เก็บความทรงจำ..(^_^)..ความสนใจ โลกส่วนตัว ที่เราสร้างเอง
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
25 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
หนุ่มบ้านไร่ฯ ตอนที่ 3-1

หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ  ตอนที่ 3 

เสียงกริ่งดังขึ้น นับดาวกับอลิสาอยู่ตรงหน้าต่างชั้นบน แอบมองลอดผ้าม่านออกไป เห็นปราบ ปกป้อง และน้อยหน่า ยืนกดกริ่งอยู่

       “อย่าออกไปนะดาว พวกนี้มันดูเพี้ยนๆยังไงไม่รู้” อลิสาบอก
       “เล่นตามตื๊อน้าอะซ่าถึงบ้านเลยเหรอ น่ากลัวจัง แจ้งความดีไหมคะ” นับดาวถามความเห็น
       “ช่วงนี้น้าไม่อยากให้เป็นข่าวน่ะ อยู่เงียบๆดีกว่า”
       “ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามันปีนรั้วบุกเข้ามา ยังไงก็ต้องโทรแจ้งตำรวจนะคะ”
       “ถ้าถึงขนาดนั้นก็ต้องแจ้งล่ะ แต่น้าว่าคงไม่ทำขนาดนั้นหรอก” อลิสาชะเง้อมองหน้าบ้านอย่างไม่ค่อยสบายใจ

       ที่หน้าบ้าน ปราบชักหงุดหงิด...
       “เอ รถก็อยู่ แต่ทำไมไม่ลงมาเปิดประตูนะ”
       ปกป้องถอนใจ
       “ก็บอกแล้ว เขาคงนึกว่าอาจะมาตื๊อเขา เขาไม่มาเปิดให้หรอก วันหลังค่อยมาใหม่เถอะ”
       น้อยหน่าดีใจ
       “เย้ ไชโย”
       “ไม่ได้นะครับ ผมอุตส่าห์ขับมาถึงที่นี่แล้ว” ปราบแย้ง
       “ยังไงเขาก็ไม่ออกมาพบหรอก อาขอโทษว่ะที่ทำเสียเรื่อง แต่ว่า...วันนี้เรากลับก่อนเถอะ”
       “นั่นน่ะสิคะ กลับเหอะพ่อ” น้อยหน่าสนับสนุน
       “เธอเงียบไปเลย”
       “ถือว่าอาขอร้อง อย่าทำให้เขาลำบากใจเลย เดี๋ยวเขาจะยิ่งเกลียดขี้หน้าอาเข้าไปอีก”
       ปราบมองปกป้อง แล้วก็ถอนใจเบาๆ
       “ก็ได้ครับ”
       “ขอบใจ”
       ปราบขึ้นรถรถหน้าเซ็งๆ ปกป้องตามขึ้นมาหน้าเศร้า น้อยหน่ายิ้มร่า
       “งั้นก่อนกลับเราแวะห้างดีไหมคะ ไปหาอะไรอร่อยๆกินกัน ดูหนังซักเรื่อง แล้วขอหนูเดินช็อปปิ้งด้วยนะคะ แป๊บเดียวนะคะ สัญญา นานๆหนูจะได้เข้ากรุงเทพ นะคะป๊าขา...”
       รถของปราบวิ่งไปตามถนนจนลับตา

       ร้านหนังสือในห้างสรรพสินค้า...นับดาวใส่แว่นกันแดด เดินเข้ามาในร้านหนังสือ มาที่หมวดหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊ค เธอยกแว่นขึ้น พนังงานเดินมาผ่านมาเห็นเธอ จำได้ก็อมยิ้ม สักพักก็หายไป กลับมาพร้อมเพื่อน ทำมาเป็นจัดหนังสือ แต่แอบดูหน้าเธอแล้วก็อมยิ้ม ขำๆ นับดาวชักรู้สึกผิดปกติ เธอเลือกหนังสือได้ เดินมาจ่ายเงินที่แคชเชียร์
       “3 รายการ 640 บาทค่ะ”
       นับดาวหยิบกระเป๋าตังค์ แคชเชียร์มองซ้ายขวาแล้วกระซิบ
       “พี่ใช้บัตรพนักงานหนูซื้อไหมคะ ลดราคาได้ 20 เปอร์เซ็นต์นะคะ”
       นับดาวงง
       “ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ หนูรู้ว่าพี่ไม่ค่อยมีตังค์”
       “ว่าอะไรนะคะ”
       “อ้าว ก็พี่นับดาวถังแตกอยู่ไม่ใช่เหรอคะ”
       นับดาวหน้าเครียด
       “นี่คุณ...ว่าใครถังแตกพูดดีๆนะ”
       แคชเชียร์หน้าเสีย หยิบหนังสือพิมพ์บันเทิงให้ดู
       “ก็หนูอ่านจากในนี้อ่ะค่ะ”
       นับดาวเอาหนังสือพิมพ์มาดู แล้วก็ตาโต ตะลึงพรึงเพริด

       เมื่อกลับมาบ้าน นับดาวยื่นหนังสือพิมพ์ให้อลิสาดู
       “อะไรเหรอ”
       อลิสาเปิดดู แล้วร้องกรี๊ด บนหน้าปกหนังสือพิมพ์บันเทิงมีรูปจากคลิปที่ลูกค้าถ่ายอลิสาในโรงรับจำนำ เห็นหน้าอลิสาชัดเจน พร้อมพาดหัว
       " ไฮโซถังแตก!!!???? แจ๋นเข้าโรงจำนำกลางวันแสก ทำปายด๊ายยยย"
       นับดาวหยิบมาอ่านข้อความ ให้อลิสาฟัง
       “ผู้หญิงที่กำลังเอาแล็ปท้อปไปจำนำนั้น ใบหน้าช่างคล้ายคลึงเหลือเกินกับน้าสาวที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของของนับดาวไฮโซจอมฉาว ยิ่งกว่านั้น แล็ปท้อปที่เอาไปจำนำก็คล้ายคลึงเหลือเกินกับแล็ปท้อปของนับดาว จนนำไปสู่ข่าวลือสนั่นวงการว่านับดาว เซเล็ปสาวชื่อดังนั้น กำลังถังแตกบ่จี๊จริงหรือ”
       นับดาววางหนังสือพิมพ์ลงกับโต๊ะ
       “โอย น้าจะเป็นลม”
       อลิสาวิงเวียนจริงๆไม่ได้มุข นับดาวต้องรีบวิ่งมาประคอง หยิบยาดมให้
       “ใจเย็นค่ะน้าอะซ่า”
       “น้าขอโทษนะดาว น้าประมาทไปจริงๆ ไม่คิดเลยว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ได้”
       “ช่างมันเถอะค่ะน้าอะซ่า ไม่ใช่ความผิดน้าซะหน่อย”
       อลิสาสติแตก
       “แล้วอย่างงี้เราจะไงดีเนี่ย เราไม่ต้องหนีความอับอายย้ายไปอยู่ต่างประเทศเลยเหรอ แล้วจะย้ายไปประเทศไหนดีเนี่ย ประเทศไหนๆก็มีคนไทยไปอยู่หมดแล้ว ไปประเทศเล็กๆในแอฟริกาดีมั้ย อาจจะยังไม่มีคนไทยอยู่นะ”
       “น้าอะซ่าขา ตั้งสติหน่อยค่ะ เรื่องมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอกค่ะ”
       “แต่ว่า...รูปมันลงหนังสือพิมพ์ขนาดนี้ แถมเห็นหน้าน้าชัดด้วย แล้วจะให้ทำยังไง”
       “ดาวว่านิ่งๆไว้ ปล่อยให้มันลือกันไป ถ้ามีใครมาถามก็บอกว่า...ว่า...เอ่อ...ตอนนี้ยังนึกไม่ออกว่าเข้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ค่อยๆนึกไปก่อนก็ได้ค่ะ”
       “งั้นปิดมือถือก่อนเนอะ นึกเหตุผลออกแล้วค่อยเปิดเครื่อง”
       “ก็ดีค่ะ”
       อลิสารีบปิดมือถือ นับดาวหยิบมือถือเธอออกมา กำลังจะปิดบ้าง เครื่องก็ดังซะก่อน นับดาวสะดุ้ง
       “ใครอ่ะ”
       “ชนะชัยค่ะ...สงสัยเรื่องนี้แน่เลย”
       นับดาวตั้งสติครู่หนึ่ง ค่อยรับสาย
       “สวัสดีค่ะชนะชัย...อ๋อ เห็นแล้วค่ะ...ฮิๆๆๆ เรื่องไร้สาระน่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...อ๋อ...เอ่อเดี๋ยวเย็นนี้อธิบายให้ฟังละกันนะคะ...แค่นี้ก่อนนะคะ ดาวกำลังประมูลเครื่องลายครามทางอินเตอร์เน็ตอยู่ค่ะ เดี๋ยวเสียสมาธิ...ค่ะ...เจอกันค่ะ”
       นับดาววางสาย
       “ว่าไง”
       “คุณจ๊อบเค้าสงสัยเรื่องข่าวนั่นแหละค่ะ เรามีเวลาหาข้อแก้ตัวถึงตอนเย็น”
       อลิสาเงียบไป แล้วก็นั่งสมาธิ เอานิ้วแตะน้ำลาย แล้วเอาไปวนๆสองข้างที่หน้าผากแบบอิ๊กคิวซัง
       “ทำอะไรอ่ะน้าอะซ่า”
       “ใช้หมองนั่งมาติ๊ไง เผื่อจะคิดออก”
       นับดาวหัวเราะ
       “ติงต๊องจังเลยน้าอะซ่าอะ”
       สองอาหลานหัวเราะกัน

