จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส





Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2556
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
27 มิถุนายน 2556
 
All Blogs
 
เวียงนาคินทร์ ตอนที่ 51

ตอนที่ 51


                 แม้เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงแต่เคียงฟ้ารู้สึกยาวนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ เมื่อวิมุตติมาส่งหล่อนกลับถึงบ้านตอนค่ำของวันนั้น ท่าทางหญิงสาวเซื่องซึมจนมารดาต้องตวัดสายตาไปยังอาจารย์หนุ่มผู้เป็นคนมาส่ง


                “แม่คะ ฟ้าเพลียขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ” หล่อนไม่เปิดโอกาสให้มารดาซักถามใดๆ กล่าวจบก็หันมาไหว้ขอบคุณวิมุตติแล้วเดินขึ้นชั้นสองของบ้านไปทันที จนมารดาหล่อนต้องเป็นฝ่ายรั้งอาจารย์ของบุตรสาวเอาไว้เสียเอง


                “วันนี้เคียงฟ้าไปคุยกับเจ้าภูวิษะที่บ้านผมน่ะครับ ต้องขออภัยที่ไม่แจ้งล่วงหน้า ไม่คิดว่าจะนานนัก” ยุพาพักตร์เบิกตาค้างนี่เป็นอีกครั้งที่ได้ยินชื่อเจ้าภูวิษะชายผู้ยโสคนนั้น


                “ค่ะ แล้วได้ความว่ายังไงบ้างคะ ทำไมแกถึงได้...” หล่อนเหลียวไปทางที่บุตรสาวเพิ่งขึ้นบ้านไป


                “ท่าทางเราคงต้องคุยกันยาวนะคะ อาจารย์นั่งก่อนเถอะค่ะ” หล่อนเชื้อเชิญแกมบังคับ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี


                 ในขณะที่เคียงฟ้าเก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง เมื่อมองจากหน้าต่างเห็นว่ารถของผู้เป็นอาจารย์ขับออกจากบ้านไปแล้ว อีกไม่นานมารดาต้องเข้ามาพูดคุยแน่ แต่หญิงสาวยังไม่พร้อมจะเล่าเรื่องราวอันเหลือเชื่อให้มารดาฟังในตอนนี้ จึงแสร้งทำเป็นดับไฟนอนหลับไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อยุพาพักตร์ขึ้นมาบนห้องบุตรสาวเห็นดังนั้นจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินกลับไปยังห้องตนเอง แล้วหวังว่าจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอย่างที่อาจารย์หนุ่มบอกหล่อน


                เมื่อเห็นมารดาออกจากห้องไปแล้ว เคียงฟ้าก็ผุดลุกขึ้นมานั่ง หล่อนนอนไม่หลับจึงได้แต่เปิดโคมไฟที่หัวเตียง แล้วนำเอาเพชรพญานาค...น้ำตาของเจ้าภูวิษะออกมาดู ลูกแก้วดวงนั้นยังคงกระจ่างใสและวาววับทอประกายงดงามเหมือนเช่นตอนที่ได้รับมันมา


                “ใจของคุณ ใสเหมือนกับเพชรเม็ดนี้ใช่ไหมคะเจ้าภู” หล่อนพึมพัมออกมาเบาๆ ในใจเฝ้าคำนึงเจ้าของน้ำหยดนี้


                 “ฟ้าอยากพบคุณอีก เราจะได้พบกันอีกไหมคะ?” หล่อนถามคำถามไปมากมาย แต่ไม่มีคำตอบใดกลับมา จึงได้แต่ทอดถอนหายใจ แต่จู่ๆ โคมไฟบนตัวเตียงก็ดับลงอย่างไร้สาเหตุ หญิงสาวกำเพชรพญานาคไว้ในมือแน่นราวกับกลัวมันหล่นหาย ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นไปควานหาไฟฉายจากโต๊ะหนังสือ


                 “นางบาป...” เสียงนั้นกระซิบแผ่ว แต่ได้ยินชัดราวกับพูดอยู่ข้างหู เคียงฟ้าขนลุกชันขึ้นมาทันที หล่อนชะงักนิ่งแล้วเหลียวมองไปรอบตัว เมื่อไม่เห็นสิ่งใดก็เดินต่อไปยังโต๊ะหนังสือ


