ไปฟลอเร็นซ์ (3) / ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 กุมภาพันธ์ 2552 10:38 น. โดย : ธรณ์ ธำรงนาวาวสวัสดิ์
ผมเป็นคนชอบวัง หากมีเหตุไปเมืองนอก พอมีเวลาว่างเข้าเที่ยววังได้ ผมจะไปเสมอ เลยมีความรู้เกี่ยวกับวังติดตัวอยู่บ้าง พอนำมาเล่าสู่กันฟัง วังของยุโรปส่วนใหญ่สร้างด้วยแผนผังคล้ายกัน เป็นตึกใหญ่ยาว ดูจากข้างนอกแล้วเฉยเมย ไม่มีลวดลายประดับเหมือนวังอินเดียวังจีน คงเป็นเพราะอากาศหนาวเหน็บและรสนิยมของคนแถวนั้นเรียบง่ายคลาสสิก ต่อเมื่อเข้าไปข้างใน เราจะเดินผ่านไปทีละห้องโถง บ้างมีห้องซอยย่อยแยกเข้าไป มีทั้งห้องรับแขก ห้องเลขา ห้องอาหารแบบทั่วไป ห้องอาหารรับแขก ห้องเต้นรำ ห้องสวดมนต์ และอื่น ๆ อีกหลายห้อง ในห้องเหล่านี้ล้วนประดับด้วยภาพวาดชั้นยอดของศิลปินเรืองนาม โดยเฉพาะวังในอิตาลี ถึงขั้นต้องมีห้องเก็บภาพวาดหรือ Palatina โดยเฉพาะ บางวังมีตั้งสิบกว่าห้อง ถือเป็นของเชิดหน้าชูตาประจำตระกูล
ตระกูลเมดิซีเป็นหนึ่งใน Signoria หรือผู้ครองแคว้นของอิตาลีในช่วงยุคกลาง ในสมัยนั้นจักรวรรดิโรมันตะวันตกเสื่อมอำนาจ เมืองต่าง ๆ แยกออกเป็นอิสระ เกิดแคว้นใหญ่น้อยทั่วไป แม้แต่ละแคว้นจะไม่สามารถรวมตัวเพื่อสร้างจักรวรรดิให้รุ่งเรืองเช่นกาลก่อน แต่ก็ไม่อ่อนด้อยจนทำให้ข้าศึกจากแผ่นดินอื่นเข้ามายึดครองได้ ในจำนวนแคว้นเหล่านี้ ฟลอเร็นซ์ถือเป็นหนึ่งในแคว้นใหญ่สุด เรืองอำนาจภายใต้การปกครองของตระกูลเมดีซี ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13-17 ก่อนเสื่อมโทรมลงในภายหลัง อย่างไรก็ตาม ลูกหลานของตระกูลเข้าไปเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับหลายราชวงศ์ในยุโรป จนกลายเป็นชนชั้นสูงสืบเนื่องยาวนาน มีส่วนคล้ายกับเจ้าหลายแห่งของไทย เช่น เจ้าในเมืองเหนือ
นอกจากกำลังทหาร แต่ละเมืองยังแข่งกันด้วยความเจริญด้านจิตใจ โดยเฉพาะศิลปวัฒนธรรม โดยเฉพาะในยุคเรอเนสซองส์ ผู้ครองนครเหล่านี้ล้วนอุปการะศิลปิน ให้เงินสนับสนุนในรูปแบบค่าจ้างหรือค่าใช้จ่ายประจำปี ไม่งั้นศิลปินมีหวังไส้แห้งกันหมด แต่ไม่จำเป็นต้องสนับสนุนตลอดไป ศิลปินมีสิทธิถูกเลิกจ้างได้ หรือจะไปหาผู้สนับสนุนคนใหม่ก็เป็นเรื่องปรกติ เช่น เลโอนาร์โด ดา วินชี เปลี่ยนผู้สนับสนุนไม่รู้กี่สิบราย หรือศิลปินบางคนอาจรุ่งเรืองจนกลายเป็นฟรีแลนซ์ รับงานยักษ์ใหญ่ ไม่ต้องเป็นศิลปินสังกัดผู้ใด เช่น ไมเคิลแองเจโล ในฟลอเร็นซ์มีหลายตระกูลใหญ่ แต่เมดิซีคืออันดับหนึ่ง ร่ำรวยด้วยเงินทองทิ้งห่างตระกูลอันดับสองหลายสิบเท่า จึงกลายเป็นผู้ปกครองฟลอเร็นซ์แบบกลาย ๆ ศิลปินมีชื่อนับสิบคนได้รับการสนับสนุนจากตระกูลนี้ โดยเฉพาะในยุคของลอเรนโซ่ผู้ยิ่งยง เขาสนับสนุนศิลปินแทบทุกแขนง ภาพวาดจำนวนมากจึงถูกนำมาเก็บรักษาไว้ที่ Palazzo Pitti หนึ่งในวังของตระกูล จนมาถึงยุคปัจจุบัน วังแห่งนี้นับเป็นพิพิธภัณฑ์ใหญ่สุดของฟลอเร็นซ์ (แต่ไม่ได้หมายความว่าดีที่สุดนะ)
ผมเดินผ่านประตูเข้าวังมาอย่างงง ๆ และยิ่งงงใหญ่เมื่อเห็นแผนผัง ใครจะไปคิดว่าวังใหญ่โตปานนี้ ตึกมีทั้งหมด 3 ชั้น แบ่งเป็นส่วนต่าง ๆ เต็มไปหมด เช่น ห้องแสดงภาพ Galleria Palatina เรียงรายกันไม่ต่ำกว่า 20 ห้อง มีภาพใหญ่น้อยกว่า 500 ภาพ แต่ละภาพเป็นผลงานของศิลปินชื่อดังทั้งนั้น เช่น ราฟาเอล ทิเชี่ยน คาราวักจิโอ้ เลยไปอีกนิดคือส่วนวังที่อยู่อาศัย ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Royal Apartment มีห้องต่าง ๆ รวมถึงบัลลังก์ให้ชม ยังมีห้องเก็บจานชามข้าวของและประติมากรรม ยิ่งถ้านับสวน Boboli สวนสวยที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลีเข้าไปด้วย เที่ยววังนี้แห่งเดียว ใช้เวลาทั้งวันครับ เผอิญผมไม่มีเวลาทั้งวัน เพราะในฟลอเร็นซ์ยังมีของดีอีกมาก หากจะว่าไป วังพิตตี้ไม่ใช่แหล่งเที่ยวอันดับหนึ่ง อันดับสองหรือสามยังไม่ใช่เลยครับ ทัวร์ไทยเกือบทั้งหมดก็ไม่ได้มาเที่ยววังนี้ ผมจึงเดินชมวังแบบรีบเร่งนิดหนึ่ง เพราะหนูดาวสาวข้างกายบอกไว้ ยังมีของดีกว่านี้อีกมากเลยค่ะพี่ธรณ์ (แต่แล้วเธอดันเป็นคนช้าซะเอง)
ผลจากการเดินชมวังแบบวูบเดียว ผมพอบอกได้ อีกหลายวูบก็ไม่พอนะ ภาพที่จำติดตาเป็นผลงานของ Pietro da Cortona ศิลปินในยุคบารอค (ยุคหลังเรอเนสซองส์) เขาเป็นคนวาดภาพงดงามมาก น่าเสียดายที่ไม่มีจุดขายประจำตัว อีกทั้งเกิดมาในยุคหลังราฟาเอลหรือคาราวักจิโอ้ รวมทั้งสุดยอดช่างศิลป์อย่างไมเคิลแองเจโลและดา วินชี จะเก่งยังไงก็ทาบรัศมีพวกนั้นไม่ได้ จึงไม่ค่อยได้รับการกล่าวขาน แต่ใครมาเห็นผลงานภาพเฟรสโก้สี่ยุค ที่ไล่เรียงไปตั้งแต่ยุคเงิน ยุคทอง ยุคบรอนซ์ และยุคโลหะ อาจเกิดอาการติดตาเหมือนกับผม อีกภาพเด่นประจำวัง ชื่อว่าภาพ Martyrdom of St Agatha ของ Sebastiano del Piombo ศิลปินมีชื่อในยุคเดียวกับไมเคิลแองเจโล ภาพนี้ดูแล้วหวาดเสียวครับ เซนต์อกาธาร์เป็นนักบุญชาวคริสต์ มีชีวิตตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 3 ในตอนนั้น โรมันยังเรืองอำนาจ ศาสนาคริสต์ถูกกดขี่ เธอจึงเสียชีวิตภายใต้ที่คุมขัง จนได้รับการยกย่องให้เป็นนักบุญ สำหรับสุภาพสตรีอาจเคารพนับถือเธอเป็นพิเศษ เพราะในโลกยุคปัจจุบัน เธอได้ชื่อว่าเป็นเทพที่ช่วยเรื่องมะเร็งเต้านม
อีกส่วนที่ติดตาคือสวนสวยระดับกรี๊ดเต็มปาก สวนโบโบลีมีต้นสนไซเปรสอายุเกือบสี่ร้อยปี ปลูกเรียงรายสองข้างถนนที่ตัดผ่านยาว ทางเข้าอยู่ด้านหลังวัง เป็นลานน้ำพุ มีเวทีประติมากรรมโอบล้อมเป็นทรงโค้ง พร้อมเสาโอบิลิสก์หรือเสาหินสไตล์อียิปต์ตั้งเด่นเป็นสง่า เสาที่ว่าแพร่ระบาดเข้ามาตั้งแต่ยุคโรมัน ถือเป็นเสาแห่งความรุ่งโรจน์ จะพบได้ตามจัตุรัสหรือวังใหญ่ของยุโรปตอนใต้ ผมจำใจต้องโบกมืออำลาสวน แม้จะอยากเดินปานไหน แต่เวลาไม่ให้ครับ จึงอดเข้าไปดูน้ำพุหรือวิวที่เขาว่างามหนักหนา เพราะเที่ยวแค่นี้เวลาก็หมดไปเกินครึ่งวัน แถมเขตที่เราเที่ยวยังเป็นฝั่งแม่น้ำที่ไม่ค่อยสำคัญ เปรียบเสมือนฝั่งธน อีกฟากหนึ่งเป็นฝั่งพระนคร มีโน่นนี่ให้ดูมากกว่าเยอะ