       นับดาวมากินข้าวกับชนะชัยและชัชฎาที่บ้านของเขา นับดาวยิ้มแย้มพูคุยอย่างปกติ
       “เรื่องโรงรับจำนำเป็นเรื่องจริงค่ะ ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดอะไรหรอกค่ะ”
       ชนะชัยกับชัชฎาอึ้งๆไป
       “ไหน เมื่อเช้าคุณดาวบอกว่า...”
       “แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยค่ะ น้าอะซ่าเข้ามาหลายครั้งแล้วค่ะ นาฬิกามั่ง แหวนมั่ง สร้อยมั่ง”
       ชัชฎาถอนใจ มองหน้าชนะชัยอย่างอึดอัด
       “เอ่อ คุณดาวเดือดร้อนเรื่องเงินขนาดนั้นเลยหรือครับ”
       นับดาวทำเป็นงง มองหน้าชนะชัยกับชัชฎา แล้วก็หัวเราะเสียงดัง
       “ตายละ...ขอโทษค่ะ ดาวเล่าไม่ละเอียด คุณชนะชัยกับคุณแม่เลยเข้าใจผิดกันไปใหญ่...ไม่ใช่ เรื่องเงินหรอกค่ะ”
       “แล้วมัน...ยังไงเหรอครับ”
       “ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องเงิน แต่มันก็เป็นเรื่องค่อนข้างน่าอายอยู่เหมือนกัน ขอความกรุณาเก็บเป็นความลับด้วยนะคะ”
       ชัชฎารีบบอกด้วยความอยากรู้
       “ไม่มีปัญหาหรอกจ้ะ เล่ามาเถอะ”
       “คือน้าอะซ่าของดาวน่ะค่ะ มีอยู่วันนึง ไปเดินเล่นแล้วไปปิ๊งอาเฮียคนหนึ่งเข้า ปรากฏว่าอาเฮียเขาเป็นเจ้าของโรงรับจำนำ น้าอะซ่าเลยสานสัมพันธ์ด้วยการเอาของไปเข้าโรงรับจำนำ ตอนแรกก็เอาทีวีเก่าๆพัดลมเก่าๆไป จนของเก่าๆหมดบ้าน ก็ยังไม่เป็นแฟนกันซักที ดาวก็เลยแนะนำให้เอาของใหม่ๆแพงๆไปจำนำมั่ง เผื่อจะกระตุ้นความสนใจของอาเฮียได้บ้าง ก็เลยกลายเป็นนาฬิกาบ้างอะไรบ้าง จนหมดมุข ทองคำก็ไม่ค่อยมีเพราะดาวซื้อแต่กองทุนทองคำไว้ หาอะไรไม่เจอดาวก็เลยหยิบแล็ปท้อปให้ไป”
       “อ๋อ อย่างงี้นี่เอง มิน่า ถึงออกมาแก้ข่าวไม่ได้”
       “ค่ะ ถ้าแก้ข่าว อาเฮียรู้ตัว ไก่ก็ตื่นสิคะเลยต้องทำเงียบๆ”
       ชัชฎาพยักหน้า พอใจที่ได้ฟังอย่างนั้น
       “แปลว่าคุณน้าของดาวเป็นพวกอ้อมค้อมสินะ ป่านนี้แล้วถึงยังไม่รู้เรื่องกันซักที ถ้าเป็นฉันล่ะก็ ครั้งสองครั้งก็เคลียร์แล้วว่าจะเอายังไง”
       “แหม เรื่องแบบนี้มันไม่เหมือนการเจรจาทางธุรกิจนะครับแม่” ชนะขัยออกความเห็น
       “แต่ถ้าน้าอะซ่ารวบรัดชัดเจนแบบคุณแม่ว่าก็ดีสิคะ อย่างน้อยก็ไม่มีเรื่องแบบวันนี้”
       ชัชฎาพยักหน้ารับ
       “ฉันเองก็คิดว่าคงต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรสักอย่าง มีอย่างที่ไหน ไฮโซตระกูลดังอย่างหนูจะตกต่ำจนต้องเอาของไปจำนำ”
       นับดาวยิ้มแหย
       “นั่นสิคะ...คนเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยใช้วิจารณญาณกันหรอกค่ะ ใครลืออะไรก็เชื่อกันไป”
       “ถ้าฉันเชื่อเธอก็แปลว่าฉันไม่มีวิจารณญาณด้วยหรือเปล่า”
       นับดาวชะงัก ชนะชัยรีบพูดแก้
       “คุณแม่ท่านล้อเล่นน่ะครับ”
       ชัชฎายิ้มอ่อนโยนให้นับดาว
       “จะว่าไป หนูดาวกับฉันก็ไม่ใช่คนอื่นไกล ยิ่งนานวันหนูดาวกับลูกฉันก็สนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อยๆใช่ไหมจ๊ะ”
       “ค่ะ”
       “อืม นี่ ตาหนู ถ้าอย่างนั้นวันไหนเราเปลี่ยนบรรยากาศไปกินข้าวที่บ้านหนูดาวบ้างดีไหม”
       ชนะชัยพยักหน้าเห็นด้วย
       “ก็ดีนะครับ คุณดาวสะดวกไหมครับ”
       “ค่ะ แต่พอดีดาวอยู่กับน้าอะซ่าสองคนแบบสบายๆ บ้านไม่ค่อยมีระเบียบเท่าไหร่ กลัวอายคุณแม่น่ะค่ะ”
       “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ฉันไม่ใช่ผู้ลากมากดีที่ไหน เนี้ยบเฉพาะเรื่องงานเท่านั้น แต่เรื่องไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ฉันเข้าใจ เอาเป็นว่านัดวันกันเลยดีกว่า ช่วงนี้ฉันยุ่งๆอยู่...เอาเป็นวันศุกร์สะดวกไหมจ๊ะ”
       “ได้สิคะ สะดวกค่ะ”
       ชนะชัยรีบบอก
       “งั้นวันศุกร์ผมไปช่วยเตรียมอาหารด้วยดีไหมครับ”
       “อุ๊ย อย่าเลยค่ะ แหม ขอดาวโชว์ความเป็นเจ้าภาพบ้างสิคะ”
       ชนะชัยยิ้มให้นับดาว

