ข่าวคราว คนเล็ก "หัวใจโต" "เด็กค่ายรุ่นพิเศษ" ศึกษาธรรมชาติที่เขากระโจม หนีความจำเจของการเมืองกระแสหลัก ที่ยังถกเถียงกันไม่จบว่าจะแก้หรือไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราไหนดี หันไปสอบทานปัญหาสังคม ด้วยการตระหนักและเอาใจต่อสิ่งแวดล้อม และเด็กนักเรียนที่อยู่ห่างไกลและขาดโอกาสกันบ้างดีกว่า ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนๆ ก้าวขึ้นมาบริหารประเทศ เมื่อพูดถึงเรื่องการศึกษาและเด็กด้อยโอกาสในชนบทแล้ว ทุกรัฐบาลต่างป่าวประกาศว่าจะเข้าไปพัฒนาและดูแลอย่างใกล้ชิด จะทำให้โอกาสทางการศึกษาของเด็กในชนบทได้ทัดเทียมกับเด็กในเมือง (บ้าง) แต่นั่นคงจะเป็นได้แค่คำแถลงนโยบายที่สวยหรู ยากที่จะเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง และความจริงที่ไปประสบที่ โรงเรียนสินแร่สยาม ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ก็ยิ่งตอกย้ำถึงความด้อยโอกาสและขาดแคลน ไม่ว่าจะอุปกรณ์การเรียน อาหารเสริม หรือแม้กระทั่ง "รองเท้าแตะ" ก็ยังไม่มีจะใส่ ! หลังเสร็จภาระในค่ำวันหนึ่ง กระจิบข่าวกลุ่มย่อยๆ ที่เคยพูดคุยระดมความเห็นกันมาหลายรอบแล้วว่าจะร่วมกันแสดงพลัง "แบ่งปัน" สิ่งที่มีให้กับเด็กๆ ที่อยู่ในชนบทกันอย่างน้อยปีละครั้งก็ได้ข้อสรุปว่า "สวนผึ้ง" ที่อยู่ติดชายแดนไทย-พม่า น่าจะเป็นเป้าหมายที่เหมาะสม ส่วนหนึ่งของน้ำใจที่นำไปมอบให้เด็กๆ ที่ ร.ร.สินแร่สยาม ด้วยการประสานของ "มูลนิธิกระต่ายในดวงจันทร์" ที่เข้าไปดูอยู่ในพื้นที่มาหลายปีแล้ว โดยเข้าไปปลุกเร้ารณรงค์ให้เยาวชนตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติและป่าไม้ที่มีต่อชีวิตมนุษย์ "ผ้าห่ม นม หนังสือ เครื่องเขียน สมุดวาดรูป ฯลฯ ขาดแคลนอยู่เยอะค่ะ มีอะไรจะให้น้องก็จัดมาได้" คำบอกกล่าวของ "คุณเอื้อง" จากมูลนิธิกระต่ายในดวงจันทร์ และเล่าต่อถึงความยากไร้ของเด็กที่นั่นว่า "เวลามีผู้ใจบุญมาจัดเลี้ยง เด็กบางคนจะกินแล้วกินอีกไม่ยอมอิ่ม จนบางครั้งอาเจียนออกมา ไม่ใช่ว่าเขาตะกละนะแต่เขามีเหตุผล เขาบอกว่ากินเผื่อวันพรุ่งนี้" ...ทำเอาคนฟังถึงกับอึ้ง ! ทีมงาน "คนตัวเล็กแต่ใจใหญ่" จึงระดมแรงใจจาก พวก-เพื่อน-พี่ ไม่ว่าอยู่ที่ไหน แม้จะไม่ได้อยู่ใต้ชายคามติชน ต่างได้รับการชักชวนมารวมน้ำใจกันพร้อมหน้า ไม่เว้นกระทั่ง "พี่เส" เสรี สุวรรณภานนท์ ได้ผ้าห่ม เสื้อ และลูกฟุตบอลจากไทยเบฟฯ พร้อมกับหอบสมุดดินสอปากกามาสมทบ ส่วน "พี่วัฒน์" อภิวัฒน์ บัวพันธ์ นักกฎหมายมือดีจากพรรคชาติไทย ก็ไม่ยอมพลาดงานบุญเช่นกัน