เก็บความทรงจำ..(^_^)..ความสนใจ โลกส่วนตัว ที่เราสร้างเอง
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
25 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
หนุ่มบ้านไร่ฯ ตอนที่ 1-2


ห้องจัดงานประมูลถูกปรับแสงให้มืดลง เหลือสว่างเพียงจุดเดียวที่บนเวที พิธีกรสาวสวยกำลังดำเนินรายการอยู่ บนเวทีมีรูปถ่ายรูปหนึ่งตั้งแสดงอยู่


       “25,700 ครั้งที่หนึ่ง...ไม่มีใครสู้แล้วเหรอคะ รูปนี้ซินแสบอกเป็นรูปมงคลนะคะ เสริมฮวงจุ้ยได้ด้วย... 25,700 ครั้งที่สอง”
       แขกคนหนึ่งยกมือ
       “30,000 ครับ”
       “มาแล้วค่ะ คุณสันตินั่นเอง...30,000 บาทครั้งที่หนึ่ง...30,000 บาทครั้งที่สอง....มีใครสู้อีกมั้ยคะ รูปนี้ช่างภาพบอกถ่ายยากมากนะคะ... ไม่มีแล้วนะคะ...30,000 บาทครั้งที่สามค่ะ”
       พิธีกรทุบค้อน แขกที่มาร่วมงานปรบมือ เจ้าหน้าที่ขึ้นเวทียกรูปลงไป และยกรูปต่อไปขึ้นมา มีผ้าคลุมปิดไว้ ระหว่างนั้นพิธีกรก็พูดไปด้วย
       “ตอนนี้ผ่านไป 10 รูปแล้วนะคะ ท่านหญิงเลิศแอบกระซิบว่ายอดเงินประมูลสูงกว่าที่คิดนะคะ แสดงว่าพวกเรากุศลแรงกล้าจริงๆ ซึ่งเงินที่ได้จากน้ำใจของทุกท่านจะถูกนำไปช่วยเพื่อนร่วมชาติผู้ประสบเคราะห์ภัยทันทีเลยค่ะ ไม่มีการแช่ไว้กินดอกเบี้ยแน่นอน เอาล่ะค่ะ ดูรูปต่อไปเลยดีกว่าค่ะ”
       เจ้าหน้าที่เปิดผ้าคลุมรูปออก เป็นรูปม้ากลางทุ่งนั่นเอง นับดาวที่ยืนอยู่กับอลิสาคุยกับคนอื่น อดไม่ได้ หันมามอง จนลืมวงสนทนาไปชั่วครู่ พิธีกรประกาศ
       “รูปหมายเลข 12 ชื่อรูปวัยเยาว์ค่ะ เห็นสวยแบบนี้ ถ่ายที่เมืองไทยนี่เอง เริ่มต้น 8,000 บาทค่ะ”
       “9,000 ครับ” แขกเสนอราคา
       “9,000 บาทครั้งที่ 1 ค่ะ ท่านใดเกิดปีมะเมียบ้างคะ ไม่สนใจรูปนักษัตรประจำปีเกิดบ้างเหรอคะ”
       “10,000 ครับ” แขกอีกคนยกมือ
       “10,000 บาทครั้งที่หนึ่ง 10,000 บาทครั้งที่สอง”
       นับดาวยกมือขึ้นทันที
       “11,000 ค่ะ”
       “ต๊าย นึกว่าใคร คุณนับดาว เซเล็บสาวคนสวยของเรานี่เอง 11,000 บาท ครั้งที่ 1...”
       “13,000 ครับ” แขกสู้ราคา
       พิธีกรยิ้ม
       “ได๋เลยค่า...13,000 ครั้งที่หนึ่ง 13,000 ครั้งที่สอง”
       “15,000 ค่ะ” นับดาวไม่ถอย
       “15,000 ครั้งที่หนึ่ง 15,000 ครั้งที่สอง...คุณพี่ว่าไงคะ”
       แขกอมยิ้ม หันหน้ามาทางนับดาว ค้อมศีรษะให้ นับดาวยิ้มกริ่ม
       “15,000...”
       พิธีกรยังไม่ทันนับ เสียงเอมี่ดังขึ้น
       “20,000 ค่ะ”
       ผู้คนหันไปมอง พบว่าเป็น เอมี่สาวสวย เฉิดฉายดูเด่นไม่แพ้นับดาว เพราะเป็นดาราเหมือนกัน นับดาวหันมามอง เอมี่ยิ้มทักทาย นับดาวยิ้มให้ตามมารยาท พิธีกรรีบประกาศ
       “มาแล้วค่ะ คุณเอมี่แสนหวาน มาถึงก็สร้างความฮือฮาให้พวกเราเลยนะคะ”
       เอมี่โปรยยิ้ม พูดเสียงเจื้อยแจ้วกับนับดาว
       “หวัดดีจ้ะดาว โทษทีนะจ๊ะมาสายไปหน่อย”
       พิธีกรประกาศ
       “20,000 บาท ครั้งที่หนึ่ง...”
       นับดาวหันไปบอกเอมี่
       “หวัดดีจ้ะเอมี่ กำลังคิดทึ้งคิดถึง นึกว่าเป็นอะไรไปแล้วซะอีก” นับดาวทำท่าเสียดายที่ไม่เป็นอย่างที่คิด แล้วหันไปทางพิธีกร “25,000 ค่ะ”
       เอมี่มองนับดาวเหยียดๆ แต่แสร้งพูดดี
       “ก็เกือบไปจ้ะ เมื่อเช้ามีงูเลื้อยเข้ามาในบ้าน เลยต้องเสียเวลารอคนมาจับ เอมี่ไม่กล้าวิ่งตัดหน้างูออกมาหรอกจ้ะ เพราะรู้ตัวว่าหนังไม่หนาพอ ดาวนี่โชคดีจังเลยเนอะ...” แล้วก็หันไปทางพิธีกร “30,000 ค่ะ”
       นับดาวไม่ยอมแพ้
       “ว้าย จริงเหรอ แล้วทำไงให้งูเลื้อยเข้าไปบ้านล่ะจ๊ะ หรืองูมันเห็นเมดูซ่า นังมารหัวอสรพิษ มันเลยจะเลื้อยมาอยู่ด้วย...” พูดแล้วก็หันไปบอกพิธีกร “40,000 ค่ะ”
       ตอนแรกทั้งคู่อยู่ไกลๆกัน ก็คุยเสียงดัง แต่ระหว่างนั้นเอมี่ก็เดินเข้ามาหานับดาว จนใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะประจัญหน้า แต่ก็ยังคุยกันเสียงดังมากเหมือนเดิม เอมี่พูดกับพิธีกรโดยประจันหน้ากับนับดาว
       “50,000 ค่ะ”
       นับดาวก็เงียบไป เอมี่ยิ้มเยาะ
       “50,000 ครั้งที่หนึ่ง 50,000 ครั้งที่สอง...”
       นับดาวยิ้มให้เอมี่ อลิสาสังเกตเห็น
       “ไม่นะดาว...อย่านะ...”
       นับดาวมองหน้าเอมี่ พูดเสียงอ่อนหวาน
       “ห้าหมื่นกับอีก...หนึ่ง...แสนค่ะ...”
       อลิสาก้มหน้า ปวดหัวจี๊ด ขณะที่เอมี่หน้าเสีย นับดาวยิ้มให้เอมี่ เสียงฮือฮาดังลั่น พิธีกรยกมือพัดตัวเอง
       “ว๊าว คุณนับดาวดุเดือดมากเลยค่ะ...แสนห้าครั้งที่หนึ่ง...แสนห้าครั้งที่สอง...”
       พิธีกรมองไปรอบๆ ไม่มีใครยกมืออีก
       “แสนห้าครั้งที่สาม คุณนับดาวค่ะ”
       พิธีกรทุบค้อนโป๊ก เอมี่ฉีกยิ้ม
       “ดีใจด้วยนะจ๊ะดาว รูปสวยแล้วก็ใหญ่มาก”
       เอมี่เข้ามากอดแล้วกระซิบ
       “ถึงมันจะใหญ่น้อยกว่าหน้าเธอก็เถอะ”
       นับดาวขยับจะโต้ตอบ แต่เอมี่ถอยออกไปก่อน คนรอบข้างปรบมือให้ นับดาวยิ้มรับ หันไปมองรูปบนเวทีอีกครั้ง นับดาวเริ่มได้สติ รอยยิ้มจางลง
       “นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย”
       อลิสาได้แต่ถอนใจ หน้าตากลัดกลุ้ม

