ชื่อ อทิตยา มี ลูกชาย 1 ชื่อ อเล็กซานเดอร์............... มีหลานชาย ( เป็นลูกหมา ) 2 ตัวชื่อ โจอี้ กับ จูเนียร์............... เราทั้ง 4 ใช้นามสกุล เดียวกันว่า มังกร ................... มีบ้านอยู่ ใกล้คลอง เจ้าหญิง เมืองอัมสเตอร์ดัม.................. 2แม่ลูก แบกกระเป๋าเที่ยวบ่อย ทำนองว่า ทัศนศึกษา.................... เที่ยวไปมา แม่ติดลม แล้วก็มาติดบลอค บางที ก็ยกขโยงไปทั้ง4 เป็น มังกรแฟมิลี่ สัญจร ............................. รู้จักกัน พอเป็นกระสัย จะได้ ทักทายกัน พอสมควร เจ้า
ไปฟลอเร็นซ์ (2) / ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

ไปฟลอเร็นซ์ (2) / ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 กุมภาพันธ์ 2552 15:07 น.


โดย : ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์




ฟลอเร็นซ์เป็นเมืองที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลาง ตัวเมืองแบ่งเป็นสองฟาก ค่อนหนึ่งของเมืองเก่าอยู่ทางเหนือ มีทั้งโบสถ์ทั้งพิพิธภัณฑ์ อีกส่วนหนึ่งต้องข้ามแม่น้ำลงมาทางใต้ อยู่บนเนินเขาเตี้ย ๆ มองเห็นวิวงามตา โดยเฉพาะช่วงตะวันใกล้ตกดิน สวยจนเกือบใช้คำว่า เมืองสวยที่สุดในโลก (วิวเมืองฟลอเร็นซ์สวยกว่าโรมหรือเวนิสอีกนะ)

การเที่ยวในเมืองทำได้ 2 แบบ หนึ่งคือเดิน สองคือนั่งรถเมล์ ผมตัดการนั่งรถทัวร์ออกไป เพราะผมมาเที่ยวเองครับ จะไปหารถทัวร์ที่ไหนมานั่ง อีกทั้งต่อให้มีรถทัวร์ ผมก็คิดว่า เดินเที่ยวเองจะเหมาะกว่า ด้วยแหล่งท่องเที่ยวอยู่ในโซนเดียวกัน จะแวะเข้าซอกไหนซอยใดก็ล้วนมีของดีให้ดู นั่งรถเฟี้ยว ๆ เที่ยวไม่ถึงกึ๋นหรอกจ้ะ

เพื่อการท่องเที่ยวของเก่าแบบดีงาม เราควรจะไล่ดูตามลำดับเวลา แนวคิดนี้ผิดจากนักเที่ยวส่วนใหญ่ เพราะใครต่อใครก็มุ่งไปโบสถ์ยักษ์แห่งเมืองฟลอเร็นซ์ แต่หนูดาวทักท้วงผมว่า พี่ธรณ์ขา (มาฟลอเร็นซ์แล้วเธอหวานขึ้น คงเพราะบรรยากาศพาไป อยู่เมืองไทยเอาแต่แว้ด ๆ) เราควรจะไปดูภาพต้นตำรับก่อน เพราะเดี๋ยวเราจะเจอภาพยุคเรเนอซองส์อีกเพียบ





เอาไงเอากัน ผมตามใจเธอ มิใช่เพราะชอบตามใจสาว แต่ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์งานยุ่ง เธอเป็นแม่บ้านนอนนิ่ง แค่อาชีพก็บอกได้แล้วครับ ใครมีเวลาอ่านข้อมูลมากกว่ากัน เราจึงเดินข้ามสะพานปอนเตวัคคิโอ้ ตรงขึ้นไปบนเนินเตี้ย รอรถเมล์วิ่งผ่านมา จากนั้นก็กระโดดขึ้นรถเมล์ (เราซื้อตั๋วรถเมล์แบบ 4 เที่ยว มาจากสถานีรถไฟ)

