|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
31 ตุลาคม 2550
|
|
|
|
ผู้รวบรวมสิ่งของเพื่อนำส่งเข้าสู่ไปรษณีย์
จดหมาย ธนาณัติ พัสดุ ไปรษณีย์บัตร ชื่อเหล่านี้ ทุกๆคนคงคุ้นหูเป็นอย่างดี มันเป้นเส้นทางการส่งข้อความ ความคิดถึง ความห่วงใย รวมไปถึงเรื่องเงินอยู่คู่กับความเป็นไทยมานานแสนนานแล้ว
ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ ไม่ได้มีความรุ้สึก ใกล้ชิดอะไรกับ เส้นทางเหล่านี้เลย จำได้แต้ว่า ตอนเด็กๆ น่ะการเขียนจดหมายมันอยู่ในบทเรียน และเราต้องเคย ส่งจดหมายถึงเพื่อน เพราะ ครูให้ส่ง(T_T) เคยแอบส่งจดหมายจีบสาว (PenFriend)ตอนเรียนม.ต้น เรื่องธนาณัติ พัสดุไม่ต้องพูดถึง ไม่รู้ว่ามันเป็นบริการแบบไหนด้วยซ้ำ
นั่นเป็นปฎิสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย ที่มีต่อการบริการชนิดนี้ ซึ่งมันก็นานมากกก เลย ตั้งแต่ะปี25-26มั้ง แล้วผ่านมาจนถึง ปี50 ก็ได้มารู้จักกับคำอีกคำ นั่นคือ "ผู้รวมรวม" แล้วมันคืออะไรล่ะ หน้าตาเป็นไง ดุป่ะ เป็นยากไหม เจ้าผู้รวบรวมเนี่ย
มันเริ่มมาจากการที่ หลังจากที่ พ่ายแพ้ต่อการทำการค้าเปิดมินิมารท์ ในปั๊มน้ำมัน ที่แรกๆดีมากสามเดือนต่อมา ก็ยังดีอยู่ พออีกสามเดือน ต่อมา ก็โดนห้ามขายเหล้า/เบียร์ ในสถานีบริการน้ำมัน ผลงานของรัฐบาลเหลี่ยมจัด โดยไม่ต่อใบอนุญาติให้พวกกระผม ผู้ค้าขายรายกระจิ๊บกระจ้อย รายได้น้อยกำไรนิด ๆหน่อยๆพออยู่ได้ โธ่
ก็คนไทยเราชอบเที่ยว มาเที่ยวก็ต้องดื่ม กินเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าน้าเหลี่ยมห้ามขายปั๊มในเมืองก็ว่าไปอย่าง แต่เนี่ย ทะเล นะครับ ทะเล คนมาเที่ยวทะเล จะให้กินเจกันหรือไง เอาฟะ ไม่ให้ขายก็ไม่ขาย เราต้องสนองนโยบายของภาครัฐ เราเป็นคนดี ไม่ขายเหล้า ในวัด ..เอ๊ยปั๊ม
อ้อ แต่ข้างป๊ม ขายได้นะครับ ร้านชำโชว์ห่วย ข้างป๊ม ขายกันสนุกสนาน เราได้แต่มองตาปริบๆ 1เดือนในอุดมคติ ผ่านไป จากเดิมวันจันทร์-พฤหัส ขายได้วันละ5-6000บาท เหลือ พันกว่าบาท ศุกร์-อาทิตย์ 7-8000 หรือบางทีถึงหมื่น ก็มี เหลือ 3-4000 บาท ค่าใช้จ่ายเท่าเดิม ค่าไฟเท่าเดิม รายรับลดลง ก็สรุปได้ว่า ต้องปิดไปในที่สุด
หลังจากทำมาได้เกือบสองปี พอดีก่อนปิด มีตึกแถวห้องหนึ่งอยู่ตรงข้ามตลาด เจ้าเก่าเขาพึ่งย้ายออก(ไม่ไหวเหมือนกัน)ค่าเช่าไม่เท่าไหร่ ก็เลยเช่าเอากะว่าจะย้ายร้านมาที่นี่แทนก็เลยปิดร้านเก่าเอาของมาร้านใหม่ก็มีแต่ของกิน ขนมแขน๋ม ของใช้ เต็มบ้านเต็มร้าน แต่ไม่มีตังซักบาท
เท่าทุนจริงๆ เคลีย์หนี้หมดแล้วเหลือ แต่ของ ฮ่าๆๆๆ มันเจ็บ มากครับ เจ็บจริงๆ นอกเรื่องไปซะนาน วกกลับมาก่อน ทีนี้ ก็ต้องมองหาทางทำมาหากินกันใหม่ล่ะซิ นั่งคิดนอนคิด กันอยู่นาน ลองไล่ดูกันซิว่า ในตำบลเล็กๆเราที่เราอยู่เนี่ย มันมีอะไรที่ชาวบ้านเขายังไม่ได้ทำกันบ้าง ร้านหนังสือไง ..... เฮ๊.. ไม่มีใครทำ นี่หว่าลองดูเด๊ะ หาเงินไปมัดจำกับปั๊วรายใหญ่ในจังหวัดหมื่นนึง แล้วก็ไปรับหนังสือเขามาลง แล้วก็มาส่งทุกวัน .....
