My Love...(1)
หลังจากชั่วโมงเลิกงานของวันสุดท้ายของเดือน บนท้องถนนเต็มไปด้วยรถยนต์หลากหลายสีหลากหลายยี่ห้อ รวมถึงผู้คนที่เดินกันอย่างหนาตาตามริมฟุตบาท มุ่งหน้าไปสู่จุดหมายของตัวเอง อาจจะรีบกลับบ้าน หรือรีบไปธุระอย่างอื่นซึ่งตัวผมเองไม่อาจรู้ได้ ส่วนตัวผมเองก็มีจุดหมายของผมเหมือนกันซึ่งตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนรถเมย์ปรับอากาศมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารร้านโปรดที่ตัวผมกับแฟนใช้เป็นจุดนัดหมายในเย็นวันนี้ ขณะนี้บนรถเมย์แออัดไปด้วยผู้คนหลากหลายอาชีพ รวมไปถึงนักเรียนนักศึกษา แล้วก็หนีไม่พ้นกลิ่นหลากหลายสไตส์ที่พากันฉีดติดตัวมา กลิ่นนี้อบอวนไปทั่ว ผมไม่รู้ว่าคนอื่นเขาจะได้กลิ่นเหมือนกับผมหรือเปล่า แต่ตอนนี้ผมท่าจะแย่ เพราะเห็นทีคงจะเวียนหัวเพราะกลิ่นน้ำหอม
สภาพจราจรในตอนนี้ติดแน่นและก็ยังไม่มีทีท่าจะขยับเลยแม้แต่นิด
“รู้อย่างนี้ขึ้นรถไฟฟ้าตั้งแต่แรกก็ดี” ผมนึกอยู่ในใจ ผมดูนาฬิกาข้อมือตอนนี้ทำให้ผมรู้สึกร้อนไปทั่วทั้งตัว อีก 15 นาทีจะถึงเวลานัด
“ตายสิคราวนี้ แล้วอย่างนี้จะไปทันหรอนี่”ผมพึมพำกับตัวเอง คิดกลัวว่าแฟนจะงอนเรื่องไปสาย แล้วคิดกลัวไปต่างๆนาๆ ผมนึกขึ้นได้ว่าควรโทรไปบอกเธอให้รู้ก่อน ผมล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาจากกางเกงแต่แบตเตอรี่กับหมดชะงั้น ผมเริ่มไม่อยู่นิ่ง หันซ้ายหันขวา เอามือเกาหัวบ้าง เหงื่อก็ผุดออกมาจากรูขุมขนเพราะความกระวนกระวาย ดูทีท่าของรถคงไม่ขยับง่ายๆ ผมตัดสินใจลุกขึ้นเดินแหวกทางออกมาหน้าประตูรถไปกดกริ่งขอลง รถเมย์เปิดประตูให้ ผมรีบก้าวลงจากรถทันทีโดยไม่ได้สนใจอะไร
“ไอ้บ้า...อยากตายหรือไงวะ”เสียงของคนขับรถมอร์ใชต์ตะโกนใส่ผม ผมยืนนิ่งหน้าจื่นของผมหันไปมองเขาล้อรถของเขาเขาประชดตัวผมมากมากจนผมสามารถยื่นมือแตะไหล่ของเขาได้โดยไม่ขยับเข้าไป สีหน้าของเขาดูโมโหจัด คงกลัวว่าผมจะตายเพราะเขาหรือว่ากลัวรถของเขาบุบสลายหรือเปล่าผมก็ไม่ทราบถึงความคิดของเขา แต่ที่ผมทราบแล้วก็รู้ว่าตอนนี้ สมองของผมมันรีบสั่งการให้ผมรีบก้าวขาออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
ผมเดินไปตามฟุตบาทกวาดสายตาไปทั่วเพื่อหาวินมอร์ไชต์รับจ้าง โชคช่างไม่เข้าข้างผมเสียเลย มองไปทางไหนก็ไม่เห็นวินมอร์ไชต์ที่ว่าแม้แต่คันเดียว แต่โชคก็ยังไม่ถึงกับว่าไม่ถึงจดมือชะทีเดียวที่ไม่โดนกระทืบ ที่ไปเดินชน และเหยียบเท้าเขา โดยไม่ขอโทษ แถมหันกลับมามองแล้ววิ่งหนีไปโดยไม่สนใจใคร