รถเมล์วิ่งไปและวิ่งไป โห...ฟลอเร็นซ์นี่เล็กน่าดู ถนนรอบด้านแคบลงจนแทบไม่เหลือทางให้รถเมล์วิ่ง บ้านเรือนก็เก่าดีนะ แต่ดูเหมือนห้องแถวจัง จนท้ายสุด หนูดาวฉุดผมลงจากรถ ก่อนหันมาบอกว่า เธอหลง (อ้าว) เป้าหมายของเราเป็นโบสถ์ Santa Maria del Carmine แต่ดูรอบด้านแล้ว คล้ายสำเพ็งมากเลยค่ะพี่ธรณ์ (ยกเว้นไม่มีอาม่วยมาขายของ ถนนโล่งโจ้งดุจสำเพ็งตอนตีสามครับ)

ผมเจอเหตุการณ์เที่ยวแล้วหลงเป็นประจำ ตั้งแต่สมัยทำสารคดีทั่วไทย จึงงัดไม้ตายมาใช้ เริ่มจากเข้าไปถามคนแถวนั้นว่า โบสถ์จ๋าอยู่ไหน คนหนึ่งชี้ไปข้างซ้าย อีกคนชี้ไปข้างขวา อีกคนไม่ชี้ไปสักด้าน เพราะเค้าฟังเราพูดไม่เข้าใจ (หรือขี้เกียจฟัง) เมื่อเป็นเช่นนี้ เราต้องใจเย็นครับ อย่าเพิ่งรีบไปตามคำบอก ควรเอาแผนที่มาดูให้ถ่องแท้ เพราะใจคนยากแท้หยั่งถึง หลังจากดูอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมทั้งเดินหาป้ายถนน ผมฟันธงว่า เราไม่หลง แต่เรายังไปไม่ถึงต่างหาก โบสถ์อยู่ข้างหน้านี่แหละ เอ้า...หน้าเดิน





โบสถ์อยู่ตรงหน้าเราจริงด้วยครับ แต่ดูจากสภาพภายนอกแล้ว ค่อนข้างอนาถ จนผมลืมภาพเมืองฟลอเร็นซ์ แสงเทียนแห่งยุคเรเนอซองส์ ไปหมดสิ้น ขนาดขนกล้องมาหนักแทบตาย ยังไม่ยกขึ้นถ่ายสักภาพ พอเปิดเข้าไปข้างใน ลักษณะคล้ายโบสถ์ในหนังซอมบี้ ไม่มีใครสักคน มืดตึ๊ดตื๋อ เรามะงุมมะงาหลาผ่านทางเดินแคบ จนเข้าไปถึงโถงสวดมนต์ด้านข้างโบสถ์ เค้าเรียกว่า Chapel หรือ Cappella ถึงตรงนี้ หนูดาวทำปากจุ๊ ๆ พลางกระซิบให้ผมเงียบ

เงียบ ? ทำไมต้องเงียบ มาดูศิลปะนะจ๊ะ ไม่ใช่มาดูสัตว์ ภาพอะไรในโลกได้ยินเสียงดังแล้วตกใจกระโดดหายเข้าผนัง ดาวหันมาทำตาเขียว หนูพามาดู Cappella Brancacci เป็นผลงานยุคเก๋ากึก ตั้งแต่ค.ศ.1424 หรือยุคต้นของเรเนอซองส์ แม้แต่ ดา วินชี ยังมาศึกษาภาพที่นี่ รวมถึงจิตรกรระดับเซียนแทบทุกคน เพราะภาพที่วาดโดย Masaccio ถือว่าเด็ดดวงนัก แต่เค้าตายก่อนวาดเสร็จนะคะ เราเลยต้องดูให้ถูกภาพ ไม่เช่นนั้นจะเจอภาพที่วาดเพิ่มตอนหลัง แม้จะวาดโดยศิลปินคนดัง Filippino Lippi แต่ไม่ใช่เป้าหมายหลักของเรา

อ๋อ...เหรอ ผมเห็นแต่ความมืด มีเงาสลัวนิดหน่อย พอให้รู้ว่า มีภาพอยู่เต็มผนังในโถงสวดมนต์ จะให้แยกเป็นชายหญิงนักบวชหรือสาวนู้ด ยังดูไม่ออกเลยครับ จะให้ไปแยกฝีมือศิลปิน ฝันไปเหอะ ดาวหันมากระซิบต่อ เนื่องจากภาพชุดนี้ดัง เค้าเลยคิดตังค์ค่าชม คนละ 3 ยูโร เปิดให้ชมตอนสิบโมงเช้า แต่เรามาก่อนเวลาตั้งเป็นชั่วโมง เพราะหนูหวังของฟรี นึกว่าจะมาแอบดูก่อนเค้าเก็บตังค์ ใครจะไปรู้ล่ะคะว่า เค้าดันปิดไฟมืด (ก็เพราะมีนักเที่ยวอย่างเธอไง เค้าถึงปิดไฟมืด)





