เก็บความทรงจำ..(^_^)..ความสนใจ โลกส่วนตัว ที่เราสร้างเอง
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
25 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
หนุ่มบ้านไร่ฯ ตอนที่ 2-2

นับดาวเดินมาถึงงานไฮโซแห่งหนึ่ง เธอถูกเชิญมาถ่ายรูปหน้าแบ็คดร็อปที่ตั้งบริเวณหน้างาน นับดาวโพสท่าให้ช่างภาพถ่ายรูป พอถ่ายรูปเสร็จ นักข่าวก็ยื่นไมค์มาสัมภาษณ์

       “คุณนับดาวเห็นคนที่โพสต์ว่าคุณในเน็ตหรือยังครับ”
       “เห็นแล้วค่ะ”
       “คิดว่าไงครับ”
       “แผ่เมตตาให้ค่ะ คนพวกนี้จิตใจไม่มีความสุขหรอกค่ะ แผ่เมตตาให้เขาดีกว่า”
       “รู้มั้ยคะว่าใคร”
       “พอเดาออกค่ะ”
       “คิดว่าใครคะ”
       “พี่ๆก็คงเดาออกแหละค่ะ ดาวไม่ค่อยมีเรื่องกับใครอยู่แล้ว...ดาวรู้เลยว่าฝีมือเขา เอ๊ย เธอคนนั้นแน่นอน”
       “ใครคะ คุณนับดาวบอกหน่อยสิคะ”
       นับดาวเอานิ้วชี้สองข้างมาจรดกันตรงปลาย โคนนิ้วแยกกันเป็นรูปสามเหลี่ยม นิ้วโป้งข้างหนึ่งดันเชื่อมระหว่างนิ้วชี้ทั้งสอง ดูเหมือนรูปตัว A นับดาวทำดูกึ่งจงใจกึ่งไม่ตั้งใจ แต่นักข่าวถ่ายรูปกันไฟแล่บ
       “ขอบคุณนะคะ”
       นับดาวลงจากที่สัมภาษณ์ นักข่าวหันไปสนใจคนอื่นต่อ ฟู่เดินเข้ามากระซิบถามนับดาว
       “นี่ดาว ถามหน่อยสิ ใช่ยัยเอมี่จริงๆเหรอ”
       “ใช่ค่ะ วันก่อนที่ดาวด่ากับเค้านะ ด่ามีด่าเรื่องถังขยะมีพิษด้วย ยัยนั่นคงเจ็บใจมาก เลยเอาคำนี้มาด่าดาวคืน” นับดาวบอกมั่นใจ
       “ร้ายๆจริงนะยัยเอมี่เนี่ย” ฟู่ฟังแล้วไม่พอใจเอมี่มาก

       ที่งานการกุศลแห่งหนึ่ง...เอมี่เดินเข้ามาในงาน นักข่าวเข้ามารุมทันที...
       “คุณเอมี่ครับ คิดว่าไงครับที่มีคนบอกว่าคนที่โพสต์ด่าคุณนับดาวคือคุณเอมี่นั่นเอง”
       เอมี่อึ้ง แล้วแสร้งร้องไห้
       “เอมี่เสียใจมากค่ะ เอมี่กับนับดาวเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตลอด เอมี่ไม่มีวันทำร้ายนับดาวแบบนั้นหรอกค่ะ เอมี่คิดว่าคนนิสัยดีๆอย่างนับดาวไม่น่าจะมีใครเกลียดเธอขนาดไปโพสต์ด่าเธอแบบนั้นได้หรอกค่ะ”
       “อ้าว แล้วที่โพสต์ด่านั่นใครด่าเหรอครับ”
       “ไม่รู้สิคะ อย่างที่เอมี่ว่า ไม่มีใครโพสต์ด่าเค้าหรอกค่ะ”
       เอมี่ซับน้ำตา เดินออกมา โจโจ้เข้ามากระซิบ
       “ถามจริงๆเหอะ เธอโพสต์รึเปล่า”
       “ไม่เกี่ยวจริงๆ...ฉันว่ายัยนับดาวนั่นแหละโพสต์ด่าตัวเอง ยัยนี่น้ำเน่าจะตาย” เอมี่บอกอย่างมั่นใจมาก

       ในงานสังคมแห่งหนึ่ง... เมื่อนับดาวเดินเข้าไป นักขาวยื่นไมค์ถามทันที...
       “คุณนับดาวคะ มีคนพูดทำนองว่าคุณนับดาวโพสต์ข้อความด่าตัวเองเพื่อเรียกเรตติ้งน่ะค่ะ”
       “ไร้สาระมากเลยค่ะ เท่าที่ดาวรู้ คนที่พูดเนี่ยเคยแกล้งทำเสื้อหลุดบนแคทวอล์กเพื่อเรียกเรตติ้งมาแล้ว ก็ไม่แปลกหรอกค่ะที่จะมองว่าคนอื่นๆจะวิตถารเหมือนตัวเขาเอง”
       นับดาวยังคงมั่นใจว่าเป็นเอมี่

       อีกงานหนึ่ง...เอมี่ร้องไห้ ต่อหน้านักข่าว...
       “ถ้าเขาหมายถึงเอมี่ล่ะก็ ใช่ค่ะ เอมี่เคยทำเสื้อหลุดบนแคตวอล์ก แต่มันเป็นอุบัติเหตุแล้วมันก็เป็นฝันร้ายของเอมี่...เอมี่ไม่อยากเชื่อว่านับดาวเขาจะตั้งใจขุดเรื่องนี้มาทำร้ายจิตใจ เอมี่หรอกนะคะ ปกติเขาไม่ใช่คนเลวทรามต่ำช้าขนาดนั้นนี่คะ” เอมี่แอบด่านับดาวเนียนๆ

       ในห้างสรรพสินค้าที่นับดาวไปออกงาน...นับดาวยิ้ม ให้สัมภาษณ์นักข่าว
       “ไม่รู้สินะคะ แอบเอายาหม่องป้ายตารึเปล่าก็ไม่รู้ ... ฝากเอาไปให้เขาหน่อยสิคะ”
       นับดาวยื่นฝักสะตอให้นักข่าว

       ในงานอีเว้นต์…เอมี่หน้าเศร้าๆ ให้สัมภาษณ์นักข่าวตอบโต้นับดาวบ้าง...
       “ไม่เอาหรอกค่ะ ไม่ชอบกิน...แต่ไหนๆเค้าฝากมาแล้ว เอมี่ฝากของให้เขาบ้างละกัน”
       เอมี่ยื่นกล่องกะหรี่ปั๊บให้นักข่าว

       นับดาวทำหน้าเหยียดเอมี่ ขณะให้สัมภาษณ์ในวันต่อมา...
       “ต่ำค่ะ”

       อีกงาน...เอมี่ยิ้มหวานให้นักข่าว...
       “เน่าค่ะ”