ผมกระกระสนมาถึงร้านอาหารจุดนัดหมายกับแฟนผมจนได้ ผมยืนหายใจหายคออยู่หน้าร้านชักพักแล้วค่อยผลักประตูเข้าไป ผมมองเห็นหน่อยแฟนผมมานั่งคอยอยู่แล้วผมหางตามองไปยังนาฬิกาของร้าน นาฬิกาบอกผมว่าผมมาช้า 12 นาทีนะ ผมรีบเข้าไปนั่งต่อหน้าเธอ
พอก้นผมจะลงประชิดกับเก้าอี้ตัวสวยของร้าน ผมพยายามจะอ้าปากอธิบายเรื่องที่ผมมาสายเธอกลับไม่ฟังคำอธิบายของผมเธอบอกให้ผมไม่ต้องพูดอะไร ตรงกันข้ามเธอหยิบผ้าเช็ดหน้ารายดอกสีชมพูที่ผมซื้อให้เธออาทิตย์ที่แล้วเอื้อมมาเช็ดเหงื่อให้ผม
“ไปวิ่งมาราทอนแห่งกับใครมาหรอคะ”เธอพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะ แต่มันกลับทำไห้ตัวผมอึ้งในตัวเธอเพราะแต่ก่อนเธอจะงอนแล้วเดินหนีผมไปต้องให้ผมตามไปง้อ แต่เสียงหัวเราะของเธอก็ทำให้ผมอมยิ้มออกมา ระหว่างนั้นพนังงานก็เอาเมนูมาให้สั่งอาหาร เราสองคนสั่งอาหารคนละ2 อย่าง และข้าวสวย คนละจาน ระหว่างที่รออาหารอยู่นั้นเธอเล่าว่าตอนที่ผมวิ่งมา เธอเห็นผม เพราะขณะนั้นเธอนั่งอยู่ท้ายรถวินมอร์ไชต์รับจ้างพอดีหันหน้ามาทางนี้พอดีตอนแรกก็ไม่แน่ใจแต่พอผมเดินเข้ามาในร้านเธอถึงได้แน่ใจและพยายามกลั้นหัวเราะไว้
ผมกับเธอนั่งทานอาหารกันอยู่พักใหญ่แล้วตบท้ายด้วยขนมหวามคนละอย่าง หลังจากที่เราสองคนรับประทานอาหารมื้อเย็นนี้เสร็จเราสองคนพากันไปดูหนังแล้วไปต่อกันที่ห้องร้องคาราโอเกะ วันนี้ผมมีความสุขมากเลยครับและผมก็เชื่อว่าเธอก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับผม
ผมกับหน่อยเดินออกมาจากห้องคาราโอเกะก็ชักประมาณเที่ยงคืนเศษๆได้ ผมอาสาที่จะนั่งรถไปส่งเธอถึงบ้านแต่เธอปฏิเสธ เธอบอกว่าไม่เป็นไร แล้วเธอหาเหตุผลมาอ้างทั้งเรื่องที่ผมต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานซึ่งเธอบอกต่อว่าพรุ่งนี้เธอไม่มีเรียนงานก็ไม่ได้ไปทำเพราะเป็นวันหยุดของเธอ ผมโบกแท็กซี่ให้เธอนั่งกับบ้าน
“หน่อยกับบ้านดีๆนะ… ถึงแล้วโทรมาบอกพี่ด้วยนะครับ”ผมบอกกับหน่อย แล้วเปิดประตูให้หน่อย หน่อยหันมายิ้มให้ผม
“ค่ะ พี่ก็เช่นกันนะคะ”
“ครับ...โชคดีนะ ...อ้อ อย่าลืมของขวัญวันเกิดพี่ล่ะ”ผมปิดประตูรถแล้วรถก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออก ผมมองตามท้ายแท็กซี่คันที่หนร่อยนั่งจนกระทั้งรถรถแล้วไปอีกทางผมถึงเดินมาห้ามฝั่งเรียกแท็กซี่นั่งกลับบ้านนอนเอาแรงเพื่อตื่นเช้าทำงานต่อพรุ่งนี้