แม่ศรีเรือนผู้หวังอยากประหยัดตังค์สามี เพื่อนำไปซื้อกระเป๋าใบใหม่ให้ตัวเอง พยายามมองซ้ายมองขวาหาสวิทช์ไฟ แต่ยังไม่ทันเจอ จู่ ๆ ไฟก็เปิดวาบ เล่นเอาผมต้องถอยกรูดมาหลังเสา มือยัดกระเป๋าเตรียมควานหาตังค์มาจ่าย ปรากฏว่า ฟ้าเป็นใจให้แม่ศรีเรือนครับ เพราะคนเปิดไฟคือคุณป้าผู้มาทำความสะอาด เราเลยรับอานิสงค์ไปเต็ม ๆ ได้ดูภาพแบบถึงแก่น ตังค์ก็ไม่ต้องจ่าย นักเที่ยวคนอื่นก็ไม่มี

ภาพชุดนี้ถูกวาดบนผนังสามด้าน ใช้เทคนิคแบบเฟรสโก้หรือภาพปูนเปียก โดยใช้ปูนผสมพิเศษฉาบผนัง เสร็จแล้วต้องรีบวาดภาพก่อนปูนแห้ง ภาพจะคงทนดีแท้ แต่ไม่เหมาะสำหรับผนังภายนอกอาคาร เพราะจะซีดจางหลุดร่อนง่าย เทคนิควาดภาพถือเป็นเคล็ดลับประจำตัวศิลปิน แม้แต่สีที่ใช้ ยังมีส่วนผสมต่างกัน จิตรกรสมัยก่อนจึงต้องไปร้านขายยาบ่อย มิใช่วาดภาพจนไมเกรนขึ้น แต่ของแปลก ๆ ที่หาได้ตามร้านขายยา สามารถนำมาผสมเป็นสี

สีบางอย่างยังต้องลงทุนเพียบ เช่น สีฟ้า ต้องบดมาจากหินลาปิส ลาซูรี ใครเล่นหินคงรู้ว่า เจ้าหินชนิดนี้ราคาแพงหนักหนา ถ้าเป็นสีเขียว เอามาจากหินมาลาไคต์ ราคาถูกลงนิดหนึ่ง ผู้จ้างให้วาดภาพบางคนถึงขั้นต้องกำหนดว่า ต้องมีสีฟ้าบ้างนะ ไม่งั้นค่าจ้างก็น้อยหน่อย เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นบ่อยครั้งในยุคแรกเริ่มของเรเนอซองส์ จนภายหลังค่อยมีกรรมวิธีหาสีฟ้าสีเขียวมาจากอย่างอื่น




ในยุโรปมีภาพเฟรสโก้แทบทุกหนแห่ง ที่รู้จักกันดี เช่น last supper ของดา วินชี (มิลาน) last judgement ของไมเคิลแองเจโล (วาติกัน) ภาพตรงหน้าผมเกิดก่อนยุคนั้น เป็นฉากชีวิตของเซนต์ปีเตอร์ เริ่มต้นตั้งแต่อาดัมกับอีฟถูกขับจากสวรรค์ ต่อเนื่องไปถึงเหตุการณ์ช่วงต่าง ๆ แต่ละภาพงดงามดีมาก แต่หนูดาวบังคับให้ผมรีบถ่ายภาพอาดัมกับอีฟ นั่นแหละคือผลงานของ Masaccio ถือเป็นภาพระดับปฏิวัติวงการ เพราะสมัยก่อนศิลปินเอาแต่วาดภาพคนตายด้าน หน้าตาท่าทางไม่แสดงอารมณ์ จนมาถึงภาพนี้ ทั้งใบหน้าท่าทางของอาดัมกับอีฟ ระทดหดหู่ดีมาก สาสมกับคนทำผิดที่ถูกพระเจ้าลงโทษขับจากสวรรค์ ขนาดภาพฉากเดียวกันของไมเคิลแองเจโล ในวิหารซิสทีนชาเปล ยังไม่แสดงอารมณ์ชัดเจนปานนี้เลย











