จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส





Group Blog
 
<<
มีนาคม 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
18 มีนาคม 2556
 
All Blogs
 

เวียงนาคินทร์ ตอนที่ 38


ตอนที่ 38
โฉมงามผู้อาภัพ



                  เมื่อดวงจิตที่เคยกระจ่างใสถูกเมฆดำเข้าครอบคลุมจนมืดสลัว มหิตาเทวีจึงมิอาจหาความสำราญพระทัยใดๆ ได้เลย ดวงฤทัยตกอยู่ในความว้าวุ่นที่แม้แต่องค์เองก็ทอดพระเนตรมิเห็นสาเหตุที่แน่ชัด อุปสรรคใดก็ถูกปัดเป่าจนสลายสิ้นแล้วไฉนจึงไม่สบายพระทัย คล้ายดั่งว่าความสุขนั้นล่องลอยจากพระองค์ไปไกลไม่เหลียวกลับ


                  แน่งน้อยโฉมงามเฝ้าถามตนเองว่าเป็นเพราะเหตุใดกันเล่า พระนางเป็นผู้เพียบพร้อมถึงเพียงนี้ ทั้งรูปโฉมก็ทรงสิริโสภากว่าผู้ใด ฤาจะทรัพย์ศฤงคารก็มั่งมีกว่านางใดในนครา จะถามหาคู่ชู้ชื่นก็ครองสุขอยู่ทุกวี่วัน ด้วยว่าภูวิษะเจ้าพระสวามีผู้ทรงองอาจพิลาสลักษณ์เหนือชายใดในหล้านั้น ทรงรักใคร่พระองค์ดุจดังดวงหฤทัยพระองค์เอง จนหญิงอื่นนั้นพากันชื่นชมและริษยาไปพร้อมเพรียงกัน ชีวามิมีสิ่งใดขาดตกบกพร่องไป แต่ในพระทัยกลับมีความกังวลที่ทรงหวาดกลัวอยู่เป็นนิตย์ ส่งผลให้ทรงเครียดและมีอาการคลื่นเหียนอาเจียนบ่อยๆ


                  "น้ำเพคะ" หัตถ์เรียวยื่นไปรับจอกบรรจุน้ำที่ปทุมมาถวาย หลังดื่มน้ำจนคลายความเหม็นเปรี้ยวในช่องโอษฐ์ลง


                  "เป็นอย่างไรบ้างเพคะ"


                  "ไม่เป็นไรแล้ว ปทุมมาขอบใจเจ้ามาก"


                  อันที่จริงแล้วปทุมมานั้นอายุไล่เลี่ยกับกุสุมาลย์จะอ่อนแก่กันก็ลดหลั่นไม่กี่เดือน แต่มหิตาเทวีมิได้เรียกหาเป็น 'พี่' ดังกุสุมาลย์กับศรีดาราไม่ ทั้งนี้เป็นเพราะนางหนึ่งนั้นนับถือเป็นพี่น้องร่วมพระนมเดียวกัน ส่วนอีกนางก็เป็นสหายสนิทเสน่หาก่อนจะมาเป็นนางกำนัลรับใช้เบื้องพระยุคลบาท นางปทุมมามิได้เคยนึกน้อยใจที่พระนางน้อยหาเรียกหาเป็นพี่เช่นเดียวกับนางกำนัลทั้งสองนางไม่ นางยังคงถวายความรับใช้ใกล้ชิดด้วยใจภักดีเสมอมา แต่มิกล้าอาจเอื้อมถือตนเป็นคนโปรดเช่นเดียวกับสหาย ด้วยนิสัยอันอ่อนโยนและถูกอบรมให้นบนอบผู้สูงศักดิ์กว่านั่นเอง แต่ในวันนี้บางสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในใจทำให้นางเอ่ยปากทูลถาม


                 "พระเทวีเพคะ...หมู่นี้ทรงไม่ค่อยทรงพระสำราญเลย มีสิ่งใดให้กระหม่อมกระทำได้เพื่อพระองค์ได้หรือไม่เพคะ?"