เมื่อเราข้ามสะพานวัคคิโอ้กลับมา หนูดาวพาผมเดินเลียบแม่น้ำอาร์โน หันมายิ้มหวานให้ผมถ่ายภาพคู่กับสะพานสองสามภาพ ทางเดินตรงนี้นับเป็นจุดถ่ายภาพสำคัญ เรียกว่ามาแล้วไม่ได้ภาพกลับไปถูกเย้ยระเบิด โดยเฉพาะริมแม่น้ำตรงหน้าวัง Uffizi แกลเลอรี่เก่าแก่ที่สุดในโลก เปิดให้บริการตั้งแต่ค.ศ.1581 โดยมีตระกูลเมดิซีเป็นเจ้าของ ภายในนี้มีภาพและงานศิลป์ระดับสะเทือนโลก วังพิตตี้ไม่มีทางสู้ ขนาดโจรที่ขโมยภาพโมนาลิซามาจากพิพิธภัณฑ์ลูฟ ยังมาขายภาพที่นี่เลยครับ ก็เลยโดนจับไปนั่งยิ้มหวานในคุก ผมสงสัยอาการของหนูดาวเป็นยิ่งนัก ปรกติเธอกรี๊ดสนั่นกับของพวกนี้ แต่คราวนี้ไยสาวน้อยเดินเชิดหน้าผ่านทางเข้าแกลเลอรี่ เมื่อลากตัวมาสอบสวน ได้ความว่า หนูยังไม่เข้าตอนนี้ เพราะเวลามีน้อย หนูจะเข้าไปเดินทั้งวัน เราต้องมาแต่เช้า ไม่ใช่มาตอนเที่ยง เราไปทางนี้ก่อนดีกว่า ตรงหน้าพี่ธรณ์คือจัตุรัสอันดับสองของอิตาลี กรี๊ดสิคะ โอ้...อันดับสอง ผมเพิ่งรู้ว่า เค้ามีการจัดอันดับจัตุรัสในอิตาลีด้วยนะ เพราะจัตุรัสในยุโรปแสนสำคัญ แขกไปใครมาก็ต้องเที่ยวจัตุรัส ไม่เหมือนบ้านเราที่คนจะไปเที่ยวตลาดหรือห้างสรรพสินค้า จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เขาบอกไว้ จัตุรัสอันดับสามคือ Piazza del Campo แห่งเมืองเซียน่า จัตุรัสอันดับสองคือ Piazza della Signoria ที่อยู่ตรงนี้ สำหรับจัตุรัสที่ได้ตำแหน่งชนะเลิศ ชื่อว่า Piazza San Marco อยู่ใจกลางนครเวนิซ แค่มีเรือกอนโดล่าวิ่งผ่าน เสียงเพลงหวานแว่วมา คิดถึงนักรักแบบคาซาโนว่า เท่านั้นก็กินขาดแล้วครับ
สาว ๆ ผู้เคยไปหรืออยากไปอิตาลี คงยื่นคำร้องคัดค้านการจัดอันดับเช่นนี้ เพราะไม่มีบันไดสเปนแห่งกรุงโรม หรือจัตุรัสหน้าวิหารดูโอโมใจกลางเมืองมิลาน นั่นเป็นการจัดอันดับด้านการช้อปปิ้งครับ ไม่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะ โดยเฉพาะจัตุรัสซินนอเรียแห่งเมืองฟลอเร็นซ์ ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งรวมงานศิลป์ของอิตาลีมาตั้งแต่ยุคเรอเนสซองส์ แม้จัตุรัสจะไม่สวยในแว่บแรก ไม่มีโบสถ์ยักษ์หรือวังใหญ่เด่นเป็นสง่า แต่ถ้าลองเดินดูโดยรอบ ผมเจอความเจ๋งครับ ครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นแหล่งรวมตัวของคนทั้งฟลอเร็นซ์ ยามเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ระฆังจะดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วเมือง ผู้ชายจะหลั่งไหลมาพร้อมอาวุธ เตรียมการต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอน ขนาดครั้งที่กษัตริย์ฝรั่งเศสยกทัพมา พลางส่งคำขู่ว่า ให้ยอมแพ้ซะ ไม่งั้นข้าจะสั่งให้ทหารเป่าแตร (เป่าเป็นสัญญานให้บุก ไม่ใช่แตรนอน) คนในเมืองฟลอเร็นซ์หัวเราะร่า ตอบกลับไปว่า เมื่อใดที่เราได้ยินเสียงแตร เราก็จะสั่นระฆังของเรา เท่านี้เอง กองทัพฝรั่งเศสถึงขั้นต้องถอยกรูด ผมไม่เป่าทั้งแตรสั่นทั้งระฆัง เพราะหน้ากระดาษหมดแล้วครับ สัปดาห์หน้า ข้าพเจ้าจะพาคุณ ๆ ไปเยี่ยมชมรอบจัตุรัสที่ได้ชื่อว่าเจ๋งเป็นอันดับสองของอิตาลี