       นับดาวกับอลิสากลับเข้ามาในบ้านที่ใหญ่โต และเนื้อที่กว้างขวาง อลิสาบ่นไม่เลิก
       “เออ ดี เอานาฬิกาเรือนโปรดคุณตาไปแลกเงินมา สุดท้ายได้อะไร รูปถ่ายม้ากะโปโลมาตัวนึงแพงกว่าด้วย ตั้งแสนห้า”
       นับดาวจ๋อย
       “ดาวขอโทษค่ะ แต่ว่า...น้ามองในแง่ดีสิคะ เงินที่เสียไปเขาก็เอาไปช่วยเหลือคนที่กำลังตกทุกข์ได้ยากนะคะ”
       “จ้า แต่น้าจะบอกให้ว่าเราสองคนนี่แหละ กำลังจะเป็นคนตกทุกข์ได้ยากรายต่อไป พรุ่งนี้ต้องไปเอาเงินแสนห้าไปจ่ายเขา จะเอาเงินที่ไหนไปให้ ถ้าไม่มีเงินจ่าย ได้งามหน้าแน่ว่านับดาวเซเล็บสาวสวยที่แท้ก็ถังแตก”
       “น้าอะซ่าอย่าตกใจเลยค่ะ เรื่องเล็กค่ะ รูดการ์ดไปก่อนก็ได้พอปลายเดือนค่าตัวเล่นหนังออก ก็มีพอไปจ่ายค่าการ์ดแล้ว”
       “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แทนที่จะได้เอาเงินไปทำอะไรอย่างอื่น”
       อลิสาท่าทางอ่อนลง นับดาวเข้ามากอดเอาใจ
       “เอาน่า นะคะน้าอะซ่าที่รัก ถึงยังไงก็ยังเหลือข้าวของของคุณตาอีกตั้งหลายอย่างไม่ใช่เหรอคะ เราไม่จนมุมง่ายๆหรอกน่า”
       “เธอเข้าไปห้องคุณตาครั้งหลังสุดเมื่อไหร่ แทบจะไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้วนะ ป่านนี้ท่านคงด่าฉัน ว่าเป็นลูกสาวภาษาอะไร ฝากฝังอะไรไม่ได้ซักอย่าง”
       “ไม่หรอก น้าอะซ่าดูแลหลานสาวคนเดียวของคุณตาได้เยี่ยมเลยค่ะ”
       อลิสาอดหัวเราะไม่ได้
       “แล้วอีกอย่าง เรื่องเอาของไปจำนำเนี่ย คุณตาก็ดุเราไม่ได้ด้วย เพราะคุณตานั่นแหละประกาศ ตัวเป็นเศรษฐีใหญ่ ตระกูลผู้ดีเก่า แต่ดันเล่นหุ้นจนหมดตัว แถมเป็นหนี้เขาอีก ที่เราสองคนจมไม่ลงลอยไม่ขึ้นอย่างทุกวันนี้ ส่วนนึงก็เพราะคุณตาคุณยายด้วยแหละ”
       “อย่าไปว่าท่านเลย ท่านเองก็เสียใจจนตรอมใจตายไปแล้ว”
       นับดาวยกมือไหว้ พูดกับข้างบน
       “ไม่ว่าก็ได้ค่ะ แต่คุณตาก็ห้ามด่าน้าอะซ่านะคะ”
       อลิสายิ้มออก กอดนับดาว นับดาวกอดตอบ
       “ดาวเอาแต่ใจตัวเองไปหน่อย น้าอะซ่าอย่าโกรธดาวนะคะ ยังไงๆเราก็เอาตัวรอดได้ค่ะ นะคะ”
       “น้าเลี้ยงเธอมา ยิ่งกว่านี้ก็เจอมาแล้ว จะไปโกรธอะไรกับเรื่องแค่นี้ยะ ยัยหลานตัวแสบ”
       สองน้าหลานหัวเราะกันเบาๆ

       ค่ำคืนนั้น นับดาวกับอลิสามานั่งจิบไวน์ ชมวิวกันที่สวนหลังบ้าน และช่วยกันตัดข่าวที่มีรูปนับดาวจาก นสพ.เก็บใส่อัลบั้มไปด้วย
       “ไวน์อร่อยจังค่ะ”
       “เป็นหนึ่งในสมบัติไม่กี่ชิ้นของคุณตา ที่รอดจากโรงจำนำมาได้”
       นับดาวหัวเราะ
       “รูปนี้น่าเกลียดจัง อย่าเก็บเลยนะคะ”
       นับดาวชี้ที่รูปตอนปราบกำลังฉีดยาให้วัวที่เบียดนับดาวอยู่
       “น้าว่าน่ารักดีออก”
       อลิสาจัดการตัดแทนนับดาว เอาไปเก็บในอัลบั้มที่มีแต่รูปนับดาวออกงานในสื่อต่างๆ ทั้ง นสพ., นิตยสาร
       “รูปนี้น่ะดีแล้ว เธอยังสวยอยู่ ถ้าเขาเอาตอนเธอเจองูเขียวมาลงน่ะ คงดูไม่จืดเลยล่ะ หน้าซีดปากสั่นขนาดนั้น”
       “ก็ดาวกลัวงูเขียวนี่คะ งูอื่นดาวไม่ยั่นหรอกเคยถ่ายรูปกับงูเห่ามาแล้วด้วยซ้ำ”
       “นั่นสินะ พิลึกจัง”
       “เรื่องมันนานมาแล้วค่ะ ดาวจำแทบไม่ได้เลย”
       อลิสารินไวน์ให้นับดาว
       “อ้ะ เผื่อพื้นความจำได้”
       นับดาวหัวเราะเบาๆ มองไปที่หมู่ดาวบนท้องฟ้า
       “ตอนนั้นดาวยังเด็กอยู่มาก...”

ภาพความหลังเมื่อครั้งอดีต ผุดขึ้นมาในความคิดของสาวไฮโซคนสวย
วันนั้นในอดีต ที่โรงเรียนประถม...ช่วงเลิกเรียน ผู้ปกครองที่แต่งตัวดูดีมีเงินกันทั้งนั้น ต่างมารอรับบุตรหลาน

       นายนิ่งพ่อของนับดาวแต่งตัวอย่างชาวไร่ ดูแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง เดินลัดเลาะริมรั้ว กวาดสายตาไปที่เด็กๆในโรงเรียนอย่างรวดเร็ว จนไปเจอ นับดาววัย 9 ขวบ กำลังเล่นกับเพื่อนอยู่ นิ่งจ้องเขม็งไปที่เด็กหญิงด้วยจุดประสงค์บางอย่าง นิ่งมองซ้ายมองขวาเห็นปลอดคนก็ปีนรั้วเข้าไป
       ขณะเดียวกันที่บริเวณหน้าโรงเรียน นฤทธิ์กับอัญชัญ ตายายของนับดาว ท่าทางภูมิฐาน เดินเข้ามาหาคุณครู ที่ไหว้ทักทายแบบรู้จักเป็นอย่างดี
       “สวัสดีค่ะคุณ ลุงคุณป้า”
       “สวัสดีจ้ะ” นฤทธิ์ยิ้มให้
       “รอสักครู่นะคะ...เดี๋ยวจะตามนับดาวให้นะคะ” คุณครูบอกแล้วแยกไป

