าที่ขึ้นชื่อคือพวกหินอ่อน หินอัญมณีครับ เป็นแหล่งใหญ่มากในไต้หวัน


บอกอีกครั้งครับว่าเมืองนี้สวยมากๆ นี่เป็นสีสันของดอกทิวลิปที่เมืองนี้


เดินมาหน่อยก็เป็นทะเลครับ ลมเย็นสบายดี


นี่เป็นวิวของชายฝั่งที่นี่ครับ (บ้านเราสวยกว่าเยอะ)


ลมเย็นแล้วครับผมเลยต้องเอาเสื้อมาใส่..ดูยังไงทะเลบ้านเราก็สวยกว่า


ที่นี่มีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ริมทะเลด้วยครับ เห็นทีต้องไปกราบไหว้ขอพรแล้วล่ะครับ


สาธุ ขอให้ทริปนี้ ลูกช้างเดินทางอย่างปลอดภัยด้วยเถิ้ด..สาธุ..


ได้พรแล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อ...


นี่เป็นรูปปั้นของคนพื้นเมืองดั้งเดิมของที่นี่ครับ


โคลสอั้พใกล้ๆ...


บรรยากาศยามเย็นในช่วงตรุษจีน เงียบเหงาจริงๆครับ


ตอกย้ำความเหงา


เงียบๆนี่แหละ..ผมชอบ ผมนั่งเล่นจนถึงมืดเลยครับ..


มีศิลปะทำจากหินอ่อนมาให้ดูครับ รูปทรงมันสวยดี


นี่เป็นสวนของที่นี่ กลางคืนมีไฟประดับด้วย สวยดี


ถนนยามค่ำคืน สังเกตเห็นอุณหภูมิคืนนี้ 21 องศา เมืองเงียบๆแบบนี่ค่อนข้างเปลี่ยว


สภาพห้องพักของผมครับ ที่นี่มีคนแนะนำมาบอกว่าปลอดภัยดีและราคาถูก.. สภาพเหมือนหอพักของนักเรียน ห้องนึงอยู่กันแปดคน แต่คืนนี้มีผมอยู่คนเดียวครับ..เสียวๆเหมือนกัน


นี่ครับสัมภาระของผม ที่ขาดไม่ได้คือเจ้านี่ครับ "Lonely planet"


นี่อีกฝั่งนึงของห้องครับ มีทีวีด้วย คืนนี้ผมเปิดทีวีและเปิดไฟนอนคับ...กัว..ง่ะ


นี่เช้าของอีกวันแล้วครับ กำลังจะเดินทางต่อ..นี่เป็นหอพักเมื่อคืนที่ผมนอนครับ หอใหญ่มากๆแต่มีคนนอนอยู่ห้องเดียวเองซึ่งก็คือกระพ้มเอง...


เมืองนี้เป็นเมืองที่ตั้งอยู่หลังเขาครับ ด้านนึงเป็นภูเขา ด้านนึงเป็นทะเล บรรยากาศตอนเช้าอากาศดีมากๆ สังเกตจะเห็นเมืองอยู่ในหุบเขา คล้ายๆแม่ฮ่องสอนบ้านเราเลย


ถนนตอนเช้าก็เงียบครับ


ที่ๆผมนัดทัวร์จะไปเที่ยววันนี้อยู่ตรงสถานีรถไฟครับ


นี่เป็นอนุสาวรีย์หน้าสถานีรถไฟ แต่ผมไม่ทราบว่าใคร พยายามหาป้ายบอกแต่ก็ไม่เจอ ก็เลยถ่ายมาจะไปถามเพื่อนดูอีกทีครับ


เราก็เริ่มออกเดินทางกันครับ


สภาพภายในรถที่จะพาผมไปเที่ยววันนี้


แต่น แตน แต๊น...นี่เป็นเส้นทางที่จะนำท่านทั้งหลายสู่ Tarogo Gorge ขอรับ... สองข้างทางเป็นต้นไม้ ป่าเขียวขจี


ถึงแล้วครับ นี่เป็นประตูทางเข้าครับ แวะถ่ายก่อนเลย..