                 "ปทุมมา? ทำไมถามเราเช่นนี้เล่า? เราก็ปรกติสุขดีนี่" ขนงโก่งงามขมวดเข้าหากันด้วยความพิศวง 


                 "เพคะ ทุกอย่างปรกติสุขดีทุกอย่าง เพียงแต่..." กล่าวแล้วนางก็พูดไปมิกล้าเอ่ยต่อ

                 "แต่อันใด?" เมื่อตรัสถามแล้วนางยังก้มหน้านิ่งอยู่จึงต้องตรัสซ้ำ "พูดมาเถิด"

                 "พระเทวีดูมิค่อยสุขสบายนัก สีพระพักตร์ตึงเครียดคล้ายไม่สบายพระทัยเพคะ หากมีสิ่งใดที่หม่อมฉันพอจะทำได้ขอให้ทรงรับสั่งเถิดเพคะ หม่อมฉันยินดีทำเพื่อพระองค์"


                 "ปทุมมา!!!" สุรเสียงปริวิตกยิ่งนักเมื่อทรงได้ยินนางกำนัลทูลความ


                 "เรามิได้มีเรื่องอันใดนี่?"


                  "แต่ว่า...."


                  "เจ้าอยากจะพูดอันใดกันแน่?"


                  "ขออภัยเพคะ หม่อมฉันเพียงแต่...เป็นห่วงพระองค์ เห็นทรงมีสีหน้าคล้ายกลัดกลุ้มสิ่งใดอยู่ อีกทั้งยังทรงประชวรแบบนี้ เหมือนดั่งเป็นไข้ใจเพคะ" ได้สดับดังนั้นมหิตาเทวีก็คลายสีหน้าอันเคร่งเครียดลงบ้าง


                  "ไข้ใจรึ? พูดได้ดี...แต่ข้ามีอันใดต้องกลัดกลุ้ม? ในเมื่อข้าอยู่เหนือหญิงอื่นทุกนาง เสด็จพ่อเสด็จแม่ก็โปรดปรานข้ายิ่งนัก อีกทั้งเสด็จพี่ภูวิษะก็ทรงดีต่อข้าเสมอ..." ถ้อยดำรัสแผ่วลงแล้วตามด้วยเสียงถอนหทัย


                  "นั่นน่ะสิ...แล้วข้ายังกังวลสิ่งใดอยู่อีกเล่า?" พระเทวีผู้ทรงโฉมหาได้สบสายตากับปทุมมาไม่ แต่ทรงเหม่อลอยไปไกลเป็นเวลาเนิ่นนาน


                 "ถ้าเช่นนั้นใช่เป็นเรื่องของกุสุมาลย์หรือไม่เพคะ?" นามนั้นดังคำต้องห้าม มหิตาเทวีหันพักตร์กลับมาทันที แววตาทวีความขมขื่นและอัดอั้นยิ่งนัก


                 "พี่กุสุมาลย์จะมาทำอันใดให้เราทุกข์ใจได้เล่า?" คำตอบนั้นดูห้วนสั้นและแข็งกร้าวจนผู้ฟังใจหาย


                 "เพคะ...นางไม่สามารถทำอันใดให้พระองค์กลัดกลุ้มได้หรอกเพคะ"


                  ทูลจบก็ก้มหน้านิ่งไปมิกล้าเอ่ยวจีใดออกมาอีก ภายในใจของนางได้แต่ขมขื่นแทนสหายจนน้ำตารื้น ชายาแห่งนาคเจ้ามิได้ตรัสถามสิ่งใดอีก เพียงแต่รับสั่งเบาๆ เป็นการตัดบทเท่านั้น


                 "เดี๋ยวเราจะเอนหลังสักครู่ ช่วยจัดตั่งให้ด้วย"


                 "เพคะ หม่อมฉันจะให้แสงมิ่งกับสร้อยผกามาโบกพัดนะเพคะ" พระนางน้อยพยักพระพักตร์รับ แววเนตรนั้นเหนื่อยล้าเลื่อนลอย


                 นางผู้สูงศักดิ์เอนวรกายพักผ่อนกายาได้เพียงแค่กึ่งอึดใจ ที่นอกห้องทรงพระสำราญก็มีเสียงเอะอะมะเทิ่งเป็นการใหญ่ จนไม่อาจบรรทมได้จำต้องลืมเนตรแล้วผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความฉงนพระทัย


