ผลกระทบจากอุปกรณ์ไฮเทคกับหญิงตั้งครรภ์
lozocaelozocae


ยุคนี้สมัยนี้อุปกรณ์ไฮเทคได้ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อให้ชีวิตประจำวันของเราง่ายขึ้น แม้อุปกรณ์บางอย่างยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลกระทบที่ส่งผลต่อสุขภาพของคนเรา แต่อุปกรณ์บางอย่างก็มีการศึกษาที่ยืนยันถึงผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรง แล้วคุณแม่ตั้งครรภ์ที่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ จะได้รับผลกระทบเหล่านี้หรือไม่ รวมถึงทารกในครรภ์จะได้รับผลกระทบด้วยหรือเปล่า ลองมาดูข้อมูลเหล่านี้


หญิงตั้งครรภ์กับคอมพิวเตอร์

หญิงตั้งครรภ์หลายคนแม้จะตั้งครรภ์แล้วแต่ ก็จำเป็นต้องทำงานนอกบ้าน อยู่ในสำนักงาน และจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ บางครั้งต้องนั่งหน้าจอไม่ต่ำกว่าวันละ 6-8 ชั่วโมง ในต่างประเทศมีการศึกษาพบว่า ผู้ที่ทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ถึงกับช็อกมาแล้ว เนื่องจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่รังสีออกมา หลายคนประสาทตาเสีย ปวดตา ปวดศีรษะ อาเจียน

ทั้งนี้มีงานวิจัยมากกว่า 30 ชิ้น รายงานผลการศึกษาในผู้ใหญ่ที่ทำงานในบริเวณที่มีสนามแม่เหล็กสูง พบว่า มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งหลายชนิด ที่พบบ่อยคือ มะเร็งในเม็ดโลหิต มะเร็งสมอง มะเร็งทรวงอก งานวิจัยบางชิ้นยังระบุด้วยว่าสตรีมีครรภ์ที่ได้รับสนามแม่เหล็กสูงมีผลร้ายต่อครรภ์ในอัตราสูงกว่าที่คาดคิด

นอกจากนั้น รังสีของเครื่องคอมพิวเตอร์ยังมีผลร้ายต่อสุขภาพของผู้หญิงที่นั่งทำงานอยู่หน้าเครื่อง ทุกวัน โดยพบว่าโอกาสตั้งครรภ์จะมีน้อยลง และยังพบเด็กและหญิงมีครรภ์ที่อยู่ใกล้เครื่องคอมพิวเตอร์ คลื่นรังสีจากคอมพิวเตอร์สามารถส่งผลให้เซลล์ที่ควบคุมแคลเซียมของร่างกายทำงานเร็วขึ้น ทำให้ง่ายต่อการเป็นมะเร็ง ส่วนรังสีจากคอมพิวเตอร์และมอนิเตอร์ และ Accessories ต่าง ๆ ก็มีผลให้เด็กในครรภ์ผิดปกติถึงขั้นแท้งหรืออาจคลอดก่อนกำหนดได้

อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกได้รายงานการศึกษาวิจัยทางระบาดวิทยาและการศึกษาในสัตว์ทดลอง หลายๆ ฉบับไม่สามารถอธิบายได้ถึงผลกระทบของรังสีคอมพิวเตอร์ที่มีผลต่อการตั้งครรภ์ ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ แต่ปัญหาความเครียด ความกังวลและท่าทางของการทำงานที่ต้องนั่งเป็นเวลานานๆ อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้

ดังนั้น ถ้าต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ นานๆ ก็ควรพักผ่อนบ้าง หากเกิดความผิดปกติต้องรีบไปพบแพทย์ เช่น อยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานแล้ววิงเวียนศีรษะ เป็นลมง่าย ตามองไม่ชัด เพราะถ้ามีความผิดปกติแพทย์จะได้ช่วยตรวจและให้คำแนะนำได้


หญิงตั้งครรภ์กับไมโครเวฟ

มีรายงานมากมายที่ทำในประเทศเยอรมนี รัสเซีย และสวิตเซอร์แลนด์ พบว่า คลื่นไมโครเวฟทำให้คลื่นสมองลดลง ความยาวของคลื่นสมองสั้นลงจนทำให้สมองเสื่อม ซึ่งถ้าเราสังเกตจะพบว่าบนฉลากขวดนมสำหรับเลี้ยงทารกจะระบุอย่างชัดเจนว่า ห้ามใช้เตาไมโครเวฟต้มน้ำให้เดือด เนื่องจากคลื่นไมโครเวฟจะไปทำลายสารอาหารที่มีประโยชน์เสียหมด