                  คืนนี้ช่างน่าประหลาดนักเมื่อราตรีกาลถูกปกคลุมไปด้วยความมืด มันช่างมืดมิดจนมองไม่เห็นสิ่งใดเลย แม้เพียงแสงริบหรี่จากเสาไฟฟ้าที่ถนนก็ไม่ลอดผ่านเข้ามาในห้องเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับซอยทั้งซอยดับมืดไปพร้อมๆ กัน ความรู้สึกอปกตินี้ทำให้หญิงสาวหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง


                 “นางบาป...คนอย่างเจ้ามันน่ารังเกียจนัก” เสียงเย็นยะเยียบดังขึ้นมาจากความมืด เคียงฟ้าแน่ใจแล้วว่าหล่อนไม่ได้คิดไปเอง จึงได้ยืนตัวแข็งทื่อ


                 “ถึงเขายกโทษให้เจ้าแล้ว อย่าคิดว่าข้าจะให้อภัยเจ้า” ทุกถ้อยทุกคำเน้นเสียงด้วยความเจ็บแค้น แล้วร่างนวลค่อยปรากฏขึ้นมาจากความมืด จนมองเห็นได้ถนัดตา


                 “พี่กุสุมาลย์!!!” หล่อนสะดุ้งจนสะโพกไปกระแทกกับขอบโต๊ะ


                “ใช่...ข้าเอง” วิญญาณสาวงามเดินเข้ามาใกล้ พลางยื่นนิ้วมือเรียวที่เคลือบเล็บด้วยสีแดงดั่งเลือดเข้ามาใกล้ ใกล้จนเกือบจะถึงตัวหล่อนอยู่แล้ว แต่จู่ๆ มือนั้นก็ผงะไปพร้อมกับเสียงกรีดร้อง


                “โอ้ยยย..ย เจ้า...เจ้าถืออะไรอยู่น่ะ?” เคียงฟ้าถึงได้รู้ตัวว่าตนเองกำเพชรพญานาคไว้ในมือ เพชรพญานาคเม็ดเล็กจ้อยได้ประกาศศักดาของมันแล้ว


               “มันคืออะไร? ช่างมีอำนาจนัก” ผีสาวถามด้วยเสียงร้อนรน


               “นะ...นี่ เป็นน้ำตาของเจ้าภู เพชรพญานาค!” หล่อนตอบอย่างขลาดกลัว


              “ทำไม...ก็เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเจ้าแล้ว ทำไมยังให้สิ่งนี้ไว้”


               กุสุมาลย์ส่ายหน้า นางรับรู้ด้วยจิตว่าเจ้านาคราชอโหสิกรรมทั้งปวงให้กับชายาของตนแล้ว แม้จะไม่มีคำขอขมาจากนาง แม้นางจะไม่รู้ว่าได้กระทำสิ่งใดลงไปในอดีตก็ตาม เมื่ออโหสิกรรมแล้วจิตนั้นไม่ต้องการสิ่งใดอีก เพชรพญานาคจึงผ่องใสแวววับและทรงพลานุภาพพิสุทธิ์ยิ่งกว่าเพชรพญานาคสีใด


              “พี่กุสุมาลย์ กลัวเพชรเม็ดนี้หรือคะ?” มือเล็กบางที่กำเพชรพญานาคไว้ แบออกแล้วชูมันไปเบื้องหน้า ยังผลให้ผีสาวถอยกรูดด้วยเกรงอำนาจบารมี


              “อย่าเอามาใกล้ข้า” หล่อนทำท่าจะหนีหาย


              “เดี๋ยวค่ะพี่ อย่าเพิ่งไป” หญิงสาวร้องเรียก พร้อมทั้งกำเพชรพญานาคในมือไว้อย่างเดิม สร้างความประหลาดใจให้วิญญาณสาวงามยิ่งนัก


              “ถะ...ถ้าพี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไร ฟ้าจะเอาเพชรเม็ดนี้ไปเก็บก่อน” คำขอนั้นทำให้เคียงฟ้าตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ยิ่งสว้างความฉงนให้กุสุมาลย์นัก


              “เจ้าต้องการอะไร?”