เอาเข้าจริงไม่เพียงแต่เด็กนักเรียนจะขาดโอกาสทางการศึกษาเท่านั้น โอกาสทางสังคมที่จะได้ชื่อว่า "คนไทย" ก็ยังไม่มีสิทธิด้วย ส่วนใหญ่เด็กที่เข้าเรียนที่โรงเรียนสินแร่สยามเป็นเด็กไร้สัญชาติ บรรดาเด็กนักเรียนที่มาร่วมงานมูลนิธิ หรือที่เรียกกันว่า "เด็กค่าย" ที่รุ่นหนึ่งจะมีอยู่ประมาณ 60-70 คนนั้น แทบจะไม่มีใครได้รับ "สัญชาติไทย" เลย ปัญหาก็เนื่องมาจากพ่อแม่เข้าเมืองผิดกฎหมาย ก็เลยทำให้ลูกๆ แม้จะเกิดบนผืนแผ่นดินไทยมีสภานภาพทางกฎหมายที่เคว้งคว้างไร้สัญชาติอยู่อย่างนี้ จะมีก็แต่ "คือพอ" สาวน้อยที่ได้รับสัญชาติไทยมาไม่นาน ซึ่งเจ้าตัวย้อนเหตุการณ์วันที่ไปถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนว่า "เป็นวันที่ดีใจที่สุดในชีวิต คนอื่นๆ วันไปถ่ายบัตรอาจจะรู้สึกเฉยๆ แต่สำหรับหนูมันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก" จะว่าไปแล้วเรื่องเด็กไร้สัญชาตินี้มีหลายหน่วยงานพยายามจะเข้าไปแก้ไขเยียวยา แต่เพราะเป็นประเด็นอ่อนไหวและเกี่ยวพันเรื่องความมั่นคงของชาติ จึงขยับทำอะไรกันได้ไม่มาก แต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่เหนือความขาดแคลนของเด็กกะเหรี่ยงที่สวนผึ้งก็คือ ความมุ่งหวังที่จะรักษาสภาพป่าของชุมชนให้คงอยู่ เขาอยากเห็นความเขียวชอุ่มตลอดปีของป่าไม้ใกล้บ้าน "เอนิ" เด็กค่าย เล่าระหว่างรถโฟร์วีลกำลังตะกายขึ้นสู่ป่าเขากระโจม เทือกเขาตะนาวศรี ห้องเรียนธรรมชาติที่มูลนิธิ มักจะจัดให้เด็กทั้งจากชุมชนสวนผึ้ง และเด็กจากชุมชนเมืองมาร่วมเรียนรู้ธรรมชาติว่า "ตั้งแต่ตัดถนนดำขึ้นเขากระโจม สังเกตเห็นได้ชัดเจนว่าต้นไม้ใหญ่หายไปเยอะ" นั่นเป็นเสียงสะท้อนของเด็กหญิงวัย 10 ขวบเศษ ที่คลุกคลีกับป่าไม้มาเกือบตลอดชีวิตของเธอ เด็กค่ายของมูลนิธิจะได้รับการถ่ายทอดอุดมการณ์และแนวคิดในการรักษาป่ากระโจม ตามคอนเซ็ปต์ "คน ต้นไม้ ป่าไม้ อยู่ร่วมกัน เกื้อกูลกัน อย่างยั่งยืน" การสอดแทรกปลูกจิตสำนึกผ่านทางการละเล่น ศิลปะ และดนตรี กิจกรรมที่เหมาะกับวัยของเด็กเพื่อให้เขาทำกิจกรรมด้วย "ความสนุก" อยากเพิ่มพื้นที่สีเขียว ถ้าวันนี้เราท่านทั้งหลายยังไม่รู้จักรักษาป่าของเดิม นอกจากต้นไม้ใหม่จะไม่เกิดแล้วของเดิมก็นับวันจะสูญสลาย...มาช่วยกันปลูกและรักษ์ป่าแก้ปัญหาโลกร้อนกันเถอะ ที่มา มติชน: 30 มี.ค.51 ขอบคุณที่นำมาให้อ่านนะคะ
โดย: Moon OF JulY วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:7:53:01 น.
|
meenna
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] Group Blog All Blog |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |