พฤษภาคม 2556

 
 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
ตอน 2 กลับมาได้ไหม

      เป็นอีกวันที่ผมหยิบเมจิกสีแดงกาทับวันที่บนปฏิทินตั้งโต๊ะ ครบเดือนแล้วที่ไม่มีเธอ ครบเดือนแล้วที่ผมใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังย่อมเพียงลำพัง ตั้งแต่คืนนั้นที่เธอจากไป ผมได้รู้จักกับคำว่า ‘เหงา’ อีกครั้งในชีวิต ผมหย่อนตัวลงนั่งพิงขอบประตู ที่ที่เธอเคยนั่งรอผมอยู่บ่อยๆ วันหยุดอาทิตย์นี้ผมไม่ได้กลับไปหาพ่อแม่เหมือนอย่างเคย เพราะตั้งใจจะทำความสะอาดบ้านรกๆ และซักเสื้อผ้าที่ใส่แล้วถอดยัดตะกร้าจนพูนพะเนิน ไม่มีเนแล้ว ผมต้องรับภาระทุกอย่างในบ้านที่เนเคยทำ หมากับแมวที่เลี้ยงไว้ก็เซื่องซึมผิดหูผิดตา อาหารเม็ดที่เททิ้งไว้ก็ไม่พร่องลงไปเท่าไหร่ มันคงกินอะไรไม่ค่อยลง มันคงคิดถึงเน....เหมือนผม ที่คิดถึงเนสุดหัวใจ

      “กลับมาได้มั้ยเน” ผมรำพึงอยู่กับตัวเอง มองเมฆบนฟ้าที่เปลี่ยนรูปร่างไปมาด้วยใจเหงา แต่ก่อนจะปล่อยใจให้ความปวดร้าวครอบงำโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้ในบ้านก็กรีดร้องเรียกให้ผมรีบลุกรวดเร็วไปกดรับ เพราะหวังว่า ‘เน’ จะโทรมา

      “ทำไมอาทิตย์นี้ไม่กลับบ้านล่ะวิน นี่พ่อกับแม่รออยู่นะ เราจะไปหัวหินกันไม่ใช่เหรอ”
ผมผิดหวังรุนแรงที่ไม่ใช่คนที่ใจเฝ้ารอ ทันทีที่กดรับเสียงแว้ดของแม่ก็ดังจนต้องดึงโทรศัพท์ให้ออกห่าง ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามปรับอารมณ์แล้วตอบกลับ หวังว่าแม่คงเข้าใจผมบ้าง

       “ผมคงไม่ได้กลับหรอกแม่ อาทิตย์นี้อยากอยู่เคลียร์บ้าน ผ้าเผ้อก็ยังไม่ได้ซักเลย เอาไว้อาทิตย์หน้าแล้วกันนะแม่”
       “ก็เอาไปจ้างเขาซักสิ จ้างคนมาทำสิบ้านน่ะ แล้วเมียแกล่ะ ไม่ให้มันทำไป แกจะไปทำทำไม กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันกับพ่อแกอยากไปหัวหิน” แม่ไม่ฟังคำผม บ่นไร้สาระจนผมไม่อยากจะเสวนาต่อ ผมถอนหายใจรอจังหวะให้แม่เปิดโอกาสให้พูดแล้วก็ใส่แม่กลับไปบ้าง

        “ผมไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้นนะแม่ ทุกวันนี้แทบจะไม่มีกินอยู่แล้ว พ่อกับแม่ก็เพร่าๆ ลงบ้างได้มั้ยเรื่องเที่ยวน่ะ ทุกอาทิตย์แบบนี้ไม่ไหวหรอกนะ ตอนนี้ผมตัวคนเดียว ไหนจะผ่อนบ้านผ่อนรถ อะไรๆ อีกจิปาถะ ผมเหนื่อย”

         ผมไม่เคยบอกแม่เรื่องการจากไปของเน เพราะแม่ไม่เคยถามถึง วันนี้แม่เกริ่นมาแล้วผมต้องบอกต้องเคลียร์กับแม่ให้รู้เรื่อง แม่จะเอาเงินผมไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะผมไม่มีให้ ที่ผ่านมา ยังมีรายได้ของเนอีกคนที่คอยจุนเจือ แต่ตอนนี้ผมตัวคนเดียว อะไรๆ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