       นับดาวกำลังเล่นกับเพื่อนๆอีก 4-5 คน โต๊ะกลางมีตุ๊กตาแต่งตัวตามอาชีพต่างๆ
       “เราเป็นตำรวจ” เด็กชายคนหนึ่ง หยิบตุ๊กตาตำรวจไป
       เด็กหญิงหยิบตุ๊กตานักบิน
       “เราเป็นนักบินเหมือนพ่อเรา”
       อีกคนตุ๊กตาชุดสูท
       “งั้นเราเป็นนักการเมืองน้ำดี...นับดาว ตาเธอแล้ว”
       “เอ...” นับดาวลังเล
       “เหลือดารากับชาวไร่ เธอจะเป็นอะไร”
       นับดาวมอง เหลือตุ๊กตาสองตัว ตัวหนึ่งเป็นดาราฟูฟ่า อีกตัวเป็นสาวชาวไร่ ดูทะมัดทแมง
       “ฉันเป็น...”
       นับดาวเลือกได้แล้วแต่ยังไม่ทันตอบ เสียงตามสายก็ดังขึ้น
       “ด.ญ.นับดาว ป.3/1 ผู้ปกครองมารับแล้วค่ะ”
       นับดาวเดินออกจากวงเพื่อน เลี้ยวที่มุมอาคาร นิ่งก็โผล่พรวดมากอดนับดาวจากด้านหลัง อุ้มลอยขึ้น นับดาวร้องวี้ด!
       นิ่งปิดปากนับดาว ครูสาวคนหนึ่งวิ่งมาเจอพอดี
       “คุณเป็นใคร จะทำอะไรน่ะ”
       ครูสาวกำลังจะร้องให้รปภ.ช่วย นิ่งรีบบอก
       “เดี๋ยวครับ...ผมเป็นพ่อเขาเองครับ”
       นับดาวหันมา เห็นหน้านิ่ง
       “คุณพ่อ”
       นิ่งยิ้ม ขยี้หัวนับดาวด้วยความเอ็นดู ครูสาวหันมองนับดาว
       “ใช่พ่อหนูจริงๆเหรอคะ”
       “ค่ะ พ่อหนูเองค่ะ แต่...”
       นิ่งรีบแทรก
       “พอดีผมมาเข้าห้องน้ำน่ะครับ เห็นเขาพอดี เลยเข้ามาทำเซอร์ไพร้ส์น่ะครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ตกใจ”
       “ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ”
       “งั้นผมลาเลยนะครับ”
       นับดาวไหว้ครู นิ่งอุ้มนับดาวเดินออกไป โดยหลบหลังกลุ่มพ่อแม่ลูกกลุ่มหนึ่ง ไม่ให้นฤทธิ์กับอัญชัญเห็น แล้วรีบออกไปนอกโรงเรียน แล้วพานับดาวขึ้นรถกระบะ แล้วขับออกต่างจังหวัดทันที
       “คุณตาคุณยายไม่เห็นบอกเลยว่าวันนี้พ่อจะมารับ” นับดาวหันมาคุยด้วย
       นิ่งหันมามองนับดาวแว่บหนึ่ง ไม่ตอบอะไร
       “คุณตาคุณยายไม่รู้ใช่ไหมคะ”
       “อื้อ ไม่รู้หรอก... ถ้าบอกก่อนพวกท่าน คงไม่ยอมให้พ่อรับนับดาวออกจากโรงเรียนหรอก”
       “ทำไมล่ะคะ”
       “พ่อจะพานับดาวมาที่ไร่ ไร่ของพ่อ”
       “ทำไมคุณตาคุณยายถึงไม่ยอมล่ะคะ”
       “เพราะพวกท่านไม่ชอบไร่ของพ่อน่ะสิ”
       “นับดาวรู้ค่ะ คุณตาคุณยายชอบบอกว่าคุณพ่อพาคุณแม่มาที่ไร่ คุณแม่เลยตาย”
       นิ่งเงียบไป สีหน้านิ่งดูเจ็บปวดอยู่ลึกๆ นับดาวไม่ทันสังเกตสีหน้าพ่อ
       “รถพ่อเหม็นจังเลยค่ะ ที่โรงเรียนนับดาวเขามีฉีดสเปรย์ปรับอากาศด้วย”
       “นับดาวยังเป็นเด็กอยู่ โรงเรียนไม่น่าฉีดสเปรย์แบบนั้นให้”
       “แต่มันหอมด้วยนะคะ สเปรย์กลิ่นดอกไม้”
       “ชอบกลิ่นดอกไม้เหรอ”
       นับดาวพยักหน้า นิ่งกดปุ่มลดกระจกรถลง นับดาวเอะใจ มองออกไปนอกรถ รถวิ่งเข้ามาที่ไร่ดอกไม้แปลงใหญ่ ดอกไม้สีสวยงาม นับดาวร้องอู้หูด้วยความตื่นเต้น
       “อู้หู นับดาวไม่เคยเห็นดอกไม้เยอะแยะขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ”
       นิ่งดูนับดาวด้วยรอยยิ้มเอ็นดู รถกระบะวิ่งตรงเข้าไปในไร่

       นิ่งพานับดาวเข้ามาในบ้านของปรีดา พ่อของปราบ ซึ่งอยู่ในบริเวณฟาร์ม เมื่อไปถึงปรีดารออยู่แล้ว
       “สวัสดีพี่นิ่ง กำลังรออยู่เลย”
       “นี่ครับลูกสาวผม นับดาว ไหว้คุณอาสิลูก”
       “สวัสดีค่ะ”
       “จ้ะ สวัสดีจ้ะ” ปรีดายิ้มให้
       ปราบ วัย 12 ปี เดินถือถาดวางแก้วน้ำ 2 ใบออกมา วางไว้บนโต๊ะ แล้วไหว้นิ่ง
       “สวัสดีครับ เชิญดื่มน้ำครับ”
       “ขอบใจนะ” นิ่งยิ้มให้ปรีดา
       ปรีดาหันมองเพื่อนรุ่นพี่
       “พี่นิ่งจะมาคุยเรื่องนั้นสินะ”
       “ใช่ อยากทำให้มันเรียบร้อย จะได้ไม่มีปัญหาทีหลัง”
       ปรีดาพยักหน้าหันไปสั่งลูกชาย
       “ปราบ พาน้องนับดาวออกไปเดินเล่นในฟาร์มก่อนนะ พ่อมีเรื่องจะคุยกับคุณลุงเขาสักหน่อย”
       นิ่งบอกลูกสาว...
       “นับดาวไปกับพี่เขานะ ไปเที่ยวดูฟาร์มให้ทั่วเลยนะ”
       นับดาวทำท่าอิดออด
       “ขอนับดาวนั่งด้วยคนไม่ได้เหรอคะ”
       ปราบเดินมาชวนนับดาว
       “ไปเถอะ ผู้ใหญ่เขาจะได้คุยกัน”
       “ไม่ต้องมายุ่ง ไม่เกี่ยวอะไรเลย”
       “นับดาว”
       นิ่งเสียงเข้ม จนนับดาวจ๋อย หันมาหาปราบ
       “จะพาไปไหนก็ไปสิ”

