Blog ของแม่ค้าตัวจิ๋ว แต่หัวใจไม่จิ๋ว (^o^'')
Group Blog
 
 
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
22 มกราคม 2554
 
All Blogs
 

Blog ของผู้หญิงตัวเล็ก แต่ใจไม่เล็ก (^0^'')

บทเริ่มต้น ของการเป็นแม่ค้า
คำถามที่ว่าขายสินค้าออนไลน์อะไรถึงจะดี

คำถามที่ได้ยินบ่อยสำหรับผู้เริ่มต้น ปัจจุบันหนังสือที่แนะนำสินค้า และเทคนิคการขายของออนไลน์มีเยอะมาก พอๆ กับหนังสือแนะนำการลงทุนทองคำ (Gold Future)

ถ้าจะถามถึงประสบการณ์ส่วนตัวแล้วการขาย สินค้าออนไลน์นั้น ถือว่าเป็นการหารายได้ผ่าน Internet ที่ดีทีเดียว เพราะ เราจะทราบทั้งต้นทุน ค่าขนส่ง และราคา ที่สำคัญเราเป็นคนกำหนดราคาด้วยตัวเอง แน่นอน ถ้าเราขายได้ กำไรที่เรา ได้รับเราทราบตั้งแต่ก่อนจะขายได้แล้วด้วยซ้ำ

แต่ความยากมันอยู่ตรงที่ เราจะทราบได้อย่างไรว่า ผู้ซื้อต้องการอะไร

ถ้า คุณเป็นผู้ผลิตสินค้า
อัน นี้ต้องไป ศึกษาหาความรู้กับเว็บไซต์ที่เราจะเข้าไปขายว่า สินค้าของเราเป็นที่นิยมหรือไม่ กลุ่มลูกค้าของเราอยู่ใน เว็บไซต์นั้นหรือเปล่า ... และเว็บไซต์ที่เราเข้าไปนั้นเป็นที่รู้จัก เป็นที่นิยมหรือไม่ เพื่อง่ายต่อการประชาสัมพันธ์และเข้าถึงกลุ่มลูกค้า หลากหลายมากยิ่งขึ้น

ถ้าคุณกำลังมองหา และอยากรู้ว่าขายอะไรดี หรือ กำลังคิดจะทำ e-Commerce แล้วละก็

ลอง มาดูกันว่ามีสินค้ากลุ่มไหนบ้าง และสินค้าที่เรามองๆอยู่ มันอยู่ในกลุ่มเหล่านี้หรือไม่

1. สินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด

เนื่องจากการขายสินค้าผ่าน Internet นั้น ไม่ต้องเสียค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้างพนักงานขายหน้าร้านและค่าเช่าที่ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย ถ้าเรามีเว็บไซต์เป็นของเราเอง หรือไปสมัคร ตามเว็บไซต์ e-Commerce ก็ต้องมีค่าเช่าพื้นที่ ค่าธรรมเนีย ค่า commission และอื่นๆ แต่เมื่อเทียบ กันแล้ว การซื้อขายผ่าน Internet จะเสียค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากกว่าอีกด้วย

ในมุมของสินค้าแล้วการที่เราหาสินค้าที่ราคาถูกกว่าท้องตลาด เข้าถึงแหล่งผลิด อยู่ใกล้แหล่งผลิต หรือทราบแหล่งผลิตสินค้านั้นๆ และได้ของมาในราคาต้นทุนที่ถูกกว่าคนอื่นแล้วละก็ การตั้งราคาแข่งกับราคาในตลาด ย่อมได้เปรียบกว่าคนอื่นๆ อยู่แล้ว

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เคยขายกางเกงเล ใน eBay ด้วยความใจร้อนไฟกำลังแรง ไม่ได้ลองค้นหาหรือดูตลาดก่อนว่า เค้าขายกันราคาเท่าไหร่ เป็นที่นิยมหรือไม่ และมีคู่แข่งในตลาดมากน้องเพียงใด ก็ไปซื้อมาในราคาที่เราคิดว่าถูกแล้วนะ ลองเอามาขาย ปรากฏว่า ขายได้เหมือนกันแต่ขายสู้คู่แข่งไม่ได้เพราะ ของเหมือนกันแต่เค้าสามารถตั้งราคาได้ถูกกว่า

จำได้ว่าตอนนั้นแก้ไขด้วยการ ถ่ายภาพให้เกิดความน่าสนใจ ไปหาเนื้อหาและที่มาของสินค้ามาประกอบโดยใช้คำที่เข้าใจง่าย เปลี่ยนเวลาการลงประกาศขาย ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของเรา กว่าจะขายได้หมดก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน....