       “แกไม่ต้องมาโกหก เงินเดือนแกไม่ใช่น้อยๆ แบ่งให้พ่อแม่แค่นี้ทำมาบ่น เคยคิดบ้างมั้ยว่ากว่าฉันจะเลี้ยงแกให้โตมาได้ขนาดนี้น่ะมันลำบากขนาดไหน”

        ผมอยากจะหัวเราะกับคำของแม่ ไม่เถียงหรอกว่าแม่เลี้ยงผมมาจนโต แต่ผมเองไม่ใช่หรือที่กระเ..อกกระสนหางานทำเพื่อส่งตัวเองเรียนจนจบเพราะพ่อแม่อ้างว่าภาระที่บ้านเยอะแยะไม่พอจะจุนเจือมาจ่ายค่าเทอมให้ผมได้

        “ผมไม่เคยลืมบุญคุณแม่หรอก แต่ตอนนี้ผมไม่มีเงิน แค่นี้นะแม่” ผมตัดสายแม่ทิ้งเพราะทนเสวนาต่อไม่ไหวแล้ว ไม่แค่ตัดสายทิ้งหรอก ผมกดปิดโทรศัพท์ตัดปัญหาเพราะไม่อยากคุยกับใครอีกในช่วงที่สภาพจิตใจย่ำแย่เช่นนี้


        ตลอดหนึ่งเดือนที่ไม่มีเน ผมมีเวลาให้กับตัวเองมากขึ้น ได้คิดทบทวนทุกเรื่องราวมากขึ้น และมองเห็นความผิดพลาดของตัวเองมากขึ้น จริงที่เนเคยตัดพ้อ ผมเห็นครอบครัวผม เห็นพ่อแม่ผมสำคัญมาเป็นอันดับต้น ผมไม่เคยสนใจเนเท่าที่ควร ทำเหมือนเนไม่สำคัญเลยในชีวิต แต่มาวันนี้ผมรู้ซึ้งแล้วว่าหากชีวิตผมขาดเนไปแล้วมันย่ำแย่เพียงใด เรียกได้ว่ามันเจียนตายเชียวล่ะ ไม่มีใครทำเพื่อผมได้เท่าเนเลยสักคน

        เมื่อไม่มีเน ผมต้องตื่นเร็วกว่าเดิมเพื่อเก็บอึเก็บฉี่ของหมาแมวที่เลี้ยงไว้ เติมอาหารเติมน้ำให้พวกมัน เรียบร้อยก็รีบอาบน้ำแต่งตัวไปแวะซื้ออาหารเช้าที่ตลาดก่อนไปทำงาน ผมเหนื่อยกับงานทั้งวัน กว่าจะกลับถึงบ้านก็มืดค่ำ ช่วงแรกๆที่เนไม่อยู่ผมลืมเพราะความเคยชิน ผมรีบกลับบ้านอย่างหิวโหยเพราะนึกถึงอาหารค่ำที่เนมักจะเตรียมเอาไว้อย่างเรียบร้อย แต่ครั้นถึงบ้านจึงสำนึกได้ว่า เนไม่อยู่อีกแล้ว ไม่มีใครเตรียมมื้อเช้า กลางวัน เย็นให้ผมอีกแล้ว

        เหนื่อยแสนเหนื่อย หิวแสนหิว ผมยังต้องวุ่นวายกับหมาแมวที่ส่งเสียงระงม พวกมันคงเบื่อที่ถูกขังอยู่ในคอกข้างบ้าน ตอนเนอยู่ เนมักปล่อยมันออกมาเดินเล่น หรือพาออกไปวิ่งเล่น อาบน้ำอาบท่าดูแลพวกมันเป็นอย่างดีโดยที่ผมไม่ต้องย่างกรายเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว...ไม่มี

        ผมวางโทรศัพท์ที่ดับสนิทลงบนโต๊ะ กดรีโมทปิดโทรทัศน์ ปล่อยใจอ่อนแอให้อยู่ในความเงียบเหงาวังเวง ไม่เคยมีวันไหนที่ไม่คิดถึงเน มองไปมุมไหนของบ้านก็ว่างเปล่า ที่ที่เนเคยอยู่กลับไม่มีให้เห็นอีกแล้ว ผมเคยชินกับภาพเนเดินวุ่นหยิบนู้นทำทีอยู่ในบ้านมากกว่าภาพเดียวดายเช่นในตอนนี้ ผมติดต่อเนไม่ได้ เธอคงเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เพื่อตัดการติดต่อกับผม ถามไถ่จากเพื่อนร่วมงานของเธอ ก็รู้เพียงเธอลาออกจากบริษัท และไม่ได้แจ้งเอาไว้ว่าจะย้ายไปทำงานใหม่ที่ใด ผมจนปัญญาจะตามหา ทำได้แค่นั่งเหงาๆ เฝ้ารอเธออย่างไม่มีจุดหมาย