       ในห้องประชุมบริษัทโฆษณา...ครีเอทีฟตบโต๊ะ ขณะทีมงานออแกไนเซอร์ประชุมกัน
       “ต้องนี่เลยครับ นับดาวกับเอมี่ ตอนนี้กำลังฮ็อตสุดๆ ซัดกันเละ เกาเหลาต้มยำเลยครับ เผ็ดร้อนมาก
       “จะดีเหรอครับ ถ้าเชิญคนแบบนี้มาเดินแบบในงานเปิดตัวสินค้าผม มันจะดูไม่ดีรึเปล่าครับ” ลูกค้าไม่แน่ใจ
       ครีเอทีฟออกความเห็น...
       “ตรงกันข้ามเลยครับ อย่างงี้แหละครับเหมาะมาก แค่รู้ว่าจะมาชนในงานเดียวกันคนก็สนใจแล้ว แทบไม่ต้องโปรโมตอะไรเลย รับรอง คืนนั้นสื่อทุกแขนงจะแห่กันมาที่งานเปิดตัวสินค้าของคุณ กำไรสองต่อได้ทั้งคนมีกระแสแล้วยังได้กองทัพสื่ออีก”
       อีกคนเสริม
       “แล้วอีกอย่าง เราไม่ได้เอาใครก็ได้ที่กัดกันมาในงานนะคะ สองคนนี้ก็ไม่ใช่ไฮโซตึกแถว แต่เป็นเซเล็บตัวจริง ภาพพจน์หรูหรามีระดับ มีสีสัน ต่อให้ไม่เกาเหลากันก็น่าเชิญมาอยู่แล้ว”
       ลูกค้าพยักหน้า
       “ก็มีเหตุผล เอาเป็นว่าผมเชื่อพวกคุณ เชิญสองคนนี้มาเป็นวีไอพีก็แล้วกัน”
       “งั้นเอาตามนั้น แต่ว่า...มันก็มีปัญหาอยู่อีกข้อนึงครับ”
       “อะไรเหรอครับ”
       “ค่าตัวน่ะครับ”
       “จ้างสองคน ก็ต้องมากขึ้นเป็นสองเท่า ผมเข้าใจ”
       ครีเอทีฟยิ้มแหย
       “ผมว่ามันไม่น่าจะแค่สองเท่าน่ะสิครับ”

       ฟู่กับนับดาวมากินกาแฟกันอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ฟู่คุยโทรศัพท์เรื่องงานไปด้วย
       “คุณนับดาวว่างครับ สามารถไปร่วมงานได้ครับ... แต่ทราบว่าคุณเอมี่ไปด้วยใช่ไหมครับ...ผมกลัวคุณนับดาวจะอึดอัดใจน่ะ”
       นับดาวทำท่าอึดอัดใจแบบขำๆ ฟู่แอบยิ้ม
       “จะให้ค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นเหรอครับ เท่าไหร่ครับ”
       นับดาวยื่นมือถือเธอให้ ฟู่กดตัวเลขให้ดู นับดาวส่ายหน้า ฟู่คุยต่อ
       “ตัวเลขไม่สำคัญหรอกครับ เราก็อยากช่วยน่ะครับ แต่ว่า...ตอนนี้กระแสมันแรงจริงๆ นับดาวเธออยากเก็บตัวสักพักน่ะครับ...”
       นับดาวทำท่าสงบเสงี่ยมเก็บตัว
       “มีงบเพิ่มให้”
       ฟู่กดตัวเลขอีก นับดาวเบ้ปาก ฟู่คุยต่อ...
       “อืม ที่คุณบอกมา ฟู่ยอมรับว่ามากกว่าปกตินะครับ แต่สถานการณ์ช่วงนี้ก็ไม่ปกติจริงๆ...ถ้ายังไง...”
       อีกฝ่ายบอกตัวเลขมาใหม่ ฟู่ตาโต รีบกดให้นับดาวดู นับดาวยิ้ม แต่ชะงัก ทำท่าว่าขออีกนิด ฟู่ทำท่าตอบประมาณว่าอีเขี้ยว
       “ขออีกนิดน่านะ เดี๋ยวเวลาฟู่ไปคุยกับคุณนับดาว ฟู่อยากไปแบบมั่นใจหน่อยน่ะ ไม่อยากโดนเธอตำหนิว่าไม่ให้เกียรติเธอ ช่วงนี้เธอยิ่งเครียดๆอยู่...”
       อีกฝ่ายบอกมาอีก ฟู่กดตัวเลขให้นับดาวดู นับดาวพยักหน้า
       “น่าจะโอนะครับ เดี๋ยวฟู่จะรีบโทรติดต่อบอกคุณนับดาวให้เลย”
       ฟู่วางสาย
       “โห มากกว่าปกติตั้งสามเท่าเลยนะเนี่ย”
       “ถ้ารู้ว่าเป็นอย่างงี้ ดาวท้าตบกับยัยเอมี่มาตั้งนานแล้ว ตบกันแล้วค่าตัวขึ้นอย่างนี้เนี่ย”
       ฟู่ค้อน
       “มุขนี้เล่นบ่อยๆคนก็เบื่อนะจ๊ะ”
       “ดาวพูดเล่นน่ะค่ะพี่ฟู่...ทางยัยเอมี่ก็คงโก่งค่าตัวสุดฤทธิ์เหมือนกัน”
       “ก็คงประมาณนั้นแหละ”
       นับดาวดูตัวเลขในมือถือ หน้าตายิ้มแย้ม

       ในไร่ปรีดา...ปราบอาบน้ำแปรงขนให้เฉาก๊วย ปกป้องเดินมาหา...
       “เป็นไงมั่งวะเฉาก๊วย”
       เสียงเจิดดังขึ้นแทนม้า...
       “สบายดี ฮี้ แกล่ะ ไอ้ป้อง...”
       ปกป้องสะดุ้ง
       “ได้ข่าวว่าช่วงนี้เมาทุกวันเลยนี่หว่า”
       ปกป้องย่องมา เห็นเจิดอยู่อีกด้านของเฉาก๊วย กำลังช่วยปราบอาบน้ำเฉาก๊วย ยืนก้มๆหลบๆอยู่ ไม่ให้ปกป้องเห็น
       “ฮี้ แกนี่อะไรก็ดีนะไอ้ป้อง เสียอย่างเดียว ขี้เมาชะมัด ฮี้”
       ปกป้องถีบเจิดถลา
       “ไอ้เจิด กล้าขึ้นไอ้กับฉันเหรอ อยากตายมากใช่ไหม”
       เจิดรีบนั่งคุกเข่าไหว้
       “ขอโทษครับนาย แหะๆ ผมแค่ล้อเล่นน่ะครับ ที่พูดไปก็เพื่อให้มันสมจริงสมจังแค่นั้นเอง นายอย่าโกรธผมเลยครับ แหะๆ”
       ปกป้องชี้น้าเจิดแบบคาดโทษ ปราบหันมาบอก...
       “อาการเฉาก๊วยยังดีอยู่ครับ ไม่กำเริบ”
       ปกป้องลูบหน้าเฉาก๊วย
       “หายวันหายคืนนะลูกน้า”
       “คงยากน่ะครับ อย่างมากก็ประคองตัวไป วันไหนกำเริบขึ้นมาอีกก็คงแย่”
       สีหน้าปราบดูหมองลง ปกป้องตบบ่าปลอบ
       “เอาน่ะ เรื่องโรคภัยไข้เจ็บน่ะ คนเรายังต้องลุ้นเลย นับประสาอะไรกับม้าวะ”
       เจิดเสริม
       “นั่นสิครับ ดูอย่างพ่อผม เป็นคนดี เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ แต่จู่ๆก็เป็นมะเร็ง หมอบอกไม่เกินห้าปีมะเร็งกินตายแน่ๆ ที่ไหนได้...”
       “พ่อแกอยู่เกินห้าปี” ปกป้องทาย
       “โดนรถชนตายตั้งแต่ปีที่สองแล้วครับ”
       ปราบฟังแล้วอดหัวเราะไม่ได้