เอารูป ดอกไม้ ที่ร้าน ส่ง ทุกท่าน วาเลนไทน์ ( มั่ง ) นะคะ
Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2552 |
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2552 17:06:02 น. |
|
16 comments
|
Counter : 1189 Pageviews. |
|
|
|
โดย: chalawanman วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:16:51:57 น. |
|
|
|
โดย: chalawanman วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:16:53:33 น. |
|
|
|
โดย: แม่ซานเดอร์ วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:18:50:28 น. |
|
|
|
โดย: แม่ซานเดอร์ วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:18:57:18 น. |
|
|
|
โดย: chalawanman วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:02:13 น. |
|
|
|
โดย: แม่ซานเดอร์ วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:15:56:01 น. |
|
|
|
โดย: chalawanman วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:15:37:28 น. |
|
|
|
โดย: แม่ซานเดอร์ วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:14:26:53 น. |
|
|
|
โดย: chalawanman วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:28:44 น. |
|
|
|
โดย: chalawanman วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:45:47 น. |
|
|
|
โดย: แม่ซานเดอร์ IP: 80.56.136.93 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:16:17:27 น. |
|
|
|
โดย: แม่ซานเดอร์ IP: 80.56.136.93 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:16:27:32 น. |
|
|
|
โดย: Picike วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:4:30:41 น. |
|
|
|
โดย: chalawanman วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:17:03 น. |
|
|
|
โดย: chalawanman วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:34:55 น. |
|
|
|
โดย: แม่ซานเดอร์ วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:5:40:18 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
....................................................................................
รับทราบครับ
วันนี้มีการเปลี่ยนแผนนิดหน่อยครับ
จากปรากจะเข้าอัมสเตอร์ดัม 10.29 อาทิตย์ที่ 3 พค.
แล้วเที่ยวอัมสเตอร์ดำถึงเย็น
(ไม่แน่ใจว่าที่สถานีรถไฟมีที่ฝากกระเป๋าหรือเปล่า
และขอคำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในอัมสเตอร์ดัมด้วยครับ)
แล้วตอนเย็นจะนั่งรถไฟมาที่ Leiden ตอนเย็นเพื่อค้างที่นี่เลยครับ
เเล้วเช้าก็นั่งรถมาเที่ยว Keukenhof ทั้งวัน(ได้ข่าวว่ามีทัวร์รวมค่ารถกับค่าบัตรเข้าชม)
จากนั้นเที่ยวเสร็จจะนั่งรถย้อนกลับมาที่อัมสเตอร์ดัม
เพื่อนั่งรถไฟ 20.31 ออกจาที่นี่ไปซูริคครับ
.......................................................................
รบกวนวันนี้เท่านี้ก่อนนะครับ