ส่วนการศึกษาของไทยเรา ศ.น.พ.สุรพล อิสรไกรศรี สาขาวิชาโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช พบว่า การสัมผัสหรือเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ภายในบ้านที่มีคลื่นแม่เหล็ก เช่น โทรศัพท์มือถือ เตาอบไมโครเวฟ เครื่องเป่าผม คอมพิวเตอร์ แม้กระทั่งการอาศัยอยู่ใกล้บริเวณที่มีสายไฟฟ้าแรงสูง คนกลุ่มนี้มีโอกาสสูงที่จะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน


หญิงตั้งครรภ์กับโทรศัพท์มือถือ

แม้เราจะใช้โทรศัพท์มือถือกันจนดูเป็นเรื่องปกติ แต่ในต่างประเทศมีรายงานผลทางวิทยาศาสตร์ และผลการวิจัยออกมาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับอันตรายจากการใช้โทรศัพท์มือถือ ซึ่งคลื่นจากโทรศัพท์มือถือ เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สามารถแผ่รังสีออกมาได้เช่นเดียวกับเตาไมโครเวฟ ผลการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า รังสีไมโครเวฟสามารถทำลายเซลล์ประสาทและเซลล์ตัวอ่อนที่อยู่ในครรภ์มารดา ทำให้ เป็นโรคต้อกระจกและเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ของโลหิต ทั้งยังเป็นสาเหตุของความอ่อนแอในระบบภูมิคุ้มกันด้วย

ส่วนหน่วยงานวิจัยเทคโนโลยีของโทรศัพท์ไร้สาย (Wireless Technology Research : WTR) ได้ทำการศึกษาผลข้างเคียงจากการใช้โทรศัพท์มือถือนาน 7 ปี ก่อนจะสรุปผลการรายงานว่า รังสีไมโครเวฟที่แพร่ออกมาจากโทรศัพท์มือถือมีฤทธิ์ทำลายสารพันธุกรรมในเม็ดเลือด แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ช่วงระยะเวลาการใช้งาน ผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือคุยต่อเนื่องกันนาน ๆ มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคเนื้องอกในสมองชนิดที่เรียกว่า “Neuroepithelial Tumors” สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์มือถือนาน ๆ ควรใช้สมอลทอล์ก เพราะคลื่นจะพุ่งเข้าสู่โทรศัพท์เท่านั้น ไม่มาที่ตัวคนเหมือนเอาโทรศัพท์แนบหูไว้


หญิงตั้งครรภ์กับเครื่องถ่ายเอกสาร

เครื่องถ่ายเอกสารเป็นอุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ หญิงตั้งครรภ์ที่ทำงานใน ออฟฟิศ หรือนั่งใกล้กับเครื่องถ่ายเอกสารต้องเพิ่ม ความระมัดระวังในการใช้งานให้มากขึ้น ซึ่งเบื้องต้นพบว่าผลกระทบที่เกิดกับหญิงตั้งครรภ์จะคล้ายกับคนทั่วไป คือ มีอาการระคายเคืองตา จมูก คอ ทำให้หายใจสั้น วิงเวียนและปวดศีรษะ ส่วนคนที่มีโรคระบบทางเดินหายใจอยู่แล้วจะยิ่งทำให้อาการแย่ลง

นอกจากนี้ ผงคาร์บอนในเครื่องถ่ายเอกสารยังมีสารไนโตรไพริน และไตรไนโตรฟูโอรีน (TNF) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง และเป็นสารที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม อาจมีผลทำให้เกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้

จากข้อมูลการศึกษาวิจัยเหล่านี้แม้จะยังไม่มีการรายงานผลกระทบที่แน่นอน 100% แต่หญิงตั้งครรภ์รวมถึงคนทั่วไปควรเพิ่มความระมัดระวังการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ให้มากขึ้น ยิ่งเราป้องกันตัวเองได้มากเท่าไหร่ ผลดีก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น ดีกว่ารอให้ผลกระทบเกิดขึ้นแล้วจึงมาแก้ไขภายหลัง เพราะเมื่อถึงเวลานั้น ทุกอย่างอาจสายเกินไป

ที่มา //www.scimag.info

lozocaelozocae




Create Date : 26 พฤษภาคม 2552
Last Update : 24 มิถุนายน 2552 5:24:36 น.
Counter : 2000 Pageviews.

0 comments

เจ้าแม่แฟชั่น
Location :
  Maldives

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



Group Blog
พฤษภาคม 2552

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
20
21
22
23
25
27
28
29
30
31
 
 
All Blog