ชื่อ อทิตยา มี ลูกชาย 1 ชื่อ อเล็กซานเดอร์............... มีหลานชาย ( เป็นลูกหมา ) 2 ตัวชื่อ โจอี้ กับ จูเนียร์............... เราทั้ง 4 ใช้นามสกุล เดียวกันว่า มังกร ................... มีบ้านอยู่ ใกล้คลอง เจ้าหญิง เมืองอัมสเตอร์ดัม.................. 2แม่ลูก แบกกระเป๋าเที่ยวบ่อย ทำนองว่า ทัศนศึกษา.................... เที่ยวไปมา แม่ติดลม แล้วก็มาติดบลอค บางที ก็ยกขโยงไปทั้ง4 เป็น มังกรแฟมิลี่ สัญจร ............................. รู้จักกัน พอเป็นกระสัย จะได้ ทักทายกัน พอสมควร เจ้า
ขึ้นฝั่งเวนิส เลียบถนน ตึกราม ร้านรวง

สะพานริอัลโต้ เหมือน ไปเชียงใหม่ ก็ ต้อง ผ่าน ถนนท่าแพ ไนท์บาร์ซ่า กาดหลวง ถึงเวนิส ก็ต้อง ได้ เดิน ผ่าน ชม ค่า



นายแบบ หน้ายู่ ให้ รู้ว่า ร้อน จริงๆ เหนื่อยด้วย แม่ เดินจัง ข้ามสะพาน มุดสะพาน เลียบสะพาน ก็ ท่อง เที่ยว นะลูก ทนหน่อย เดี๋ยว แม่ ให้ กินไอสครีม ( หน้าบาน เชียว )





เรือกอนโดล่า นี่ ไม่เหมาะ กับ 2 แม่ลูก นั่ง เลียบๆ ชม ถ่ายรูป เก็บตัง ไว้ เรา จะต้อง กิน อะไร อีก เยอะ ( ให้รู้ว่า เรื่อง กิน ไม่ใช่ เรื่องเล็ก จ้า )








ยกผังเมือง มาเลย นี่แหละ จะไปเดิน ชมกัน เดินจริงๆ ครึ่งวัน ก็ ทั่ว แต่ ถ้า มุด เข้าชม ตรงไหน ว่า ไว้ ต่างหาก คุณเข้ กะคณะ มีเวลา ทั้ง วัน สบายๆ





ตามแผนที่ เราจะเลียบถนน เข้าจัตุรัส ผ่าน สะพานแห่งเสียงทอดถอนใจ

width='450' height='337' border=0>

สะพานนี้ เชื่อมต่อระหว่างวัง กับ คุกเก่าที่เคยใช้ขังนักโทษ หลังผ่านการไต่สวน และตัดสินโทษจากวังแล้ว

นักโทษจะถูกคุมตัวไปเข้าคุก โดยผ่านทางสะพาน ซึ่งมีหน้าต่างฉลุลวดลายเป็นช่องๆ เปิดโอกาสให้นักโทษ สัมผัสถึงอิสรภาพ ในโลกภายนอกได้เป็นครั้งสุดท้าย






จึงได้ชื่อว่า อีลปนเต เดย์ ซอสปีรี แปลว่า สะพานแห่งเสียงทอดถอนใจ ( คัดลอก หนังสือมา )

เป็นธรรมเนียม ถ้าใครล่องเรือกอนโดลา ลอดใต้สะพาน แล้วจุมพิตกัน ตรงนั้นเลย ก็จะ มีรักนิรันดร์ ( หูยยยยย )








ทางวัง มีทัวร์นำชม วังและคุก เรียกว่า ทัวร์ เส้นทางลับ

แต่เฮาจะไม่ไป เพราะ เฮาจะชม นอกวัง และที่อื่น ๆ

ไผได้มุดเข้าไป ก่อหื้อมาเล่าสู่กันฟัง ซะดีๆ





เพื่อ ความสบายใจ ของ ผู้ ชม จึง คัดรูป นางแบบ ( ว่า ) ออก ชมรูป เด็กๆ ดีแล้วจ้า คนแก่ น่ะ ลิฟ เฮอ อโลน




ปีอาซซ่าซานมาร์โก จัตุรัสเซนต์มาร์ค ยกไป ชุดหน้า นะคะ


Create Date : 05 มีนาคม 2552
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2552 16:55:25 น. 7 comments
Counter : 614 Pageviews.