       ปราบกับปกป้องปล่อยให้เจิดดูแลเฉาก๊วยไป ทั้งสองเดินห่างออกมา คุยกันไปด้วย
       “เฮ้ย ปราบ มะรืนนี้นายว่างใช่มั้ย”
       “ไม่ว่างครับ ก็เรานัดช่างมาซ่อมระบบไฟใหม่ไม่ใช่เหรอครับ”
       “อ๋อ อาโทรไปเลื่อนเขาไปแล้ว”
       ปราบเอะใจ มองหน้าปกป้อง
       “งั้นก็คงว่างครับ ว่าแต่อามีอะไรเหรอครับ”
       “ถ้าว่างก็ดี ไปธุระเป็นเพื่อนอาหน่อยดิ”
       “ธุระที่ไหนครับ”
       “คืองี้...พีอาร์งานประมูลของของท่านหญิงน่ะ เขาจัดงานอีเว้นต์งานหนึ่ง เขาเลยโทรมาชวนแกไปงานเปิดตัวสินค้าตัวใหม่”
       “ไม่ไปครับ ผมไม่ชอบ”
       “เฮ้ย ไม่ได้ ฉันบอกไปแล้วว่าแกจะไป”
       “ผมเป็นใคร ผมจะไปไม่ไปก็ไม่มีใครมาสนใจหรอกครับ อาก็รู้ว่าผมไม่ชอบงานคนเยอะ”
       “ไปเถอะ ไปกันสองคนนี่แหละ เดี๋ยวอาขับรถให้เอง”
       “ทำไมอาต้องคะยั้นคะยอผมด้วยเนี่ย มีอะไรว่ามาตรงๆดีกว่าครับ”
       “มันเขินโว้ย...คือเขาบอกงานนี้คุณนับดาวไปด้วย แปลว่าน้าของเขาก็คงจะไปเหมือนกัน”
       “คนที่ตบหน้าอาน่ะเหรอ”
       “นั่นแหละ...อาอยากเจอเขาอีกน่ะ ไปนะเว้ยไอ้หลานชายช่วยอาหน่อย”

ปกป้องเข้ามากอดคอตีซี้ปราบ

ในงานเปิดตัวสินค้า เจ้าหน้าที่กำลังเซ็ตเครื่องไฟเครื่องเสียง เอมี่เข้ามาสู่บริเวณงาน โจโจ้หันมาเห็นรีบวิ่งเข้ามากอด


       “สวัสดีจ้ะเอมี่ที่รัก”
       “สวัสดีจ้ะที่รัก...ยัยนับดาวมารึยังอ่ะ”
       “ยัง แต่คงใกล้มาแล้วล่ะ... อุ๊ย นี่อะไร”
       โจโจ้กอดเอวเอมี่ เจออะไรแข็งๆ หยิบออกมาดูเป็นสนับมือ โจโจ้ร้องว้าย เอมี่รับดึงมาเก็บ
       “สนับมือย่ะ”
       “เอามาทำไมน่ะ”
       “ก็กันไว้ก่อน เผื่อยัยนับดาวมันบ้าเลือดเข้ามาตบฉัน จะได้มีอะไรป้องกันตัวบ้าง”
       “จะบ้าเหรอ ยัยนับดาวเค้าไม่ใช่กุ๊ยนะยะ พกของอย่างงี้มาคนอื่นเห็นเข้ามันจะไม่ดีนะ เอามาให้ฉันเก็บเอง”
       “ไม่เอาอ่ะ กันไว้ก่อน”
       มีเสียงฮือฮาดังมาจากอีกด้าน เอมี่มองไป เห็นนับดาวเดินเข้างานมากับอลิสา นักข่าววิ่งมารอเก็บช็อตเด็ด นับดาวกับเอมี่มองหน้ากัน เดินเข้าหากัน พอได้ระยะก็โผเข้ากอดกัน
       “นับดาวจ๋า”
       “เอมี่เพื่อนรัก”
       เอมี่สะอื้น ร้องไห้
       “เอมี่รักนับดาวนะจ๊ะ”
       “เอมี่ สำหรับดาวแล้ว เธอเป็นยิ่งกว่าเพื่อนอีกนะจ๊ะ เธอเหมือนพี่น้อง เรามีกันแค่นี้ ดาวอยากให้เอมี่รู้ว่าดาวไม่มีวัน...ไม่มีวันเลย ที่ดาวจะคิดร้ายกับเอมี่”
       “นับดาว...เธอ...เธอ...เพื่อนที่ดีที่สุดในโลกของเอมี่ เอมี่ดีใจจริงๆที่ชีวิตนี้ได้เป็นเพื่อนกับเธอ”
       เอมี่ร้องไห้ กอดน้ำตากลม สักครู่ทั้งสองก็กอดกันยิ้มแป้นทำมือรูปหัวใจให้นักข่าวถ่ายรูป แล้วกันมายืนชิดกัน ทำมือโค้งเหนือหัวมาจบกันเป็นรูปหัวใจ แล้วก็กอดกันอีกที

       นับดาวเดินแยกออกมา อลิสารออยู่ประชด...
       “ชื่นมื่นเนอะ”
       “นับดาว ค่ะ...ที่บ้านเรามีขวดน้ำมนต์เหลืออยู่ใช่ไหมคะ เดี๋ยวกลับบ้านต้องเอามาอาบซะหน่อยแล้ว กอดกับยัยนั่นอยู่ตั้งนาน อึ๋ย”
       “เอาเถอะ น้ามีสบู่ลงยันตร์ด้วย ยังไงคืนนี้คงได้ใช้เพราะดาวต้องเจอกับเอมี่อีกตลอดคืนเลยนะ”
       “นั่นสิคะ...ดาวไปแต่งหน้าก่อนนะคะ”
       นับดาวเดินไปกับอลิสา นับดาวเดินแยกไปหลังเวที ส่วนอลิสาเดินดูอะไรเล่นๆไป อีกด้านหนึ่ง ปราบกับปกป้องเข้ามาในงาน ปกป้องอยู่ในชุดคาวบอยเหมือนเดิม ปราบใส่เชิร์ตสแล็คดูสุภาพแต่มีกล้องถ่ายรูปติดมือมาด้วย
       “ไม่รู้อาจะรีบมาทำไมตั้งแต่ไกโห่ นี่งานเค้ายังไม่เริ่มเลย”
       “ถึงตอนงานพวกเขาคงยุ่งๆ อาก็ไม่มีเวลาทำความรู้จักเขาน่ะสิ”
       ปกป้องยิ้มกริ่ม

       นับดาวเดินเข้ามาหลังเวที ทีมงานและนางแบบคนอื่นๆวิ่งไปวิ่งมา กา ซึ่งเป็นสไตลิสต์หันมาเจอนับดาว
       “ทางนี้ค่ะคุณดาว”
       นับดาวยิ้มไหว้ ทักทายกัน นับดาวสะดุดตากับชุดตัวหนึ่งที่แขวนอยู่ เป็นชุดกาะอก มีผ้าพันคอสีเขียวประกอบชุดด้วย
       “ชุดนี้สวยจัง”
       “ชุดฟินาเล่น่ะค่ะ”
       “พี่ไก่ให้ใครใส่คะ”
       “เอ่อ...”
       เอมี่กำลังนั่งให้ช่างทำผมอยู่อีกด้านหนึ่ง ส่งเสียงหัวเราะเยาะเสียงแหลมสะใจ
       “โฮะๆ เค้าก็ต้องให้คนที่สวย สง่า มีบุคลิกภาพที่ดีที่สุดในงานใส่น่ะสิคะ คุณนับดาวไม่น่าถามเลยนะ คนคนนั้นจะเป็นใครไปได้คะนอกจากคนที่ชื่อเอมี่ ... เอ๊ะ หรือว่าที่ถามเนี่ย เพราะคุณนับดาวเพื่อนรักอยากใส่เองคะ”
       “ถามเพราะว่าเห็นแขวนอยู่แล้วว่าเป็นชุดที่สวยมากน่ะค่ะ แต่ก็ไม่รู้นะ ถ้าเอาไปให้คางคกใส่ มันจะสวยอย่างนี้หรือเปล่า”
       “อุ๊ย ตลกจังนับดาวเนี่ย ชุดดีๆอย่างนี้เขามีแต่เอาไปให้คนสวยๆใส่ค่ะ คางคกน่ะ คงเป็นพวกที่ได้แต่ชะเง้อคอดูมั้งคะ”
       ไก่หัวเราะกลบเกลื่อน
       “อารมณ์ดีกันจังคู่นี้นี่...คุณนับดาวเชิญทำหน้าด้านนี้ค่ะ”
       ไก่พานับดาวมาอีกด้าน นับดาวเดินตามไป เอมี่มองตามไป ร้องเชอะเบาๆ ไก่ตบมือให้ทุกคนฟัง แล้วพูดเสียงดัง
       “อีก 10 นาทีขอซ้อมเซ็ตติ้งก่อนนะคะ”