              “ฟ้าอยากคุยกับพี่ แต่...ฟ้ากลัวพี่” หญิงสาวสารภาพตรงๆ เรียกรอยยิ้มสมเพชจากวิญญาณหญิงงามได้ในทันที

              “ได้สิ....ข้ายังไม่ฆ่าเจ้าตอนนี้” นัยน์ตาของนางเป็นประกายน่ากลัวนัก 


             “สัญญานะคะ ” หล่อนถามเสียงสั่น “ฟ้ายังไปกับพี่ตอนนี้ไม่ได้จริงๆ ยังมีเรื่องต้องทำ...” หล่อนคิดไปถึงเจ้าภูวิษะ และท้ายสุดก็คิดถึงมารดา “อย่างน้อยๆ ก็ขอให้รู้เรื่องทั้งหมดก่อน” ผีสาวไม่ตอบหล่อนจำเป็นด้วยหรือต้องรักษาสัญญากับคนเยี่ยงนาง ยังมิใช่ตอนนี้แต่มิใช่ว่าจะข้ามพ้นคืนนี้ไปได้ ริมฝีปากสีแดงสดคลี่ยิ้มงดงามแต่น่าสะพรึงกลัว


              “ได้สิ...ข้ารับปาก”


               ทีนี้ขอเพียงนางวางเพชรพญานาคเม็ดนั้นลง หรือหลอกให้นางเอาไปทิ้งได้เลยยิ่งดี จากนั้นก็ค่อย...เรื่องนี้เป็นนางผิดเองที่หลงเชื่อ โง่เขลา เหมือนที่กุสุมาลย์ยามยังมีชีวิตอยู่ เคยเชื่อใจนางอย่างไรเล่า มหิตา...ข้าสาบานนางต้องไปรับการตอบแทนอย่างสาสม


              “ฟ้าอยากรู้เรื่องหลังจากที่พี่ตาย...”


              “วางเพชรเม็ดนั้นลงก่อนสิ” เสียงเกลี้ยกล่อมหวานจับใจ เมื่อเห็นเคียงฟ้ามีท่าทางลังเลกุสุมาลย์เกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที


              “ถ้าเจ้าไม่วาง เข้าก็ไม่มีเรื่องอันใดจะพูดกับเจ้าอีกแล้ว” เมื่อเห็นผีสาวทำท่าจะหันหลังกลับ หญิงสาวเจ้าของห้องก็รีบร้องห้ามแล้วหย่อนเพชรพญานาคลงไปในลิ้นชักทันที กุสุมาลย์เห็นดังนั้นก็พึงพอใจ


              “เจ้าอยากจะถามข้าเรื่องอะไร ข้าจะตอบให้” แต่วิญญาณสาวงามเว้นวรรคประโยคที่เหลือไว้ในใจ ว่าจะตอบเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นเป็นอันสิ้นสุดสัญญา


              “พี่รู้ใช่ไหมคะ? เรื่องเมืองล่ม มหิตาทำอะไร?” น้ำเสียงหล่อนคาดคั้นนัก ความอยากรู้บดบังความกลัวไปมาก หล่อนพยายามบังคับให้ตนเองสบตาผีสาว แม้นัยน์ตาแดงฉานคู่นั้นมองอย่างไรก็ไม่ปรารถนาดีกับหล่อนแม้แต่น้อย


             “ตอนนั้นข้าตายไปแล้ว...ควรจะไปถามคนอื่น” วิญญาณหญิงงามยิ้มเยาะ


             “แต่ว่า...” เคียงฟ้าสับสนหล่อนลืมนึกข้อนี้ไป ด้วยเข้าใจว่าคนตายรู้ทุกสิ่ง


             “ข้ารักษาสัญญาแล้วนะ นางบาป” รอยยิ้มของผีสาวเหี้ยมเกรียมขึ้นมาทันที หากเจ้านาคราชสละน้ำตามาเป็นเพชรให้อดีตชายา แปลว่าเขาไม่ประสงค์จะติดตามหล่อนแล้ว คงจะไม่มาขัดขวาง...รวมไปถึงวิทยาธรน่าชังผู้นั้นด้วย เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเคลื่อนกายเข้าประชิดตัวหญิงสาวทันที แต่ก่อนที่จะทันได้กระทำสิ่งใดเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่ประตู