วันแรกขายหนังสือพิมพ์ได้ สองเล่ม 16บาท ได้15% วันแรกได้กำไรสุทธิ2.40สตางค์... ฮ่าๆๆๆ ค่าน้ำมันไม่รวมนะ วันที่สอง ขายไม่ออกซักเล่ม เอ หรือว่า คนแถวนี้ ไม่ชอบอ่านกันหว่า เอาน่า ลองดู ก่อน เด๋วคนก็รู้จัก เขาจะต้อง มาซื้อกันแน่ๆเรย วันที่สาม ยอดขาย36บาท วันที่สี่ -หก ก็ไม่ต่างจากวันที่สองซักเท่าไหร่ หนังสือพิมพ์ คืน เป็นตั้งๆ ยอดส่งห้าหกพัน หักยอดขาย สามสี่ร้อย เดี๋ยวๆ ไม่ใช่ได้ สามสี่ร้อยนะ เราได้ 10-15% จาก สามสี่ร้อย นะครับ เห็นจะเหลือทน วันที่เจ็ด เลยตัดสินใจเลิก เหอะอย่าดันทุรังกันเลยเธอ ยอดขายมันทู่เรศขนาดนี้ เราบอกเลิกเองดีกว่า ให้ปั๊ว มาบอกเลิกส่ง ขายขี้หน้าเขา
สรุปเลิก เอามัดจำคืน (หลังจากเลิกขาย หนังสือได้ไม่นานก็มีงานวิจัยออกมาว่าคนไทยเราอ่านหนังสือต่อปีน้อยมากสี่บรรทัดหรือไงเนี่ย) ... .เจ็บอีกแล้ว เซ็ง
เอาล่ะซิ แล้วจะทำอะไรกันต่อไปล่ะ เอ.. . .แถวบ้านเราเนี่ย ไม่มีไปรษณีย์เอกชนนี่ ... เออ ไม่มีจริงๆแหละ ลองดูไหม เด๋วไปหาข้อมูลก่อน แฟรนไชน์เพียบ ตามเน็ทมีให้หาข้อมูลเพียบ เราก็ลอง ดูซิว่า เขามีบริการอะไรกันบ้าง และต้องใช้ อุปกรณ์ อะไรบ้าง เครื่องชั่ง20-30 กิโล เครื่องfax เครื่องเคลือบบัตร เข้าเล่ม Comp Printer Scanner ทีนี้ ก็เริ่มสืบราคาของที่จะต้องมีประดับร้าน และก็เริ่มไปเกาะเค๊าท์เตอร์ ที่เขาทำกันแล้วเป็นการเก็บข้อมูล ผมจะใช้วิธีเปิดมือคุย เลยกับเจ้าของร้าน และส่วนใหญ่จะได้ความช่วยเหลือแนะนำอันดี (ต้องขอบคุณทุกๆท่านที่ให้ข้อมูลนะครับ)
เมื่อได้ข้อมูลของมากพอแล้ว สะระตะงบประมาณได้แล้ว อะไรแพง ก็ไว้ก่อน แต่ที่หายากที่สุด อะไรทราบไหมครับ เครื่องชั่งครับ หาซื้อยากมาก แบบ 20กิโลเนี่ย ส่วนใหญ่จะมีแต่ 50-100กิโลซึ่งแพงมาก ผมลงไปกทม เดินดูที่สะพานเหล็ก คลองถม เยาวราช ไม่มีที่ต้องการ ซักที่ ก็เลยต้องไปถามพวกที่เปิดแล้ว ตามห้าง ซึ่งส่วนใหญ่ ไม่ค่อยเจอเจ้าของ ร้านเจอแต่เด็กเฝ้าร้านซึ่งมักจะไม่รู้ว่า เฮีย ซี้อมาจากไหน ~(-___-!)~ เบอร์โทรที่เครื่องก็ไม่มีถามไปเรื่อยๆ จนไปเจอเจ้านึง เขาจะเลิกพอดี น้องเขาว่า สู้ค่าเช่าไม่ไหว (เช่าหน้าร้านแถวท่าน้ำ เดือนละ หมื่นห้า~(-___-!)~ โห..น้อง...ช่างกล้านัก)น้องเขาเลยขายให้ ไม่แพงนัก ราคาพอรับได้ มี เครื่องชั่งKro-tron คอมฯ โปรแกรม + เครื่องprinter ADP400 หัวอ่าน บาร์โคดBirch ได้มาหมด พร้อมกล่อง + ป้ายพลาสติก ทั้งหมดสองหมื่น กว่าบาท พอได้นะ ... เมื่อได้ของทั้งหมดมาแล้ว ขนกลับมาบ้าน พักของไว้
ทีนี้ ก็ไปขอใบอนุญาติ ที่ ป.ณใกล้ที่สุด ก็ในตัวเมืองไง สิบกว่าโลเอง เข้าไปขอใบคำร้องสมัคร เป็นผู้รวบรวมสิ่งของนำส่งทางไปรษณีย์ สิ่งที่ต้องแนบมีดังนี้ 1.- สำเนาทะเบียนบ้าน ผู้ร้อง 2.- สำเนาทะเบียนบ้าน สถานที่ตั้ง ถ้าเป็นอาคารเช่า ให้แนบสำเนาสัญญาเช่า 3.- บัตรประชาชน ผู้ร้อง 4.- สำเนาวุฒิการศึกษาขั้นต่ำปริญญาตรี (ข้อนี้ต้องนำเอกสารตัวจริงไปให้ จนท.ที่ป.ณ ดูเพื่อให้ทางป.ณรับรองสำเนาถูกต้อง) 5.- ภาพร่างการตกแต่งภายในร้าน ต้องมีเค๊าท์เตอร์บริการลูกค้า เครื่องชั่งที่ได้มาตรฐาน เก้าอี้ให้ลูกค้านั่งรอ เครื่องคอมฯ แน่นหนาแข็งแรงและต้องไม่สามารถรื้อถอนเคลื่อนย้ายได้โดยง่าย(ป้องกันการหลบหนี) 6.- แผนที่ สถานที่ตั้ง และการเดินทาง โดยเข้าใจง่าย 7.- ภาพถ่าย สถานที่ตั้ง การเดินทาง และมุมมองต่างๆ Frontview Sideview ,มองจากถนน 8.- ภาพสภาพในร้าน Print ลงกระดาษเท่านั้น (ไม่รับรูปแนบเพราะอาจเกิดการสูญหายได้)หากยังไม่ได้แต่งร้านให้ใช้ภาพร่าง จากข้อ5.แทนได้ หมายเหตุ .. ทั้งหมดทั้งมวลในการขอนั้น ขึ้นอยู่กับดุลย์พินิจของ จนท.ผู้รับผิดชอบใน พื้นที่ๆร้องขอ เป็นสำคัญ