                "ใครมาเอะอะเสียงดังแถวนี้?" แต่ยังมิทันได้ตรัสถามจบ ผู้ที่เป็นต้นเสียงก็พาร่างระหงก้าวเข้ามาถึงเบื้องหน้าบานทวารห้องที่ทรงบรรทมอยู่


                "พี่กุสุมาลย์ กลับไปนอนพักเสีย พี่กำลังไม่สบายอยู่นะ" เสียงร้องห้ามนั้นเป็นของนางศรีดารา ซึ่งกำลังยึดเยื้อฉุดตัวกุสุมาลย์อยู่ ทำเอานางกำนัลอื่นๆ พากันมามุงดูด้วยความแตกตื่น


                "กุสุมาลย์?!!"


                ปทุมมาได้ยินเข้าก็รีบผุดลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งถลาไปที่ประตูอย่างลืมกิริยา นางพยายามปิดประตูห้องมิให้โฉมงามผู้อาภัพเข้ามาได้ แต่ด้วยยามนี้จิตใจนางมิได้อยู่กับเนื้อกับตัว กุสุมาลย์ลืมสิ้นกิริยาเหมาะสมเมื่อเข้าเฝ้า นางพุ่งตรงเข้ามาด้วยใบหน้านองน้ำตา สองมือก็ผลักไสคนที่เฝ้าเกาะกุมจนล้มกลิ้งไป


               "อย่ามายุ่งกับข้า!! พระเทวี! พระเทวีเพคะ" นางตวาดใส่ผู้ขวางทางพร้อมทั้งตะโกนเรียกหาผู้เป็นนายไปตลอดทาง จนถึงหน้าห้องพอดีกับที่ปทุมมากำลังงับบานประตูหลีกหนีนาง


              "พระเทวีไม่อยู่ กลับไปเสียกุสุมาลย์อย่าทำอย่างนี้"


               แม้ไม่รู้ว่าสหายรักเป็นอะไรไป แต่ดูสถานการณ์แล้วไม่สู้จะดีนัก ท่าทางนางผู้ลุกล้ำคล้ายคนเสียจริต ซ้ำยังร้องไห้ฟูมฟาย ผู้ใดห้ามปรามก็มิฟัง แล้วยังอาละวาดผลักไสผู้คนจนกระเจิดกระเจิงเช่นนี้อีก ปทุมมาจึงตัดสินใจโป้ปดออกไป


              "อย่ามาโกหกข้า ให้ข้าเข้าไปนะ ข้าจะพบพระเทวี พระเทวีให้หม่อมฉันเข้าเฝ้าด้วยเพคะ" นางงามร่ำไห้พลางทุบประตูบึงบังแข่งกับปทุมมาซึ่งพยายามงับบานประตูลงให้จงได้


              "กุสุมาลย์เจ้ากำลังไม่สบายกลับไปนอนเสีย อย่าทำแบบนี้ไม่งาม เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าเจ้าจะโดนลงโทษเอาได้"


               นางที่อยู่หลังบานประตูพยายามเกลี้ยกล่อม ทั้งที่ใจตนเองก็สลดหดหู่กับภาพตรงหน้าไม่น้อย ดูหนอดู...นางที่เคยโฉมแฉล้มแช่มช้อยงามกระจ่างดังจันทร์โสภี แต่มาบัดนี้ดวงจิตนางดั่งถูกภูติผีเข้าสิงสู่จึงพูดจามิรู้ฟัง ลืมสิ้นกิริยามารยาทอย่างสาวชาววังที่เคยสง่างาม ไม่ว่ามองอย่างไรก็ไม่สมควรให้นางเข้าเฝ้าพระเทวี ปทุมมายิ่งแลเห็นสภาพพระพี่เลี้ยงผู้เคยทรงโฉม ก็ยิ่งสะท้านใจน้ำอุ่นพลันหรั่งรินจากดวงตาสองข้าง


               "กุสุมาลย์ข้าขอร้องเจ้ากลับไปก่อน ข้าจะเรียนพระเทวีให้ว่าเจ้ามาเข้าเฝ้า"


