พฤษภาคม 2556

 
 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
ตอน 1 เหนื่อยหัวใจ

 

      ฉันนั่งเหม่อมองเมฆเปลี่ยนแปลงรูปร่างแล้วจินตนาการไปต่างๆ นานา เพราะไม่รู้จะทำอะไรที่ดีไปกว่านี้ วันอาทิตย์เป็นวันหยุดอีกวันที่หงอยเหงาอยู่ลำพังในบ้านหลังย่อม ฉันตื่นแต่เช้า จัดการงานบ้านงานครัวไปตามประสา อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็หย่อนก้นนั่งพิงขอบประตู ‘เฝ้ารอ’ ต้องใช่คำนี้สินะ เพราะฉันกำลังรอคอยบางคนด้วยหัวใจสุดคิดถึง

       บ้านหลังย่อมฉันไม่ได้อยู่เพียงลำพัง แต่ทำไมนะ บางครั้งกลับรู้สึกว่าฉันอยู่ในบ้านหลังนี้อย่างโดดเดี่ยว บางเวลาฉันเหงา ฉันยอมรับ และทุกเวลาที่เหงา คือช่วงเวลาที่ไม่มี ‘เขา’ อยู่ด้วยกัน
       “อยู่ไหนเหรอ เสียงดังเชียว” สุดท้ายทนคิดถึงใครบางคนไม่ไหว ก็ต้องต่อสายถึงเขาเพื่อถามไถ่ให้คลายคิดถึง
       “อยู่ร้านสเต็ก”
       “คนเดียวเหรอ” เสียงฉันฟังดูหดหู่พิกล
       “เปล่า พาพ่อกับแม่ออกมากิน แค่นี้ก่อนนะ” เขาตอบเร่งรีบแล้วตัดสายไป ฉันทำอะไรไม่ได้ ก้มลงมองโทรศัพท์ในมือแล้วขอบตาร้อนผ่าว มันอึดอัดในอกเหมือนทุกครั้งที่เฝ้ารอเขาอย่างไม่มีความหวัง 

        “เมื่อไหร่เขาจะกลับมา เขาเคยคิดถึงฉันบ้างมั้ย ฉันมีความสำคัญอะไรกับเขาบ้างรึเปล่า” เหล่านั้นคือคำถามซ้ำซากที่ฉันเวียนถามตัวเองทุกครั้งที่เขากลับไปเยี่ยมบ้าน บ้านพ่อแม่เขากับบ้านของเราห่างกันไม่ถึงเจ็ดสิบกิโลเมตร และทุกวันหยุดเขาเลือกที่จะใช้ชีวิตสำราญอยู่กับครอบครัวของเขาโดยไม่มีฉัน เขากลับบ้านทุกอาทิตย์ ปล่อยให้ฉันโดดเดี่ยวอยู่ในวันหยุดที่ไม่มีใคร

        ฉันมีหน้าที่แค่เฝ้าบ้านของเรา เลี้ยงหมาเลี้ยงแมว ปลูกต้นไม้ ทำงานบ้านไปตามเรื่องตามราว ฉันไม่มีบ้านพ่อแม่ให้กลับไปอีกแล้ว ทั้งชีวิตก็เหลือเพียงเขาที่ยังผูกพัน เพราะฉันรักเขา และเขาเองก็เคยบอกฉันบ่อยๆ ว่ารัก แค่รักเพียงคำเดียว ฉันยอมใจง่ายย้ายมาอยู่ร่วมบ้านกับเขา ใช้ชีวิตไม่ต่างจากสามีภรรยา ก็ฉันไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน พ่อแม่ก็จากไปหมดแล้วเมื่อหลายปีก่อน จะถามไถ่พิธีรีตรองทำไมให้วุ่นวาย ให้หัวใจนำทางและทำในสิ่งที่มันต้องการไม่ดีหรอกหรือ