       ปล่อยใจอยู่ในความเงียบสักฟัง เสียงรั้วบ้านเลื่อนเปิดก็กระทบโสตประสาท ผมหลุดจากภวังค์คิดถึงทันทีเพราะเสียงร้องเสียงเห่าของเจ้าปุย หมาเพศผู้ที่เลี้ยงเอาไว้ เกรงว่าอาจมีผู้บุกรุกย่างกรายเข้าบ้าน

        พลันวิ่งออกมาสำรวจ ทั้งร่างของผมแข็งขืนราวถูกสาปเป็นหิน ผู้หญิงผิวขาวตัวเล็กที่ผมคุ้นเคยและผูกพันมาตลอดสามปีกำลังคลอเคลียลูบเนื้อลูบตัวเจ้าปุย มันคงคิดถึงเนมาก กระดิกหางกวัดไกว่กระโจนใส่เนบ้าคลั่งทีเดียว

       “เน” ผมเรียกเธอแล้ววิ่งเข้าไปหา คว้าแขนดึงร่างน้อยของเธอเข้ามากอดเอาไว้แน่น ผมร้องไห้ สะอื้นเพราะดีใจที่เธอยอมกลับมาอีกครั้ง สัมผัสคุ้นเคยของเน กลิ่นกายหอมกรุ่นที่ผมไม่ได้สัมผัสมาเดือนเต็มๆ คิดถึงเธอเหลือเกิน

        “กลับมาได้มั้ยเน กลับมาอยู่กับวินนะ” ผมอ้อนวอนเสียงเครือ รัดเธอแน่นในอ้อมแขน เนพยายามดิ้นแต่ผมไม่ยอมปล่อย เพราะกลัวเธอจะจากผมไปตลอดชีวิต

        “ปล่อยเนก่อนวิน เนไม่หนีไม่ไหนหรอก” เธอให้คำมั่น ผมรู้ว่าเธอพูดจริง ตลอดสามปีที่อยู่ด้วยกัน เธอไม่เคยโกหกผมสักครั้ง
ผมคลายอ้อมแขนแต่ยังจับมือเนไว้เพราะไม่วางใจ มองสองตาสดใส จมูกนิด รูปปากจิ้มลิ้ม ที่เคยเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน รู้ซึ้งแล้วว่าคิดถึงใจจะขาดเป็นเช่นไร

        “นึกว่าวินไม่อยู่ เนแค่แวะมาหาเจ้าปุยกับสีสาวทน่ะ เป็นห่วงมัน” เนหมายถึงหมากับแมวที่เลี้ยงไว้ ปกติวันหยุดผมจะกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ เนรู้มาตลอด และเพราะเหตุนี้ เพราะผมไม่มีเวลาให้เน เธอจึงเลือกจากผมไป

        “แล้ววินล่ะ ไม่ห่วงวินบ้างเหรอเน” เสียงผมยังเครือ ตาแดงก่ำ น้ำตาคลอ เนจ้องมาที่ผม มองลึกด้วยแววตาเศร้าคล้ายมีบางอย่างอยากเอ่ยแต่เธอไม่ยอมพูดมันออกมา

         “เน อย่าไปเลยนะเน วินขอร้อง กลับมาอยู่กับวินนะเน วินอยู่ไม่ได้ วินคิดถึงเน วินรักเนมากนะ” เธอเลี่ยงเดินหนีผมก็ตามไมปดักหน้าดักหลัง พูดทุกประโยคที่คิดว่าจะรั้งเธอไว้ได้ แต่เนไม่ยอมหยุด ผมต้องคว้าแล้วดึงสองมือของเนเอาไว้

        “วินขอโทษ วินรู้แล้วว่าวินพลาดอะไรบ้าง ที่ผ่านมาวินรู้ว่าวินละเลย วินขอโอกาสได้มั้ยเน ให้วินได้แก้ไขในสิ่งที่มันผิดพลาดได้มั้ยเน” ผมไม่รู้ว่าเนจะรู้สึกยังไง ในแววตาของเธอที่จ้องกลับมากำลังบอกว่าอะไร ผมรู้แค่ผมต้องทำทุกทางเพื่อดึงดวงใจที่เคยทิ้งเคยขว้างกลับมาให้ได้อีกครั้ง