              "ไม่!! ข้าจะเข้าเฝ้าเดี๋ยวนี้ เจ้าให้ข้าเข้าไปนะ พระเทวีเพคะหม่อมฉันเอง กุสุมาลย์เองเพคะ" นางยังตะโกนเสียงดังพร่ำเพรียกเรียกหานางกษัตริย์ที่ถวายใจภักดิ์ให้


              "ไม่ได้! เจ้ากลับไปเถิดข้าขอร้อง อย่าทำเช่นนี้กุสุมาลย์" ปทุมมาสะอื้นไห้เจ็บปวดดวงใจไม่แพ้สหายตน


              "พี่กุสุมาลย์มานี่ๆๆ " เสียงนางศรีดาราดังขึ้นและฉุดกระชากนำพาร่างระหงนั้นออกห่างจากประตูได้ พร้อมๆ กับปทุมมาที่รีบงับบานประตูปิดลงจนสนิททันที


              "ศรีดาราปล่อยข้านะ ข้าจะเข้าเฝ้าพระเทวี ปล่อยข้า!!"


              "พวกเจ้าเข้าไปช่วยศรีดาราจับหน่อยสิ มัวมุงดูอะไรกันอยู่เล่า!!" เสียงคุณท้าวจันทร์หอมสั่งการอยู่ดังแว่วมาให้เข้าหู พอทำให้คนภายในห้องคาดเดาสถานการณ์ได้ไม่ยากเย็นนัก


              "ข้าไม่ไป!! ข้าเข้าจะเข้าเฝ้าพระเทวี!!"


               "พระเทวีไม่ให้เจ้าเข้าเฝ้าดอก อย่าดื้อดึงอีกเลยกุสุมาลย์" น้ำเสียงคุณท้าวชรานั้นแฝงไปด้วยความเจ็บปวดไม่แพ้กัน


               "ข้าจะถามพระเทวี พระเทวีเพคะ ไม่จริงใช่ไหม? ท่านมิได้อยากให้หน้าข้าอัปลักษณ์เช่นนี้ ไม่จริงใช่ไหมเพคะ ? " คำถามนั้นกรีดไปถึงพระทัยแม้ไม่ได้เห็นภาพอันน่าเวทนาของนางได้ถนัดตาก็ตามที ด้วยมีร่างของปทุมมายืนขวางกั้นอยู่


                กุสุมาลย์ยังร่ำร้องดิ้นรนอยู่เบื้องนอกอีกเป็นนานสองนาน กว่าเสียงโหยไห้จะเงียบหายไปก็เกิดความชุลมุนวุ่นวายกันไปทั้งตำหนัก ปทุมมาน้ำตาไหลนองอาบสองแก้ม ใจผู้คนในที่นั้นก็สลดหดหู่ไม่แพ้กัน แม้แต่มหิตาเทวีก็ทรงนั่งนิ่งพระศอแข็งอยู่ภายในห้องมิกล้าขยับองค์ ดวงพักตร์นั้นซีดเผือด มิอาจตรัสอะไรออกมาแม้นสักครึ่งคำ เมื่อครู่ก่อนที่ปทุมมาจะปิดบานทวารลงได้ พระนางทันได้แลเห็นซีกหน้าที่เคยนวลลออกลับมีรอยดำสายหนึ่งฟาดอยู่ แม้เพียงชั่วแว่บเดียวแต่ภาพนั้นติดตรึงในดวงเนตรและสั่นคลอนฤทัยพระองค์ยิ่งนัก


                 "พระเทวี!! ตายแล้ว"


                  มหิตาเทวีได้ยินเสียงของนางกำนัลที่นั่งอยู่ใกล้องค์อุทานออกมา ก่อนทุกอย่างในสายพระเนตรจะมืดมิดลง มโนสติสุดท้ายยังทันได้แลเห็นนางแสงมิ่งตรงเข้าประคองพระวรกาย


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


                  "เกิดอันใดขึ้น? "


                  สุรเสียงทรงอำนาจกังวาลไปทั่วตำหนัก แต่มิมีผู้ใดกล้าตอบคำถาม ทุกผู้คนล้วนแต่หมอบกราบจนหน้าผากจรดพื้น


                  "ข้าถามว่าเกิดอันใดขึ้น ไม่มีใครได้ยินหรือไง?" ภูวิษะเจ้ากวาดสายพระเนตรมองไปยังบริวารทั้งปวง ด้วยความฉุนเฉียว