พยายามหาป้าย เพื่อจะถ่ายรูปกับป้าย แต่ไม่เจอ(กลัวไม่รู้ว่ามา) เห็นแต่ป้ายนี่แหละครับตอนนั่งรถผ่าน


ที่นี่กว่าจะก่อสร้างทางเสร็จ ไกด์บอกว่าใช้ระยะเวลานานมากๆ คนงานหลายร้อยต้องสังเวยชีวิตที่นี่ ดูๆก็ลำบากจริงๆเพราะที่นี่เวลาเขาสร้างทาง เขาจะขุดทะลุเขาไปเลยครับ...


จุดชมวิวที่แรกที่เห็นครับ แรกๆเห็นก็ตะลึงครับ สวยมากๆ.. คุ้มกับที่มา


จะเห็นเป็นรูปปั้นของสิงห์ตลอดทางครับ เชื่อไหมครับ แต่ละตัวจะมีท่าทางที่ไม่ซ้ำกันเลย...ไกด์บอกว่าขอย้ำ ไม่ซ้ำกันจริงๆ ... ผมสังเกตแล้วไม่ซ้ำกันจริงๆครับ บางตัวยิ้ม บางตัวหลับตา บางตัวยกขา บางตัวยืน บางตัวนั่ง สารพัดอิริยาบถเลยครับ...แสดงว่าเขาปั้นกันเป็นตัวๆเลยครับ..น่ายกย่อง




ไกด์ขัพรถพาไปชมความงามเรื่อยๆครับ จุดนี้สวยมากเลยครับ ลองดู




บริเวณนี้เขาบอกว่าเป็นหุบเขากินคนครับ...เจี๋ยว


อีกมุมนึงครับของที่นี่ ลำธารไหลคดเคี้ยว..


ตอนนี้ถึงจุดที่เราต้องเดินชมแล้วครับ ไกด์บอกว่ารถจะไปรับอีกจุดนึง ให้เราเดินไปเรื่อยๆ เห็นป้ายก็เจี๋ยวอีกแล้วครับ เตือนให้ระวังก้อนหินหล่นใส่หัวครับ เดินไปก็ต้องระวังด้วย..


อีกมุมหนึ่งของจุดที่สวยจุดนึงของที่นี่ครับ


สงสัยมั๊ยครับ ว่าน้ำทำไมมันถึงมีแรงมหาศาลสามารถเจาะหินแข็งๆให้หลีกทางมันได้...


น้ำที่นี่น่าลงไปเล่นนะครับ... ถ้าเป็นเมืองไทย คงจะเห็นปูเสื่อกันจกข้าวเหนียวส้มตำ ไก่ย่างริมตลิ่งแล้ว(ฮา)


สังเกตเห็นถนนเจาะผ่านภูเขาให้เราไปชมได้ทุกที่...


ผมว่ากว่าจะเจาะเขาได้คงไม่ใช่ง่ายๆ หนึ่งในวิธีที่ง่ายน่าจะเป็นการระเบิดเขา..


อ๋อ.. ผมได้คำตอบแล้วครับว่าทำไมสินค้าหลักของที่นี่คือพวกหินและอัญมณี...ก็เพราะจากการถลุงภูเขานี่เอง..


จริงๆธรรมชาติก็สวยอยู่นะ แต่ทำไมต้องทำลายมันเพื่อให้ได้เข้าไปชมด้วย..


ตอนแรกกะว่าจะซื้อพวกหินกลับไปซะหน่อย ดูไปดูมาก็เกิดคิดได้ว่า...อย่าสนับสนุนเลย


ถ้าเรายิ่งซื้อ พวกนี้ก็ยิ่งจะถลุงธรรมชาติออกมาขาย


รู้สึกจะหัวรุนแรงไปหน่อย.....พอเถอะ


นี่เป็นตาน้ำครับ จะเห็นว่าน้ำไหลออกมาจากที่นี่




ตอนนี้เดินมากแต่ก็ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เพราะวิวสวยมากอากาศก็เย็นสบาย...


เดินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อเลยครับ


นี่เป็นที่พักประจำทางครับ จะมีคนมาพักเหนื่อยที่นี่


เห็นเจ้าสิงห์อีกแล้ว


มีสะพานเดินเล่นให้หวาดเจี๋ยวด้วยครับ


ศาลาพักเหนื่อย


ยานพาหนะคู่กายของผมในวันนี้


นี่เป็นโรงแรมระดับห้าดาว ที่มาสร้างที่นี่ เสียดายไม่รู้มาก่อน ถ้ารู้จะมาอาศัยนอนซึมซับบรรยากาศดีๆสักคืนนึง ไกด์บอกว่าโรงแรมนี้เป็นที่ที่คู่รักมักจะใช้เป็นที่ฮันนีมูน


คู่หูของผม หลังจากทริปนี้ก็กลายเป็นเพื่อนกันเลยครับ อายุเท่ากันด้วย..


นี่เป็นศาลที่สร้างให้กับคนงานที่สังเวยชีวิตไว้ที่นี่..


เราก็เดินมาใกล้ๆศาลมาไหว้ขอพร


หน้าศาลครับ


ฉากสุดท้ายของที่นี่ก่อนกลับครับ...


แน่นอน ตามธรรมเนียม ทัวร์จะต้องพาลูกทัวร์มาซื้อของที่ระลึก ของฝาก แต่บอกแล้ว..ผมไม่ค่อยอยากสนับสนุนเท่าไหร่ ..หินก้อนยักษ์นี่ชื่อว่าหินโรสซึ่งขึ้นชื่อมากของที่นี่ สรรพคุณคือจะทำให้คนที่ครอบครองอยู่สมหวังในความรัก หรือถ้ามีแล้วจะทำให้คนรักเข้าใจกันมากขึ้น โกรธกันก็จะคืนดีกัน และปรับสภาพจิตใจของผู้ครอบครองมีจิตใจที่ดีงาม.. นี่คือสรรพคุณของมัน หินแต่ละชนิดจะมีคลื่นที่แผ่ออกมาจากตัวหินซึ่งไม่เหมือนกัน ซึ่งจะปรับพลังงานในแง่บวกของผู้ใส่และชำระล้างพลังงานในแง่ลบออกไป... หินชนิดนี้หายากที่เมืองไทย ถึงแม้จะหาได้ก็ราคาแพง..


นี่เป็นขากลับ เมืองเขาน่าอยู่จริงๆครับ เห็นเขาและหมอกตลอดวันเลย


ขับผ่านสนามบินด้วย ถ้าจำไม่ผิด นี่เป็นเครื่องบิน F16 หลายลำอยู่นะเนี่ย..


พอถึง นี่เป็นรถเก๋งของคู่ซี๊ของผมจากทัวร์ด้วยกัน


เขาดีมากๆเลยครับ เขาพาผมขับรถตระเวนเที่ยวรอบเมือง แถมยังเลี้ยงอาหาร ผมอีก...


อาหารน่ากินมั๊ย


พอเสร็จเขาก็ขับรถมาส่งผมขึ้นรถไฟกลับ อีกคนเป็นเพื่อนของเขา.. ก่อนจากกันก็แลกเบอร์และอีเมลล์ติดต่อ บอกว่าถ้ามาเมืองนี้อีกให้ติดต่อเขาได้ เขาจะพาผมเที่ยวอีก..


พอจะมีเวลาเหลือ ผมก็เดินเล่นแถวๆนั้น จะเห็นว่ามีร้านให้เช่ามอเตอร์ไซด์เที่ยวเยอะมาก เมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สถานที่แต่ละที่ไกลกันมากต้องใช้รถขับ..




และตามธรรมเนียม ผมก็เข้าร้านซื้อของฝากไปฝากอาจารย์และเพื่อนๆที่เมือง ส่วนใหญ่หนีไม่พ้นขนมของกิน..