        “วินพร้อมที่จะสร้างครอบครัวกับเนแล้วเหรอถึงอยากให้เนกลับมา”

       เนยิงคำถามกระแทกใจ ผมหน้าเจือนลง อ้ำอึ้งเพราะตอบเธอไม่ได้ คำว่า ‘ครอบครัว’ ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าเนต้องการแบบไหน แต่ที่ผมกังวล คือผมสามารถสร้างครอบครัวในแบบที่เนต้องการได้หรือไม่ แต่ผมรักเนนะ รักมาก ผมไม่อยากนอนเหงาๆ บนเตียงใหญ่ ผมเคยชินที่มีร่างน้อยของเนให้กอดก่าย เคยชินกับมือนุ่มที่เขย่าแขนปลุกผมทุกเช้า และเคยชินที่ได้เห็นเนในบ้านหลังนี้ ผมอยากรวมเนเอาไว้ในครอบครัวของผม ที่มี พ่อ แม่ ผม และเน แต่เนไม่ต้องการแบบนั้น เธออยากมีครอบครัวของเรา มีผม มีเน และลูกของเรา หากผมอยากมีเนเป็นครอบครัว ผมต้องสร้างครอบครัวของเราให้เกิดขึ้นให้ได้

        “ถ้าวินจะขอเวลา ขอโอกาส เนจะรอหน่อยได้มั้ย” ผมรักเนนะ วินาทีนี้ผมอยากตามใจเน แต่กำลังของผม ผมกลัวจะต้องทำให้เนเสียใจเพราะผิดสัญญา

         “นานเท่าไหร่วิน เนต้องรอวินอีกนานเท่าไหร่” เสียงเนสั่นเครือ สองตาคลอน้ำตา เธอเม้มปากแล้วก้มหลบตาผม เท่านั้นผมก็เข้าใจได้แล้วว่าเนร้องไห้ เนขี้แยจะตายไป อะไรสะเทือนใจนิดหน่อย น้ำตาเธอก็ไหลริน

        “รอตรงนี้นะเน อย่าเพิ่งไปไหนนะเน รอวินก่อนนะเน แป๊บเดียวนะเน” ผมนึกถึงของสำคัญสองชิ้นในลิ้นชักที่หัวเตียง ผมอยากมอบให้เน อย่างน้อยก็เพื่อเป็นเครื่องยืนยันกับเนว่าผมจะพยายามทำตามความฝันของเนให้เป็นจริงให้จงได้ ตาผมอ้อนวอนร้องขอให้เนยืนรอ เพราะกลัวว่าหากวิ่งกลับเข้าบ้านออกมาแล้วเนจะหายไปอีกครั้ง

        เนพยักหน้ารับแอบปาดน้ำตา ผมยิ้มให้เธอแล้วรีบวิ่งกลับเข้าบ้าน ผมรีบร้อน ใจจดจ่อที่ของสำคัญในลิ้นชัก ลืมไปว่าทำน้ำหกไว้ที่กลางบ้าน ไม่ทันได้เช็ดให้แห้ง ผมวิ่งเร็วเร่งรีบสุดท้ายก็พลาด ลื่นล้มไม่เป็นท่า หน้าผากโขกเข้ากับเหลี่ยมขอบประตูห้องนอนพอดิบพอดี เจ็บจี๊ดขึ้นสมอง มันเต้นตุบๆ จนปวดระบม แต่ผมไม่มีเวลาสนใจมันนัก ผมรีบลุกขึ้น ขาคงพลิกเพราะเจ็บเวลาเดิน ผมร้อนรนควานหาของสำคัญ เมื่อมันอยู่ในมือก็กะเผลกวิ่งออกไปหาเน หวังสุดใจว่าเธอยังยืนรอไม่จากไปไหน

        ผมฉีกยิ้มกว้าง เนยังรอผม เธอมองผมแปลกๆ สองตาฉายแสงว่ากังวลและห่วงใย ผมกำของสำคัญในมือที่ซ่อนอยู่ข้างหลังเอาไว้แน่นๆ รอจังหวะยื่นมันให้เธอ