 
แวะมาเที่ยวด้วยคนนะคะ(เห็นแล้วอิจฉาอยากไปบ้างจังเล้ย)


โดย: phaclam วันที่: 5 มีนาคม 2552 เวลา:2:52:37 น.  

 
ขอเกาะขอบบล๊อกตามไปเที่ยวเวนิสด้วยคนค่ะ

บ้านเมืองเค้าสวยจังเลย


โดย: hoshi_nao วันที่: 5 มีนาคม 2552 เวลา:5:41:44 น.  

 
ขออนุญาต ตามไปเที่ยวเมืองนอกด้วยคนค่า

อยากไปนั่งเรือมั่งจัง บรรยากาศดูดี๊ดูดีจังเลยค่า



โดย: bakaminkchan วันที่: 5 มีนาคม 2552 เวลา:15:21:16 น.  

 
VENICE เวนิสเหลือแต่วานิช

คอลัมน์ For a Song ท่องโลกผ่านเพลง

โดย ศุภาสิริ สุพรรณเภสัช

เวนิสได้ชื่อว่าเป็นเมืองสวยที่สุดในโลก

นัยว่าเป็นที่สุดแล้วสำหรับเมืองที่สร้างโดยมือมนุษย์ จะให้สวยกว่านี้คงต้องให้เทวดาลงมาสร้างเอง เหมือนเมื่อหนุมานเผากรุงลงกา ทศกัณฐ์ต้องขอให้เทวดามาสร้างเมืองให้ใหม่ โดยมีพระวิษณุกรรมเป็นทั้งสถาปนิก วิศวกร และนักตกแต่งภายในเสร็จในตัว

จะสวยกว่าเวนิสหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ เพราะไม่มีหลักฐานมายืนยัน

เสน่ห์อีกอย่างของเวนิสอยู่ที่การสัญจรทางน้ำ คูคลองที่เลาะลัดไปตามบ้านเมืองสวยงาม ชวนให้หลงใหล

นานมาแล้วเมืองบางกอกซึ่งเต็มไปด้วยคูคลอง เคยถูกตั้งฉายาว่าเป็น Venice of the East หรือ "เวนิสแห่งตะวันออก"

กรุงเทพฯซึ่งอายุสองร้อยกว่าปีไม่ค่อยมีคลองแล้ว แต่กรุงเทพฯก็ทรุดลงทุกที และมีท่าว่าจะกลายเป็นเมืองจมน้ำในอนาคตอันใกล้ๆ พอกันกับเวนิสซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่มีอายุร่วมๆ สองพันปีก็กำลังจมน้ำลงไปปีละนิดละหน่อย

ทุกวันนี้มีสารพัดแผนการประคับประคองเวนิสไว้ ไม่ให้จมหายไปง่ายๆ แม้บางคนบอกว่าเวลานี้เวนิสอยู่กับที่แล้ว และจะไม่จมลงไปกว่านี้ แต่ก็ยังมีคนที่ไม่เห็นด้วย


โดย: แม่ซานเดอร์ วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:17:44 น.  

 
เดือนพฤศจิกายนปีนี้ พวกคน "วีนีเชี่ยน" หรือชาวเวนิสนัดกันทำพิธีศพให้กับเมืองเวนิสซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขาเอง

พิธีศพนี้ไม่ได้ทำล่วงหน้าเผื่อไว้เวลาเวนิสจมน้ำ แต่ทำเพราะชาวเวนิสแท้ๆ ไม่อาจอยู่ในบ้านเดิมของเขาได้อีกแล้ว เพราะรัฐบาลเก็บภาษีที่อยู่อาศัยสูงเหลือเกิน พวกที่เช่าอยู่ก็ต้องจ่ายค่าเช่าแพงลิบลิ่ว

ในเมื่อสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว ชาวเวนิสก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น จนปีนี้เหลือคนเวนิสในเมืองเก่าแก่ไม่ถึงหกหมื่นคน และจะลดลงไปเรื่อยๆ

ทุกวันนี้ใจกลางเวนิสมีป้ายแสดงจำนวนประชากรให้เห็นกันชัดๆ พอใครย้ายออกตัวเลขก็เปลี่ยนไป พาให้คนอยู่ข้างหลังใจหาย