       นับดาวกับอลิสานั่งกินพิซซ่ากันในบ้าน ขณะที่อลิสาบ้นไปด้วย...
       “โธ่ ยัยดาว ทำไมแกไม่บ่ายเบี่ยงไปก่อน บ้านเราตอนนี้แทบจะเหลือแต่เสากับคานอยู่แล้ว ขืน ให้มาก็จบเห่กันพอดี”
       “บ่ายเบี่ยงไม่ไหวหรอกค่ะ ดาวดูก็รู้ว่าแม่คุณจ๊อบน่ะเขายังไม่เชื่อดาวร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาเลยอยากมาดูที่บ้านให้แน่ใจ”
       “จะเขี้ยวอะไรขนาดนี้”
       “น้าอะซ่าอย่าลืมสิคะว่าเขาเป็นนักธุรกิจๆก็อย่างงี้แหละค่ะ”
       “แล้วจะเอาไงล่ะ”
       “ก็ต้องหาของเข้าบ้าน มาถมๆให้ดูแน่นๆก่อนดีมั้ยคะ”
       “ดีจ๊ะ ว่าแต่จะเอาเงินที่ไหนล่ะ”
       นับดาวส่ายหน้าจนปัญญาเหมือนกัน อลิสานิ่งไป
       “น้านึกออกแล้วยังพอมีของให้เอาไปตึ๊ง พอได้เงินแล้วเราไปให้ฟู่เค้าหาพวกอาร์ตหนังหรือละครมาสักคน ให้เขาหาของเข้าฉาก พวกนี้เก่งมากเรื่องหาของราคาถูกแต่ดูแพง เอามาใส่บ้านเรา พอจัดฉากเสร็จเรียบร้อย เราก็เอาไปขายต่อ ได้เงินคืนมาอีก”
       “กู๊ดไอเดียค่ะน้า”
       อลิสายิ้มอก
       “งั้นเดี๋ยวน้าคุยกับฟู่เอง”

       ที่ร้านปราบสัตวแพทย์...เด็กชายคนหนึ่งยืนหน้ากังวล ดูปราบตรวจดูเม่นของเขา โดยมีแก้วยืนอยู่ข้างๆ
       “ไม่มีอะไรล่ะ เม่นของเธอปกติดี” ปราบบอก
       “อ้าว ที่น้ำลายมันฟูมปากล่ะครับ”
       “ไม่มีอะไรหรอก เป็นธรรมชาติของเม่น มันชอบเล่นน้ำลาย ไม่ก็เอาน้ำลายทาขน เป็นพฤติกรรมปกติของเม่นน่ะ”
       “เหรอครับ ขอบคุณมากนะครับ...เอ่อ แล้วค่ารักษาหมอเอาเท่าไหร่ครับ”
       “ไม่มีค่ารักษาอะไรนี่นา เอาเม่นกลับไปบ้าน เลี้ยงดูดีๆแล้วกัน แล้วถ้ามันไม่สบายค่อยเอามาให้หมอดูใหม่ละกัน”
       “ขอบคุณครับ”
       เด็กชายหิ้วกรงเม่นออกไป แก้วตามไปส่งที่หน้าประตู กลับเข้ามา เจอปราบอ่านหนังสือบันเทิงอยู่ ท่าทางตั้งอกตั้งใจอ่านมาก
       “พี่ปราบคะ”
       “ว่าไง”
       ปราบถามโดยไม่ละสายตาจากหน้าหนังสือ
       “อินอะไรขนาดนั้นคะเนี่ย ปกติอ่านยังไม่เคยอ่านด้วยซ้ำ”
       ปราบถอนใจ วางหนังสือลง
       “อ่านข่าวคุณนับดาวน่ะ”
       “อ๋อ ที่มีข่าวว่าเขาไหแตกใช่ไหมคะ”
       “ถังแตกจ้ะ”
       “อุ๊ย ค่ะๆถังแตกค่ะ...แล้วทำไมพี่ปราบต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยล่ะคะ”
       “ก็ไอ้คนที่โพสต์ด่าเขาจนทำให้เขาตกงานก็ยัยน้อยหน่าลูกสาวพี่ ส่วนคนที่ทำให้น้าสาวเขาโดนถ่ายรูปในโรงจำนำก็อาป้อง อาแท้ๆของพี่ จะไม่ให้พี่กลุ้มได้ยังไง”
       “อย่างงี้พี่ก็เท่ากับเป็นตัวซวยของเขาเลยใช่ไหมคะ”
       “จ้า”
       “อุ๊ย แก้วพูดตรงไปเหรอคะ”
       “อืม แต่ยังไงมันก็ถูกของเธอนั่นแหละ”
       “แต่เรื่องอย่างนี้มันช่วยไม่ได้นี่คะ”
       “ไม่หรอก...พี่ลอยตัวไม่ได้หรอก พี่คิดว่าพี่ต้องรับผิดชอบแทนคนของพี่”

ปราบมองจ้องรูปนับดาวในหนังสือ

วันต่อมา...นับดาวอาบน้ำ และกำลังสระผมอยู่ ร้องเพลงไปด้วย มีเสียงกริ่งดัง นับดาวหยุดร้อง เงี่ยหูฟัง เหมือนไม่ค่อยแน่ใจ แต่ไม่มีเสียงอะไรอีก นับดาวอาบน้ำต่อจนเสร็จ แล้วใส่เสื้อคลุมออกมาจากห้องน้ำ

       “น้าอะซ่าคะ”
       ข้างนอกเงียบ นับดาวเดินออกลงบันไดมาที่ห้องโถง ได้ยินเสียงก่อกแก่กเหมือนมีคนอยู่ นับดาวเดินเข้าไปที่ห้องโถง
       “น้าอะซ่าคะ...ว้าย...”
       นับดาวร้องลั่นเมื่อเจอปราบยืนอยู่ ปราบไม่ทันมองมา เธอกรีดร้องลั่น วิ่งหลบออกมา
       “ช่วยด้วย”
       อลิสาวิ่งหน้าตื่นออกมาจากห้องหนึ่ง
       “มีอะไรเหรอดาว”
       “มีคนเข้ามาในบ้านเราค่ะ”
       “อ๋อ ก็น้าเปิดให้เขาเข้ามาเอง”
       ปราบเดินเข้ามาหานับดาว
       “สวัสดีครับคุณนับดาว”
       “ออกไปเดี๋ยวนี้นะ”
       ปราบรีบวิ่งกลับออกไป พลางร้องบอก
       “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
       “น้าอะซ่าให้เขาเข้ามาได้ไง ผู้ชายตัวเบ้อเริ่ม เกิดทำอะไรบ้าๆขึ้นมา เราจะสู้เขาไหวเหรอ”
       “ก็เขาจะมาขอซื้อรูปถ่ายคืน ให้ราคาเท่าที่เราประมูลมาได้ น้าก็เลยให้เขาเข้ามาน่ะ”
       นับดาวอึ้ง

       นับดาวเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วมานั่งคุยกับปราบ
       “คุณจะขอซื้อรูปคืนจริงๆเหรอ”
       “ครับ”
       “ราคาเดิมด้วย”
       “ครับ”
       “รูปนั้นมันสำคัญกับคุณขนาดนั้นเชียวเหรอ” นับดาวถามอย่างแปลกใจ
       “ผมชอบรูปนี้มากครับที่สำคัญ มันมีแค่รูปเดียว ฟิล์มต้นฉบับก็ทำหายไปแล้ว”
       นับดาวเงียบไป อลิสาถือรูปเข้ามา
       “นี่ค่ะ ยังอยู่สภาพเดิมไม่มีบุบสลายตรงไหน ...ว่าไปดาวเขาชอบรูปนี้มากเลยนะคะ ดูแลอย่างดีเลย”
       “ขอบคุณครับ”
       ปราบยื่นมือมาจะรับรูปไป นับดาวยื่นมือมาดึงรูปไปจากมืออลิสาก่อน อลิสากับปราบมองหน้านับดาว
       “ฉันขอโทษนะคะ ฉันไม่ขายค่ะ”
       อลิสาอ้าปากค้าง รีบดึงนับดาวไปที่มุมห้อง
       “ยัยดาว ถ้าเป็นช่วงปกติน้าคงไม่ว่าอะไรเธอหรอกนะ เธออยากแก่นเซี้ยวอะไรก็ตามใจ แต่ตอนนี้เธอก็รู้ว่าเราอยู่ในช่วงวิกฤติขนาดไหน เงินแสนห้าตอนนี้มันมีค่ามาก ฉันจะไม่ยอมให้เธอแลกเงินแสนห้ากับรูปถ่ายใบเดียวแบบนี้เด็ดขาด”
       อลิสาดึงรูปถ่ายไปจากมือนับดาว เอาไปให้ปราบ
       “นี่ค่ะ”
       ปราบจะรับ นับดาวตามมาดึงรูปกลับไป
       “ไม่ขายค่ะ”
       อลิสาชักโมโห
       “ยัยดาว เธอต้องขาย”
       “ไม่ขายค่ะ”
       ปราบงง
       “คุณจะดื้อไปถึงไหน ทำไมไม่เชื่อน้าคุณ”
       “คุณไม่เกี่ยว”
       “น้าคุณเขาหวังดีนะ อย่าลืมสิว่าคุณกำลังถังแตกอยู่นะ”
       นับดาวชะงัก หันขวับ
       “คุณพูดว่าอะไรนะ”
       “ก็คุณกำลังถังแตกอยู่ หรือไม่จริง”
       “ฐานะของฉันจะเป็นยังไงไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”
       “ความจริงที่ผมมานี่เพราะเห็นข่าวคุณแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ที่มาซื้อรูปคืนเนี่ย ตั้งใจจะมาช่วยคุณนะครับคุณนับดาว”
       “อ้อ สรุปว่าที่จะมาขอซื้อรูปก็เพราะอยากช่วยฉันใช่มั้ย”
       “ครับ”
       “ไม่จำเป็นค่ะ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
       “ถือว่าเป็นการขอโทษก็ได้”
       “ขอโทษเรื่องอะไร”
       “เอ่อ...ผมจะขอโทษเรื่องที่...”
       นับดาวมองไม่พอใจ
       “ถ้าเงินเหลือเยอะนักละก้อ คุณเอาเงินไปซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเองดีกว่า”
       “หมายความว่ายังไง”
       “เสื้อผ้าเห่ยๆแบบนี้เนี่ย ใส่เดินออกมานอกบ้านได้ยังไง ไม่เข้าใจ ถ้าเป็นผู้ใช้แรงงานฉันก็ไม่ว่า อะไรหรอก พวกเขารายได้น้อยอยู่แล้ว แต่นี่ท่าทางคุณก็น่าจะมีเงินอยู่บ้าง น่าสงสารนะ ดันไม่มีรสนิยมเอาซะเลย”
       “ชุดผมอาจจะเห่ย แต่ยังดีกว่าพวกที่ใส่ชุดสวยๆหรูๆแต่ข้างในกลวงโบ๋ วันๆต้องวิ่งเอาข้าวของ ไปจำนำ เอาเงินมาซื้อบะหมี่สำเร็จรูปกิน”
       “ใครกินบะหมี่สำเร็จรูปยะ
       ปราบชี้ไปที่มุมห้อง มีถุงพลาสติกวางอยู่ ข้างในมีบะหมี่สำเร็จรูปหลายห่อ นับดาวจนมุมก็เถียงข้างๆคูๆ
       “ทำไม ฉันชอบ ฉันกินเพราะมันอร่อย”
       ปราบหัวเราะ
       “คุณออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว เดี๋ยวนี้เลย”
       “นี่ ผมขับรถมาถึงกรุงเทพเพื่อมาช่วยคุณนะ คุณไล่ผมอย่างงี้เหรอ”
       “ฉันไม่ได้ขอให้ช่วย แล้วทำไมจะไล่คุณไม่ได้ด้วย ไปๆชิ้วๆ”
       ปราบโมโหสุดๆ จ้องหน้านับดาว
       “ไม่ต้องมาทำจ้องหรอกย่ะ ฉันไม่กลัว ชิ้วไป”
       “ยัยหน้าขี้ไก่”
       นับดาวร้องกรี๊ด มองซ้ายมองขวา หาของเขวี้ยงใส่ เกือบโดนหัวปราบ
       “หยุดเดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่หยุดผมจะ...”
       ปราบชะงัก ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
       “ทำไม จะมาปล้ำฉันหรือไง”
       “จะ...”
       ปราบนึกไปถึงเหตุการณ์ในวัยเด็ก ที่เขาเอาขี้ไก่เขียนหน้านับดาว แล้วงงๆกับภาพที่แว่บเข้ามาในหัวตัวเอง
       “ไง นึกออกรึยัง กลับไปนั่งนึกที่บ้านไป”
       “จะเอาขี้ไก่ทาหน้าคุณ”
       นับดาวเม้มปาก ตัวสั่น แต่ยิ้มหวานให้
       “อยู่ตรงนี้นะคะ อย่าเพิ่งไปไหนนะ”
       นับดาววิ่งขึ้นข้างบนไป สักครู่ก็วิ่งลงมาพร้อมปืนในมือ อลิสาตามมายื้อยุด
       “อย่านะดาว ใจเย็นๆ”
       ปราบเห็นท่าไม่ดี รีบถอย
       “เออ คนมาช่วยดีๆไม่รับความช่วยเหลือ แล้วอย่ามาง้อผมทีหลังละกัน”
       “เออๆๆ ไม่ง้อหรอก จะไปไหนก็ไปเลยไป๊”
       ปราบรีบออกจากบ้านไป

       นับดาวนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง อลิสาเข้ามาในห้องเคืองๆ
       “เธอเป็นบ้าอะไร”
       “น้าก็รู้ ดาวเกลียดที่สุดเวลามีใครมาว่าดาวแบบนั้น”
       “ใช่ อันนั้นรู้ แต่ที่ถามเนี่ย เธอเป็นบ้าอะไร ทำไมไม่ขายรูปนั้นคืนเขาไป”
       นับดาวเงียบไป มองรูปถ่าย ที่พิงอยู่ข้างฝา
       “น้าจะหาว่าดาวเพี้ยนก็ได้ค่ะ แต่ว่าเวลาดาวดูรูปรูปนี้แล้ว...มันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอจะขายถึงรู้สึกว่าไม่อยากเสียมันไป”
       “ความสุขราคาแสนห้า”
       “ล้านห้าก็ไม่ขาย มันเป็นความสุขที่เงินซื้อไม่ได้ ดาวก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน”
       อลิสายังโกรธอยู่ เดินสะบัดหน้าจากไป นับดาวดูรูปอยู่คนเดียว
       “มันทำให้ดาวคิดถึงแม่”

       อลิสานั่งข่มอารมณ์อยู่คนเดียวในห้อง นับดาวเคาะประตูแล้วเข้ามา อลิสายังงอนอยู่ไม่หันมามองนับดาว จนนับดาวเอากระเป๋าแบรนด์ใบสวยมายื่นตรงหน้า
       “ใบนี้รุ่นลิมิตเต็ด ถ้าเราเอาไปประมูลในเน็ตคงได้เกินแสนห้า”
       อลิสาอึ้งไป ดูของที่นับดาวเอามาให้
       “ใบนี้มันของรักของหวงของเธอเลยนะ”
       “ช่างมันเถอะค่ะ ของนอกกายน้าอะซ่าเอาไปขายเถอะค่ะ”
       “ดาว เก็บไว้ก่อนก็ได้ สมบัติของคุณพ่อยังพอมีอยู่”
       “เก็บของคุณตาไว้ก่อนละกัน กระเป๋าใบนี้ถือซะว่าเป็นส่วนที่ดาวเอามาแทนรูปถ่ายใบนั้น”
       อลิสาพยักหน้า นับดาวมองกระเป๋าของเธอ ตาละห้อย
       “ตัดใจไม่ได้ใช่ไหม”
       “ได้ค่ะ...ไม่เป็นไร อีกไม่นานเราจะกลับไปอู้ฟู่เหมือนเดิม ถึงตอนนั้นดาวจะซื้อมันกลับมา”
       นับดาวมองของหรูอย่างตัดใจ แล้วเดินออกไป