       หน้าเวที....มีเสียงฮือฮาดังขึ้น ไก่เดินนำพวกนางแบบซึ่งมีนับดาวกับเอมี่รวมอยู่ด้วย เป็นการซ้อมคิว พวกนางแบบจึงใส่ชุดตามสบาย นักข่าวจึงไม่ให้ความสนใจ มีเพียงปราบที่หยิบกล้องหามุมสวยๆถ่าย
       “เฮ้ย นี่เขาแค่ซ้อม ยังไม่เอาจริง” ปกป้องบอก
       “อย่างนี้สิครับน่าสนใจกว่า”
       ปราบเล็งกล้องถ่าย แล้วก็เจอนับดาว เขารู้สึกว่าเธอสวยและสง่ามาก จนตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนกดชัตเตอร์ถ่ายรูป แต่นับดาวไม่ได้สนใจ ปราบถ่ายนางแบบคนอื่นๆด้วย มีรูปหนึ่งซึ่งถ่ายติดเอมี่ขณะเดินหันหลังให้ เห็นสนับมือด้วย...

       หลังเวที...พวกนางแบบเดินกลับเข้ามา นับดาวเดินมาบอกทีมงานเวทีคนหนึ่ง
       “พี่คะ เวทีไม่ดีเลยนะคะ”
       เอมี่บอกด้วย
       “เห็นด้วยค่ะ พื้นไม่ค่อยเรียบเลยนะคะ”
       “ขอโทษนะครับ เราจ้างช่างทีมใหม่น่ะครับคงไม่ถนัดทำเวที” ทีมงานบอก
       “อ้าว แล้วทำไมไม่ใช้ช่างเก่งๆล่ะ” เอมี่สงสัย
       “ก็มันโดนหั่นงบนี่ครับ เพราะมีนางแบบบางคนอัพค่าตัวซะเว่อร์ ไม่รู้ใครเหมือนกัน”
       เอมี่กับนับดาวทำเป็นไม่ได้ยิน เดินห่างออกไปทันที

       ใกล้ได้เวลางานเริ่ม...แขกเหรื่อเริ่มมากันมากขึ้น บรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้น ด้านหลังเวที ทีมงานเร่งมือทำงานกัน ขณะที่ด้านหน้างาน อลิสาจิ้มค็อกเทลกินอะไรไปเรื่อยๆ แล้วก็พอดีติดคอ ไอแค่กๆ มีมือยื่นเครื่องดื่มมาให้ อลิสานึกว่าบริกร
       “ขอบใจจ้ะ”
       อลิสารับแก้วเครื่องดื่มมาดื่ม แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าแก้วนี้เหมือนมีคนกินมาก่อนแล้ว
       “เอ๊ะ แก้วนี้มีคนกินมารึยังเนี่ย”
       อลิสามองไป พบว่าคนที่เอาแก้วน้ำมาให้เธอคือปกป้อง
       “สวัสดีครับคุณอลิสา...ผม ปกป้อง จำผมได้ใช่ไหมครับ”
       “คุณ...อ้อ...คนที่โดนฉันตบหน้าครั้งก่อนนี่นา”
       “ครับ ครั้งที่แล้วคุณเข้าใจผิดเลยตบหน้าผม แต่ครั้งนี้คุณคงเข้าใจผมดีแล้ว เลยจูบผมแทน”
       “ฉันไปจูบคุณตอนไหนไม่ทราบ ไม่เคยและไม่มีวันค่ะ”
       ปกป้องชูรอยลิปสติกของอลิสาที่ขอบแก้วของเขา
       “คุณกินน้ำที่เดียวกับผมเลย ก็เหมือนคุณจูบผมนั่นแหละ”
       อลิสาแค่นหัวเราะ
       “คิดได้เนาะ ทุเรศ”
       “อ้าว ว่าผมทุเรศ ที่ไร่ของผม ถ้าผู้หญิงคนไหนว่าผู้ชายว่าทุเรศ แปลว่ากำลังขอให้ผู้ชายจูบเธอ”
       “แต่ที่นี่เมืองหลวงค่ะ ไม่ใช่ไร่บ้านนอกคอกนาของคุณ ทุเรศแปลว่าทุเรศค่ะ”
       “ปากแข็งจริงๆ ผมดูออกนะว่าคุณอยากให้ผมจูบ...อย่างนี้ผมต้องจูบคุณให้ได้”
       อลิสาตกใจ
       “อย่าเข้ามานะ”
       ปกป้องยกแก้วขึ้น แล้วประกบริมฝีปากตรงที่มีลิปสติกอลิสา จูบอย่างดูดดื่มและกระหาย พลางมองหน้าอลิสาไปด้วย อลิสาหน้าแดง ปกป้องจูบจนแก้วสะอาด ไม่มีรอยลิปสติกเลย
       “อา...เป็นรสจูบที่ทำให้ผม...รัญจวนใจจริงๆครับ”
       ปกป้องทำหน้ากระหยิ่ม อลิสาทนไม่ได้ ตบหน้าเพี๊ยะ
       “ไอ้บ้า ไอ้ทะลึ่ง ไอ้แพะย่าง”
       อลิสาเดินหนีไป ปกป้องกุมแก้มตัวเอง ปราบเดินเข้ามาหา
       “เป็นไงบ้างอา โดนเขาตบอีกแล้ว งั้นกลับเถอะครับ”
       “เฮ้ย รอแป๊บนึงดิ อย่างงี้แหละเวิร์ก เผื่อเขาอาจจะเสียใจ แล้วมาขอเลี้ยงข้าวเย็นเพื่อขอโทษ ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ คืนนี้แกขับกลับไร่คนเดียวละกันนะ”
       ปกป้องยิ้มกระหยิ่ม ขณะที่ปราบอึดอัด
       “นี่ดึกแล้วนะเนี่ย เมื่อไหร่งานจะเริ่มสักที”
       ยังไม่ทันขาดคำ ไฟในงานหรี่ลง พิธีกรประกาศ
       “ขอต้อนรับท่านผู้มีเกียรติทุกท่านสู่งานเปิดตัวร้านเสื้อ อีฟแอนด์อาดัม ครับ พร้อมแฟชั่นโชว์จากเซเลบริตี้ชื่อดัง ณ.บัดนี้ครับ”
       สโม้กพุ่งออกมาเปิดตัว ดนตรีกระหึ่ม เหล่านางแบบเดินสู่แคทวอล์ก คนดูปรบมือ ช่างภาพรุมล้อมแคทวอล์กถ่ายรูปกันไฟแลบ ในบรรดานางแบบมีเอมี่กับนับดาวด้วย ปกป้องกับปราบอยู่ห่างจากแคทวอล์กไม่มากนัก
       “โอ้โห สวยเหมือนกันนะเนี่ย พอเป็นนางแบบแบบนี้ สวยกว่าครั้งที่แล้วจมเลย” ปกป้องชม
       “หมายถึงใครเหรอครับ” ปราบสงสัย
       “นับดาวไง”
       “แต่ผมว่าตอนนี้น่ะดูธรรมดา ผมชอบตอนเขาซ้อมมากกว่า ผมว่าเมื่อกี้เขาสวยจริงๆ”
       ปราบมองตามนับดาวไป

       หลังเวที...พวกนางแบบเข้ามา รีบเปลี่ยนเสื้อสำหรับชุดต่อไป ทุกตำแหน่งรีบทำหน้าที่ของตัวเอง เอมี่เปลี่ยนเป็นชุดฟินาเล่เรียบร้อยแล้ว ตั้งใจเดินมาชนไหล่นับดาว ที่เพิ่งเปลี่ยนชุดเสร็จ
       “อุ๊ย ขอโทษจ้ะดาว...” เอมี่ก้มลงจับชุด “แหม ดีนะเนี่ยที่ชุดไม่ยับ”
       นับดาวหันขวับมาหาเอมี่ ไก่เห็นท่าไม่ดี รีบปรบมือ
       “ทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหม ลุยเลยฮ่า รอบสุดท้ายแล้ว”
       พวกนางแบบเดินออกไป เอมี่หันมายักคิ้วยิ้มเยาะนับดาว นับดาวพยายามข่มใจ

       หน้าเวที...พวกนางแบบเดินออกมา เอมี่เดินออกมาเป็นคนสุดท้าย พร้อมชุดฟินาเล่มีผ้าพันคอสีเขียว เอมี่เดินไปถึงสุดแคทวอล์ก หยุดโพสต์ คนปรบมือ เอมี่ถอดผ้าพันคอสีเขียวโยนลงไปที่คนดู ไปคล้องคอปราบพอดี สปอร์ตไล้ท์ฉายไปที่ปราบ พวกนางแบบที่ไม่ใช่ฟินาเล่ พาเดินออกไปข้างหน้าไปอยู่ข้างหลังเอมี่ ยกเว้นนับดาว
       เอมี่ย่อตัวลงมองปราบ ให้ปราบคล้องผ้าพันคอคืน ปราบคล้องผ้าพันคอให้เอมี่ นับดาวมองปราบจับผ้าพันคอสีเขียวคล้องคอ รู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก…เธอนึกไปถึงภาพเหตุการณ์ที่ปราบในวัยเด็ก จับงูเขียวมาขู่ เพื่อนนางแบบคนหนึ่งเห็นนับดาวไม่ขึ้นมา ก็เรียก
       “นับดาว”
       นับดาวขยับเท้า มัวแต่มองปราบ ขาสะดุดรอยต่อไม้ ผวาไปข้างหน้า มือเกาะชุดเกาะอกของเอมี่ได้ นับดาวเสียหลักลงไปคุกเข่ากับพื้น ชุดเกาะอกของเอมี่ถูกรูดลงไปด้วยอกเปลือยของเอมี่ปรากฏอยู่ตรงหน้าปราบพอดี ปราบตะลึง คนดูฮือฮา เอมี่ตกใจ ปราบรีบเอาผ้าพันคอคลุมร่างเอมี่ เอมี่สบตาปราบแว่บหนึ่งก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปหลังเวที นับดาวรีบวิ่งตามเข้าไป ขณะที่นางแบบคนอื่นๆตกใจ แต่ยังคงอยู่บนแคทวอล์ก

       หลังเวที...ทีมงานรีบเอาผ้าคลุมตัวเอมี่ ดึงไปนั่งที่ นับดาวตามเข้ามาอย่างตกใจ
       “เอมี่ ฉันขอโทษ ฉันไม่ตั้งใจจริงๆ”
       เอมี่หันขวับมามีสนับมืออยู่ในมือ
       “ใครจะไปเชื่อแก แกทำเกินไปแล้วนะ”
       “อย่านะ”
       เอมี่หลับหูหลับตาชกมา นับดาวยกกล่องเครื่องสำอางของช่างแต่งหน้าบัง เอมี่ต่อยโดนกล่องก็ร้องโอ๊ย สนับมือหล่นลงพื้นดังแกร๊ง เอมี่กับนับดาวก้มมองสนับมือ สบตากันแล้วรีบก้มลงจะไปเก็บพร้อมกัน
       นับดาวกับเอมี่หัวโขกกันดังโป๊ก ต่างเสียหลักทรุดจ้ำเบ้า ไก่รีบวิ่งเข้ามาดู มองมา เห็นเอมี่เลือดไหลออกจากหน้าผาก มองมาที่นับดาว หน้าตาปกติ แต่สนับมือตกอยู่ข้างๆตัวเธอ ไก่ร้องลั่น หน้าซีด นับดาวเอะใจ ก้มมองเห็นสนับมืออยู่ใกล้มือเธอ
       “ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะพี่ไก่ พี่เข้าใจผิดแล้ว”
       สไตลิสต์ยังไม่ทันพูดอะไร เอมี่ก็เอะใจ เอามือจับหน้าผากตัวเอง เห็นเลือดก็ร้องกรี๊ด นักข่าวที่ก็กรูกันเข้ามา ถ่ายรูปกันไฟแล่บ นับดาวตกใจ เอมี่ตั้งสติได้ก่อน
       “นับดาว...เธอถึงกับเอาสนับมือมาชกฉันเลยเหรอ”
       “ยัยเอมี่...เธอ...”
       เอมี่ร้องไห้ กลัวจนตัวสั่น นับดาวหันมาหานักข่าว
       “อย่าไปเชื่อเขานะ สนับมือของเขา”
       โจโจ้โผล่หน้าเข้ามา เอมี่วิ่งเข้ากอดทันที
       “โจโจ้ช่วยด้วย นับดาวเอาสนับมือมาชกเอมี่ๆ กลัววววววว ฮือๆๆ”
       นับดาวด่าทันที
       “ยัยตอแหล”
       “ยัยฆาตกร”
       เอมี่แอบยักคิ้วเยาะเย้ย นับดาวปรี๊ด ถลาเข้าไปตบหน้าเอมี่เพี๊ยะ เอมี่ถลาฟุบกับพื้นอย่างรุนแรง อลิสาพรวดเข้ามา ดึงนับดาวออกไป
       “นับดาว...หยุด!!!!”
       นับดาวได้สติ เงยหน้าขึ้น กองทัพนักข่าวระดมถ่ายรูปถี่ยิบ

เอมี่แอบเงยหน้าขึ้นมา ยิ้มให้ นับดาวอึ้ง แสงแฟลชระดมยิงใส่ตัวเธอจนตาพร่าไปหมด
น้อยหน่า อ่านข่าวนับดาวในหนังสือพิมพ์ แล้วหันมาถามปราบ