       “หน้าผากวินไปโดนอะไรมา เลือดออก” เนคงกังวล เธอไม่สนจะมองตาผม เอาแต่จ้องรอยแผลที่หน้าผาก ผมคาดว่าตอนโขกเข้ากับขอบประตูมันคงฝากรอยแผลเอาไว้ เห็นเนบอกว่ามีเลือดออก
       “ช่างมันเถอะเน แผลเล็กๆ วินไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวมันก็หาย”
        ผมจับมือเนที่หมายเอื้อมแตะรอยแผล ไม่อยากให้เธอสนใจมันนัก ผมยัดของสำคัญชิ้นหนึ่งใส่มือเน เธอก้มลงมองแล้วเงยตาสุดสงสัยขึ้นมาจ้องผม
        “สมุดบัญชีประจำ วินเปิดบัญชีตามที่เนเคยแนะนำแล้วนะ ในนี้มีเงินอยู่ก้อนนึงไม่มากเท่าไหร่ แต่วินอยากให้เนเป็นคนเก็บเอาไว้ แล้วทุกเดือนวินจะโอนเงินเข้าบัญชีนี้ ครอบครัวของเราจะได้มีเงินสักก้อน เหมือนที่เนเคยอยากได้” ผมบอกเธออย่างภาคภูมิ เพียงอาทิตย์เดียวที่เนไม่อยู่ ทำให้ผมได้รู้แล้วว่าในชีวิตนี้มีใครสำคัญสำหรับผมบ้าง นอกจากพ่อแม่ของผม คนหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเน ผมตัดสินใจเอาเงินเก็บที่เคยแบ่งแอบไว้โดยที่เนไม่รู้ เอาไปเปิดบัญชีประจำที่เนเคยแนะนำให้ทำ เมื่อนานมาแล้ว

       “วิน” เนคงแปลกใจ น้ำตาเธอไหล ผมไม่รู้ว่าเธอเสียใจหรือดีใจกันแน่ เธอไม่พูดอะไร เอาแต่เม้มปากแล้วกรอกตาไปมามองหน้าผม พอน้ำตาไหลมากขึ้นเธอก็ก้มหน้าลงมองสมุดบัญชีในมือ ดึงมันออกมาจากซองแล้วเปิดดูภายในสมุด มันมีเงินฝากเริ่มต้นแค่สองหมื่นบาทเท่านั้น มันน้อยนิดนัก หากผมทำตามคำแนะนำของเนตั้งแต่ปีแรกที่เราตัดสินใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ผมคงมีเงินเก็บหลักแสนให้เนได้ชื่นใจบ้าง
“แหวนวงนี้มันก็แค่ครึ่งสลึง แต่วินสัญญาว่าวันข้างหน้าวินจะซื้อมาเพิ่มให้ครบบาทให้ได้ เนใส่เอาไว้ก่อนนะ วินเลือกวงเล็กๆ มันจะได้พอดีกับนิ้วของเน” ผมสวมแหวนทองเกลี้ยงวงเล็กใส่นิ้วนางข้างซ้ายของเน แหวนวงนี้ผมเพิ่งแบ่งเงินโอทีที่สะสมมาในเดือนนี้บางส่วนไปซื้อให้เน โชคดีที่ราคาทองอยู่ในช่วงขาลง ผมจึงมีเงินพอจะจ่ายมัน แม้จะไม่ใช่แหวนเพชรน้ำงาม ตัวเรือนดูบ้านๆไปสักหน่อย แต่มันคือการเริ่มต้นที่ผมพอจะทำให้เนได้

       “วินเคยบอกว่ามันสิ้นเปลือง” เนเงยหน้าขึ้นมาถาม น้ำตายังรินเปียกแก้มจนผมอดไม่ได้ที่จะซับมันให้แห้งดี