       หลายวันต่อมา...นับดาวกับอลิสานั่งดูดีวีดีกัน กินขนมขบเคี้ยว ท่าทางเซ็งๆเบื่อๆทั้งคู่
       “ประมูลเป็นไงบ้างคะ” นับดาวถาม
       “น้าค่อยๆปล่อย ทำท่าจะไปได้สวย”
       มือถือนับดาวดัง นับดาวเอื้อมมือไปหยิบมา
       “เพิ่งเปลี่ยนซิมไม่ใช่เหรอ ใครโทรมา”
       “คงไม่ใช่พวกโทรมาด่าหรอกนะ”
       นับดาวรับสาย
       “สวัสดีค่ะ...ใช่ค่ะ...อ๋อ ทราบเบอร์จากพี่ฟู่...ค่ะ มีธุระอะไรคะ...อะไรนะคะ...ไม่รู้ค่ะ ไม่เคยมีใครบอก รอสักครู่นะคะ”
       นับดาวหันมาถามอลิสา
       “มีคนโทรมาบอกอยากคุยเรื่องที่ ที่คุณพ่อทิ้งไว้ให้เป็นมรดกดาว”
       “น้าไม่เห็นไม่รู้เรื่องเลย”
       นับดาวไปคุยโทรศัพท์ต่อ
       “เช็คดีแล้วเหรอคะว่าของฉันแน่ๆ... อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันไปเสียภาษีที่ดินน่ะ...อ๋อค่ะ ค่ะ จะขอซื้อเหรอคะ...เท่าไหร่นะคะ...”
       นับดาวได้ยินตัวเลขแล้วอ้าปากค้าง สำลักขนม ทุบอกตัวเองปั้กๆ อลิสารีบเอาน้ำมาให้ นับดาวกลืนน้ำอึกๆ หันมาบอกกับอลิสาเสียงแตกพร่า
       “เขาขอซื้อที่ 50 ล้านบาท”
       อลิสาตาโต

       นับดาว อลิสา มานั่งคุยกับนักธุรกิจคนหนึ่งที่ล็อบบี้โรงแรมหรู นักธุรกิจอธิบาย
       “ผมสืบมาชัดเจนแล้วครับว่าพ่อของคุณนับดาว คุณนิ่ง เป็นเจ้าของที่ดินแปลงที่ว่า จนเมื่อพ่อคุณเสีย ท่านได้ยกที่แปลงนั้นเป็นมรดกให้คุณ ตอนนี้ที่แปลงนั้นมีชื่อคุณเป็นเจ้าของอยู่ครับ”
       นับดาวตื่นเต้น แกล้งพูด
       “เหรอคะ เป็นอย่างนี้หลายครั้งแล้วค่ะ ท่านชอบซื้อที่ทิ้งไว้ จนบางทีก็ลืมเอง ดาวก็เป็นเหมือนกันนะคะ เห็นแปลงสวยๆก็ซื้อ แล้วก็ลืม”
       “แต่แปลงนี้น่ะสวยจริงๆ ผมอยากทำเป็นรีสอร์ต สปาบวกสนามไดร้ฟ์กอล์ฟ ระดับห้าดาวเลย”
       นับดาวพูดไปเรื่อยยังมึนๆ
       “ก็น่าสนใจนะคะแถวนั้นเนี่ยแหล่งโอโซนเลย”
       “ครับ ไม่ทราบคุณดาวคิดจะขายมั้ยครับ”
       “ขายก็ได้ค่ะ เก็บไว้ก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไร ที่ดินลืมๆแบบนี้มีจนเบื่อค่ะ ระบายออกมั่งก็ดี”
       “แล้วราคา 50 ล้านที่เสนอไป ไม่ทราบว่าคุณนับดาว...”
       “ห้าสิบก็ห้าสิบค่ะ ถึงไม่ใช่เงินมากมายอะไรก็ตาม ดาวนิสัยไม่ค่อยดีค่ะ ไม่ค่อยแคร์เรื่องเงินซักเท่าไหร่ ของนอกกายทั้งนั้นได้มาก็เอาไปทำบุญซะเยอะ”
       “ใจบุญจริงๆครับ แปลว่าคุณนับดาวตกลงขายที่แปลงนี้ใช่ไหมครับ”
       “ค่ะ จะซื้อวันนี้เลยไหมคะ”
       “ยังซื้อไม่ได้หรอกครับ จนกว่า...”
       “จนกว่าอะไรคะ”
       “คุณปราบศึกจะตกลงด้วย”
       นับดาวงง
       “พ่อคุณใส่ชื่อคุณกับชื่อเขาเป็นเจ้าของร่วมกันครับ”
       นับดาวหันมาทางอลิสา
       “พ่อมีเมียน้อยรึเปล่าคะน้าอะซ่า”
       “ไม่รู้แฮะ แม่เธอก็ไม่เคยเล่าให้น้าฟังนะ...” อลิสาหันไปถามนักธุรกิจ “แล้วนายบวชสึกนี่เขาเป็นใครอยู่ที่ไหนคะ”
       “ปราบศึกครับไม่ใช่บวชศึก...เขาก็อาศัยทำกินอยู่ในที่ของพ่อคุณนั่นแหละครับ”
       อลิสาหน้าตึง
       “อ๋อ คิดจะครอบครองโดยปรปักษ์ล่ะสิ”
       “เป็นยังไงเหรอคะ” นับดาวไม่เข้าใจ
       “ก็ถ้าเธอไม่แสดงตัว เขาอาศัยอยู่ตรงนั้นคนเดียว เวลาผ่านไป ที่ก็จะเป็นของเขา”
       “ว้าย ขี้โกงนี่นา...” นับดาวหันไปถามนักธุรกิจ “แล้วคุณไปคุยกับเขามาแล้วเหรอคะ”
       “ครับ เขายืนกรานไม่ขาย ... ผมก็เลยลองติดต่อมาทางคุณ ถ้าคุณสามารถเปลี่ยนใจเขา ทำให้เขายอมเซ็นเอกสารนี่ได้ล่ะก็...”
       “ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันจัดการเองค่ะ ไม่ว่านายปราบศึกนี่จะเป็นใครก็ตาม นับดาวว้าวแซ่บ คนนี้จะเปลี่ยนใจเขาเอง”
       นับดาวรับเอกสารมาจากนักธุรกิจ

