หลังจากไปโอนที่ดินมาเรียบร้อยแล้วก็โทรหาหลวงตาให้ดูฤกษ์ลงเสาเอก โดยดูจากวันเกิดเราและคุณแฟน ฤกษ์ที่ดีที่สุดคือวันที่ 9 พฤศจิกายน 2553 เวลา 8:09 น. พร้อมกับบอกของที่ต้องใช้มาด้วย ได้แ่ก่ ต้นกล้วย ต้นอ้อย ผ้าสามสี ใบเงิน ใบทอง ใบนาก ไม้มงคลเก้าอย่าง เหรียญเงิน เหรียญทอง ดอกดาวเรือง ดอกบานไม่รู้โรย ดอกมะลิ ผลไม้เก้าอย่าง (เยอะกว่าที่คิดแฮะ)

ต้องขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่น่ารักไว้ณ ที่นี้ด้วย ที่อาสาจัดเตรียมทุกอย่างให้ อ้อ! อีกคน (คนนี้ลืมไม่ได้) แม่จ๋า ขอบคุณนะคะที่เป็นธุระให้ลูกทุกอย่าง หาทุกอย่างที่ลูกขาด ที่ไม่ขาดก็เตรียมไว้เผื่อคนที่อาสาจะหามาให้แล้วไม่เอามา แม่ยังน่ารักใส่บาตรให้ตอนเช้าแล้วเตือนให้เราบอกพระภูมิหมู่บ้านด้วยว่าขอให้ทุกอย่างราบรื่น หนูมีแม่เป็นเจ้าพิธีก็พอแล้วค่ะ ไม่ได้หาพระหรือพราหมญ์ที่ไหน พระในบ้านนี่แหล่ะยิ่งใหญ่ที่สุด

 พอถึงวันจริงก็ตื่นเต้นจนคืนก่อนไม่ได้นอน ตอนเช้ามาหน้าตาดูไม่ได้ แม่จ๋าเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางประมาณ 5 นาทีก็ถึงที่หมาย ไปถึงก็เจอเจ้าหน้าที่โครงการมาตั้งโต๊ะเตรียมรอไว้แล้ว เราก็แค่เอาผลไม้ไปวาง จุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทาง พอได้เวลาก็ยกเสาเอกขึ้น ลืมเล่าว่าก่อนยกเสาเอกก็ต้องเอาไม้มงคลเก้าอย่างตอกตามแต่ละมุมของหลุมเสาเอก ตามด้วยใบเงิน ใบทอง ใบนาก เหรียญเงิน เหรียญทอง (ใช้เหรียญสองบาทสีเงินกับสีทองอย่างละเก้าเหรียญ) ดอกไม้ทั้งหลาย โรยให้รอบ ๆ ในหลุม แล้วก็เอาผ้าสามสีกับผ้าขาวม้าผูกต้นกล้วบต้นอ้อยให้ติดกับเสาเอก หลังจากเสร็จแล้ว ก็ทำแบบเดียวกันกับเสาโท

 ไม่รู้ว่าพิธีที่ทำถูกต้องตามประเพณีไหม แต่ เราสบายใจที่เราทำตามที่แม่บอก เพราะแม่คือคนที่รักและหวังดีกับเรามากที่สุด แม่จ๋า ลูกรักแม่นะคะ