              “ฟ้า...คุยกับใครน่ะ ละเมอหรือเปล่า?” ยุพาพักตร์ไม่พูดเปล่า หล่อนเคาะประตูด้วย


              “ไม่มีอะไรค่ะแม่” หญิงสาวเหลียวไปมองกุสมาลย์นิดหนึ่ง ก่อนจะแง้มประตูเยี่ยมหน้าไปหามารดา


              “หนูฝันร้ายหรือเปล่าลูก?” เสียงถามไถ่ด้วยความห่วงใยนั่น ทำให้ผีสาวสะท้านใจ หญิงนางนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นมารดาของตนเองเช่นกัน หากจะต้องสูญเสียบุตรสาวที่มีอยู่เพียงคนเดียวเป็นครั้งที่สองจะเสียใจเพียงใดนะ


               “ฝันดีนะคะแม่” เมื่อบอกราตรีสวัสดิ์มารดาแล้ว หล่อนก็ปิดประตูมองกลับเข้ามาในห้อง พบว่าโคมไฟทำงานได้ตามปกติ แต่ผีสาวไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว


               “พี่กุสุมาลย์...อยู่ไหนคะ?” ไร้เสียงใดตอบรับ เคียงฟ้าทำได้แค่ถอนหายใจ เมื่อรู้ว่าผีสาวหาได้อยู่ในห้องนี้แล้ว แล้วเธอจะถามเรื่องนี้กับใครกันเล่า



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



                หลังจากสำรวจความเรียบร้อยในห้องนอนบุตรสาวแล้ว ยุพาพักตร์ตั้งใจว่าจะกลับไปนอนแต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น หล่อนก็พบว่าใจตนเองหาความสงบมิได้ เมื่อนอนไม่หลับแล้วจึงตัดสินใจมานั่งสวดมนต์ที่ห้องพระ แล้วจุดธูปอธิษฐานเนิ่นนาน โดยหารู้ไม่ว่ามีใครบางคนก้าวเข้ามาในห้อง ฝีเท้านั้นแผ่วเบานักจนไม่เกิดเสียงขึ้น เนื่องด้วยเป็นเพียงสิ่งไร้รูปไร้ตัวตนมีเพียงจิตวิญญาณเท่านั้น กุสุมาลย์นั่งลงเงียบๆ เว้นระยะห่างจากยุพาพักตร์ไปพอสมควร นัยน์คู่งามนั้นสะท้อนแววตาแสนเศร้ายามที่มองหน้ามารดาในอดีตชาติ


                 “บุญทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้กระทำมานั้น ขอให้ช่วยปักปักรักษาลูกสาวของลูกด้วยเถิด ไม่ว่าแกจะเป็นใครมาก่อน หรือเคยก่อกรรมใดไว้ ขอให้กรรมนั้นได้ทุเลาลง แล้วลูกจะหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร และคอยดูแลน้องฟ้าให้ดีไม่ให้แกให้ก่อกรรมใดๆ เพิ่มในชาตินี้....”


                 “นั่นเป็นความสุขของแม่หรือจ๊ะ? ทำไมถึงไม่ขออย่างอื่น ทำไมถึงไม่ขอพรให้ตัวเองบ้าง” ผีสาวพึมพำออกมา


                 “ลูกมีลูกสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น หากว่าน้องฟ้าเป็นอะไรไป ลูกไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร...” เสียงนั้นคล้ายระบายความในใจกับองค์พระปฏิมาตรงหน้ามากกว่าจะเป็นคำอธิษฐาน แต่ทำให้กุสุมาลย์ต้องน้ำตาไหลริน