        ‘เราแต่งงานกันมั้ย อยากใส่ชุดเจ้าสาวสักครั้งในชีวิต’ คือประโยคที่ฉันเคยเกริ่นกับเขาเพราะฝันและวาดหวังเอาไว้

        ‘เอาเงินที่ไหนล่ะ แค่นี้ก็ใช้เดือนชนเดือนแล้ว อยู่ไปแบบนี้เนไม่มีความสุขเหรอ’ เพราะเขาตอบมาแบบนั้น ทำให้ฉันไม่กล้าออกปากถามไถ่อะไรอีกเลย ‘เน’ คือชื่อเล่นของฉันไม่ค่อยคล้องกับชื่อ ‘วิน’ ของเขาเท่าใดนัก

       ฉันอยู่กับความเหงา นั่งๆ นอนๆ เดินๆ อยู่ในบ้านหลังย่อมจนเย็นย่ำ พลันหูได้ยินเสียงประตูรั้วเลื่อนเปิด ฉันดีใจ ฉีกยิ้มกว้างเพราะรู้ว่าเขากลับมาแล้ว รีบร้อนวิ่งออกจากบ้านซอยเท้าเร็วออกไปหาเขา คนที่เฝ้ารอมาตลอดสามวัน

       “กลับมาแล้วเหรอวิน” ฉันฉีกยิ้ม ตาวาวเต็มตื่นเพราะสุดคิดถึง ช่วยเขาหิ้วกระเป๋าเข้าไปเก็บในบ้าน สีหน้าเขาดูเคร่งเครียด ก็คงเหนื่อยไม่น้อย หยุดยาวสามวันเช่นนี้ พ่อและแม่เขาต้องร่างโปรแกรมไว้เป็นหางว่าวแน่นอน

        “กินอะไรมารึยัง” ฉันรินน้ำเย็นมายื่นให้แล้วนั่งข้างเขาบนโซฟา อยากกอดเขาให้หายคิดถึงเหลือเกิน

        “กินมาแล้ว เนล่ะ”

        “ยังไม่ได้กินเลย แต่ทำกับข้าวไว้ นึกว่าวินจะกลับมากินด้วยกัน ก็เลยรอน่ะ” ฉันตอบเขา ผิดหวังนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร ฉันคุ้นชินกับความผิดหวังเสียแล้ว

        “จะรอทำไม ทีหลังไม่ต้องรอหรอก เวลาวินกลับบ้านก็กินที่บ้านมาแล้วล่ะ” เสียงเขาหงุดหงิดนิดหน่อย เขาคงเหนื่อย เพราะเห็นเอนหลังพิงพนักโซฟาแล้วถอนใจยาว

        “เวลาวินกลับบ้าน เนก็เห็นวินเหนื่อยแบบนี้ทุกที ทำไมไม่หยุดพักบ้างล่ะ” ฉันรู้ว่าวินเหนื่อย เพราะเขาต้องทำงานเลิกดึกทุกวัน ครั้นถึงวันหยุดก็ต้องขับรถกลับบ้านพาพ่อกับแม่ไปตะลอนใช้เงิน

        ‘ตะลอน’ ใช่ ฉันจงใจใช้คำนี้ เพราะทุกครั้งที่วินกลับบ้าน ไม่มีสักครั้งที่จะได้พักผ่อนอยู่กับบ้านโดยไม่ออกไปไหน พ่อกับแม่ของเขามักมีโปรแกรมใช้เงินงอกเงยออกมาได้ทุกวินาที จนบางครั้งฉันอดคิดไม่ได้ว่า ทำไมต้องใช้จ่ายฟุ่มเฟือยราวกับว่าวินทำงานได้เงินเดือนหลักแสนหลักล้าน จะกินข้าวแต่ละมื้อต้องเลือกร้านหรูหราราคาแพง และวินมักจะไม่ปฏิเสธ บอกกับฉันแค่ว่า