       “แล้วนับดาวเอาสนับมือไปชกเอมี่จริงรึเปล่าคะ”
       ปราบส่ายหน้า
       “ไม่รู้เหมือนกัน พ่อกับอาป้องไม่ได้เข้าไปดู พวกนักข่าวก็เข้าไปทีหลัง ไม่มีใครรู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นนอกจากสองคนนั้น”
       น้อยหน่าดูหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวที่เกิดขึ้น มีรูปตอนนับดาวตบเอมี่พอดี เธออ่านพาดหัวย่อย
       “ไฮโซซัดกันเละ ถึงเลือดสาดหลังเวที...อุ๊ยๆ ข่าวทีวีมาแล้วค่ะ...”
       น้อยหน่ารีบวางหนังสือพิมพ์ ไปหยิบรีโมต กดเร่งเสียงข่าวทีวี เป็นตอนนักข่าวไปสัมภาษณ์นับดาว
       “คุณนับดาวจงใจดึงชุดคุณเอมี่รึเปล่าครับ”
       “เปล่าค่ะ เป็นอุบัติเหตุ พื้นเวทีมัน...”
       นักข่าวแทรก
       “แล้วที่คุณเอาสนับมือชกคุณเอมี่ล่ะครับ”
       “เปล่าค่ะ สนับมือไม่ใช่ของนับดาว ของเอมี่ค่ะ เค้าจะเอามาชกดาว แต่ทำหล่นซะก่อน เราก้มลงพร้อมกัน ชนกันหัวแตกค่ะ”
       “แต่หัวคุณนับดาวไม่เห็นแตกนี่ครับ”
       “อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
       รายการตัดไปที่นักข่าวไปสัมภาษณ์เอมี่...
       “จะแจ้งความดำเนินคดีกับคุณนับดาวไหมครับ”
       เอมี่ตีหน้าเศร้า
       “ไม่หรอกค่ะ เราอยู่วงการเดียวกัน เอมี่ไม่อยากทำร้ายอนาคตใคร”
       “แต่คุณเอมี่เป็นผู้เสียหายนะครับ”
       “เอมี่ทนได้ค่ะ ถึงเสื้อจะหลุดลุ่ยอับอายจนอยากฆ่าตัวตาย ถึงเป็นแผลจนเสียโฉม แต่เอมี่ก็ทนได้...ถ้าเอมี่แจ้งความ...ดาวเขาคงเดือดร้อนมาก เอมี่ทำไม่ลงจริงๆค่ะ”
       “แต่นี่เป็นคดีอาญานะครับ”
       “เอมี่ให้การกับตำรวจไปแล้วว่าเป็นอุบัติเหตุค่ะ...แค่นี้ก่อนนะคะ เอมี่ปวดหัวมาก หมอ บอกสมองอาจได้รับความกระทบกระเทือน ถ้าโชคร้ายอาจเป็นอัมพาตได้ ต้องพักผ่อนมากๆค่ะ ขอโทษจริงๆค่ะ”
       รายการข่าวตัดเข้าภาพกราฟฟิก ขึ้นตัวหนังสือว่า ผลสำรวจเอสิตโพล ประชาชนคิดว่าใครเป็นคนก่อเรื่อง มีชื่อนับดาวกับเอมี่ มีกราฟแท่งประกอบ นับดาวสูงปรี๊ด เอมี่เป็นขีดบางจ๋อย...
       “เอสิตโพลทำผลสำรวจต่อเหตุการณ์นี้นะครับว่า ประชาชนคิดว่าใครเป็นคนก่อเรื่อง เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์บอกว่านับดาว หนึ่งเปอร์เซ็นต์บอกว่าเอมี่ ... อันนี้เราคงวิจารณ์อะไรไม่ได้นะครับ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของท่านผู้ชมนะครับ...”
       รายการข่าวเปลี่ยนเป็นรูปเอมี่กับนับดาว มีคำว่า VS คั่นกลาง
       ”สำหรับคุณเอมี่กับคุณนับดาวเริ่มมีข่าวความขัดแข้งกัน หลังจากมีผู้ไม่หวังดีโพสต์ข้อความด่าทอนับดาวในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง”
       ปราบกดรีโมตปิดทีวี
       “นี่ ดูเธอจะสนใจข่าวนี้เป็นพิเศษนะ มีอะไรรึเปล่า”
       น้อยหน่าหลบตาวูบ
       “หรือว่า...เธอเป็นคนโพสต์ด่านับดาว”
       น้อยหน่ามองหน้าปราบ
       “หนูเปล่าค่ะ พ่อต่างหากที่เป็นคนโพสต์”
       ปราบหัวเราะนึกว่าพูดเล่น ปราบหันไปดูภาพข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์
       “เฮ้อ ทำไมต้องทะเลาะกันรุนแรงขนาดนี้ก็ไม่รู้ สงสารเขาเหมือนกันนะเนี่ย”
       “ไม่เห็นสงสารเลย ทำอะไรก็ได้แบบนี้นั้น สมน้ำหน้า”
       น้อยหน่าย่นหน้าใส่รูปนับดาว

       ที่บ้านนับดาว...ฟู่นั่งลงบนโซฟา ตรงข้ามนับดาว อสิษาเอาน้ำมาวางให้
       “โทรมาก็ไม่รับสายนะ อุตส่าห์เสี่ยงมานี่ดู ไม่รู้จะอยู่บ้านหรือเปล่า”
       นับดาวส่ายหน้า
       “เปิดมือถือได้ซะที่ไหนล่ะคะ ทั้งโทรทั้งเอสเอ็มเอสกระหน่ำด่ากันทั้งวัน”
       อลิสาเสริม
       “เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ อะไรก็ต้องปิดหมดแล้ว เยินมาก”
       ฟู่ถอนใจ
       “ตอนนี้กระแสแรงสุดๆ...หมายถึงกระแสที่อยากฆ่าเธอน่ะนับดาว”
       นับดาวถอนหายใจ
       “ทำไงดีคะพี่ฟู่”
       “ความจริงถ้าไม่มีช็อตตบยัยเอมี่ ยังพอแก้เกมส์ไหวนะ”
       “ตอนนั้นมันปรี๊ดจริงๆ มันโกหกใส่ร้ายดาวแบบหน้าด้านๆ”
       “จะอะไรก็เหอะ พอเธอตบหน้าเขา เธอเลยกลายเป็นคนผิดเต็มประตู พอผิดแล้วก็ผิดไปหมด เธอกลายเป็นคนที่แกล้งไปงานวันเด็กเพื่อเอาหน้า เป็นคนที่เข้าไปแย่งรองเท้าจากเอมี่ เป็นคนที่แกล้งโพสต์ด่าตัวเอง เป็นคนที่ตั้งใจดึงชุดเอมี่หลุดเพราะอิจฉาที่เขาได้ใส่ชุดฟินาเล่ แล้วก็เป็นคนที่พกสนับมือมาต่อยหน้าเอมี่ด้วย”
       “ยัยเอมี่นี่ก็เจ้าเล่ห์เหลือร้าย ทำเป็นคนดีบอกไม่เอาผิดอะไร เพราะรู้ว่าถ้าตำรวจสอบสวนขึ้นมา ก็คงรู้ว่ายัยนั่นเป็นเจ้าของสนับมือ”อลิสาออกความเห็น
       นับดาวเศร้า
       “ตอนนี้ดาวนึกไม่ออกจริงๆค่ะว่าต้องทำยังไง”
       “ทำอะไรไม่ได้หรอก นั่งสมาธิทำใจร่มๆ แล้วก็รอให้เวลาผ่านไปสักปีสองปี ถึงตอนนั้นประชาชนเขาคงจะลืมเรื่องพวกนี้ไปหมดแล้ว เธอค่อยกลับเข้าวงการใหม่ละกัน” ฟู่แนะนำ
       นับดาวตะลึง
       “กลับเข้าวงการใหม่? แปลว่าตอนนี้ดาวถูกถีบออกมานอกวงการแล้วใช่ไหมคะ”
       “ถูกต้อง ถูกถีบแรงด้วยที่พี่มานี่ ส่วนหนึ่งก็จะมาบอกเธอว่าลูกค้าโทรมายกเลิกงานของเธอ หมดเกลี้ยงเลย นี่ไม่นับโฆษณาที่เธอเป็นพรีเซนเตอร์ ทางเอเจนซี่เขาโทรมาเล่าให้ฟังด้วยว่าต้องเกลี้ยกล่อมเจ้าของสินค้าอยู่นานไม่ให้ฟ้องร้องเธอข้อหาทำงานเขาเสียหายน่ะ งานนี้เธอตายสนิทจริงๆ”
       นับดาวนั่งกลุ้มใจ
       “มีแต่พวกหนังสือผู้ชายน่ะ ติดต่อให้เธอไปถ่ายชุดว่ายน้ำ...”
       “ไม่ค่ะ ดาวคงไม่ไปแจ้งเกิดทางนั้นหรอกค่ะ”
       “ฉันก็ว่างั้นแหละ เลยปฏิเสธไปหมดแล้ว”