ต่อไปนี้เวนิสจะมีแต่คนจากที่อื่นซึ่งเข้ามาทำการค้าขาย ทำมาหากินกับนักท่องเที่ยว คงคล้ายๆ กับพวกที่ซื้อบ้านเก่าๆ สวยๆ มาทำเป็นร้านอาหาร อะไรประมาณนั้น ทั้งคนอยู่และคนมาเยือนล้วนไม่ใช่เจ้าของบ้านทั้งสิ้น

หากเป็นอย่างนั้น เวนิสก็จะเหลือแต่วานิชที่ไม่ใช่คนเวนิส

ชาวเวนิสเลยถือโอกาสทำพิธีศพให้เมืองเสียรู้แล้วรู้รอดไป โดยจะนำโลงศพอันเป็นสัญลักษณ์ของความดับสูญของเมืองเวนิสลงเรือสามลำ แล่นเป็นขบวนไปตามคลองใหญ่ที่เรียกกันว่า Grand Canal และเชื่อว่าคงจะมีชาวบ้านนำเรือมาร่วมขบวน "พิธีศพทางชลมารค" อีกมากมาย

ฟังดูน่าเศร้าใจ แต่เชื่อว่าคนในกรุงเทพฯคงไม่ต้องลุกขึ้นมาจัดขบวนศพให้กรุงรัตนโกสินทร์ เพราะแม้ว่ากรุงเทพฯจะจมลงเรื่อยๆ แต่คนกรุงไม่ค่อยย้ายออกไปไหน แถมยังมีแต่คนอื่นย้ายเข้ามาอยู่ด้วยจนแน่นขนัด วันหนึ่งคงได้จะกอดคอกันจมน้ำอย่างสมานฉันท์

เล่าเรื่องเวนิสแล้ว อดนึกถึงเพลงไพเราะที่ชื่อ Summertime in Venice ไม่ได้

"เวนิสในคิมหันต์" หรือเวนิสในฤดูร้อนนี้ เป็นเพลงจากฝีมือของนักแต่งเพลงชาวอิตาเลียนชื่อ Alessandro Cicognini ใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อ Summertime ที่ออกฉายเมื่อกว่าห้าสิบปีมาแล้ว

แฟนหนังฝรั่งรุ่นคุณปู่ยังเด็กดูเหมือนจะชอบทั้งตัวภาพยนตร์และเสียงเพลง มีการนำทำนองเพลงมาใส่เนื้อภาษาไทยเป็นเพลง "เวนิสพิศวาส" ผู้ที่ใส่เนื้อร้องไพเราะก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นยอดขุนพลสุนทราภรณ์ คือ "ครูแก้ว อัจฉริยะกุล" ผู้มีความสามารถสมนามสกุล ส่วนผู้ร้องเพลงนี้คือคุณรวงทอง ทองลั่นทม ดาวเพลงในครั้งนั้น

นักเพลงไทยจึงร้องเพลง Summertime in Venice เป็นภาษาไทย...เวนิสพิศวาสรื่นรมย์ / ได้มาสู่สมภิรมย์ผูกพัน /เวนิสเป็นสวรรค์ / ที่เธอและฉันร่วมกันสร้างไว้?

ส่วนนักเพลงที่ชอบภาษาอังกฤษก็จะร้อง...I dream of the summertime / Of Venice and the summertime / I see the cafes, the sunlit days with you, my love?

หากเข้า YouTube ไปจะได้ฟัง Summertime in Venice จากการบรรเลงแสนพราวพริ้วของวง Mantovani แถมยังมีภาพวิวสวยๆ ของเมืองเวนิสให้ได้ดู เป็นการประหยัดค่าเครื่องบินในยุคเศรษฐกิจย่ำแย่ หรือจะฟังอย่างมีเนื้อร้องได้จากเสียงของคุณ Connie Francis จะไม่ผิดหวังเลย

เปิดคอมพ์เข้า YouTube ไปฟังเพลง Summertime in Venice ได้ที่ //www.youtube.com/watch?v=QQHf4gVNBuw&feature=related

หรือ //www.youtube.com/watch?v=EaAulauDn5Y&feature=related



โดย: แม่ซานเดอร์ วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:18:23 น.  

 


โดย: แม่ซานเดอร์ วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:20:46 น.  

 


โดย: แม่ซานเดอร์ วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:24:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แม่ซานเดอร์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
5 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ซานเดอร์'s blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.