2. สินค้าเฉพาะกลุ่ม

สินค้า ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) โดยไม่ได้เน้นไปที่กลุ่มลูกค้ากลุ่มคนทั่วไป (Mass Market) เช่น สินค้าสำหรับคนอ้วน, สินค้าสำหรับคนท้อง, สินค้าสำหรับแม่, สินค้าสำหรับเจ้าสาว-คู่แต่งงาน, สินค้าสำหรับเกย์ หรือกระเทย เป็นต้น ก็น่าสนใจ

การที่เราจับกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่ม จะทำให้เราสามารถเจาะและเข้าถึงลูกค้าเฉพาะได้ง่ายมาก หากลุ่มลูกค้าได้ง่าย ลูกค้าจดจำคุณได้ง่าย และนั้นหมายถึงโอกาสการขายก็มีมากกว่าการที่เราไปเปิดเว็บไซต์ขายของเหมือน คนทั่วไป
ตลาดกลุ่มนี้จะเป็นตลาดเฉพาะ กลุ่มอาจจะไม่ใหญ่มาก แต่ถ้าคุณจับและเข้าถึงได้แล้ว ยอดขายน่าจะมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องครับ


3. สินค้า ไม่ ยอดนิยม

ลอง หาสินค้าที่ ?ไม่ค่อยนิยม? ลองมาขายดู เพราะส่วนใหญ่เว็บไซต์ต่างๆ ชอบขายสินค้าที่ ?นิยม? ซึ่งทำให้เกิดการแข่งขันในสินค้าประเภทนี้มาก ทำให้โอกาสสินค้าของคุณจะเป็นที่รู้จัก เป็นได้ยาก

แต่หากคุณเน้นไป ที่ สินค้าไม่เด่น ก็จะทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จักได้ง่ายกว่า เช่น เปิดเว็บไซต์ขายเทปเพลงเก่า พระเครื่อง รุ่นที่ไม่ค่อยมีคนนิยม


4. สินค้าไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน

สินค้าบางอย่างผู้ซื้อไม่ ต้องการเปิดเผยตัวตน เพราะอาจจะมีความอาย หรือไม่ต้องการให้ผู้ขายรู้จักหรือเห็นหน้า

ดัง นั้นการซื้อผ่านเว็บ ไซต์ หรืออินเทอร์เน็ต ดูจะเป็นช่องทางที่หลายๆคนเลือกใช้ในการซื้อสินค้าลักษณะนี้ เช่น สินค้าเกี่ยวกับเรื่องเพศ, ถุงยางอนามัย, อุปกรณ์หรือเครื่องมือต่างๆ, ชุดชั้นใน Sexy เป็นต้น


5. สินค้ามีสไตล์เฉพาะตัว (Unique)

หาก สินค้าหรือบริการของคุณ มีความเฉพาะตัว แตกต่าง ไม่เหมือนใคร (Unique) ก็สามารถขายได้ดีเช่นกัน เพราะลูกค้าไม่สามารถหาซื้อที่อื่นๆได้นอกจากของคุณเท่านั้น เช่น เสื้อผ้า ลายผ้า ที่มีดีไซน์เฉพาะตัว, สินค้า Handmade ประเภทต่างๆ
แต่ต้องสร้าง ความมั่นใจให้กับลูกค้าว่า สินค้าของเราเป็นของดี มีคุณภาพ เพราะสินค้าลักษณะนี้ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะไม่รู้จักมาก่อน หรือไม่มีมาตรฐานที่แน่นอน

ดังนั้นการสร้างความน่าเชื่อถือ การทำให้ลูกค้ามั่นใจ และการให้รายละเอียดสินค้าที่เพียงพอ ครบถ้วน เช่นการมีรูปภาพเยอะๆ การให้รายละเอียดหรือคำอธิบายสินค้าเยอะๆ หรือมี VDO อธิบายสินค้า ดูน่าจะเป็นวิธีที่จะช่วยทำให้ลูกค้ามั่นใจ และซื้อสินค้าลักษณะนี้ได้ไม่ยาก


6. สินค้าที่มีน้ำหนักเบา

การ ขายสินค้าที่มีน้ำหนักเบา จะมีความได้เปรียบในด้านการส่งสินค้าให้ลูกค้า เพราะจะส่งได้ง่ายกว่า ประหยัดกว่า โดยเฉพาะสินค้าที่มีขนาดเล็กๆ แต่มีราคา เช่น มีหลายคนๆขายสแตมป์เป็นชุด บางชุดมีราคาหลายพันบาทเลย ส่งง่ายเพราะแค่สอดเข้าซองจดหมายก็ส่งได้แล้ว