       จริงของเน ผมไม่ชอบให้เนฟุ่มเฟือยซื้อของจุกจิก แต่พอย้อนมองกลับมาก็เห็นมีแต่ผมที่ฟุ่มเฟือยโดยใช่เหตุ ผมไม่เคยขัดความต้องการของพ่อกับแม่ แต่ผมขัดใจเนที่อยากได้รองเท้าคู่ใหม่ทั้งที่คู่เก่ามันขาดจนเกินที่จะใส่ ขัดใจเนเมื่อเธออยากได้เสื้อผ้าชุดใหม่เพื่อไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนเพราะเสื้อผ้าที่มีมันเก่าจนไม่น่าใส่ออกงาน แหวนทองสวยๆ เนก็เคยมองแต่ไม่กล้าออกปากเพราะผมขัดขึ้นก่อนว่าอย่าฟุ่มเฟือย เนจึงขอให้ผมซื้อแหวนเงินราคาถูกให้เธอใส่เอาไว้แทน ใส่ไม่กี่ครั้งก็ด่างดำ เนยังอุตส่าห์นั่งขัดจนมันเงาเหมือนใหม่แล้วทนใส่จนกระทั่งวันที่เดินจากผมไป วันนี้ผมไม่เห็นแหวนวงนั้นที่นิ้วของเธอแล้ว เธอคงถอดทิ้งเพราะอยากตัดใจจากผมสินะ แต่ผมไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้นแน่

       “ต่อไปเนอยากได้อะไร บอกวินนะ หากไม่เกินกำลัง วินจะหามาให้”
        “วินทำแบบนี้เพราะอยากให้เนกลับมา แค่นั้นใช่มั้ย” เนยังไม่มั่นใจในตัวผม สองตาของเธอคล้ายลังเล ที่ผ่านมาผมคงเลื่อนลอยจนเนหวั่นใจ ไม่แน่ใจในตัวผม แต่วันนี้ผมยอมเปลี่ยนแล้ว ยอม...เพื่อคนที่ผมรัก
      “วินอยากสร้างครอบครัวกับเน หากเนไม่กลับมา คงไม่มีครอบครัวของเรา”
       “แล้วพ่อแม่ของวิน” เนคงพูดอะไรไม่ออก เธอหยุดแค่นั้นแล้วสะอื้นเบาๆ ผมรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่ปลื้มเนเท่าไหร่ แต่จะทำยังไงได้ หัวใจผมเลือกรักเนไปแล้ว ถึงจะขัดใจพ่อกับแม่ผมก็ยอม
       “วินจะพยายามสร้างครอบครัวของเรา ครอบครัวที่มีวิน มีเน แล้วในอนาคตอาจจะมีลูกของเรา หากวินพยายามแล้วมันไม่สำเร็จ วินจะไม่รั้งหากเนอยากเดินออกไปจากชีวิตของวิน”

        “วินจะกลับบ้านอาทิตย์เว้นอาทิตย์ จะได้มีเวลาพาเนไปไหนมาไหนบ้าง วินให้เนได้เท่านี้ พอที่เนจะให้โอกาสวินแก้ตัวอีกครั้งได้มั้ย”

        เนสะอื้นเสียงดัง เธอไม่ตอบคำถามแต่โถมตัวกอดผมแน่นทีเดียว ผมฟังไม่เข้าใจว่าเธอพูดอะไร เสียงมันอู้อี้จนจับใจความไม่ได้ แต่ที่ผมรู้คือเนยอมให้โอกาสผมได้แก้ไขในข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ผมกระชับกอดเธอแน่น ลูบหลังลูบไหล่ปลอบคนขี้แย ปลอบตัวเองด้วยเหมือนกัน เพราะตอนนี้น้ำตาตื้นตันมันไหลเปรอะร่องแก้ม อีกฝั่งเตียงจะไม่ว่างเปล่าอีกแล้ว ผมไม่ต้องนอนหนาวกอดตัวเองอีกต่อไป

        “วันนี้เราไปซื้อรองเท้าคู่ใหม่กันนะเน”

       เนพยักหน้ารับอยู่ในอกผม วันนี้เนจะมีรองเท้าคู่ใหม่ รองเท้าที่แข็งแรงโอบอุ้มเท้าเล็กของเนได้ดีกว่าคู่เก่าที่ขาดรุ่งริ่งจนไม่ได้เรื่อง เหมาะแก่การโยนทิ้งเสียมากกว่า ผมเองก็ไม่ต่างอะไรกับรองเท้าเก่าคู่นั้น แต่วันนี้ผมพร้อมแล้วที่จะเป็นรองเท้าคู่ใหม่ของเน มันอาจจะไม่ดีเลิศเลอ แต่ผมจะพยายามโอบอุ้มและพาเนเดินไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง ล้มลุกบ้างขรุขระบ้าง แต่ผมจะไม่ปล่อยให้เนฝ่าฝันลำพังอีกต่อไป

..............................................................................

 



Create Date : 06 พฤษภาคม 2556
Last Update : 6 พฤษภาคม 2556 12:07:09 น.
Counter : 1059 Pageviews.