                 เมื่อแรกที่เสด็จกลับมาถึงกลับไม่มีผู้ใดกุลีกุจอไปรับเสด็จอย่างเคย สิ่งนั้นยังไม่ทำให้ทรงประหลาดใจเท่า ไม่ว่าบนดวงหน้าของผู้ใดก็ล้วนแล้วแต่มีคราบน้ำตาปรากฏอยู่ให้เห็น ความร้อนรุ่มจึงเข้าครอบคลุมพระทัยนาคเจ้า ทรงปริวิตกว่าจะอุบัติเหตุร้ายแรงอันใดขึ้นกับชายาของพระองค์ จึงตรัสตวาดถามซ้ำด้วยสุรเสียงอันดังกึกก้อง


                "ถ้าไม่ตอบข้าจะโบยทั้งตำหนัก"


                 คำขู่นี้ส่งผลให้ผู้คนต่างพากันลนลานกลัวพระอาญา ได้แต่ก้มหน้าตัวสั่นงันงกเข้าไปอีก แต่หามีผู้ใดหาญกล้าจะเป็นผู้ให้ความกระจ่างไม่ จึงขัดข้องหทัยยิ่งนักถึงขั้นกระแทกพระบาท แล้วเดินผ่านนางกำนัลที่ได้แต่หมอบกราบอยู่เข้าสู่ห้องบรรทม


                "มหิตา!! น้องพี่เป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าปลอดภัยดีหรือไม่?" สุรเสียงร้อนรนแสดงความห่วงหาอาทร เรียกสติมหิตาเทวีให้ฟื้นคืนจากความหวาดกลัวขึ้นมาได้


                 "เสด็จพี่..." พระชายาทรงตรัสตอบแผ่วเบา และพยายามประคององค์ให้ลุกขึ้นนั่ง


                 "มหิตาเจ้าเป็นอันใดไป? ป่วยไข้รึเจ็บปวดตรงที่ใด?" เมื่อสดับน้ำคำที่พร่ำเรียกด้วยใจคนึงหา น้ำพระเนตรก็เอ่อซึมออกมา และโผเข้าหาอ้อมพาหาแข็งแกร่งนั้นที


                 "เสด็จพี่" ภูวิษะเจ้าทรงโอบกอดปลอบประโลม ลูบเกษานงคราญเรียกขวัญคืนเรือน


                 "พี่อยู่นี่แล้ว เจ้าเป็นอันใดบอกพี่มาซิ?"


                 "มิได้เพคะ...." ถ้อยดำรัสสะดุดค้างไปด้วยก้อนสะอื้นในพระศอ เนิ่นนานกว่าจะทรงตรัสต่อได้


                 "น้องมิได้เป็นกระไรไป....แต่คนที่เป็น...."


                 "ใจเย็นๆ น้องพี่ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จา ผู้ใดเป็นอะไรไป?" เมื่อทรงทราบว่าพระชายาปลอดภัยไร้เหตุร้ายมากล้ำกราย ก็ทรงเบาพระทัยลงบ้างเล็กน้อย แต่ในพระทัยยังกังวลถึงข่าวร้ายที่กำลังจะทรงทราบในไม่ช้านี้


                "พี่กุสุมาลย์....พี่กุสุมาลย์เพคะ...." ตรัสได้เท่านั้นก็ทรงกรรแสงออกมาอย่างน่าเวทนายิ่งนัก มิอาจเล่าเรื่องบอกความใดต่อได้อีก ปล่อยทิ้งให้เป็นหน้าที่ของปทุมมา


                ข้างฝ่ายบุรุษผู้ทรงศักดิ์เมื่อได้สดับฟังนามนั้นพระทัยก็ไหววูบ ทรงดำริถึงนวลหน้างดงามนั้นทันที ภายในพระทัยนั้นทรงภาวนาว่าอย่าให้เป็นเหตุอันร้ายแรงเลย แต่พระชินเจ้าทรงมิได้ตอบรับคำภาวนานั้น เรื่องราวที่หลุดออกมาจากปากปทุมมาชวนให้สังเวชพระทัยยิ่งนัก