หลังจากที่ผมถึงบ้านผมรีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำมานั่งดูทีวีรอโทรศัพท์หน่อยผมนั่งดูหนังที่ผมเช่าเมื่อวันก่อนจบจบเรื่องก็ยังไม่มีโทรศัพท์จากหน่อย ผมตัดสินใจหยิบโทรศัพท์โทรถึงเธอเสียงหวานๆ ปลายทางตอบกลับมาว่าไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางที่ท่านเรียกได้ ผม กดวางแล้วต่อสายอีกครั้งเสียงตอบรับก็เหมือนเดิมผมเลยวางโทรศัพท์ลงรอเธอโทรกลับมาเพราะคิดว่าแบตเตอรรี่โทรศัพท์ของเธอคงหมด หันแหงนหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่ติดไว้ที่ฝาผนัง ตีสาม หน่อยก็ยังไม่โทรมา ผมต่อสายถึงเธออีกครั้งก่อนที่จะเข้านอนปลายทางก็ตอบกลับมาอย่างเดิมคำพูดเดิม คนเดิมพูด ผมได้แต่คิดว่าเธอคงนอนหลับแล้วส่วนโทรศัพท์เธอคงปิดมันแล้วซาร์ทแบตเตอรี่ ผมวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้วหลับไป
จุกกรู้ จุกกรู้ ๆๆๆๆๆ เจ้านาฬิกาปลุกคู่กายของผมมันส่งเสียงตะโกนปลุกให้ผมตื่น ผมงัวเงียตื่นขึ้นปิดขี้เกียจ ลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป หลังจากที่ผมอาบน้ำแต่งตัวและทานข้าวเช้าเสร็จผมรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายถึงหน่อย
“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ”หลังจากที่สินเสียงตอบรับผมกลับต้องพึมพำออกมา
“อะไรหน่อยยังไม่ตื่นอีกหรอ”
“ อือ...เธอคงเหนื่อย วันนี้ก็วันหยุดของหน่อย หน่อยตื่นเดี๋ยวเธอก็โทรมาเองล่ะน่า”ผมปลอบใจตัวเอง แล้วหยิบกระเป๋าก้าวออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังที่ทำงาน
ผมทำงานเพลินมองดูนาฬิกาอีกทีก็เที่ยงครึ่งแล้ว ผมปิดขี้เกรียจ แล้วหยิบโทรศัพท์โทรหาหน่อย
“ให้ตายเถอะ ทำไมหน่อยไม่เปิดเครื่อง หรือไปทำอะไรอยู่ที่ไหนถึงไม่มีคลื่นนี่”ผมชักหงุดหงิดกับหน่อย ทั้งห่วง กลัวว่าจะเป็นอะไร
“หรือว่าอยู่กับใคร....”ความคิดเรื่องชู้ก็แว็บเข้ามาในหัวของผมทันที
เจ้าทุยอยู่ไหน เจ้าทุยอยู่.......ผมสะดุ้งเมื่อเสียงโทรศัพท์เมื่อเสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น
“ฮัลโหล”ผมกรอกเสียงเข้าไปในโทรศัพท์
“เฮ้ยต่อมึงไม่มาทานข้าวหรอพี่รอยู่นะ”เสียงหวานๆของพี่จ๋าดังออกมาจากโทรศัพท์
“อ้อ ครับเดี๋ยวผมลงไปครับ”
“เร็วๆนะหิวแล้ว”ผมกดวางสายโทรศัพท์แล้วเดินลงไปทานข้าว
ช่วงบ่ายผมพยามติดต่อหน่อยหลายครั้งแต่ก็เหมือนเดิม ทำให้ผมกระวนกระวายไม่มีสมาธิทำงานคอยคิดแต่เรื่องของหน่อย