นับดาวพูดอะไรไม่ออก อลิสากลุ้มใจแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว

ตะวันวาดกับกลุ่มเพื่อนๆ กำลังนั่งคุยกันอยู่ในโรงอาหารโรงเรียน น้อยหน่ากับกลุ่มเพื่อนของเธอเดินมาจากอีกทางหนึ่ง เพื่อนตะวันวาดหันมาถาม

       “ได้ข่าวว่าช่วงนี้สนิทกับน้อยหน่าเหรอ”
       “ไปไหนมาไหนกันตลอดตัวแทบจะติดกัน แค่นี้สนิทพอหรือเปล่า”
       เพื่อนตะวันวาดตะโกน
       “น้อยหน่า ไอ้ตะวันมันบอกเธอเป็นแฟนมัน จริงรึเปล่าอ่ะ”
       น้อยหน่าชะงัก หันขวับมา ตะวันวาดร้อนตัวขึ้นมาทันที
       “นายพูดจริงเหรอ” น้อยหน้าถาม
       ตะวันวาดทำอะไรไม่ถูก จะปฏิเสธก็กลัวเสียเหลี่ยม เพื่อนๆจ้องอยู่
       “เออดิ”
       น้อยหน่ายิ้มหวานเดินมาหาตะวันวาด เพื่อนอึ้งๆ ตะวันวาดยิ้มดีใจ แต่น้อยหน่ากลับหยิบแก้วน้ำเทราดหัวตะวันวาด เพื่อนๆตะวันวาดฮาลั่น ส่วนเพื่อนน้อยหน่าก็ขำก๊าก
       “ฉันเนี่ยนะจะเป็นแฟนนาย ฝันไปเหอะ”
       ตะวันวาดขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
       “ยัยน้อยหน่า...”

       น้อยหน่าในชุดนักเรียนเข้ามาในบ้าน แต่แล้วก็ยืนตัวแข็ง เมื่อพบว่าปราบกำลังคุยกับตะวันวาด
       ปราบหันมาเจอน้อยหน่า ปราบหน้าเครียด
       “น้อยหน่า มานี่ซิ”
       น้อยหน่าเดินมา
       “พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหม เรื่องการใช้อินเตอร์เน็ตน่ะ”
       น้อยหน่าชี้หน้าตะวันวาด
       “ไอ้คนทรยศ ฉันไม่คิดเลยว่านายจะเป็นคนแบบนี้ นึกว่านายจะเป็นลูกผู้ชาย ที่ไหนได้ แค่ล้อเล่นนิดหน่อย นายต้องแก้แค้นฉันแบบนี้ด้วยเหรอ”
       น้อยหน่าจะตรงเข้าเล่นงาน ตะวันวาดร้องลั่น
       “น้อยหน่า อย่า...”
       ปราบดุ
       “หยุดนะ ทำผิดก็ยอมรับผิดสิ ทำไมต้องไปโทษคนอื่น”
       “ถ้าหนูผิด พ่อก็ผิดเหมือนกัน หนูโพสต์ด่านับดาวก็จริงแต่พ่อเป็นคนคลิกส่งนะคะ”
       ปราบงง น้อยหน่าฟ้องต่อ
       “ตะวันเขาไม่ได้เล่าให้ฟังล่ะสิ หนูแค่โพสต์ด่านับดาวเฉยๆ ยังไม่ได้ทำอะไร แต่พ่อมาถึงก็คลิกเอ็นเทอร์ จำไม่ได้เหรอคะ ที่พ่อบอกจะสั่งยาอะไรของพ่ออ่ะ”
       ปราบงงน้อยหน่าพูดเรื่องอะไร น้อยหน่าเอะใจ หันมามองตะวันวาดที่กุมหัวกลุ้มๆ
       “เอ่อ...”
       “ยัยน้อยหน่า เธอนั่นแหละทำเรื่อง วันนี้อินเตอร์เน็ตมันใช้ไม่ได้ พ่อเธอเลยให้ฉันมาช่วยดูก็แค่ สายแลนมันเจ๊ง ฉันก็เลยเปลี่ยนสายแลนให้”
       ปราบเสริม
       “ตะวันเขาบอกบางทีกระชากแรงๆมันก็เจ๊งได้ พ่อก็เลยว่าจะเตือนน้อยหน่าว่าจะถอดอะไรก็ให้มันเบาๆหน่อย”
       “ค่ะ หนูขอโทษค่ะ ต่อไปหนูจะระวังค่ะ แหะๆ”
       น้อยหน่าทำหน้าสำนึกผิด แล้วรีบเดิน จะออกไป
       “เดี๋ยว”
       น้อยหน่าสะดุ้งโหยง หันกลับมา ยิ้มหวาน
       “อะไรคะพ่อ”
       “เรื่องโพสต์ด่านับดาวน่ะ เล่ามาให้หมด”
       น้อยหน่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่จำต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ปราบฟัง ปราบถอนใจเฮือก
       “พวกเธอนี่เอาใหญ่แล้วนะ แล้วเห็นมั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณนับดาวน่ะ”
       น้อยหน่ากับตะวันวาดนั่งเงียบ
       “ตะวันกลับบ้านไปก่อน...ขอบใจนะที่มาช่วยซ่อมคอมพ์ให้”
       ตะวันวาดยกมือไหว้ปราบ รีบกลับออกไป ปราบชี้หน้าน้อยหน่า
       “ส่วนเธอ พรุ่งนี้ไปกับพ่อ”
       “ไปไหนคะ”
       “ไปหาคุณนับดาว เล่าเรื่องให้เขาฟังแล้วขอโทษเขาซะ”
       น้อยหน่าอึ้ง
       “ไม่เอา พ่อตัดค่าขนมหนูก็ได้ แต่หนูไม่ไป”
       “ไม่ไปไม่ได้ ทำผิดก็ต้องไปขอโทษ”
       น้อยหน่าฮึดฮัดไม่พอใจ...

       นับดาวกำลังดูทีวีช่องแฟชั่นอยู่ อลิสาเดินเข้ามาหน้าเศร้าๆ นับดาวเอะใจ หรี่เสียงทีวี
       “น้าอะซ่ามีอะไรรึเปล่าคะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”
       “ทำใจดีๆไว้ก่อนนะดาว เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องหนีไม่พ้น ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เรื่องไตรลักษณ์ เธอเป็นชาวพุทธ น่าจะเข้าใจดีนะ”
       “น้าอะซ่า...น้าพูดเหมือนมีใครเป็นอะไร เราไม่มีญาติสนิทเหลือแล้วนี่คะ”
       “ถ้าเป็นญาติสนิทเธออาจจะไม่เสียใจขนาดนี้”
       อลิสาหยิบสมาร์ทโฟน กับโน้ตบุ๊คออกมาวาง นับดาวหน้าถอดสี
       “อย่าบอกนะคะว่า...”
       “จ้ะ เราไม่มีทางเลือกแล้ว...น้าให้เธอเลือก จะเก็บอะไรไว้”
       “ไม่นะ...”
       นับดาวหยิบมากอดไว้ทั้งสองอัน อลิสาเข้ามากระชากคืนไป
       “น้าอะซ่า”
       “บอกมา จะเลือกอันไหนไว้”
       “ดาวเลือกไม่ได้ ไม่มีโน้ตบุ๊คเหมือนใจขาด ไม่มีสมาร์ทโฟนเหมือนขาดใจ”
       “อย่าเว่อน่ะ เลือกมา ไม่งั้นน้าเลือกให้นะ”
       นับดาวนิ่งอยู่อึดใจ หยิบโน้ตบุ๊คมา แล้วเปลี่ยนใจหยิบสมาร์ทโฟน แล้วเปลี่ยนใจอีกครั้งหยิบโน้ตบุ๊คแทน อลิสายิ้ม นับดาวถอนใจ อลิสาเห็นนับดาวเผลอ ก็ฉกโน้ตบุ๊คกลับไป
       “น้าอะซ่าทำอะไรอ่ะ”
       “เสียใจนะดาว น้าไม่อยากทำร้ายจิตใจเธอถึงให้เธอเลือกก่อน แต่ความจริงคือเราต้องเอาไอ้นี่ไปตึ๊ง มันได้เงินมากกว่าตั้งเยอะ”
       “น้าอะซ่าใจร้าย”
       “โทษโชคชะตาที่ทำให้เราต้องตกงานแล้วกัน”
       อลิสาเดินกอดโน้ตบุ๊คออกไป นับดาวถอนใจ มองสมาร์ทโฟนในมือ