ปราบฝืนยิ้มให้ พานับดาวเดินออกไป
ปราบพานับดาวเดินเล่นดูฟาร์ม

       “เธออยากไปดูอะไรล่ะ ในฟาร์มเรามีหมดเลยนะทั้งวัวเนื้อ วัวนม ไก่เนื้อ ไก่ไข่ ปลานิลกับปลาดุกก็มีนะ”
       “อยากดูหมีแพนด้า มีมั้ย”
       “อยากดูหมีแพนด้าต้องไปสวนสัตว์ ที่นี่ฟาร์มเลี้ยงสัตว์จะมีหมีแพนด้าได้ไง”
       นับดาวหน้างอ
       “ก็ไหนตอนแรกบอกมีหมด”
       “ทำไมเธอกวนโอ๊ยแบบนี้ เอาใหม่ ตอบดีๆ จะได้พาไปถูกจะไปดูอะไร”
       “ดูมดก็ได้ มีมดมั้ย”
       ปราบมองหน้านับดาวอย่างเหลืออด นับดาวแสยะยิ้มตอบ
       “ได้ รอเดี๋ยว”
       ปราบเดินออกไปที่ต้นไม้ใหญ่ จับอะไรบางอย่างมา
       “นี่ไง มดตะนอย กัดเจ็บอย่าบอกใคร”
       ปราบยื่นให้นับดาวดู นับดาวหน้าเหย ปราบโยนใส่นับดาวทันที นับดาวร้องวี้ด หลับตาปี๋ กระทืบเท้า สะบัดมือไปมา ปราบหัวเราะ
       “นี่ มดอยู่นี่ เลิกเต้นเป็นคนบ้าได้แล้ว”
       นับดาวหยุดวี้ด มองปราบ ปราบโชว์มดในมือให้ดู ก่อนปล่อยลงดิน ปราบมองนับดาวแล้วหัวเราะชอบใจ นับดาวเม้มปาก นึกหาทางแก้เผ็ดทันที
       “เมื่อกี้บอกมีไก่ไข่ด้วยใช่ป่ะ อยากดูไก่ตอนออกไข่น่ะ”

       ปราบพานับดาวมาดูฟาร์มไก่ไข่ พลางคุยโอ่...
       “ไก่ของเราเป็นไก่พันธุ์ดีเลยนะออกไข่ใบโตทุกฟอง ไม่ต้องใช้ยาเร่งหรือฮอร์โมนอะไรเลย”
       นับดาวพยักหน้าเออออ ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เดินไปหยิบไข่ไก่มาดู
       “อุ๊ย ยังอุ่นๆอยู่เลย”
       นับดาวหยิบไข่มาดู 3-4 ฟองแล้วส่งให้ปราบ ปราบรับมาถือไว้ อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นนับดาวตื่นเต้นกับไข่ไก่ นับดาวยังทำเป็นดี๊ด๊า หยิบไข่มาดู แล้วส่งให้ปราบถือจนไข่ในสองมือปราบมีสิบกว่าฟอง กองสูงขึ้นมา
       นับดาวหยิบส่งมาให้อีก
       “พอแล้ว เธอหยิบไปใส่ตะกร้าให้หน่อยสิ เดี๋ยวมันหล่นแตก”
       นับดาวหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ หยิบมาร์กเกอร์ออกมาจากกระเป๋า ดึงปลอกออก จ้องเขม็งที่หน้าปราบ
       ปราบเอะใจ
       “จะทำอะไรน่ะ อย่านะ”
       “ถ้าไม่อยู่นิ่งๆ ไข่หล่นแตกฉันไม่รู้ด้วยนะ...อยู่เฉยๆล่ะ”
       ปราบจะหนีก็ไม่กล้าเพราะอุ้มไข่ไก่อยู่ นับดาวถือมาร์กเกอร์ตรงเข้ามา

       นับดาววิ่งออกไปจากฟาร์มไก่ หัวเราะสนุก วิ่งหนีไปไกล ปราบค่อยๆคุกเข่าลง วางไข่อย่างทะนุถนอม จนทุกฟองปลอดภัย ปราบรีบวิ่งมาดูกระจกเงาในห้องน้ำคนงาน บนหน้าปราบมีมาร์กเกอร์เขียนเต็มหน้าผากและแก้ม ข้อความว่า
       “นายซื่อบื้อ ...จาก...นับดาว”
       ปราบวักน้ำล้างทันที แต่ล้างไม่ออก
       “ยัยตัวแสบ...”

       นับดาวอยู่ห่างจากตัวบ้านพอสมควร ชะเง้อมองผ่านหน้าต่างเข้าไปในบ้าน เห็นนิ่งยังคุยกับปรีดาท่าทางเคร่งเครียดกัน
       “พ่อยังคุยไม่เสร็จอีก เฮ้อ แล้วจะพาเรามาทำไมเนี่ย”
       นับดาวรู้สึกมีอะไรลื่นๆเย็นๆเลื้อยอยู่ตรงคอเธอ นับดาวก้มดู เจองูเขียวเลื้อยอยู่ นับดาวตาโต อ้าปาก กำลังจะกรี๊ด
       “นี่เป็นงูเขียวหางระเบิด พิษร้ายแรงที่สุด กัดใครล่ะก็คนนั้นจะปวดหัวจนหัวระเบิดตาย จุ๊ๆๆ ไม่เอาอย่าร้อง ถ้ามันตกใจล่ะก็ มันกัดเธอแน่”
       นับดาวพยักหน้า พูดเสียงแผ่วเบา
       “เอามันออกไปหน่อยสิ ฉันกลัว”
       “ได้ แต่เธอต้องขอโทษฉันก่อน”
       “ขอโทษค่ะ นับดาวขอโทษค่ะ เอาไปออกไปเร็วๆค่ะ”
       “อยู่นิ่งๆนะ เดี๋ยวมันตกใจขึ้นมามันกัดเธอฉันก็ช่วยไม่ได้นะ หัวเธอระเบิดเละเลย”
       นับดาวหลับตาปี๋ ร้องฮือๆ ปราบหยิบกระป๋องที่เตรียมมา หยิบตะเกียบจุ่มลงไป แล้วเขียนที่หน้านับดาว นับดาวลืมตามอง
       “อะไรอ่ะ เหม็นจังเลย”
       “กาวยางผสมขี้ไก่...อยู่เฉยๆนะ ถ้าดุกดิกล่ะก็ งูกัดไม่รู้ด้วยนะ”
       นับดาวจะดิ้นหนี งูขยับตัวทันที นับดาวไม่กล้าขยับ ปล่อยให้ปราบเขียนหน้าเธอ

       นิ่งกับปรีดาคุยกันเสร็จแล้ว
       “เป็นอันว่าเอาตามนั้นละกันนะครับ”
       “ครับ”
       ทั้งสองเงียบกันไปครู่หนึ่ง
       “เอ ไม่รู้เด็กสองคนนั้นหายไปไหนกันเนี่ย”
       ปรีดาพูดยังไม่ทันขาดคำ นับดาวก็เดินร้องไห้เข้ามา ผู้ใหญ่ทั้งสองตกใจ
       “นับดาว เป็นอะไรลูก”
       “เขาแกล้งนับดาวค่ะ...พ่อดูสิคะ”
       นับดาวเงยหน้าขึ้น โชว์ขี้ไก่ผสมยางเขียนบนหน้านับดาวว่า
       "ขอโทษค่ะ พี่ปราบ"
       ปรีดาตกใจ หันไปมอง เจอปราบที่ประตู ปรีดาโกรธปราบมาก
       “ปราบ มานี่เลย ทำไมต้องแกล้งน้องแบบนี้ด้วย”
       “ก็เขาแกล้งผมก่อนนี่ครับพ่อ”
       ปราบชี้ที่หน้าตัวเอง เห็นข้อความที่นับดาวเขียนไว้ก่อน ปรีดาอึ้งไป
       “ไม่จริงค่ะ เขาแกล้งโยนมดตะนอยใส่นับดาวก่อน” นับดาวแย้ง
       “ไม่ได้โยนซักหน่อย แค่ขู่เฉยๆ”
       “แล้วยังหัวเราะเยาะนับดาวด้วย”
       “ก็เธอกวนโอ๊ยก่อนนี่นา”
       ปราบกับนับดาวจ้องหน้ากัน นิ่งกับปรีดาถอนหายใจ สบตากัน ปรึกษากันเบาๆ
       “เอ...หรือว่าเราควรจะเปลี่ยนใจ หาวิธีอื่นดีมั้ย”
       นิ่งส่ายหน้า บอกอย่างมั่นใจ
       “ไม่หรอก แค่เด็กๆทะเลาะกัน ผมว่าอย่าเอามาเป็นประเด็นเลยครับ กว่าจะถึงวันนั้นพวกเขาก็ โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ไม่มาทะเลาะกันแบบนี้หรอก”