       ร้านกาแฟริมทางหลวง...นับดาวกับอลิสานั่งจิบกาแฟคุยกัน อลิสากางแผนที่ทางหลวงเทียบกับแผนที่ที่เป็นลายมือที่นักธุรกิจเขียนให้
       “ใกล้จะถึงแล้วล่ะ ...ดาว...ดาว...”
       อลิสาเรียกนับดาว เมื่อเห็นว่านับดาวนั่งเหม่ออยู่
       “คะ ว่าไงคะ”
       “เหม่ออะไรของเธอ”
       “ดาวกำลังพยายามนึกว่าดาวรู้อะไรเกี่ยวกับพ่อบ้าง นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ค่อยออกมันลางๆเลือนๆ ยังไงก็ไม่รู้ค่ะน้า”
       “ก็เขาไม่เลี้ยงเธอนี่นา”
       “มีแต่เรื่องแย่ๆของพ่อทั้งนั้น ที่คุณตาคุณยายเล่าให้ฟัง”
       “ตอนที่แม่เธอไปอยู่กินกับพ่อเธอ น้าอยู่ออสเตรเลียเลยไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนกัน มีแต่คุณตาคุณยายเธอโทรมาปรับทุกข์อยู่บ่อยๆว่าแม่เธอเลือกผู้ชายเหลือขออะไรทำนองนั้น”
       นับดาวเงียบไป นึกถึงอดีตที่พ่อพาเธอมาจากโรงเรียนคราวนั้น หลังจากที่ออกมาจากบ้านปรีดา นิ่งขับรถพานับดาวมาส่งที่บ้านตายาย เมื่อมาถึงก็พบนฤทธิ์ หน้าบึ้งตึงรออยู่ ขณะที่อัญชัญรีบวิ่งมารับนับดาว
       “สวัสดีครับ คุณพ่อคุณแม่”
       นิ่งไหว้ทั้งคู่ อัญชัญไม่พอใจ
       “ทำไมหลานฉันหน้าแดงอย่างนี้ ไปโดนอะไรมา...แล้วนี่กลิ่นอะไรเนี่ย ยังกะขี้ไก่ ...จะอ้วก...”
       นฤทธิ์ชี้หน้านิ่ง
       “ครั้งหน้า ถ้าแกลักพาตัวหลานฉันไปแบบนี้อีก ฉันจะให้ตำรวจลากคอแกเข้าคุกซะ”
       “ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ คุณพ่อจะยอมให้ผมพาลูกไปเที่ยวกับผมเหรอครับ นับดาวเป็นลูกสาวผม ผมไม่พาเขาไปอยู่กับผมเลยก็ถือว่าเกรงใจคุณพ่อแล้วนะครับ”
       “ก็ลองดูสิ ถ้าทำแบบนั้นแกได้เห็นดีแน่ แกฆ่าลูกสาวฉัน แกยังจะฆ่าหลานสายฉันอีกเหรอ”
       นฤทธิ์โมโห แต่ข่มอารมณ์ได้ เดินเข้ามาหานับดาว นิ่งหันมาบอกลูก...
       “พ่อกลับก่อนนะลูก...อยู่กับคุณตาคุณยายเป็นเด็กดีนะ”
       อัญชัญตัดบท
       “พอได้แล้ว กลับได้แล้ว ฉันจะรีบพานับดาวไปอาบน้ำ”
       นิ่งเข้ามากระซิบอะไรข้างหูนับดาว แล้วหันไปไหว้นฤทธิ์กับอัญชัญ ทั้งสองรับไหว้อย่างเสียไม่ได้ จากนั้นนิ่งก็กลับไป นับดาวหันมาถามสองตายาย
       “ทำไมคุณตาว่าคุณพ่อฆ่าคุณแม่ล่ะคะ”
       นฤทธิ์บอกอย่างแค้นใจ
       “เพราะความอวดดีของมัน หลอกแม่หลานไปตกระกำลำบาก แล้วก็ไม่ดูแลเขา ไม่ฆ่าก็เหมือนฆ่า”
       อัญชัญบอกอย่างเกลียดชัง...
       “สำมะเลเทเมาไม่เอาถ่าน ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่รู้เวรกรรมอะไรแม่หลานถึงได้ไปชอบไอ้ผู้ชายแบบนี้”
       นฤทธิ์เสริม
       “นับดาว คราวหลังถ้าพ่อเขามารับที่โรงเรียนอีกละก็ รีบบอกคุณครูเลยนะว่าหลานไม่ไปกับเขา เข้าใจใช่ไหม”
       นับดาวลังเล อัญชัญเร่ง
       “รับปากสินับดาว ถ้าไปอยู่กับพ่อนะหลานจะลำบาก ที่บ้านพ่อเขามีแต่แมลงสาปกับงู เหม็นอึสัตว์ที่อยู่ในฟาร์มด้วย”
       “เขาไม่ได้รักแม่หลานหรอก เขารักเงินของแม่หลานต่างหาก รู้มั้ย...”
       “ค่ะ...”
       อัญชัญจูงมือนับดาวไปอาบน้ำ
       “ไปอาบน้ำไป พ่อเธอเขาพาไปทำอะไรมาเนี่ย เหม็นยังกับขี้ไก่ พรุ่งนี้ไปโรงเรียนหลานโดนเพื่อนล้อแน่ๆว่ายัยหน้าขี้ไก่”
       นับดาวเศร้าๆ

       นับดาวหน้าซึมลง เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต
       “หลังจากวันนั้นดาวก็ไม่ได้เจอพ่ออีกเลย จำได้ว่าอีกไม่เท่าไหร่ พ่อก็เสีย ดาวก็อยู่กับคุณตาคุณยายมาตลอด”
       “ถึงน้าจะไม่ค่อยรู้จักพ่อเธอ แต่น้ารู้ว่าแม่เธอน่ะรักพ่อเธอมาก”

“ค่ะ”


นับดาวพยักหน้ารับรู้ในท่าทีเศร้าๆ

นับดาวขับรถ โดยมีอลิสาคอยดูแผนที่ ทางเริ่มเป็นดินลูกรัง นับดาวชะลอรถเมื่อเข้าใกล้ฟาร์มแห่งหนึ่ง อลิสามองไปเบื้องหน้า

       “ตามแผนที่ก็ที่นี่แหละ”
       นับดาวหยุดรถ มองไปข้างหน้าเป็นทางเข้าไร่ มีป้ายเขียนว่ายินดีต้อนรับ “ไร่ปรีดา” ใกล้ๆกันก็มีอีกป้าย เขียนว่า “ไร่แห่งความฝัน” นับดาวแปลกใจ
       “ทำไมมีสองป้ายล่ะค่ะ”
       “ไม่รู้สิ แต่ไร่ที่เป็นของเธอน่ะชื่อไร่แห่งความฝัน”
       นับดาวหัวเราะ
       “ตั้งชื่อได้เฉิ่มมาก”
       “แต่ชื่อฟังดูคุ้นๆแฮะ”
       นับดาวไม่ว่าอะไร มองไปที่ป้ายไร่แห่งความฝัน ทันใด ภาพอดีตก็เข้ามาในหัว เมื่อครั้งที่พ่อกระซิบบางอย่างกับเธอ
       “ดาวจำไว้นะ พ่อรักดาวนะ”
       วันนั้น...นิ่งหอมแก้มนับดาว ก่อนที่จะจากไป
       นับดาวเหม่อมองป้าย อลิสาสงสัย
       “ดาว เหม่ออะไร”
       “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
       นับดาวขับรถต่อไปเข้าไปในไร่ หันกลับมามองป้ายอีกแว่บหนึ่ง