       ริมถนนหน้าโรงรับจำนำ...ปราบขับรถมา ปกป้องนั่งข้างๆ น้อยหน่านั่งหน้านิ่วอยู่ข้างหลัง พลางโวยวาย
       “แล้วถ้าเขาแจ้งตำรวจจับล่ะ พ่อไม่ห่วงหนูเลยใช่มั้ย”
       “กลัวหรือไง ทำไมตอนทำไม่กลัว” ปราบย้อน
       “พ่อเป็นพ่อภาษาอะไร ไม่เห็นปกป้องลูก”
       “หน้าที่ของพ่อน่ะนอกจากเลี้ยงลูกให้ดีแล้ว ยังมีหน้าที่อบรมสั่งสอนลูก ไม่ให้ออกไปก่อความเดือดร้อนให้คนอื่น เข้าใจมั้ย”
       น้อยหน่าเงียบไป น้อยใจปราบ
       “เฮ้ย จอดๆๆๆ” ปกป้องร้องเสียงดัง
       ปราบรีบเปิดไฟขอทาง แล้วเข้าซ้ายจอดข้างทาง
       “อะไรเหรอครับ”
       “โน่นๆๆ”
       ปราบมองตามปกป้อง เห็นด้านหลังของอลิสาแต่งตัวปอนๆ เลี้ยวลับตรงหัวมุม
       “ใครเหรอครับ”
       “ยัยคนนั้นไง ที่อาชอบน่ะ”
       “มั่วแล้วอา คนนั้นเขาออกจะไฮโซ แต่คนเมื่อกี้น่ะไฮโทรมมากเลยนะ”
       “ไม่ผิดหรอก บั้นท้ายแบบนี้ ไม่ผิดแน่ๆ เดี๋ยวอามาเว้ย”
       ปกป้องเปิดประตูลงจากรถตามอลิสาไป แต่พอเลี้ยวหัวมุมก็ไม่เห็นอลิสา ปกป้องมองไปรอบๆ เล็งที่ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านกาแฟ แต่มองข้ามโรงรับจำนำไป

       ในโรงรับจำนำ...มีลูกค้าอยู่ 2-3 คน อลิสาเข้ามายื่นโน้ตบุ๊คให้ อาเฮียมองแว่บหนึ่ง
       “ถามตรงๆนะครับคุณสา ไอ้นี่คุณสาจะมาไถ่คืนเมื่อไหร่”
       “ทำไมเหรอ นี่รุ่นล่าสุดเลยนะ”
       “รู้ว่ารุ่นล่าสุด แต่ของพวกนี้ราคามันตกเร็วยังกะรถไฟเหาะ ปีเดียวก็เหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว ถ้าอยากให้ได้ราคาดี พอผมออกตั๋วให้คุณสาก็ฉีกมันทิ้งเลย ตกลงไหม”
       “ได้เท่าไหร่ละ”
       “ให้สอง”
       “ตายๆๆ ฉันซื้อมาตั้งหกหมื่น”
       “บอกแล้วไงราคามันตกเร็ว รุ่นนี้มันออกมาสองเดือนแล้ว เดือนหน้ารุ่นใหม่ก็มาแล้ว ผมต้องรีบปล่อย ปล่อยแพงก็ไม่มีใครซื้อ ... ผมเคยบอกแล้วนะ ของอีเล็กโทรนิกส์มันไม่ได้ราคาหรอก”
       “ซักสามเถอะนะ”
       “สองแปด”
       “อ้ะ ตามนั้น”
       ปกป้องเข้ามาในโรงจำนำ อลิสาหันมามองแว่บหนึ่ง ตกใจ รีบก้มหน้า ปกป้องเข้ามา อลิสาหันหลังให้ เขายืนมองบั้นท้ายอลิสาอยู่ครู่หนึ่ง
       “หวัดดีครับคุณอลิสา แหม หาอยู่ตั้งนาน ที่แท้อยู่ที่นี่เอง”
       อลิสาก้มหน้าก้มตาพูด
       “คุณจำคนผิดแล้วค่ะ”
       “ไม่ผิดหรอกครับ ซินญอริต้าอลิสา น้าสาวของคุณนับดาว ถ้าผมจำผิดผมยอมให้คุณตบหน้าอีกครั้งก็ได้”
       ลูกค้าที่อยู่แถวนั้นหูผึ่ง ซุบซิบกันเองทันที
       “น้าของนับดาว นับดาวไหนวะ”
       “นับดาวไฮโซไง” อีกคนบอก
       อลิสายิ่งก้มหน้า
       “ก็บอกว่าคุณจำคนผิดแล้ว”
       “ผมไม่ได้ฟั้นเฟือนนะครับ เสียงก็ใช่ หน้าก็ใช่ บั้นทายยิ่งใช่ จะไปผิดได้ไงครับ”
       อลิสาไม่สนใจปกป้อง
       “เฮีย เสร็จรึยัง”
       อาเฮียมองปกป้องแว่บหนึ่ง ดูหึงๆอยู่เหมือนกัน ก่อนส่งซองใส่เงินให้พร้อมตั๋วรับจำนำ อลิสาฉีกตั๋วต่อหน้าเฮีย จะเดินออกไป ปกป้องรีบถาม
       “ซินญอริต้า ข้างนอกมีร้านกาแฟอยู่ เราไปจิบชาและสนทนากันแบบไฮโซๆดีไหมครับ”
       อลิสาโมโห
       “เอ๊ะ ยังไงฉันบอกว่าไม่ใช่สิ เซ้าซี้จริง”
       “อย่าบอกนะว่าอายที่เข้าโรงรับจำนำ เข้าโรงรับจำนำเป็นเรื่องสุจริต ไม่ได้ลักขโมยใคร ไม่เห็นต้องอายใครทั้งนั้นครับ ยืดอกพกนิ้วโป้ง”
       ปกป้องจับนิ้วโป้งอลิสาชู อลิสาตบหน้าปกป้องฉาด
       “ไปไกลๆ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ”
       อลิสาเดินแทรกปกป้องออกไปทันที ปกป้องจับแก้มตัวเองอย่างเสียใจ
       “เดี๋ยวสิ ผมทำอะไรผิดเหรอครับ”
       ปกป้องถอนใจ เดินออกไปนอกร้าน ลูกค้ามองตามไป แล้วถามเพื่อน
       “ถ่ายได้รึเปล่าอ่ะ”
       “ได้สิ”

เพื่อนเปิดคลิปที่ถ่ายให้ดู เป็นคลิปตอนอลิสาจำนำของกับอาเฮีย
//www.manager.co.th/Drama/ViewNews.aspx?NewsID=9550000061485&Page=4



Create Date : 25 พฤษภาคม 2555
Last Update : 25 พฤษภาคม 2555 8:39:51 น. 0 comments
Counter : 292 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

atitaya_t
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สวัสดีค่ะ ขอร่วม gang ด้วยคนค่ะ
Friends' blogs
[Add atitaya_t's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.