       ‘ร้านนี้พ่อกับแม่ไม่เคยไป’ บางครั้งก็อยากย้อนเขากลับไปนักว่า แล้วฉันล่ะ เคยได้ไปมาแล้วหรือยัง

        ฉันยอมรับว่าไม่ค่อยสนิทกับพ่อแม่ของวินเท่าไหร่ พวกท่านทั้งสองก็ไม่ปลื้มฉันเลยสักน้อย พวกท่านคงอยากได้ศรีสะใภ้ที่มีฐานะร่ำรวย ไม่ใช่พนักงานบริษัทเล็กๆ เช่นฉัน เพราะไม่สนิทจึงไม่อยากสุงสิง และพ่อกับแม่ของวินเองก็ไม่เคยไถ่ถามถึงฉันคล้ายอยากจะลืมไปเสียว่าฉันคือภรรยาของลูกชาย ฉันจึงต้องทนหงอยเหงาอยู่กับบ้านทุกครั้งที่วินใช้เวลาของทุกวันหยุดอยู่กับพ่อและแม่ของเขา

       “วิน” ฉันเรียกเขาเพราะเห็นเขาหลับตาลงคล้ายอยากพัก “อาทิตย์หน้าไม่กลับบ้านได้มั้ย เนอยากไปซื้อรองเท้าคู่ใหม่” นานแล้วที่ฉันไม่ได้ไปช้อปปิ้ง รองเท้าที่ใส่อยู่ทุกวันส้นสึกจนพื้นรองเท้าไม่เหลือสภาพที่แข็งแรง ฉันไม่ใช่ผู้หญิงฟุ่มเฟือยเรื่องแฟชั่น จะซื้อ เท่าที่ต้องใช้อย่างจำเป็นเท่านั้น เพราะเงินหายากและฉันรู้ ว่าต้องประหยัด

        “จะซื้อทำไมให้สิ้นเปลืองล่ะเน คู่เก่ามีทำไมไม่ใส่” วินลืมตาโพล่ง ดุฉันเสียงแข็งทีเดียว

       ฉันนั่งหน้าชา อารมณ์น้อยใจที่มันตกตะกอนเริ่มก่อตัวและปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

       “วินบอกแล้วไงว่าให้ช่วยกันประหยัด อย่าฟุ่มเฟือยถ้าไม่จำเป็น”

       “แล้วทีวินล่ะ วินไม่เคยฟุ่มเฟือยเลยใช่มะ วินพาพ่อแม่วินไปกินอาหารแพงๆ มื้อละเป็นพันๆ พาไปนู้นไปนี่วันนึงใช้เงินไม่ต่ำกว่าห้าพันด้วยซ้ำ เนขอซื้อรองเท้าคู่ละไม่ถึงสามร้อย แล้วมันก็เงินเก็บของเน วินเคยรู้บ้างมั้ยว่าเนมีรองเท้ากี่คู่ เนใส่จนมันพัง เนต้องใส่มันต่อไปใช่มั้ย”

       ฉันโมโหเขา น้อยใจเขา เถียงเขาเสียงดังแล้วฉันก็ร้องไห้ ฉันไม่สนหรอกว่าเขาจะคิดยังไง ฉันทนมานาน เก็บกดมาจนถึงที่สุด เหนื่อยเหลือเกินแล้วหัวใจของฉัน 