จากนั้น ก็ไปยื่นเรื่อง ... แล้วก็รอ คำตอบ ว่าได้ไหม .หรือไม่ได้ เขาว่า ประมาณ 3เดือน แต่กว่าผมจะได้ก็ เกือบ6เดือน ครับ
จากนั้น ก็สะสมของ หาความรู้รอไปก่อน แต่งร้าน ทำความสะอาด อาคาร ทาสี ดูเค๊าท์เตอร์ โต๊ะ เก้าอี้สำนักงานชั้นวางของ ขอโทรศัพท์ สืบราคา เครื่องเคลือบบัตร เครื่องเจาะเข้าเล่ม Printer Scanner Fax ตู้ ชั้นวางเอกสาร และของอื่นๆปลีกย่อยอีกมากมาย เมื่อได้ข้อมูลมาทั้งหมดแล้ว ก็เปรียบเทียบราคา / คุณภาพ และหาข้อมูล กฎระเบียบ ของบ.ไปรษณีย์ไทย ไปพลางก่อน เพื่อความแม่นยำ (ยังไม่รู้เลยว่าใบจะได้ป่ะ แหะๆ) เดี๋ยวจะมาเล่าต่อ ครับผม :)
Create Date : 31 ตุลาคม 2550 |
|
36 comments |
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2556 18:35:36 น. |
Counter : 1426 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 10 มกราคม 2551 0:42:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: รวิษฎา 10 มกราคม 2551 1:07:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: Nagano 10 มกราคม 2551 4:52:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: pigarea 10 มกราคม 2551 5:08:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: nuuyin 10 มกราคม 2551 6:45:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: Tony Koon (tk_station ) 10 มกราคม 2551 9:10:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: issy (my issy ) 10 มกราคม 2551 10:03:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าหู้เองค่ะ (fifty-four ) 10 มกราคม 2551 10:51:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: dang1234 10 มกราคม 2551 11:49:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: Tang_tpr 10 มกราคม 2551 12:13:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: โสดในซอย 10 มกราคม 2551 12:19:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: zunzero 10 มกราคม 2551 13:09:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: veeda 10 มกราคม 2551 15:16:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: จ่าหมาน 10 มกราคม 2551 15:44:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าตุ้ย (amornsri ) 10 มกราคม 2551 16:15:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: eiffel_n 10 มกราคม 2551 17:41:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: กุ้งกลม 10 มกราคม 2551 19:59:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: Takaw (Takaw ) 10 มกราคม 2551 20:46:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าตุ้ย (amornsri ) 23 มกราคม 2551 12:46:31 น. |
|
|
|
| |
|
|
otto |
|
|
|
|
แวะมา Say Happy Birthday!!!!! ครับและมีเค้กวันเกิดมาฝากด้วยครับ
และมาชวนไปพิชิตภูกระดึงด้วยกันครับ
สามารถคลิกที่ภาพเพื่อมาเที่ยวด้วยกันครับ