       นับดาวกับอลิสาเดินเข้ามาในบริเวณบ้าน ลลิสาตะโกนถาม
       “โทษค่ะ มีใครอยู่ไหมคะ”
       สักพักก็มีเสียงฝีเท้าตึงตัง ก่อนที่น้อยหน่าจะวิ่งออกมา
       “สวัสดีค่ะ”
       อลิสายิ้มแย้ม
       “สวัสดีค่ะ คุณปราบศึกอยู่ไหมคะ”
       “อ๋อ...”
       น้อยหน่ากำลังจะตอบ แต่มองไปเห็นนับดาวที่มาด้วย น้อยหน่าอึ้งไป
       “นับดาว”
       “ค่ะ นับดาวเองค่ะ...นับดาว ว้าวแซ่บ”
       นับดาวทำท่าและยิ้มให้แบบผูกมิตร น้อยหน่ากลับยิ้มหยัน
       “จะมาขอยืมกาวซีเมนต์เหรอคะ”
       นับดาวชะงัก
       “กาวซีเมนต์...เอาไปทำอะไรคะ พี่งง ไม่เข้าใจ”
       “เอาไปอุดรูที่ถังไงคะ ได้ข่าวว่าคุณนับดาวถังแตก”
       อลิสากับนับดาวตะลึง นึกไม่ถึงว่าจะเจอแบบนี้ นับดาวฝืนยิ้ม
       “หนูจ๋า พี่จะบอกให้นะว่าหนูไม่ควรไปเชื่อหนังสือพวกนั้นรู้มั้ย อ่านเอาขำๆก็พอ อย่าไปจริงจัง พวกนี้น่ะชอบพาดหัวแรงๆ ชอบขยายข่าว บางทีไม่มีอะไรให้ขยายก็นั่งเทียนเขียนข่าวเอาเองโดยไม่มีข้อเท็จจริงอะไรเลย เช่นเรื่องของพี่เป็นต้น เข้าใจแล้วใช่ไหมจ๊ะ”
       น้อยหน่าหัวเราะ
       “ถ้าหนูเป็นคุณ หนูก็ต้องพูดแก้ตัวแบบนี้แหละค่ะ ใครจะกล้ายอมรับล่ะคะว่าตัวเอง...ถังแตก”
       นับดาวมองหน้าน้อยหน่ากำลังจะสวน อลิสารีบเข้ามาแทรก
       “เอาเถอะจ้ะ เตือนแล้วไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร โตขึ้นหนูคงเข้าใจเอง ว่าแต่ว่าคุณปราบศึกอยู่ไหมคะ”
       “อยู่”
       “หนูช่วยไปบอกคุณปราบศึกหน่อยนะคะว่าคุณนับดาวมีธุระอยากคุยด้วย”
       “แต่ตอนนี้ไม่อยู่”
       อลิสาอึ้ง นับดาวเดินแทรกมายืนตรงหน้าน้อยหน่า
       “จะเอาไง ตัวแค่นี้หัดเหวี่ยงแล้วเหรอ ไหน มีเหตุผลอะไรว่ามาซิ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย”
       “พอใจ”
       “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอเป็นอะไรกับคุณปราบศึก แต่เธอกำลังทำให้เขาเดือดร้อน ถ้าเขาไม่ได้พบฉันล่ะก้อ เขาจะต้องเสียใจแน่ๆ แล้วก็อาจจะลงโทษเธอด้วย”
       น้อยหน่าทำท่ากลัว
       “แล้วปกติเขาเป็นคนยังไง โมโหร้ายไหม ถ้าอย่างนั้นเขาอาจจะลงไม้ลงมือกับเธอด้วยก็ได้นะ”
       น้อยหน่าตัวสั่น กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
       “หนูขอโทษค่ะ...หนูไม่รู้ พี่อย่าบอกเขานะคะว่าหนูพูดไม่ดีกับพี่”
       นับดาวหันมาแอบยิ้มให้อลิสา ประมาณว่าเห็นมั้ย ง่ายๆ ก่อนจะหันมาหาน้อยหน่า
       “งั้นเอางี้ ถ้าหนูพาฉันไปหาคุณปราบศึก ฉันจะไม่บอกเขาว่าหนูพูดไม่ดีกับฉัน ตกลงไหมจ๊ะ”
       “เอ่อ...ก็ได้ค่ะ...แต่ว่า...”
       “แต่อะไรจ๊ะ”
       “เขาอยู่ที่ฟาร์มน่ะค่ะ หนูกลัวว่าถ้าเราไปตามเขาที่นั่น แล้วเขากลับมาบ้านก็จะสวนกัน...เอ่อ พี่ไปกับหนูได้ไหมคะ แล้วให้คุณน้าคนนี้รออยู่ที่นี่ก่อน”
       “งั้นก็ได้ ไป”
       น้อยหน่าจับมือนับดาวพาไปขึ้นรถกอล์ฟ ไปกับเธอ

       น้อยหน่าขับรถกอล์ฟพานับดาวไปตามถนนในฟาร์มไก่ นับดาวหน้าเบ้
       “กลิ่นแรงจังเลยนะคะ คุณปราบศึกเขาทำอะไรอยู่เหรอ”
       น้อยหน่าไม่พูดอะไร เดินลิ่วๆไปอย่างรวดเร็ว นับดาวเดินตามไปท่าทางขยะแขยง กะย่องกะแย่ง สักพักก็มองไม่เห็นน้อยหน่า
       “หนู...หนูอยู่ไหนจ๊ะ...หนู...”
       นับดาวชะเง้อมอง แล้วก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงประตูฟาร์มไก่ปิดดังปัง นับดาวหันกลับไป ประตูที่เธอเข้ามาตอนนี้ปิดแล้ว นับดาวตกใจ รีบวิ่งมาที่ประตู ดันประตู
       “เดี๋ยว ใครปิดอ่ะ ข้างในมีคนอยู่นะคะ”
       น้อยหน่าที่อยู่ข้างนอกหัวเราะเยาะ
       “ก็รู้ว่ามีคนอยู่ ฮ่าๆๆ”
       “หนูเองเหรอ...ทำอย่างนี้ทำไม เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ”
       “คุณนึกว่าฉันเป็นเด็กอนุบาลหรือไง ทำมาขู่จะฟ้องพ่อแล้วคิดว่าฉันจะกลัว อ่อนว่ะ ฉันจะ
       บอกให้ ตอนนี้คนงานกลับบ้านไปหมดแล้ว ฉันจะขังคุณไว้ในนี้ คืนนี้นอนดมกลิ่นขี้ไก่ไปละกัน พรุ่งนี้เช้าฉันค่อยมาปล่อย”
       “นี่ ไม่ตลกนะ เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้”
       “แล้วอย่าหวังให้เพื่อนคุณมาช่วยด้วย ฉันจะหลอกเพื่อนคุณไปเรือนเพาะชำ ฮ่าๆๆ"
       แล้วเสียงน้อยหน่าก็เงียบหายไป นับดาวรีบก้มลง พยายามมองออกไปที่ช่องประตูเห็นน้อยหน่าเดินตรงไปที่รถกอล์ฟ ขับออกไป นับดาวตะโกนเรียก
       “หนู...กลับมาก่อน นะ...หนู...หนู...”
       น้อยหน่าขับรถหายไป นับดาวโกรธจัด ทุบประตูปังๆ
       “ไอ้เด็กบ้า”
       นับดาวเดินกลับเข้ามา มองซ้ายมองขวา หาของทุ่นแรง
       “ไม่มีค้อนอะไรเลยหรือไงเนี่ย”
       นับดาวมองไปเห็นบันไดวางพิงอยู่ริมผนังด้านหนึ่ง

       อลิสารออยู่ที่บ้านคนเดียว รู้สึกใจคอไม่ดี มองซ้ายมองขวาใจตุ๊มๆต่อมๆ ทันใดนั้นประตูเปิดพรวดออกมา พร้อมกับปราบที่เดินเข้ามาเสื้อผ้าเปื้อนเลือด อลิสาร้องกรี๊ด ปราบหันมามอง อลิสาหมดทางหนี ทำอะไรไม่ถูก
       “คุณอลิสารึเปล่าครับ”
       อลิสาเอะใจ
       “คุณปราบ”
       “คุณอลิสามาที่นี่ได้ยังไงครับเนี่ย”
       “ฉันมากับนับดาวน่ะค่ะ เรามาหาคุณปราบศึก”
       “ผมนี่แหละครับปราบศึก”
       “คุณปราบ...โอย ตกใจหมด ไปทำอะไรมาคะ เลือดเต็มตัวแบบนั้นน่ะ”
       “ไปช่วยหมาถูกรถทับน่ะครับ มันฉุกละหุก เลยไม่มีเวลาเปลี่ยนเสื้อ ขอโทษนะครับที่ทำให้ตกใจ”
       “ไม่เป็นไรค่ะ”
       “มาคนเดียวเหรอครับ”
       “มากับนับดาวค่ะ”
       “แล้วคุณนับดาวล่ะครับ”
       “มีเด็กผู้หญิงคนนึงบอกจะพาเธอไปหาคุณน่ะค่ะ”
       ปราบขมวดคิ้ว ระหว่างนั้นน้อยหน่าก็วิ่งเข้ามา ไม่ทันเห็นปราบ
       “น้าขา เพื่อนน้าเขาตกบ่อที่เรือนเพาะชำน่ะค่ะ รีบไปช่วยเขาเถอะค่ะ”
       อลิสาตกใจ
       “จริงเหรอ”
       “ค่ะ ตามหนูมาเร็วๆค่ะ”
       ปราบแปลกจึงใจถามขึ้น
       “ที่เรือนเพราะชำมีบ่อด้วยเหรอน้อยหน่า”
       น้อยหน่าสะดุ้งสุดตัว หันมาเจอปราบ เธอหน้าซีดทันที
       “เธอพาคุณนับดาวไปไว้ที่ไหน”
       น้อยหน่าอึกอัก
       “เอ่อ...”