       “อย่ามาลามปามพ่อแม่ของวิน” เขาคงโกรธ ฉันแตะต้องผู้มีพระคุณของเขาไม่ได้สักกระผีก บางครั้งฉันอดคิดไม่ได้ ว่าพ่อแม่ของวินมีพระคุณกับวินแบบไหนกัน พ่อแม่ที่ไม่เคยส่งเสียให้ลูกเรียนหนังสือ วินต้องทำงานมาแต่เด็กเพื่อส่งเสียตัวเองจนจบการศึกษา ส่วนพ่อแม่ ก็คอยแต่จะพึ่งพาลูก ตอนนี้พวกท่านอายุยังไม่ถึงห้าสิบด้วยซ้ำ แต่พร้อมใจกันลาออกจากงานเพื่ออยู่บ้านไปวันๆ เฝ้ารอให้ถึงวันหยุดของวินในแต่ละอาทิตย์ เพื่อจะได้ออกไปสำราญใช้เงินอย่างสุขสม ไม่ได้สนใจว่าวินยังมีภาระ มีบ้าน มีรถ และของใช้เงินผ่อนอีกกี่รายการ นั่นไม่ใช่ภาระของวินคนเดียว มันคือภาระของครอบครัวเรา ที่มีฉันกับวิน ช่วยกันก่อร่างมันขึ้นมา

      “พ่อแม่ใคร ใครก็รัก เนรู้นะใช่ไม่รู้ แต่ที่เนไม่รู้คือวินเห็นเนเป็นตัวอะไร ที่เนเป็นอยู่ทุกวันนี้มันคืออะไรเหรอวิน เนคิดเสมอว่าเราคือครอบครัว เราจะช่วยกันสร้างครอบครัวของเรา แต่จนถึงวันนี้เนยังสัมผัสไม่ได้เลยว่าเราคือครอบครัว เราเหมือนตัวใครตัวมัน วินนึกถึงแต่ครอบครัววิน พ่อแม่วิน แล้วเนล่ะ ครอบครัวของเราล่ะ ไม่เคยมีความหมายกับวินเลยใช่มั้ย” ฉันไม่สนว่าเขาจะดุจะด่า แต่วันนี้ความอดทนมันขาดสะบั้น ฉันขอพูดในสิ่งที่มันอัดอั้นอยู่ในหัวใจมาช้านานเสียที

       นับรวมก็สามปีแล้วที่ใช้ชีวิตอยู่ในฐานะภรรยาที่ฉันคิดเองเออเองอยู่คนเดียว ฉันพยายามช่วยวินเก็บเงินอยากให้ครอบครัวของเรามีทุนสักก้อนสำรองไว้เผื่อขัดสน แต่เหมือนว่าฉันพยายามดิ้นรนอยู่ลำพัง วินไม่เคยสนเรื่องการออม เขาใช้เงินมือเติบ สุรุ่ยสุร่ายพอๆ กับพ่อแม่ของเขาที่ชอบไปเที่ยวและกินอาหารหรูๆ แต่เขามักแก้ตัวกับฉํนว่ามันจำเป็น และเขาต้องทำเพื่อตอบแทนพระคุณของพ่อกับแม่

       “แล้วเนจะเอายังไง ทุกวันนี้ที่วินทำให้เนมันยังไม่ดีพออีกเหรอ วินไม่เคยนอกใจเน ไม่เคยทำเรื่องอะไรไม่ดี เหล้าบุหรีก็ไม่เคยแตะ แค่นี้มันยังไม่พออีกเหรอเน”

       “แต่เนต้องการเวลา เวลาที่เราจะได้ไปไหนมาไหนด้วยกันบ้าง วินแบ่งวันหยุดของวินสักวันให้เนบ้างได้มั้ย วินไม่กลับบ้านสักอาทิตย์นึงแล้วทำตามความต้องการของเนบ้างได้มั้ย” เขาถามมาฉันก็ตอบไปแล้วในสิ่งที่ฉันต้องการ แต่วินไม่มีคำตอบเขาหน้าเครียด คิ้วขมวด มองหน้าฉํนอย่างไม่สบอารมณ์นัก

       “ไม่ได้หรอก วินต้องกลับบ้าน วินอยู่กับเนอาทิตย์นึงห้าวัน กลับบ้านอยู่กับพ่อแม่วินแค่สองวัน เนจะเอาอะไรนักหนา แค่นี้มันก็มากพอแล้วนะ”