       นิ่งขับรถ นับดาวนั่งอยู่ข้างๆเขา ตัวหนังสือของปราบยังลบไม่หมดดี นิ่งขับออกมาจากตัวบ้าน ปรีดากับปราบยืนโบกมือบ๋ายบาย นิ่งยื่นมือออกไปนอกรถโบกมือตอบ
       “เป็นไงนับดาว ชอบที่นี่ไหมลูก”
       “ก็สวยดีค่ะ แต่เกลียดค่ะ โดยเฉพาะคนที่ชื่อปราบ”
       นิ่งหัวเราะ
       “ก็เราไปแกล้งเขาก่อนนี่นา ไอ้ขี้ไก่ผสมยางเนี่ยพ่อก็เคยเล่น เดี๋ยวรอมันแห้งก็ล้างออกง่ายๆ แต่กลิ่นเนี่ยสิ อยู่ติดไปอีกหลายวันเลยล่ะ”
       “ยี้”
       นับดาวมองกระจกข้าง เห็นปราบพยายามขัดข้อความที่หน้าเขา นับดาวหัวเราะสะใจ
       “สมน้ำหน้า ปากกานั่นน่ะลบไม่ออกหรอกย่ะ อีกหลายวันเลยล่ะกว่าจะหาย ฮิๆ”
       “บางทีอีกไม่กี่วัน...นับดาวอาจจะได้กลับมาเจอเขาอีก หรือไม่ก็...อาจจะไม่ได้เจอกันอีกนานเลย”
       ภาพปราบที่กระจกหลังห่างไกลออกไปเรื่อยๆ

นับดาวคิดถึงเรื่องราวในอดีต ขณะนั่งมองดาวบนฟ้าคนเดียว ส่วนอลิสาหลับไปแล้ว
คลินิก “ปราบสัตวแพทย์” เป็นคลินิกรักษาสัตว์เล็กๆ ภายในมีหมา แมวอยู่ในกรงรอการรักษาจำนวนหนึ่ง ปราบเดินเข้ามาในคลินิก พบแก้ว ผู้ช่วยของเขานั่งทำงานอยู่ แก้วยิ้มแย้มทักทาย

       “สวัสดีค่ะพี่ปราบ”
       “หวัดดีจ้ะแก้ว”
       ปราบเดินมาที่กรงหมาตัวหนึ่ง พิจารณาดูหมา
       “กาโม่เป็นไงบ้าง”
       แก้วเข้ามาดูด้วย
       “ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ หยุดอ่อยแล้วค่ะ”
       ”หา...”
       “เอ๊ย หยุดอ้วกแล้วค่ะ...อ้วกน่ะค่ะ ไม่อ้วกแล้ว”
       “ถ้าไม่อะไร ตอนบ่าย โทรให้เจ้าของมารับ แล้วบอกเขาด้วย ทีหลังอย่าให้กินอะไรแปลกๆอีก”
       ปราบกวาดตามองรอบๆ
       “วันนี้พี่จะเข้ากรุงเทพ จะเอาอะไรมั้ย”
       “เรื่องอาหารสัตว์ที่เสียน่ะค่ะ”
       “อ้าว เขายังไม่ติดต่อมาอีกเหรอ”
       “ยังค่ะ แก้วโทรไปเขาก็ยึกยักอย่างที่เล่าให้พี่ปราบฟังนั่นแหละค่ะ”
       “เดี๋ยวพี่ไปจัดการเอง...ฝากดูคลินิกด้วยละกัน”
       ปราบเดินออกมานอกคลินิก มีปกป้องนั่งหลับรออยู่ในรถ

       นับดาวขับสปอร์ตหรูดูดี มาจอดที่จุดรับส่ง พนักงานรอรับรถ ขณะที่อลิสาก้มมองขึ้นไป เห็นตัวโรงแรมหรู แล้วถอนใจ
       “มีอะไรรึเปล่าคะน้าอะซ่า”
       “เมื่อคืนน้าสวดมนต์ทั้งคืน ขอให้ใครก็ได้สะดุดหกล้มโดนรูปเสียหาย เราจะได้ไม่ต้องเสียเงินแสนห้า”
       นับดาวหัวเราะ พลางส่องดูความเรียบร้อยของตัวเองที่กระจกมองหลัง
       “น้าอะซ่าคะ สร้อยเพชรเมื่อคืนยังไม่คืนอาเฮียไปใช่ไหมคะ”
       “ยังเลย กะว่าเดี๋ยวเสร็จจากนี่ก็จะไปคืนเค้า”
       “ขอใส่อีกทีสิคะ คอมันโล่งๆยังไงไม่รู้”
       อลิสาพยักหน้า แล้วเปิดกระเป๋าหยิบให้

       นับดาวใส่สร้อยเพชรเส้น แล้วเดินเข้าไปในโรงแรมกับอลิสา แขกเหรื่อมีน้อย เป็นเจ้าหน้าที่ส่วนมาก ที่หน้าห้องมีตั้งโต๊ะรออยู่ เจ้าหนาที่เห็นหน้านับดาวก็ไหว้ ยิ้มให้
       “คุณนับดาว...รูปวัยเยาว์หมายเลข 12 ราคา 150,000 บาท... ถูกต้องนะคะ”
       “ค่ะ” นับดาวยิ้มให้
       ”รบกวนรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวชำระเงินแล้วเราจะมีการถ่ายรูปคู่กับท่านหญิงเลิศ แล้วก็ศิลปินเจ้าของผลงานด้วยค่ะ”
       “ค่ะ”
       “เอ่อ ไม่ทราบจะชำระเงินรูปแบบไหนคะ”
       “ใช้การ์ดค่ะ”
       นับดาวยื่นการ์ดให้ เจ้าหน้าที่เสียบการ์ดกับเครื่อง ครู่หนึ่งก็ยื่นสลิปมาให้นับดาวเซ็นต์ อลิสาดูแบบหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะกลัวการ์ดจะไม่ผ่าน จนนับดาวเซ็นต์เสร็จ อลิสาทำท่าจะเป็นลม เจ้าหน้าที่มองงงๆ นับดาวที่ยังยิ้มแย้มอยู่ต้องแอบสะกิดอลิสา
       “เก็บอาการหน่อยสิคะน้าอะซ่า”
       อลิสาฝืนยิ้ม เจ้าหน้าที่ผายมือ
       “เชิญทางนี้เลยค่ะ”