“อือ เดี๋ยวท่ายังโทรไม่ติด เลิกงานค่อยไปหาที่บ้านเลยแล้วกัน” ผมถอนหายใจหนึ่งทีแล้วหันหน้าไปประชันกับเจ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ทำงานที่ค้างต่อให้เสร็จ
เวลา 18 นาฬิกา 30 นาที เลยเวลาเลิกงานขอผมมาแล้วหนึ่งชั่วโมงครึ่งผมเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน ไม่ใช่สิผมต้องแวะไปเจอหน่อยที่บ้านของเธอก่อน
เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นขณะที่ผมกำลังทำธุระในห้องน้ำผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เบอร์ที่โชว์เป็นเบอร์ที่ผมไม่คุ้นเอาเสียเลย ผมเอาโทรศัพท์แนบไว้ที่หูด้านซ้ายแล้วกรอกเสียงทักทายปลายทางลงไปโทรศัพท์ เสียงคุ้นๆที่ผมได้ยินจากปลายทางทำให้ผมยิ้มออก
“หน่อยหรอ หน่อยอยู่ไหน ผมโทรหาทั้งวันไม่ติดเลย หน่อยทำอะไรอยู่หรอ แล้วเมื่อคืนกลับถึงบ้านกี่โมง...........”ผมถามเธอเป็นชุด และก็พูดยังไม่ทันหมด
“เดี๋ยวก่อนซิคะ ค่อยๆถามก็ได้ไม่ต้อรีบ”เธอหยุดผม หลังจากที่ผมได้ถามเรื่องที่ผมอยากถามเธอหมดถึงทีของเธอจะต้องบอกเรื่องที่เธอเตรียมมาบอกผม เธอบอกว่าที่เมื่อคืนผมโทรไม่ติดเพราะโทรศัพท์มันไม่มีคลื่น เธอไปทำธุระกับญาติผู้ใหญ่ที่ต่างจังหวัด พอเธอถึงบ้านก็ออกเดินทางเลย แล้วเธอก็ลืมโทรมาบอก ตอนนี้เลยซื้อบัตรเติมเงินแล้วยืมโทรศัพท์ของญาติโทรมา เธอบอกว่าเธอก็รู้สึกผิดเมือนกัน เธอขอโทษผม เราสองคนคุยกันอยู่นานพอสมควร จนเสียงโทรศัพท์ดังเตือนว่าแบ็ตเตอร์รี่ใกล้หมดแล้วผมกับเธอถึงวางสาย แต่ผมลืมไปสนิทว่าเธอจะกลับมาวันไหน ผมจึงหยิบเหรียญไปหยอดตู้โทรศัพท์ข้างล่างตึงโทรหาหน่อย ต่อสายไปยังเบอร์ที่เธอโทรหาผมเมื่อกี้ ผมพยามกดถึงเธอหลายครั้งเพื่อความแน่ใจแต่ปลายทางก็ตอบกลับมาว่าเป็นเบอร์ว่างยังไม่เปิดใช้บริการ ผมหมดปัญญาได้แต่ถอยแล้วภาวนาว่าเธอคงไม่ลืมวันเกิดของผมและเธอคงต้องกลับมาเป่าเค้กกับผม

ติดตามต่อนะครับ............................



Create Date : 25 กรกฎาคม 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 20:31:14 น.
Counter : 310 Pageviews.

1 comments
  
ตามมาอ่าน
โดย: +DidYouKnowMe+ วันที่: 19 พฤศจิกายน 2551 เวลา:19:57:22 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

azui07
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



สวัสดี......
คำ คำ เดียว
สามารถสร้างมิตรได้นับล้าน...
เพียงแต่พูดมันออกมา พร้อมกับรอยยิ้ม ก็เท่านั้นเอง
:online ติดต่อเรา
กรกฏาคม 2551

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
31
 
 
25 กรกฏาคม 2551