|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ประโยชน์จากงาดำ ป้องกันโรคหัวใจ บำรุงผิวและผม
ประโยชน์จากงาดำ ป้องกันโรคหัวใจ บำรุงผิวและผม
งา เป็นพืชที่อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆมากมาย โดยงา จะมี 2 แบบ คือ งาดำ และ งาขาว นอกจากนี้ ยังมีน้ำมันงาที่นำมาใช้ปรุงอาหาร เพราะมีกลิ่นหอมและกรดไขมันที่มีประโยชน์ ทั้งนี้สารอาหารที่มีอยู่ในเมล็ดงาล้วนแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน ที่มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย คือ กรดอะมิโนเมธิโอนีน นอกจากนี้ เรายังสกัดน้ำมันจากงาออกมาได้อีกด้วย ซึ่งน้ำมันที่ได้นั้นเป็นน้ำมันงาที่มีคุณสมบัติเยี่ยม คือ มีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวสูง ทั้งกรดไขมันโอเมก้า 3 กรดไขมันโอเมก้า 6 ที่มีคุณสมบัติช่วยลดคลอเลสเตอรอล จึงช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว ป้องกันโรคหัวใจ ทำให้ระบบหัวใจแข็งแรง นอกจากนี้ ยังมีกรดไขมันไลโนเลอิค ที่ช่วยทำให้ผมดกดำ บำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น
ประโยชน์ของงาดำ
นอกจากนี้ งายังมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ โดยเฉพาะแคลเซียมที่มีมากกว่านมวัวถึง 6 เท่า มีธาตุเหล็ก แมกนีเซียม สังกะสี ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และทองแดง และยังมากด้วยวิตามินบีชนิดต่างๆ ซึ่งดีต่อระบบประสาท ช่วยทำให้นอนหลับ ร่างกายกระฉับกระเฉง พร้อมกันนั้นยังมีสารบำรุงประสาทด้วย และวิตามินอีเป็นตัวแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยต้านมะเร็ง
งายังมีโปรตีนสูง ช่วยเรื่องการขาดโปรตีนได้ มีแคลเซียมและเหล็ก ก็ช่วยเสริมสิ่งสำคัญเหล่านี้ให้กับร่างกายมนุษย์ นอกจากนั้นงายังมีใยอาหารสูง ช่วยหลายเรื่องรวมทั้งอาการท้องผูก ประโยชน์ของงา 1. งา มีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายมาก ( Essential Fattyacid ) ที่เรียกว่ากรดไลโนเลอิค ซึ่งกรดนี้ร่างกายเอาไปสร้างฮอร์โมนชนิดหนึ่งเรียกว่า โฟร์สตาแกลนดินอีวัน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้ - ขยายหลอดเลือด - ช่วยลดความดันเลือด - ป้องกันเกล็ดเลือด ( Platel ) ที่จะเกาะตัวกันเป็นลิ่ม หรือที่เรียกว่าคล็อท ( Clot ) - ยับยั้งการสร้างโคเลสเตอรอลในร่างกาย ฮอร์โมน โฟร์สตาแกลนดินอีวัน จะช่วยยับยั้งไม่ให้สร้างโคเลสเตอรอลมากเกินไป - ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาว ชนิดเรียกว่า ที เซลล์ ( T cell ) ซึ่งเม็ดเลือดขาวชนิดนี้เป็นภูมิคุม้กันโรคตัวสำคัญของร่างกาย
2. งา นอกจากจะมีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายแล้ว ยังมีโปรตีนถึง 20 % โปรตีนของคนเราประกอบด้วยกรดอะมิโนประมาณ 22 ชนิด แต่มีกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายสร้างขึ้นเองไม่ได้ ต้องอาศัยจากการกินอาหารมีอยู่ 9 ชนิด ซึ่งมีอยู่ในถั่วเกือบครบถ้วน จะขาดแต่กรดอะมิโนจำเป็นตัวหนึ่ง ชื่อ เมทไธโอนีน ( AMINO METHIONINE ) ที่มีอยู่น้อยไม่พอเพียงแต่กลับมีมากในเมล็ดงา ดังนั้นถ้ากินถั่วพร้อมกับงาก็จะได้โปรตีนครบถ้วน
3. งา เป็นอาหารที่มีแร่ธาตุมาก คือมีอยู่ 4.1 – 6.5 % ที่สำคัญ คือ ธาตุเหล็กช่วยบำรุงเลือด ธาตุไอโอดีนป้องกันโรคคอพอก ธาตุสังกะสี บำรุงผิวหนัง แคลเซี่ยม และ ฟอสฟอรัส บำรุงกระดูก – ฟัน และทำให้ไม่เป็นตะคิวง่าย ข้อควรระวัง อย่ากินงามากเกินไปเพราะอาจทำให้ท้องร่วงได้ ( กินมากกว่า 4 ช้อนโต๊ะ )
4. งา เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี คือ นอกจากมี บี 1, บี 2, บี อยู่มากแล้วยังมี บี 5 , บี 6 , บี 9 ,ไบโอดิน, โคลิน ,ไอโนนิตอล กรดพาราอะมิโนเบนโซอิค เนื่องจากกลุ่มวิตามินบีช่วยบำรุงประสาท นอกจากนี้งาน ยังมีฤทธิ์ช่วยเสริมความแข็งแข็งของร่างกาย คือ - งายังเป็นอาหารต้านมะเร็งด้วย นักวิทยาสาศตร์บางคนเชื่อว่า สารเซซามอลที่มีอยู่ในงาสามารถป้องกันมะเร็งได้ - งามีวิตามิน อี ซึ่งเป็นอายุวัฒนะ ทำให้ร่างกายสดชื่น ดูหนุ่มสาว และแก่ช้าลง - งามีสารที่ช่วยป้องกันโรคหวัด - งายังมีเลซิติน ที่มีความสำคัญมากต่อความสมบูรณ์ของร่างกาย เพราะเลซิตินเป็นส่วนประกอบไขมันที่สำคัญมากในเซลล์ประสาท สมอง หัวใจ ไต และต่อมไร้ท่อ
ส่วนในเรื่องความงาม งาดำเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อการชะลอความแก่เพิ่มความอ่อนเยาว์ให้กับผิวได้อย่างน่าทึ่ง เพราะมันมีสารอาหารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่เป็นจำนวนมาก แล้วยังช่วยดูแลเรื่องผิวพรรณวิตามินซี ช่วยสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบของชั้นผิวหนังแท้ และวิตามินอีในงาดำยังช่วยซ่อมแซมผิวและยังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิว
Create Date : 07 กันยายน 2555 |
Last Update : 7 กันยายน 2555 15:35:22 น. |
|
0 comments
|
Counter : 11648 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|