       ในห้องจัดเลี้ยง บนเวทียังเหมือนเดิม เจ้าหน้าที่เชิญนับดาวขึ้นไปบนเวที ที่มีท่านผู้หญิงเลิศรออยู่ อลิสารออยู่ข้างล่าง
       “สวัสดีค่ะท่านหญิง”
       “สวัสดีจ้ะหนูนับดาว แหม ขอบคุณมากเลยนะ จัดหนักเลยนะจ๊ะ”
       “ไม่ได้หรอกค่ะ ท่านหญิงเป็นแม่งานทั้งที”
       ท่านหญิงหัวเราะ หันไปถามเจ้าหน้าที่
       “ศิลปินมารึยังจ๊ะหนู”
       “มาพอดีเลยค่ะ”
       นับดาวมองไป แล้วก็อึ้ง เมื่อพบว่าเป็นปราบนั่นเอง ปราบยกมือไหว้ท่านหญิง
       “ขอโทษนะจ๊ะ ชื่ออะไรนะ ความจำฉันไม่ค่อยจะดีน่ะ”
       “ชื่อปราบครับ”
       ท่านหญิงพยักหน้ารับ
       “คุณปราบ...แต่ฉันจำรูปคุณได้นะคะ ถ่ายรูปได้สวยมาก บอกตรงๆ ฉันชอบรูปม้าของคุณที่สุดเลย... ต้องบอกว่าหนูนับดาวนี่ตาถึงมากนะที่เลือกประมูลรูปนี้”
       ปราบมองนับดาวอึ้งๆ
       “ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณอีก”
       “มีอะไรรึเปล่าล่ะ”
       ปราบลังเล แต่ไม่ได้พูดอะไร นับดาวย้อนถาม
       “รูปนั้นคุณถ่ายเองเหรอ”
       “ถูกต้อง”
       “เพิ่งรู้ว่าคนเลี้ยงวัวก็ถ่ายรูปเป็น”
       “จริงๆแล้วผมเป็นสัตวแพทย์ครับ”
       “มิน่า ดูท่าทางคุณไม่ค่อยคุ้นกับมารยาทการเข้าสังคมมนุษย์ คงอยู่กับสิงสาราสัตว์มากไปสินะคะ”ปราบขยับปากจะสวน แต่ห้ามตัวเองอยู่ ฝืนยิ้ม
       “ถ้าวันก่อนผมเสียมารยาทอะไรไป ก็ขอโทษด้วยนะครับ”
       นับดาวยิ้ม
       “ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือ”
       ปราบฝืนยิ้ม เจ้าหน้าที่ช่วยกันยกรูปขึ้นมาบนเวที
       “เชิญเลยครับ พร้อมนะครับ”
       เจ้าหน้าที่จัดรูปนับดาวกับปราบส่งรูปให้กัน โดยมีท่านหญิงยืนอยู่ข้างๆ
       “คุณนับดาวกับคุณปราบ เขยิบเข้าใกล้กันหน่อยครับ ยิ้มหน่อยครับ เยี่ยมครับ”
       เจ้าหน้าที่กดชัตเตอร์ โดยเจ้าหน้าที่อีกคนที่รออยู่ด้านข้าง เห็นถ่ายรูปเสร็จก็เดินเข้ามาบอกนับดาว
       “เดี๋ยวทางเราจะจัดส่งรูปไปให้นะคะ” เจ้าหน้าที่หัยไปบอกท่านหญิง “ท่านหญิงคะ คุณกมลมาค่ะ”
       “ขอตัวก่อนนะคะ”
       ท่านหญิงลงจากเวที ตามเจ้าหน้าที่ไป ปราบหันมายิ้มให้นับดาวกวนๆ
       “จะให้ผมเซ็นชื่อด้วยมั้ยครับ”
       “ขอบคุณ แต่ไม่เป็นไร ฉันไม่ต้องการลายเซ็นของคุณ”
       นับดาวเดินลงจากเวที ปราบมองตามไป หยิบสมุดโน้ตเล่มเล็กๆกับปากกาขึ้นมา มองตามนับดาวไปอย่างลังเล

       อลิสายืนมองบนเวทีอยู่ห่างๆ ปกป้องเคี้ยวไม้จิ้มฟันเดินดูนู่นดูนี่ไปมา หันมาเจออลิสา ปกป้องตะลึง แล้วก็ยิ้มกับตัวเอง
       “โอ้...แม่เจ้า”
       ปกป้องเก๊กหล่อยืนเหล่อลิสาอยู่จนเธอรู้ตัวหันมาหา ปกป้องยักคิ้วและยิ้มให้ อลิสายิ้มตอบตามมารยาท ปกป้องได้ใจ ถอดหมวกโค้งคำนับ
       “สวัสดีครับซินญอริต้า จำผมได้ใช่ไหมครับ”
       “อ๋อ ค่ะ...เจอที่งานเปิดตัวรีสอร์ต บังเอิญจังนะคะ”
       “บุพเพสันนิวาสต่างหากครับที่ชักนำเราสองคนมาเจอกัน ผมชื่อปกป้องครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
       ปกป้องยื่นมือมาทำท่าเช็คแฮนด์
       “เอ่อ ค่ะ สวัสดีค่ะ”
       ปกป้องเลิกคิ้ว มองไปที่มือเขาที่ยื่นค้างอยู่ อลิสาเลยยื่นมือออกไปเช็คแฮนด์ด้วย แต่ปกป้องคว้ามือเธอหมับ ก้มลงมาจูบบดขยี้ริมฝีปากกับหลังมือเธอ อลิสาร้องว้ายตกใจ สะบัดมือตบหน้าปกป้องเพี๊ยะ

       ปราบเดินตามนับดาวมาถือสมุดโน๊ตมาด้วย ปราบมีท่าทางเขินๆ
       “คุณนับดาวครับ”
       “ว่าไงคะ”
       “เอ่อ...ผม..อะแฮ่ม อยากขอลายเซ็นคุณครับ”
       นับดาวมองปราบ หัวเราะ
       “วันนั้นคุณคงยังไม่รู้สินะว่าฉันเป็นใคร วันนี้คงรู้แล้ว มิน่า ถึงดูมีมารยาท เรียบร้อย อ่อนน้อม ถ่อมตนได้ขนาดนี้ เอาเถอะ คนอย่างฉันไม่ใช่คนใจจืดอะไร ใครกลับตัวกลับใจ ฉันก็ให้อภัยได้เสมอแหละ อยากได้ลายเซ็นฉันใช่มั้ย”
       ปราบสะกดอารมณ์ตัวเองอย่างยากเย็น
       “ครับ”
       “จะถ่ายรูปด้วยก็ได้นะ จะได้เอาติดโชว์เพื่อนๆว่าครั้งนึงในชีวิตคุณได้ถ่ายรูปคู่กับฉันน่ะ”
       ปราบเม้มปากแน่น เริ่มหมดความอดทน ได้แต่ยื่นปากกากับสมุดโน้ตให้นับดาว ขณะเดียวกันมีเสียงคนเอะอะโวยวายกัน ปราบกับนับดาวมองไป เห็นอลิสากับปกป้องกำลังบู๊กัน

       ปราบกับนับดาวรีบเดินเข้ามาห้าม
       “ใครทำอะไรน้าอะซ่าคะ”
       “เกิดอะไรขึ้นครับอา”
       ปกป้องนวดแก้มตัวเองอยู่
       “ยัยนั่นน่ะดิ มาตบหน้าฉัน”
       อลิสาตวาดแว๊ด
       “ก็คุณทำอนาจารฉัน...”
       ปกป้องโต้
       “ใครอนาจารคุณ ถ้าคุณไม่รู้จักมารยาทการเข้าสังคมชั้นสูง ก็อย่ามากล่าวหาผมดีกว่า”
       อลิสาจ้องหน้าปกป้อง เจ้าหน้าที่เดินมา
       “มีอะไรคะ”
       “เค้าลวนลามฉัน” อลิสาฟ้อง
       “เขาทำร้ายร่างกายผม” ปกป้องโต้
       เจ้าหน้าที่ยืนงง ท่านหญิงยืนคุยกับคนอื่นอยู่ แต่ก็หันมองมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ปราบรีบบอก
       “เขาเป็นอาผมเองครับ”
       นับดาวดึงอลิสาไปซุบซิบกัน อลิสามองเลยไปเห็นท่านหญิงมองมา แล้วตัดใจไม่เอาเรื่อง
       “เอาเหอะ ถือว่าเข้าใจผิดกันก็ได้”
       ปกป้องยิ้ม
       “ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณรู้ว่าเข้าใจผมผิด ก็ดีครับ งั้นเรามาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งนะครับคุณผู้หญิง ผมชื่อปกป้องครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
       “บ้า” อลิสาพึมพำ
       นับดาวหันไปถามปราบ
       “นี่ญาติคุณเหรอ”
       “ครับ”
       “วันนี้ฉันเกรงใจท่านหญิงหรอกนะ ฝากบอกญาติคุณด้วย ว่าอย่าทำอะไรห่ามๆอย่างนี้อีก ไม่งั้นได้ติดคุกแน่...ไปกันเถอะค่ะน้าอะซ่า”
       นับดาวปาสมุดโน้ตกับปากกาลงพื้นตรงหน้าปราบ แล้วเธอกับอลิสาสะบัดหน้าเดินออกไป
       ปราบมองตามไป
       “นี่ถ้ายัยนี่เป็นผู้ชายล่ะก็...ฮึ่ม...”