                “ลูกรักน้องฟ้ามาก หากว่าแลกชีวิตกันได้ลูกก็อยากแลก ลูกแก่แล้วคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนัก แต่น้องฟ้ายังเด็กนัก ยังมีอนาคตอีกไกล ยังมีเวลาได้ทำบุญผ่อนผันกรรมให้เจ้ากรรมนายเวร ถ้าหากว่าน้องฟ้าเป็นอะไรไปตอนนี้ใจของลูกคงสลายจนไม่อยากจะอยู่ต่อไปเป็นแน่...ลูกไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ไม่อยากให้น้องฟ้าต้องไปต่อเวรต่อกรรมกับใครเขาอีกในชาติภพหน้า หน้าหากเป็นไปได้...ได้โปรดช่วยผ่อนผันกรรมนี้เถิด หากบุญลูกยังมีขอให้พระท่านช่วยดลบันดาลให้สิ่งที่ลูกอธิษฐานเป็นจริงด้วยเถิด...สาธุ” กล่าวจบยุพาพักตร์ก็ก้มลงกราบหิ้งพระเบื้องหน้า ทุกสิ่งนั้นอยู่ในสายตาของวิญญาณสาวทั้งสิ้น


                “แม่...อย่าขอแบบนี้เลย ได้โปรดตัดใจจากนางเด็กนั่นเถิด แค่เพียงชาตินี้เท่านั้น...ลูกให้สัญญาต่อไปลูกจะไม่จองเวรมันอีกแล้ว ขอเพียงชาตินี้ที่ได้มีโอกาสพบเจอ...”


                 เสียงของนางงามไม่น่าไปถึงหูของยุพาพักตร์ได้ แต่แล้วกุสุมาลย์ก็ต้องประหลาดใจเมื่อจู่ๆ มารดาของเคียงฟ้า หันหน้ามาทางนาง แล้วยกมือขึ้นพนมราวกับมองเห็นว่าผีสาวนั่งอยู่ตรงนั้น


               “ท่านเจ้าขา...ลูกคงทำได้แค่นี้ เท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ ไม่มีแม่คนไหนทนเสียลูกไปได้หรอก ไม่ว่าลูกนั้นจะดีจะเลวอย่างไรก็รัก ได้โปรดเถิด...ถ้าอยากได้อะไรขอให้มาเข้าฝัน หากไม่เกินกำลังลูกจะหาให้ทุกสิ่ง ขอเพียงเท่านี้”


               “แม่! แม่มองเห็นข้าด้วยหรือจ๊ะ?” กุสุมาลย์คลี่ยิ้มออกมาด้วยความยินดี แต่ครู่เดียวเท่านั้นก็ต้องหุบยิ้ม เมื่อยุพาพักตร์ลุกขึ้น แล้วเดินทะลุผ่านตัวหล่อนออกไปจากห้อง ที่แท้มารดาของเคียงฟ้าเพียงแค่บอกกล่าวกับสิ่งรอบตัวเท่านั้น


                หญิงวัยกลางคนเดินจากไปแล้วทิ้งให้วิญญาณสาวงามนั่งเศร้าสร้อยอยู่เพียงผู้เดียวเท่านั้น หล่อนยังวนเวียนอยู่ในบ้านจนกระทั่งใกล้รุ่ง ยุพาพักตร์ตื่นขึ้นมาและไปง่วนอยู่ในครัวจัดเตรียมหุงหาอาหารใส่บาตร กุสุมาลย์เดินตามไปมองดูมารดาในอดีตชาติใจอยากช่วยหยิบจับจัดอาหาร แต่ติดขัดที่หล่อนเป็นเพียงวิญญาณไม่อาจแตะต้องสิ่งใดได้


              “วันนี้มีน้ำพริกอ่อง ผักสด อีกเดี๋ยวข้าวเหนียวก็สุกแล้ว หวังว่าคงชอบนะคะ” ยุพาพักตร์พึมพัมอยู่คนเดียว แต่มีรอยยิ้มละไมเมื่อคิดถึงสิ่งที่จะตักบาตรไปให้เจ้ากรรมนายเวรของบุตรสาว