        น้ำตาที่ไหลอยู่แล้วยิ่งไหลปานทำนบแตก ฉันพูดไม่ออก จุกจนเจ็บไปทั้งอก ห้าวันของเขาเรียกว่าใช้ชีวิตอยู่กับฉันงั้นหรือ เขาตื่นเช้าทุกวันเพื่อเร่งรีบไปเข้างานให้ทัน เลิกงานดึกดื่นค่อนคืน กว่าจะกลับบ้านบางวันฉันก็หลับไปก่อนแล้ว ห้าวันของวินคืองาน อีกสองวันหยุดคือพ่อแม่ ฉันมีค่ากับเขาแค่เพื่อนร่วมเตียงที่นอนเคียงกันยามค่ำคืนเท่านั้นหรอกหรือ ในสายตาของวิน ในชีวิตของวินค่าของฉันมันน้อยนิดสิ้นดี

        ฉันร้องไห้ พูดอะไรไม่ออกอีกเลย เดินกลับเข้าห้องนอนด้วยหัวใจอ่อนล้า ฟุบหน้าลงหมอนแล้วสะอื้นเจียนใจจะขาด คำว่า ‘ครอบครัว’ ที่เคยวาดหวังไว้พังทลายลงไม่เป็นท่า เพราะไม่เคยมีค่าอยู่ในชีวิตและหัวใจของวินสักน้อย กว่าสามปีที่ฉันเสียเวลาอยู่กับเขา ทนเหนื่อยใจอยู่กับการใช้ชีวิตที่ไม่มีจุดหมายและไร้แหล่งยึดจับ วินคงไม่พร้อมจะสร้างครอบครัวกับใคร เขามีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตเลื่อนลอย ใช้เงินมือเติบ แต่กับฉันแล้ว ฉันรับไม่ได้กับสภาพชีวิตเช่นนั้น ฉันอยากมีครอบครัว มีลูกที่น่ารัก มีหัวหน้าครอบครัวที่พร้อมจะเป็นผู้นำและเป็นกำลังสำคัญที่มองเห็นครอบครัวตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง ฉันชื่นชมในความกตัญญูของวินที่มีต่อพ่อแม่ แต่มันออกจะมากเกินไป เพราะวินไม่สนจะสร้างครอบครัวของตัวเอง และที่สำคัญ วินไม่สนใจความรู้สึกของฉันเลย

       ฉันเลิกร้องไห้ ลุกขึ้นมานั่งปาดน้ำตา เรียบร้อยก็เก็บเสื้อผ้าของตัวเองยัดใส่กระเป๋า ฉันอ่อนแอเกินจะนอนร่วมเตียงกับคนที่ไม่เห็นค่า ฉันอยากพักใจ อยากหลบไปเพราะเหนื่อยเหลือเกิน

       “เนจะไปไหน” วินยังสน เขาลุกจากโซฟาเมื่อฉันเปิดประตูบ้าน เขาแย่งกระเป๋าออกจากมือแล้วดึงฉันเข้าบ้านพร้อมปิดประตูลงกลอนแน่นหนา

       “ขอโทษ” เขาทิ้งกระเป๋าแล้วดึงฉันเข้าไปกอด เท่านั้นน้ำตาก็หลั่งลงอีกครั้ง ฉันสะอื้นไห้เสียงดังเพราะสะเทือนใจ ทุกครั้งฉันเคยใจอ่อนกับการกระทำและคำขอโทษเช่นที่เขาใช้อยู่ตอนนี้ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่อีกแล้ว ฉันจะไม่ยอมใจอ่อนให้กับคนที่ไม่เคยเห็นค่าของฉันอีกต่อไป

