Bloggang.com : แก้วกังไส : พ่อค้า ขุนนาง โจรสลัด By ภาสกร วงศ์ตาวัน

พ่อค้า ขุนนาง โจรสลัด By ภาสกร วงศ์ตาวัน

พ่อค้า ขุนนาง โจรสลัด
ทั้งค้าทั้งปล้นบนแผ่นดินสยาม
โดย ภาสกร วงศ์ตาวัน

ตอนแรก...เจ้าแก้วติดใจคำว่าโจรสลัด แบบว่าตอนซื้อมา
เพิ่งดูปืนใหญ่จอมสลัด แต่พอเอามาอ่านจริงๆ เรื่องของโจรสลัด
เป็นสัดส่วนที่มีอยู่แค่ช่วงท้ายๆ เล่มเท่านั้น และ...โจรคือโจร
วันยังค่ำ ไม่ใช่โจรสลัดหลวงอย่างของยุโรป ที่ปล้นเพื่อชาติ
เลยผิดคาดไปหน่อย

พ่อค้า-ขุนนาง-โจรสลัด นี้ ถือเป็นหนังสือเชิงประวัติศาสตร์
เล่มที่ 3 จากชุดเรื่องเล่าครั้งกรุงเก่า ที่มีด้วยกัน 3 เล่ม
เล่มแรกคือ "อาณาจักรที่สาปสูญ" เล่มที่สองคือ "ยึดบ้าน
ครองเมือง สร้างขื่อแปรในจารึกสยาม" (แอบคิดว่าแต่ละเล่มนี่
ชื่อยาวจัง ) แต่ไม่จำเป็นต้องอ่านต่อกัน จะเริ่มจากเล่มไหน
ก็รู้เรื่องค่ะ(เนื่องจากมันเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ไม่ใช่นิยาย)

ในเล่มนี้เน้นเรื่องของการค้าขายสมัยอยุธยา ตั้งแต่ยุคสมเด็จ
พระนเรศวรมหาราชไปจนถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
การค้าขายในช่วงหลังสงครามที่บ้านเมืองสงบลงแล้ว ก็คึกคัก
เป็นอันมาก เศรษฐกิจเริ่มฟื้นฟูจนกลายเป็นเฟื่องฟูสุดๆ ทำให้
พ่อค้า จากต่างประเทศเข้ามาทำการค้ากับอยุธยามากมาย
หลายชาติ เช่น โปรตุเกส ฮอลันดา ญี่ปุ่น จีน กระทั่งชาวอาหรับ
ก็ยังหลั่งไหลมาที่นี่

ค้าขายอาจเป็นประเด็นหลัก แต่จริงๆ แล้วแฝงไว้ด้วยเรื่อง
การเมืองและการทูตอีกด้วย ทำให้พ่อค้าหลายคนเข้ารับราชการ
ในราชสำนัก แล้วพ่อค้าที่กลายเป็นขุนนางก็กลายเป็นคนที่หนุน
ขั้วอำนาจในการชิงราชบัลลังก์ของอยุธยาอีกหลายครั้งหลายหน

จากพ่อค้า สู่ขุนนาง และบางทีก็อยู่เบื้องหลังโจรสลัด หรืออาจเป็น
พ่อค้าเมื่ออยู่ในที่สว่างและเป็นโจรสลัดเมื่ออยู่ในมุมมืด ซึ่งในส่วน
ของโจรสลัดแน่นอนต้องอยู่ในทะเลด้วยค่ะ เนื้อหาจึงโฟกัสจาก
ราชสำนักแห่งอยุธยาไปที่เมืองท่า อันเป็นเมืองขึ้นของอยุธยาในยุคนั้น
คือ นครศรีธรรมราช และ ปัตตานี

ครั้งหนึ่งปัตตานีเคยเป็นประเทศที่มีความรุ่งเรือง นักเดินทางชาวยุโรป
บางคนบันทึกไว้ว่าปัตตานีเคยเจริญมากเสียยิ่งกว่าอยุธยา แต่ช่วงท้าย
ปัตตานีเสื่อมสลายไปด้วยปัญหาการเมืองภายในประเทศ ความอ่อนแอ
นี้เองที่ทำให้รัฐปัตตานีต้องกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย
ในทุกวันนี้

หนังสือเล่มนี้อาจจะดูเนื้อหามาก แต่ว่าเป็นโดยย่อหรือเล่าแบบ
คร่าวๆ ให้เห็นภาพง่ายขึ้น เพราะด้วยจำนวนหน้าแล้วไม่หนานัก
หากต้องการอ่านเจาะลึกลงไปกว่านี้คงต้องหาเล่มอื่นๆ มาประกอบ
ด้วยค่ะ สำนวนของผู้เขียนในการเล่มก็ไม่น่าเบื่อหน่ายเหมือนอ่าน
หนังสือเรียน หรือวิชาการหนักๆ อ่านเพลินๆ แป๊บเดียวก็จบค่ะ

Create Date : 19 มกราคม 2553

Last Update : 19 มกราคม 2553 22:06:41 น.

1 comments

Counter : 1035 Pageviews.

น่าอ่านจังเลยละ

โดย: บุษยมาศ

วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:23:59:00 น.