       นับดาวกับอลิสา เดินหน้าบึ้งออกมาบริเวณล็อบบี้
       “ยี้...นึกแล้วยังขยะแขยงไม่หาย ขนาดล้างมือมาสิบรอบแล้วนะ”
       นับดาวส่ายหน้า
       “เราโชคร้ายเองมาเจอพวกกุ๊ยแบบนี้ จบสัตวแพทย์จริงรึเปล่าก็ไม่รู้”
       “ใครจบสัตวแพทย์ ไอ้คนที่เป็นหลานน่ะเหรอ”
       “ชื่อปราบค่ะ บอกเป็นคนถ่ายรูปเองด้วย...เอ๊ะ”
       นับดาวทำจมูกฟุดฟิด
       “มีอะไรเหรอ”
       “เหมือนได้กลิ่นขี้ไก่อีกแล้ว น้าอะซ่าได้กลิ่นไหมคะ”
       อลิสาส่ายหน้า
       “ไม่มีหรอก นี่โรงแรมห้าดาวนะยะ จะมีกลิ่นขี้ไก่ได้ไง”
       “นั่นสิคะ...พอพูดชื่อปราบแล้วเหมือนมีกลิ่นขี้ไก่อยู่ด้วย...ปราบ..นี่ไง ได้กลิ่นอีกละ”
       อลิสาหัวเราะ
       “เพี้ยนไปใหญ่แล้วเธอนี่”

นับดาวทำจมูกฟุดฟิดก็ยังงงตัวเอง
ปราบเดินมากับปกป้อง ตรงไปที่รถที่จอดอยู่ ปกป้องถามแปลกใจ

       “นายอยากได้ลายเซ็นคุณนับดาวอะไรนั่น ขนาดนั้นเลยเหรอ”
       “ผมอยากเอาไปให้น้อยหน่าน่ะครับ เห็นเขาบอกปลื้มยัยหมามุ่ยนี่มาก”
       ปกป้องหัวเราะ
       “ท่าทางจะคันคะเยอสมชื่อหมามุ่ยจริงๆ ไม่รู้ยัยน้อยหน่าชอบเข้าไปได้ยังไง”
       “ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน...ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าเขากับผมมีช่องห่างกันมากขึ้นทุกที พูดอะไรก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง แถมนับวันยิ่งเอาแต่ใจ พอไม่ได้ขึ้นมาก็งอนไม่ยอมพูดกับผม” ปราบหนักใจ เมื่อนึกถึงลูกสาว
       “ก็ต้องโทษนายนั่นแหละ ตามใจเขาแต่เด็ก อาก็เคยเตือนแล้วนะ”
       “ก็ผมกลัวเขาขาดความอบอุ่น แม่ไม่มี ก็เลยต้องตามใจ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้”
       “ก็รีบหาแม่ใหม่ให้เขาสิ ตอนนี้ยังพอทันนะ”
       “ไม่ล่ะครับ ขี้เกียจหาเหาใส่หัว ผมยอมให้ยัยน้อยหน่าเป็นคนเอาแต่ใจดีกว่า ถ้าต้องให้ผมเสียเวลาไปไล่จีบผู้หญิง ผมไม่เอาด้วยหรอกครับ”
       “สงสัยชาติที่แล้วนายคงเป็นนกเป็ดน้ำ”
       “ทำไมเหรอครับ”
       “ไอ้นกพวกนี้รักเดียวใจเดียว พอแฟนมันตายมันจะไม่หาคู่ใหม่อีกเลยตลอดชีวิต”
       ปราบอึ้งไปนิดหนึ่ง ซึมไป
       “ชาติที่แล้วผมอาจเป็นนกเป็ดน้ำจริงๆก็ได้มั้งครับ”
       “แต่ชาตินี้นายเกิดเป็นคนนะ”
       ปกป้องบอกอย่างเตือนสติ

       กิมฮวย สาวจีนวัยสี่สิบกว่า เดินลงมาจากชั้นสอง แต่งตัวบ้านๆอยู่ในบ้านแต่ใส่สร้อยทองหลายเส้น ประสาคนมีเงิน แต่ไม่มีรสนิยม กิมฮวยเดินมาหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน เปิดมาหน้าไฮโซ อ่านผ่านๆ จนเห็นรูปของนับดาวกับปราบตอนมอบรูปถ่าย
       “ไอ๊หย้า นี่มัน...”
       กิมฮวยก้มลงไปเพ่ง หน้าแทบชนกับรูป
       “ใช่จริงๆด้วย...ไอ้หย้า...อีนี่เอง อีตัวดี...”
       กิมฮวยรีบลุกไปหยิบโทรศัพท์ ระหว่างรอสาย
       “อั๊วจะตบหน้าลื้อให้มือหักเลย เล่นกะคัยไม่เล่น เล่นกะกิมฮวย ชิชะ รู้จักอั๊วน้อยไปซะแล้ว”
       กิมฮวยจ้องเขม็งไปที่หน้านับดาวในหนังสือพิมพ์

       ที่บริษัทอาหารสัตว์...ปราบกับปกป้อง เถียงกับพนักงานของบริษัทอย่างเคร่งเครียด
       “ไอ้ที่ผมต้องถ่อเข้ามากรุงเทพเนี่ย ก็เพราะคุยกับคนของคุณทางโทรศัพท์ แล้วมันไม่รู้เรื่องซักที เกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมา ผัดวันประกันพรุ่งอยู่ได้”
       “คุณมาเองก็เท่านั้น ก็บอกแล้วว่าหัวหน้าไม่อยู่...” พนักงานโต้
       ปกป้องแทรก
       “ไม่อยู่มาเป็นเดือนแล้ว จะบ้าเหรอ”
       “แล้วพวกคุณจะเอาไง” พนักงานย้อน
       “พรุ่งนี้คุณส่งคนเอาอาหารสัตว์ล็อตใหม่ไปที่ไร่ผม แล้วขนไอ้ล็อตที่แล้วที่มันเน่าๆเอากลับไปให้หมด”
       “ก็บอกแล้วว่าหัวหน้าผมไม่อยู่ ผมไม่มีอำนาจ”
       “คุณไปตามเจ้าของบริษัทมาเลยดีกว่า”
       “เจ้าของก็ไม่อยู่”
       ปราบตบโต๊ะปัง
       “แล้วมีใครอยู่มั่งวะเนี่ย”
       พนักงานสะดุ้ง ปราบจ้องหน้าท่าทางดุดัน พนักงานเริ่มหงอ แต่ก่อนที่ปราบจะว่าอะไร มือถือปราบดังขึ้นก่อน ปราบมองหน้าจอเป็นหน้าน้อยหน่า ปราบเดินห่างออกมารับสาย เสียงอ่อนลงมาก
       “ว่าไง”
       “พ่ออย่าลืมลายเซ็นพี่นับดาวนะคะ”
       เสียงน้อยหน่าดังจนพนักงานได้ยิน เป็นเสียงผู้หญิงแหลมๆเล็กๆ พนักงานมองหน้าปราบ ปราบเบี่ยงตัวหลบ
       “จ้ะๆๆ แค่นี้ก่อนนะ พ่อยุ่งอยู่”
       “ขอให้ได้นะคะ น้อยหน่าไปบอกเพื่อนแล้ว”
       “จ้ะๆๆ แค่นี้นะ”
       “ค่ะ หวัดดีค่ะ อย่าลืมแล้วกัน”
       น้อยหน่าวางสาย ปราบเก็บมือถือ หันกลับมา พนักงานมองหน้าปราบ ท่าทีหวาดกลัวหายไปหมด
       “พวกคุณกลับไปก่อนละกัน หัวหน้ากลับมาเมื่อไหร่ แล้วผมจะติดต่อพวกคุณอีกที”
       ปกป้องชี้หน้า
       “อยากเดือดร้อนใช่ไหม”
       พนักงานหัวเราะ
       “ผมไม่กลัวพวกคุณหรอก อยากทำอะไรก็ทำเหอะ...” พนักงานทำเสียงล้อเลียนปราบ “จ้ะๆๆ แค่นี้นะจ๊ะ ฮะๆๆ”
       ปราบกับปกป้องสบตากัน หมดมุข กำลังจะเดินออก
       “โชคดีนะครับ”
       ปราบมองไปเห็นหนังสือพิมพ์วางอยู่ ปราบนึกอะไรได้ หันขวับมา
       “ผมจะไปแจ้งความ ให้หนังสือพิมพ์ลงข่าวหน้าหนึ่งเลย พรุ่งนี้บริษัทคุณเจ๊งแน่”
       พนักงานหัวเราะ
       “อยากแจ้งความก็เชิญ อยากรู้เหมือนกันว่าหนังสือพิมพ์ที่ไหนจะลงข่าวให้ ข่าวอาหารสัตว์เน่าเนี่ยนะ”
       “ลงให้แน่เพราะผมมีเส้นก๋วยจั้บ”
       ปราบโยนหนังสือพิมพ์ลงไปที่หน้าพนักงาน เป็นรูปปราบถ่ายคู่กับนับดาวและท่านหญิง พนักงานเห็นแล้วอึ้ง
       “คุณนับดาว...คุณรู้จักคุณนับดาวด้วยเหรอเนี่ย”
       “ไม่ใช่แค่รู้จัก ซี้ปึ้กเลย เจอหน้ากันก็ด่ากันประจำแหละ”
       พนักงานจ๋อยไปทันที