ดังนั้นสินค้าบางอย่างที่ มีน้ำหนักเบา มีราคาสูง ก็อาจจะช่วยทำให้การค้าขายมีกำไรได้มาก แต่อาจจะต้องให้ความสำคัญกับการขนส่งสินค้าที่มีการลงทะเบียนที่จะช่วยสร้าง ความมั่นใจให้กับผู้ซื้อได้เช่นกัน


7. สินค้าที่มีเรื่องราว

สินค้า หรือของที่มีเรื่องราว มีประวัติประกอบ จะทำให้สินค้าชิ้นนั้นๆ มีความน่าสนใจมากขึ้น เช่น ผมอาจจะขายเครื่องปั้นดินเผา แต่ผมก็มีให้ข้อมูลและประวัติของ เครื่องปั้นดินเผาแต่ละชุดที่ผมขาย เป็นแบบจำลองมาจาก เครื่องปั้นดินเผาสมัยสุโขทัย มีประวัติยาวนาน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะแจ้งในเว็บไซต์ และแพ็กเกจที่ส่งไปให้ลูกค้า ซึ่งจะทำให้ เครื่องปั้นดินเผาอันนี้มีมูลค่ามากกว่า เครื่องปั้นดินเผาธรรมดาๆ ที่ขายอยู่ทั่วไปนี้คือข้อดีของสินค้าที่มีเรื่องราวอยู่ด้วย


8. สินค้าที่หายาก

สินค้า ที่หายากย่อมมีคนต้องการ แต่เนื่องจากเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต ทำให้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆเป็นไปได้ง่าย ดังนั้นหากคุณขายสินค้าที่หายาก และทำให้คนสามารถหาเจอได้ง่ายๆในอินเทอร์เน็ต เช่น.คนค้นหา (search) เจอได้ง่าย โอกาสการขายก็เป็นไปได้ง่ายๆ ยกตัวอย่างสินค้า เช่น พระเครื่องเก่าๆ, ของเก่า-ของสะสม ประเภทต่างๆ เป็นต้น


9. สินค้าที่สามารถทำด้วยตัวเอง (Do it yourself – DIY)

หลายๆ คนชอบซื้อสินค้าที่สามารถซื้อไปแล้ว ไปทำเองได้ เช่น ชุดถักโครเช่ต์, ชุดทำอาหารง่ายๆ, อุปกรณ์แต่งบ้าน ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งสินค้าที่เป็นลักษณะ ทำด้วยตัวเอง มักจะเป็นสินค้าที่ ฝรั่งชอบนิยมซื้อไปติดตั้งหรือทำด้วยตัวเอง


ทั้งหมดนี้เป็นส่วน ที่ช่วยทำให้คุณพอได้ไอเดีย ในการไปคิดต่อว่า เราจะขายสินค้าอะไรดี ผ่านเว็บไซต์ไปยังคนทั่วโลก
แต่อย่าลืมนะครับ สินค้าเป็นเพียงแค่ ?องค์ประกอบ? หนึ่งเท่านั้น
การ จะขายของบนอินเทอร์เน็ตให้ได้นั้น จะประกอบไปด้วยอีกหลายๆปัจจัยด้วยกัน เช่น ความน่าเชื่อถือ (Trust), การตลาด (Marketing), การรู้จักและรักษาลูกค้า (CRM) และอื่นๆ อีกมาก


ข้อมูลจากนิตยสาร SMEs Today ฉบับเดือนมกราคม 2552 ******




 

Create Date : 22 มกราคม 2554
2 comments
Last Update : 22 มกราคม 2554 16:27:03 น.
Counter : 319 Pageviews.

 

ขอบคุณมากๆ นะคะ กำลังคิดจะทำธุจกิจออนไลน์อยู่พอดีเลยค่ะ

 

โดย: tangmo IP: 124.122.27.131 22 มกราคม 2554 21:58:03 น.  

 

ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับคำแนะนำกำลังจะเปิดร้านอยู่พอดีเลยค่ะ

 

โดย: แบมบี้ IP: 58.8.148.39 22 มกราคม 2554 23:23:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


บ้านชวนชม
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แม่ค้าหน้าใหม่
Friends' blogs
[Add บ้านชวนชม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.