              “ชอบจ้ะ” กุสุมาลย์ตอบเบาๆ “ข้าชอบผักสด”


              “ผักจะสดน้อยไปหรือเปล่า เดี๋ยวลวกถั่วฝักยาวเพิ่มอีกหน่อยดีกว่า” ยุพาพักตร์พึมพำแล้วจัดแจงลวกถั่วฝักยาวเพิ่มเติม แล้วจับหั่นเป็นท่อนๆ ก่อนจะนำมาม้วนอย่างสวยงาม ทำเอาผีสาวยิ้มกว้างด้วยความยินดี ราวกับว่าอดีตมารดาได้ยินเสียงของนาง


              “ของคาวใกล้เสร็จแล้ว ทีนี้ของหวานสาคูเปียกมะพร้าวอ่อนใส่ถั่วดำ”


               เนื่องจากไม่มีเวลามากนักยุพาพักตร์จึงเลือกขนมที่ทำได้เร็ว ถ้าหากเคียงฟ้ารู้เข้าก็คงแนะนำให้มารดาไปซื้อหาเอาจะง่ายกว่า แต่หล่อนชอบใส่อาหารตักบาตรที่ทำด้วยมือตนเองมากกว่า เพราะมันแสดงถึงความตั้งใจของผู้ให้ โดยเฉพาะเจาะจงจะให้เจ้ากรรมนายเวรเช่นนี้ด้วย แม้สิ่งที่ทำได้อาจเพียงน้อยนิดก็ตาม


               เม็ดสาคูถูกนำมาล้างเตรียมต้มลงหม้อ ระหว่างนั้นกะทิและถั่วดำรวมไปถึงมะพร้าวขูดก็ถูกนำออกมาเตรียม กุสุมาลย์มองดูยุพาพักตร์เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว แล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นพระนมกรรณิการ์เป็นต้นแบบของกุลสตรีที่กุสุมาลย์พึงได้รับการอบรม การทำอาหารและขนมต่างๆ ก็ล้วนถูกฝึกสอนมาจากมารดาทั้งสิ้น บางสิ่งก็ได้เรียนร่วมกับมหิตาเทวี ทั้งสามเคยใช้ชีวิตร่วมกันราวกับมารดาและบุตรสาวสองพี่น้อง แต่วันนี้ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงอดีตทั้งสิ้น


             “คุณแม่ทำอะไรอยู่คะ ให้ฟ้าช่วยไหม?” เสียงใสของเคียงฟ้านำมาก่อนตัว หน้านวลแฉล้มยื่นหน้าเข้ามาในครัว


             “ใกล้เสร็จแล้วจ้ะ” คนเป็นแม่บอก หากแต่วิญญาณที่ไม่มีผู้ใดมองเห็นกล่าวค่อนขอดขึ้นมา


             “ข้านึกว่าเจ้าจะนอนจนตะวันโด่ง ค่อยตื่นมาตอนทุกอย่างเสร็จแล้วเสียอีก” พูดแล้วก็สะบัดหน้าใส่ด้วยความไม่พอใจ


             “ทำอะไรมั่งคะนี่ หอมจังเลย”


             “ของคาวมีน้ำพริกอ่องจ้ะ ของหวานเป็นสาคูเปียก หนูช่วยตักน้ำพริกแล้วก็จัดผักใส่ถุงก็แล้วกันนะ” มารดาสั่งพลางหันไปคนขนมในหม้อต่อ


              “แทบจะไร้ประโยชน์...ยังดีไม่ทำตัวเป็นคนพิการ หยิบจับอะไรได้บ้าง” เสียงบ่นอุบอิบดังขึ้นข้างตัว เคียงฟ้าได้ยินแว่วๆ ก็ขมวดคิ้วแล้วเหลียวไปรอบตัวแต่ไม่พบสิ่งใด จึงก้มหน้าก้มตาทำต่อ