        “ปล่อยเนไปเถอะ หากวินพร้อมจะสร้างครอบครัวกับเนเมื่อไหร่ เนจะกลับมา” ฉันบอกแบบนั้นแล้วก็อดไม่ได้ที่น้ำตาจะกลิ้งเปรอะแก้ม ยังรักเขาเต็มหัวใจ มันเจ็บ มันทรมานสาหัสที่เลือกเดินจากไป แต่จะให้ฝืนอยู่ต่อหัวใจคงด้านชาไม่รู้สึกรู้สมเข้าสักวัน

        “เน นี่วินทำผิดอะไร วินไม่เข้าใจ” วินเดินตามฉันที่หิ้วกระเป๋าออกจากบ้าน เขาดักหน้าดักหลัง พาซื่อไม่รู้สักนิดว่าพลั้งหรือพลาดอะไรไปบ้าง

        “วินไม่ผิดหรอก เนผิดเอง เนเหนื่อยใจ เนแค่ไม่อยากทนอีกแล้ว” ฉันหยุดเดินแล้วบอกเขาทั้งน้ำตา ใช่ ฉันเหนื่อยใจ และเหนื่อยที่ต้องรอ ต้องคิดถึงเขาอยู่ลำพัง ฉันเหนื่อยเหลือเกิน

         ฉันเดินออกมาไกลแล้ว วินไม่เดินตามมาอีก สีหน้าเขาคล้ายครุ่นคิดแต่คงคิดไม่ออกว่ามันเกิดอะไรและเขาทำผิดอะไร เขาจะรู้ซึ้งหรือไม่ไม่สำคัญ แต่ฉันรู้ใจตัวเอง เข้าใจความต้องการของตัวเอง ทัศนคติของวินกับฉันแตกต่างกัน ก็คงต้องยุติมันลงเสีย ฝืนดันทุรังก็คงเจ็บ พอเจ็บจนทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องจบอยู่ดี ฉันเลือกให้มันจบ ทั้งที่ยังเจ็บไม่ถึงที่สุดจะดีเสียกว่า หากยังมีกันและกัน แต่ฉันต้องถูกทิ้งอยู่บ่อยๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับไม่ต้องมีเขา สู้ไม่ต้องมี ไม่ต้องทน และไม่ต้องเหนื่อยใจเหนื่อยกายกับปัญหาอึดอัดที่คาราคาซัง แบบนั้นคงดีที่สุดแล้ว ฉันเลือกทางเดินของฉันได้สวยที่สุดแล้ว

 ................................




Create Date : 06 พฤษภาคม 2556
Last Update : 6 พฤษภาคม 2556 12:55:29 น.
Counter : 1525 Pageviews.

1 comments
  
สวัสดีค่าพี่น้ำ ^^
เห็นอะไรแว๊บๆ น๊า
เหนื่อยหัวใจนี่เอง อิอิ

พี่น้ำจะแต่งอีกหลายตอนรึเปล่าคะ
นุ่นว่าน่าสนุกดี
เหมือนแอบดูชีวิตใครบางคนแบบเรียลไทม์ดี อิอิ

โดย: lovereason วันที่: 6 พฤษภาคม 2556 เวลา:22:55:42 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

น้ำตาจากฟ้า
Location :
ระยอง  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]



เจ้าของบ้านนี้ชื่อ น้ำค้าง นะคะ เรียกขานกันสั้นๆว่า น้ำ ก็ยินดีค่ะ น้ำเป็นโปรแกรมมั่ว ทำงานในบริษัทเอกชน อาชีพเสริมเป็นนักเขียนหน้าใหม่ นามปากกาว่า เนตรนที น้ำชอบงานฝีมือประเภท ถักโครเชต์ และเย็บชุดตุ๊กตา ยังบ้าเล่นตุ๊กตาอยู่ค่ะ ทั้งบาร์บี้ทั้งบลายธ์ โตแต่อายุและตัว ความชอบตั้งแต่เด็กยังไม่เปลี่ยนไป ฝากตัวฝากหัวใจเข้ามาทักทายกันได้นะคะ (*v*)