                "ไม่เห็นหน้าค่าตาเพียงไม่กี่วัน นึกไม่ถึงว่านางจะได้รับบาดแผลร้ายแรงถึงเพียงนี้"


                "เพคะ...คงเพราะแพ้น้ำ แพ้ยา บาดแผลจึงลุกลาม" ปทุมมามิได้เล่าตามความจริงที่เกิดขึ้นในวันนี้ เพียงแต่เล่าทูลคร่าวๆ ว่านางโฉมงามนั้น เสียจริตไปด้วยมิอาจทำใจรับรอยแผลบนใบหน้าได้


                "ไม่ต้องเสียใจไปมหิตา เราจะหาหมอที่ดีที่สุดในเมืองมารักษาพี่เลี้ยงของเจ้าให้จงได้ อย่ากังวลใจไปเลยน้องพี่"
ทรงรับปากเป็นมั่นเหมาะ แววพระเนตรมั่นคงฉายแสงมุ่งมั่นมิได้สร้างความมั่นหทัยให้แก่มหิตาเทวี แต่ทรงเข้าพระทัยไปว่า พระสวามีทรงห่วงหานางพี่เลี้ยงโฉมงามของพระองค์นั้นมาก ถึงได้ทรงเสียพระทัยนัก


               "หม่อมฉันผิดเอง...หม่อมฉันไม่ดีเอง พี่กุสุมาลย์ถึงเป็นเช่นนี้ ถ้าหาก...หม่อมฉันใส่ใจดูแลนางเสียหน่อย...เอะใจแต่เนิ่นๆ คงไม่ปล่อยให้บาดแผลลุกลามไปถึงเพียงนี้"


                ถ้อยดำรัสนี้ทรงตรัสจากพระทัยอันแท้จริง หากพระนางทรงเข้มแข็งกว่านี้อีกสักนิด และยอมรับให้กุสุมาลย์มาร่วมเรือนด้วยอีกผู้หนึ่ง เรื่องราวคงไม่ลุกลามถึงเพียงนี้ จึงได้แต่กรรแสงออกมา ในขณะที่ปทุมมาลอบมองพระเทวีด้วยความไม่แน่ใจ แต่แล้วก็หักห้ามใจมิให้นำปมลับดำมืดมาคิดขยายต่อให้ร้ายนายของตน จึงได้แต่ ก้มหน้านิ่งปล่อยให้น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงหล่นลงพื้นห้อง ด้วยความสมเพชเวทนาในชะตากรรมของกุสุมาลย์ หญิงผู้ถูกความงามนำภัยพิบัติมาสู่ตนเอง



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






 

Create Date : 18 มีนาคม 2556
3 comments
Last Update : 19 มีนาคม 2556 0:03:27 น.
Counter : 2107 Pageviews.

 

มหิตาทำกรรมเอาไว้กับกุสุมาลย์ นางถึงใด้ตามอาฆาตทุกชาติทุกภพ เเต่ก็สมนํ้าหน้ามหิตาเเล้วนะ ที่ไม่มีความไว้วางใจในสามีตัวเอง ระเเวงนั่นระเเวงนี่จนเกิดเรื่องร้ายเเรงจนยากหยั่งถึงขึ้น จนเกิดเปฺ็นเวรกรรมที่ติดตามไปทุกชาติทุกภพ

 

โดย: VEE IP: 66.172.205.75 19 มีนาคม 2556 22:23:32 น.  

 

มานอนปูเสื่อรอตอนต่อไปอ่ะคร้าาา

 

โดย: น้ำฝน IP: 115.164.0.25 30 มีนาคม 2556 22:26:16 น.  

 

VEE : ปัญหาบางทีมันก็สางไม่จบในชาติเดียวค่ะ

น้ำฝน : จะทยอยเอามาลงให้ทันที่ลงในพันทิปนะคะ

 

โดย: แก้วกังไส 5 เมษายน 2556 16:49:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แก้วกังไส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]







ผลงานเขียนที่ผ่านมาค่ะ

รักนี้(แค้น)ต้องชำระ


Amethyst Sonata
เพลงรัก..ลิขิตหัวใจ



บาปปาริชาต

Friends' blogs
[Add แก้วกังไส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.