       ในฟาร์มร้อนมาก นับดาวเหงื่อโทรมกาย เธอเอาบันไดพาดพยายามปีนหาทางหนีทีไล่ แต่บันไดไม่ค่อยดีมันโยกเยก นับดาวปีนขึ้นไปได้ 3-4 ขึ้น ก็ไม่กล้าปีนต่อ กลัวตกลงมา เธอมองลงไปข้างล่าง ท่าทางหนักใจ แต่ก็ตัดสินใจสู้
       “เอาวะ เป็นไงเป็นกัน...ไม่งั้นน้าอะซ่าเสร็จยัยเด็กเปรตนั่นแน่ๆ”
       นับดาวปีนต่อ บันไดโยกเยกมากขึ้น เธอแข็งใจปีนต่อ บันไดเสียหลัก เอียงล้มลง นับดาวร้องลั่นหล่นลงมา โชคดีตกลงบนกองฟางกองลังที่สุมๆกันไว้ เธอลุกขึ้น สำรวจตัวเอง ไม่มีบาดแผล ก่อนจะทำจมูกฟุดฟิด ยกมือเช็ดแก้มตัวเอง เห็นขี้ไก่ติดมือ นับดาวหันขวับไปมองที่ที่เธอหล่นลงมา มีขี้ไก่เปื้อนอยู่เป็นหย่อมๆ เธอขยะแขยงสุดชีวิต หาอะไรแถวนั้นเช็ดเป็นพัลวัน ขณะเดียวกันนั้นมีเสียงกึงกังที่ประตู นับดาวชะงักหยิบไม้กวาดแถวนั้นมาถือก่อนวิ่งไปแอบ
       “เด็กเปรต ถ้าเป็นแกฉันจะฟาดให้จั๋งหนับเลย”
       มีคนเดินเข้ามา หยุดยืนตรงประตูย้อนแสงทำให้ไม่เห็นหน้า เห็นแต่ว่าเป็นผู้ชาย เนื้อตัวเปื้อนเลือด ในมือถือขวานอันใหญ่ นับดาวกลืนน้ำลายเอื๊อก รีบก้มหมอบต่ำ
       “นี่ฉันมาอยู่ในบ้านฆาตกรโรคจิตเหรอไงเนี่ย”
       นับดาวก้มมอง เห็นเท้าของผู้ชายตัวเปื้อนเลือดเดินช้าๆตรงมาที่ๆตนเองซ่อนอยู่ เธอกลัวจนตัวสั่น เท้าของเขามาหยุดใกล้ๆ นับดาวปิดปากตัวเอง สักครู่เท้าคู่นั้นเดินผ่านเลยไป นับดาวโล่งอก แต่ปลายไม้กวาดที่ถืออยู่ไปชนอะไรแถวนั้นดังกุกกัก เท้าคู่นั้นหันขวับมาทันที เดินตรงมาหาเธออย่างรวดเร็ว นับดาวตัดสินใจ กำไม้กวาดแน่น พุ่งออกไปฟาดไม้กวาดใส่สุดแรงเกิด โดนกลางแสกหน้า ปราบหงายหลัง ขวานหล่นจากมือ นับดาวฟาดมาอีกครั้ง ปราบรีบคว้าปี๊บสังกะสีมากันไว้ นับดาวตีใสปี๊บดังสนั่น ปราบโยนปี๊บทิ้งไป กาวยางข้างในไหลออกมานองพื้น เขารีบลุกขึ้น นับดาวจะตีอีก ปราบรีบจับด้ามไม้กวาดไว้ ทั้งสองคนยื้อไม้กวาดกัน
       “คุณนับดาว คุณมาตีผมทำไม”
       นับดาวชะงัก มองหน้า
       “นายปราบ...เอ๊ะ...หรือว่านายคือคุณปราบศึก”
       “ใช่ ผมนี่แหละ”
       “คุณทำแบบนี้ทำไม...หรือว่า คุณคิดจะฆ่าข่มขืนฉัน”
       “ไปกันใหญ่แล้ว เรื่องมันยาว ผมมาช่วยคุณ แล้วนี่เหม็นอะไรเนี่ย”
       “เอ่อ...เมื่อกี้...” นับดาวอุบอิบ “หน้า...ฉัน...เปื้อนขี้ไก่น่ะ”
       “กลิ่นกาวยางกับกลิ่นขี้ไก่บนหน้าคุณนี่มันคุ้นๆแฮะ”
       ทั้งสองมองหน้ากัน

       ในอดีต...ครั้งที่ปราบกับนับดาวยังเป็นเด็กๆ เด็กชายปราบแกล้งเด็กหญิงนับดาว เขาหยิบกระป๋องที่เตรียมมา เอาตะเกียบจุ่มลงไป แล้วเขียนที่หน้าเธอ นับดาวลืมตามอง
       “อะไรอ่ะ เหม็นจังเลย”
       “กาวยางผสมขี้ไก่...”

       ทั้งสองตาโต จำกันได้แล้ว นับดาวชี้หน้า
       “นาย...ที่แท้นายคือไอ้เด็กจอมแสบคนนั้น”
       “ส่วนเธอ ก็ยัยเด็กกวนโอ๊ย”
       ทั้งสองจ้องหน้ากันฮึ่มฮั่ม

       ปราบพานับดาวมาที่ห้องน้ำในบ้าน ยื่นผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าให้
       “นี่เสื้อผ้าของน้อยหน่า ผมไม่รู้คุณจะใส่ได้หรือเปล่า”
       “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขอบใจ”
       “ตามสบายนะครับ”
       ปราบยิ้มให้ เดินจากไป นับดาวมองตามไป ปิดประตูลงกลอน กวาดสายตาสำรวจห้องน้ำ
       “ห้องน้ำก็ดูดีใช้ได้นะ...แต่ว่า วางใจไม่ได้ อาจจะเป็นพวกโรคจิตก็ได้ แอบซ่อนกล้องไว้รึเปล่านะ”
       นับดาวสำรวจอย่างละเอียด จนแน่ใจว่าไม่มีกล้อง เธอถอดเสื้อผ้ากำลังจะอาบน้ำก็ได้ยินเสียงน้อยหน่าแผดเสียงเถียงปราบดังแว่วๆเข้ามา
       “พ่อเข้าข้างยัยนั่นเหรอ...ไม่จำเป็น นี่บ้านของหนู จะพูดเสียงดังใครจะทำไม ใครไม่อยากได้ยินก็เชิญออกไปนอกบ้านได้เลย”
       นับดาวสะดุ้ง เงี่ยหูฟังต่อ
       “ก็ยัยนั่นมันดูถูกเรา ทำไมหนูต้องทำดีกับยัยนั่นด้วย...”
       เสียงเดินลงส้นปังๆๆแล้วก็เสียงปิดประตูห้องโครม แล้วก็เงียบไป นับดาวคิดๆ
       “แสบจริงๆ...ท่าทางแสบพอๆกับฉันเลยแฮะ ยัยเด็กคนนี้”

นับดาวหัวเราะคนเดียว ก่อนจะอาบน้ำต่อ
//www.manager.co.th/Drama/ViewNews.aspx?NewsID=9550000061853&Page=2



Create Date : 25 พฤษภาคม 2555
Last Update : 25 พฤษภาคม 2555 8:43:26 น. 0 comments
Counter : 295 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

atitaya_t
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สวัสดีค่ะ ขอร่วม gang ด้วยคนค่ะ
Friends' blogs
[Add atitaya_t's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.