9 comments
  


สวัสดียามเพลครับ

โดย: ก้อนเงิน วันที่: 19 พฤษภาคม 2556 เวลา:11:48:07 น.
  
สวัสดีจ้าคุณน้ำ


ตามมาเยี่ยมบลอ๊กจ้า และขอนุญาต add คุณน้ำเป็นเพื่อนใน blog ด้วยนะคะ
โดย: ~My Birthday is on April 14~ วันที่: 20 มิถุนายน 2556 เวลา:12:09:21 น.
  


สวัสดียามเย็นครับ
โดย: ก้อนเงิน วันที่: 22 มิถุนายน 2556 เวลา:16:35:39 น.
  
สวัสดีค่ะคุณน้ำ
ผ่านมาอ่านเรื่องสั้น
ปานก็ชอบทำการฝีมือเหมือนกันค่ะ
สุขสันต์วันหยุดนะคะ
โดย: pantawan วันที่: 22 มิถุนายน 2556 เวลา:17:06:26 น.
  
แวะมาทักทายค่า พี่น้ำ ^^
ไม่รู้ว่าอัพเนกับวินตั้งแต่เมื่อไหร่
ไม่ค่อยเห็นพี่น้ำอัพเลยจ้า

มาลงทอไหมไอหมอกบ้างน๊า
นุ่นจะได้มาบ่อยๆ อิอิ
โดย: lovereason วันที่: 24 มิถุนายน 2556 เวลา:23:30:56 น.
  
มาเยี่ยมค่ะน้องน้ำ
เขียนเก่งมาก อ่านแล้วเห็นภาพ อมยิ้มนิดๆ

ขอบคุณนะคะ คุณน้องน้ำ..มีโอกาศจะมาอ่านนะคะ

โดย: เขมอนันท์ วันที่: 25 มิถุนายน 2556 เวลา:11:36:56 น.
  
น้องนุ่นจ๋า อัพแล้ววันนี้ วินกับเน ภาคใหม่ 555+

คุณ ปานจ๋า ขอบคุณมากๆจ้า น้ำก็ชอบทำงานฝีมือ แต่เวลาไม่ค่อยมีนี่ล่ะค่ะ ปัญหา อิอิ เอามาอวดกันบ้างนะคะ

คุณ เขมอนันท์ จ๋า ขอบคุณที่แวะมาอ่านวินกับเนนะคะ จะดีใจมากๆเลยจ้า หากแวะมาบ่อยๆ อิอิ


คุณแกะจ๋า ด้วยความยินดีจ้า

คุณก้อนเงินจ๋า ขอบคุณมากๆนะคะ แวะมาทักทายกันตลอดเลย
โดย: น้ำค้าง (บ้านสายไหม ) วันที่: 5 กรกฎาคม 2556 เวลา:10:56:47 น.
  
อ่านแล้วมันช่างตรงกับความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่จริงๆค่ะ แต่ของเรามันเปลี่ยนจากรองเท้าเป็นหนังสือแค่นั้นเอง ^_^
โดย: Crimson_Zephyr IP: 171.4.13.193 วันที่: 5 กรกฎาคม 2556 เวลา:15:06:39 น.
  
ขอบคุณคุณ Crimson_Zephyr มาเลยจ้าที่แวะมา

ยังไงก็แวะมาทักทายกันได้บ่อยๆ นะคะ
โดย: บ้านสายไหม วันที่: 5 กรกฎาคม 2556 เวลา:15:41:22 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

น้ำตาจากฟ้า
Location :
ระยอง  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]



เจ้าของบ้านนี้ชื่อ น้ำค้าง นะคะ เรียกขานกันสั้นๆว่า น้ำ ก็ยินดีค่ะ น้ำเป็นโปรแกรมมั่ว ทำงานในบริษัทเอกชน อาชีพเสริมเป็นนักเขียนหน้าใหม่ นามปากกาว่า เนตรนที น้ำชอบงานฝีมือประเภท ถักโครเชต์ และเย็บชุดตุ๊กตา ยังบ้าเล่นตุ๊กตาอยู่ค่ะ ทั้งบาร์บี้ทั้งบลายธ์ โตแต่อายุและตัว ความชอบตั้งแต่เด็กยังไม่เปลี่ยนไป ฝากตัวฝากหัวใจเข้ามาทักทายกันได้นะคะ (*v*)