              “นี่...มะเขือน่ะ เด็ดขั้วออกเสียด้วยสิ แล้วบากเป็นแฉกไว้พระท่านจะได้ฉันง่าย ไม่ได้เรื่องเลยแม่เคียงฟ้า” ผีสาวตำหนิออกมา เคียงฟ้าทำหน้างงๆ คล้ายหล่อนจะได้ยินแต่ไม่ได้ตอบโต้อะไรออกมา หญิงสาวค่อยจับมะเขือมาปลิดขั้วออก


              “เด็ดขั้วแล้วก็บากให้เป็นกากบาท ท่านจะได้ปริมะเขือง่ายๆ” เสียงนั้นเหมือนตรงเข้าสมอง บุตรสาวของยุพาพักตร์ทำตามคำสั่งโดยดี


              “อ้าว...แม่กำลังจะบอกอยู่เชียวว่าให้ริดขั้วมะเขือ นี่บากให้ด้วยหรือ เดี๋ยวนี้เป็นกุลสตรีจริงลูกแม่”


              “แหม..แม่คะ ก็ไม่ได้ยากนี่คะ พระท่านจะได้ฉันง่ายๆ ด้วย” หล่อนตอบ แต่ผีสาวเหยียดริมฝีปากด้วยความดูแคลน


              “หึ! ก็ขนาดของง่ายๆ ยังต้องรอให้บอก ถ้าไม่บอกให้ทำหล่อนหรือจะทำ คงจับยัดใส่ถุงไปทั้งลูก” เสียงติติงลอยมาแว่วๆ แม้ไม่มีใครได้ยิน แต่กุสุมาลย์กลับรู้สึกราวหล่อนมีส่วนร่วมในการทำครัว อารมณ์ขุ่นมัวจึงผ่อนคลายไปมาก


              “ฟ้าจ๋า...เดี๋ยวเอาสาคูเปียกไปให้อาจารย์เจ้าด้วยนะจ๊ะ เมื่อวานเขาอุตส่าห์มาส่ง” คนเป็นลูกพยักหน้ารับ


              “ตักใส่ถุงแล้วก็อย่าลืม ใส่สลอดลงไปเสียด้วยล่ะ” หญิงงามสั่งพลางนึกไปถึงชายน่าชังของตน


              “จะบ้าเหรอคะ!! เดี๋ยวก็ท้องเสียกันพอดี” แต่อย่างไรก็ไม่ทราบ เคียงฟ้าเกิดได้ยินคำพูดประโยคนั้น หล่อนจึงอุทานขึ้นมา


              “อะไรเหรอลูก?”


              “ก็คุณแม่บอกให้ใส่สลอดลงไป”


              “จะบ้าหรือไง แม่จะสั่งอะไรแบบนั้นได้ นั่นอาจารย์ของลูกนะ”


              “ก็...ก็ เมื่อกี้ฟ้าได้ยินว่า...” หญิงสาวทำหน้าเหรอหรา


              “ถ้ายังไม่ตื่นดีก็ไปล้างหน้าอีกรอบเสีย” ผู้เป็นแม่ถอนหายใจ ในขณะที่วิญญาณหญิงงามหัวเราะชอบใจ


              “ใส่ไปนั่นแหละ ดีแล้ว จะได้เข็ด..ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนัก” เสียงนั้นยังยุยงอยู่ข้างหู ทำเอาเคียงฟ้าสับสนนี่หล่อนท่าจะเพี้ยนหรือไม่คงยังไม่ตื่นดีอย่างที่มารดาว่าเป็นแม่


               “นั่นสิคะ ถ้าขืนวางยาอาจารย์ไป มีหวังโดนปรับให้สอบตกแน่ๆ”


              “อย่าพิเรนทร์เชียวนะยัยฟ้า ไม่แค่โดนปรับตก แม่จะเอาทัพพีเคาะหัวให้ด้วย” ยุพาพักตร์ขยับเข้ามาเอ็ดใกล้ๆ


               ส่วนกุสุมาลย์ที่เป็นต้นเรื่องยืนยิ้มกริ่มอยู่ไม่ห่างกันนัก ไม่อาจสู้ฤทธีวิทยาเทพได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีกายหยาบเป็นมนุษย์ ถ้าโดนสลอดเข้าไปจริงๆ ก็คงต้องท้องเสียแน่ๆ ฤทธิอำนาจหรือจะช่วยได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ขำกับความคิดของตนเอง หารู้ไม่ว่าสองแม่ลูกได้ยินเสียงหัวเราะแว่วหวานนั้นลอยมา จึงได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก


              “พระท่านใกล้จะมาแล้ว รีบเอาของออกไปเถอะ แล้วอย่าทำพิเรนทร์เข้าล่ะ บาปนะ...พี่เจ้าเขาเป็นครูบาอาจารย์ของเรา” มารดากำชับซ้ำอีกครั้ง


              “แม่คะ...ฟ้าจะไปทำอะไรเขาคะ”


              “ก็เมื่อกี้เราพูดอยู่”


              “ฟ้าเปล่านะคะ”


              “อย่าพูดเล่นแบบนี้ไม่ดี เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าเขาจะคิดว่าจริง” บุตรสาวหงอยไปทันตา จะอธิบายอย่างไรมารดาก็คงไม่เชื่อเลยได้แต่รับปากแกนๆ


               แล้วสองแม่ลูกก็พากันเดินออกไปรอที่หน้าบ้านคอยให้พระสงฆ์มารับบิณฑบาตร์ไป โดยมีผีสาวติดตามมาด้วย เมื่อพระท่านผ่านมา ยุพาพักตร์รีบนิมนต์แล้วทั้งสามก็ย่อตัวลงแล้วต่างคนก็ต่างอธิษฐาน พระหนุ่มให้ศีลให้พรตามปกติ ส่วนหลวงพ่อชรานั้นเหลือบมองมายังกุสุมาลย์


              “ดีแล้วโยม...ปล่อยวางนะ ปล่อยวาง ถือไว้มันก็หนัก”


              “อะไรนะคะท่าน?” ยุพาพักตร์เงยหน้าขึ้นถามด้วยความไม่เข้าใจ หากแต่ภิกษุชรานั้นมิได้ตอบมีเพียงแค่รอยยิ้มบางๆ แล้วสวดให้พร


              “อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฒาปะจายิโน, จัตตาโร ธัมมาวัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พลัง"



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++








Create Date : 27 มิถุนายน 2556
Last Update : 27 มิถุนายน 2556 22:48:00 น. 5 comments
Counter : 1958 Pageviews.

 
(^_______^)


โดย: Maru FC IP: 115.87.237.152 วันที่: 28 มิถุนายน 2556 เวลา:9:08:35 น.  

 
เพิ่งเริ่มติดตามอ่านนิยาย ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ สนุกมากค่ะ เข้ามารอทุกวันเลยค่ะ


โดย: หนูมาลี IP: 171.7.31.37 วันที่: 28 มิถุนายน 2556 เวลา:13:32:53 น.  

 
หัวอกแม่ ยิ่งใหญ่เหลือเกิน มาช่วยฟ้าได้ทันเวลาพอดี
แล้วก็ยังไม่รู้ว่าเมืองล่มได้ยังไง


โดย: goldensun IP: 27.55.158.185 วันที่: 30 มิถุนายน 2556 เวลา:21:43:29 น.  

 
อ๊ากกกกกก
อยากอ่านต่อออออออ


โดย: Branchest IP: 49.231.101.164 วันที่: 2 กรกฎาคม 2556 เวลา:21:34:21 น.  

 
Maru FC :

หนูมาลี : ขอบคุณค่ะ งั้นอ่านจนจบเรื่องเลยนะคะ

goldensun : แม่ของเคียงฟ้าเป็นแม่ที่ดีค่ะ บุญของแม่อาจจะช่วยลูกได้

Branchest : กำลังจะอัพตอนใหม่เลยค่ะ






โดย: แก้วกังไส วันที่: 2 กรกฎาคม 2556 เวลา:23:09:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แก้วกังไส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]







ผลงานเขียนที่ผ่านมาค่ะ

รักนี้(แค้น)ต้องชำระ


Amethyst Sonata
เพลงรัก..ลิขิตหัวใจ



บาปปาริชาต

Friends' blogs
[Add แก้วกังไส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.