       ปราบกับปกป้องเดินออกมาจากบริษัท ท่าทางกระหยิ่มแบบผู้ชนะ
       “ครั้งนี้ต้องขอบคุณยัยหมามุ่ย ถ้าไม่มีรูปนั้นคงไม่จบง่ายๆ”
       ปกป้องส่ายหน้า
       “เดี๋ยวนี้คนมันกลัวสื่อมากกว่ากลัวตำรวจซะอีก เฮ้อ ถ้ามันกลัวเสียชื่อเสียงมันก็น่าจะทำตัวดีๆแต่แรก ไอ้คนพวกนี้มันทุเรศจริงๆ”
       มือถือปราบดังขึ้นอีกครั้ง ปราบกดดู เป็นข้อความจากน้อยหน่า
       “ยัยน้อยหน่าอีกแล้ว เมื่อกี้ก็เกือบทำเสียเรื่องไปทีหนึ่งแล้ว”
       “ว่าไง มีอะไรด่วนรึเปล่า”
       “แมสเสจมาเตือนเรื่องลายเซ็นนับดาว”
       “นี่มันเห็นพ่อเป็นคนใช้มันเหรอเนี่ย”
       ปราบหน้าบึ้งๆ กดโทรออก ปกป้องยุทันที
       “เออ ดีแล้ว ต้องโทรไปด่ามันหน่อย เอาแต่ใจตัวเองอยู่เรื่อย...”
       ปราบพูดโทรศัพท์
       “สวัสดีครับ...คุณกิ่งเลขาท่านหญิงใช่ไหมครับ...ผมปราบครับ...คืออยากรบกวนถามทางไปบ้านคุณนับดาวหน่อยครับ พอดีมีธุระด่วนน่ะครับ”
       ปกป้องอยู่ข้างๆได้ยินปราบพูดแล้วเอามือตบหน้าผากตัวเอง

       นับดาวนั่งเท้าคางดูรูปถ่ายของปราบอยู่ในบ้าน อลิสาเดินผ่านมาก็หยุดมองอย่างแปลกใจ
       “เห็นนั่งดูอยู่ตั้งนานละ มันมีอะไรพิเศษเหรอ ไอ้รูปนี้น่ะ”
       “ดาวก็บอกไม่ถูกค่ะ ดูแล้วมันรู้สึกอบอุ่น มีความสุขอยู่ลึกๆ นึกถึงใครบางคนที่ดาวรักมากๆ แต่นึกไม่ออกว่าใคร แล้วก็นึกถึงใครบางคนที่เกลียดสุดๆแต่ก็นึกไม่ออกอีกแหละว่าใคร”
       “เป็นอะไรไปหรือเปล่า พูดจาออกแนวเพ้อๆนะเนี่ย”
       นับดาวหัวเราะ
       “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
       มีเสียงกริ่งดัง อลิสาชะเง้อมอง
       “เอ๊ะ ใครมา”
       “แม่บ้านมาทำความสะอาดรึเปล่าคะ”
       “ใครเค้าจะมาตอนบ่าย แล้วก็ไม่ได้นัดวันนี้ด้วย”
       อลิสาเดินออกไปทางหน้าบ้าน นับดาวนั่งดูรูปอยู่คนเดียว สักครู่ อลิสาก็เข้ามา หน้าตาตื่นๆ
       “นับดาว”
       “คะ”
       “นี่ มี...”
       ตำรวจนายหนึ่งเดินตามอลิสาเข้ามา
       “ฉันบอกให้คุณคอยอยู่ข้างนอกยังไง”
       ตำรวจไม่สนใจ หันมาหานับดาว
       “คุณนับดาวใช่ไหมครับ”
       “ค่ะ”
       ตำรวจยื่นหนังสือพิมพ์หน้าไฮโซให้ดู
       “นี่รูปคุณใช่ไหมครับ”
       “ค่ะ”
       “สร้อยที่คุณสวมในรูปนี้เป็นสร้อยที่ถูกขโมยมาครับ”
       นับดาวตะลึง
       “เจ้าของเขาแจ้งความไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว ระบุรูปพรรณสัณฐานชัดเจน ซึ่งมันก็ตรงกับสร้อยที่ คุณใส่ในรูป...สร้อยอยู่ไหนครับ”
       “ฉันเอาไป...”
       อลิสาจะพูด นับดาวรีบปิดปากอลิสาทันที ตำรวจเขม้นมองอลิสากับนับดาว
       “คุณเอาไปไว้ไหนครับ”
       นับดาวกับอลิสาอึกอัก
       “ว่าไงครับ”
       “เอ่อ...”
       เสียงกริ่งดังขึ้น
       “ขอตัวก่อนนะคะ”
       “คุณโทรเรียกใครมา” ตำรวจถาม
       “เปล่านะคะ”
       อลิสารีบปฏิเสธ ตำรวจทำท่าจะออกไปดู
       “คุณออกไปไม่ได้ เดี๋ยวถ้าเป็นสื่อมาเห็นตำรวจอยู่ด้วย ได้เอาไปขยายข่าวกันใหญ่โต คุณต้องอยู่ในนี้”
       “งั้นดาวออกไปดูเองค่ะ”
       อลิสากระซิบ
       “รีบๆเข้ามานะ น้ากลัว”
       “ค่ะ”

นับดาวรีบเดินออกไป ตำรวจมองตามไปอย่างไม่ไว้ใจ อลิสาฝืนยิ้มแห้งๆ



Create Date : 25 พฤษภาคม 2555
Last Update : 25 พฤษภาคม 2555 8:36:51 น. 0 comments
Counter : 686 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

atitaya_t
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




สวัสดีค่ะ ขอร่วม gang ด้วยคนค่ะ
Friends' blogs
[Add atitaya_t's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.