นี่เป็นรูปสัญลักษณ์หมายถึงคนพื้นเมืองของที่นี่ เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้


เมืองนี้ถ้าจะเที่ยวให้หมดต้องใช้เวลาหลายวัน ที่นี่มีปลาโลมาให้ดูด้วย มีสวนน้ำใหญ่เขาใช้ชื่อว่า โอเชี่ยนเวิร์ล หรือนั่งเรือออกไปดูโลมาในทะเลก็ได้ แต่ผมเวลาน้อยก็เลยไม่ได้ไป เอาไว้โอกาสหน้าจะมาใหม่เน้อ..




เป็นรูปที่สถานีรถไฟที่นี่ติดไว้ นี่เป็นรูปของชายฝั่งเมืองนี้ สวยมั่กๆ


นี่เป็นเวลาตามป้ายรถไฟขบวนที่ผมจะออก


ในป้ายบอกอย่างนี้ แต่ผมคงต้องบอกว่า See you again..Tarogo


รูปที่เขาจัดที่สถานีรถไฟสวยดีก็เลยถ่ายไว้...


นี่เป็นรูปของชนพื้นเมืองของที่นี่ มีให้ชมกันด้วยเป็นการแสดง แต่ผมไม่มีเวลาได้ดูอีกแล้ว..






เป็นบรรยากาศของข้างทางรถไฟ ขากลับเนี่ย ผมได้นั่งฝั่งทะเล บรรยากาศดีได้นั่งชมชายฝั่งไปเรื่อยๆจนหลับเพราะเหนื่อยเลย.....

ขอขอบคุณครับที่ติดตามรับชมมาโดยตลอด




 

Create Date : 30 มกราคม 2549
5 comments
Last Update : 30 มกราคม 2549 23:37:30 น.
Counter : 1274 Pageviews.

 

รูปสวยๆเยอะแยะเลยนะจ้ะ กะจะให้คนอย่างเจ้อิจฉาหรือเปล่า เจ้ละทำแต่แลปอยู่ทางนี้ เซ๊งเซง

 

โดย: เจ้ IP: 202.28.169.165 31 มกราคม 2549 18:40:10 น.  

 

ดูภาพแล้วก้อให้นึกอิจฉา ไว้กลับมาจัดทัวร์ไปไต้หวันกันดีกว่า มีท็อปเป็นหัวหน้าทัวร์

 

โดย: Kung jaa IP: 58.8.113.141 2 กุมภาพันธ์ 2549 22:10:51 น.  

 

ทำไมไม่เขียนถึงพ่อบ้าง อิจฉารู้ป่าว

 

โดย: ปาป๊า IP: 203.113.71.107 2 กุมภาพันธ์ 2549 22:43:41 น.  

 

ปาป๊า..อย่างอนไปเลยนะคร๊าบ..โอ๋ๆๆ... ลูกท็อปขอแก้ตัวใหม่นะครับ ตอนนี้ได้เขียนถึงพ่อแล้วใน diary ฉบับล่าสุด ลองเข้าไปดูนะครับผม... ต่อไปลูกจะเขียนถึงพ่อแล้วคร๊าบ...

 

โดย: Baffle 9 กุมภาพันธ์ 2549 11:32:49 น.  

 

น่าสนุกนะค่ะ แต่ว่า ติดต่อ รถทัวที่ไหนค่ะ แนนแพลนไว้ว่า จะนั่งรถไฟ ธรรมดา จาก taipei ไป Hualian หลังจากนั้นก็ งง แล้ว ไม่รู้ ยังไงต่อ ที่ taroko น่าสนใจมากมั้ยค่ะ
แนน กะว่า จะ ไป เช้า เย็นกลับ นะค่ะ เพราะ เท่าที่ดู ไม่น่าจะทีอะไรมาก ช่ายมั้ยค่ะ

 

โดย: แนน IP: 123.123.123.29, 203.150.200.66 14 กันยายน 2552 12:56:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Baffle
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Baffle's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.