ผมพยายามถ่ายภาพสุดความสามารถ แต่แสงไฟที่คุณป้าเปิดมีน้อย อีกทั้งภาพก็อยู่บนเสา ผมก็ต้องซุ่มอยู่ในมุมมืด เพราะกลัวคุณป้าไหวตัวทัน จนคุณป้าเช็ดพื้นเสร็จ ปิดไฟ ผมยังได้แค่ไม่กี่ภาพ จนต้องคาดคั้นหนูดาวว่า สถานที่ต่อไปเสียตังค์ก็ได้ แต่ขอให้ถ่ายภาพง่าย ๆ หน่อยนะ เธอก็ตกปากรับคำเป็นอันดี ก่อนพาผมนั่งรถเมล์ย้อนไปถนนใกล้สะพานปอนเตวัคคิโอ้ บนเนินเตี้ย ๆ เป็นที่ตั้งของวังขนาดยักษ์ Palazzo Pitti

ดาวอธิบายให้ผมฟัง นี่คือวังยิ่งใหญ่สุดในฟลอเร็นซ์ อาจถึงขั้นยิ่งใหญ่สุดในอิตาลีด้วยซ้ำ หากนับความสมบูรณ์และข้าวของที่อยู่ข้างใน เดิมทีที่นี่เคยเป็นบ้านของนายธนาคารชื่อ Luca Pitti ในค.ศ.1458 หลังจากนั้น ตระกูลเมดิซี่ (Medici) ซื้อบ้านหลังนี้ในค.ศ.1539 เพราะตั้งอยู่ในชัยภูมิเหมาะสม อยู่ห่างจากสะพานวัคคิโอ้อันเป็นศูนย์กลางค้าขายเพียงไม่ไกล แต่สงบและสบายเพราะอยู่บนเนินมีพื้นที่กว้างขวาง ตระกูลเมดิซี่ต่อเติมบ้านหลังนี้เรื่อยมา ขณะเดียวกัน พวกเขากลายเป็นผู้ปกครองแคว้น จากบ้านจึงกลายเป็นวัง มีข้าวของสะสมอยู่มากมาย ถ้าเดินแบบทอดน่องพิจารณา หนึ่งวันคงทั่ว แต่เรามีเวลาน้อย หนูดาวพาพี่ธรณ์โฉบผ่านก็แล้วกัน จะได้เสียค่าผ่านประตูและได้ถ่ายภาพสมใจไงคะ

ค่าผ่านประตูน่ะผมเสียครับ แพงด้วย แต่ผมไม่ได้ถ่ายภาพสักรูป เพราะเขาริบกล้องผมไปตั้งแต่ทางเข้า ด้วยกติกาในการชมหลายพิพิธภัณฑ์ของอิตาลีคือห้ามถ่ายภาพเด็ดขาด ผมจึงเกิดมาเป็นคนมีกรรม ถึงกระนั้น จะพยายามเล่าเรื่องวังพิตตี้ให้คุณฟังในสัปดาห์หน้าครับ











Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2552 17:06:47 น. 11 comments
Counter : 3324 Pageviews.

 
ชอบดูภาพวาดในโบสถ์เหมือนกันเลยค่ะ


โดย: Jujastar วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:12:51:16 น.  

 
สวัสดีครับ

มีแผนจะไปยุโรปปลายเดือนเมษาครับผม

กำลังวางแผนกันอยู่

เมืองนี้ก็น่าสนใจครับ

ว่าจะเข้าที่บูดาเปสก่อนด้วย
เลยแอบไปดูบล๊อคเก่าของเมืองบูดาเปสที่ลงไว้

ยังไงขอแอดเพื่อนไว้

เดี๋ยวจะมาขอคำแนะนำนะครับ


โดย: chalawanman วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:15:10:53 น.  

 
ด้วยความยินดีค่ะ ที่เขียนไว้ เป็นแค่ วันแรก และ วันที่2 ประมาณ 20 เปอร์เซนต์ ที่เที่ยว แต่ ความที่ ไม่ว่าง อย่างที่คาด และ เอ้อ ระเหย เรื่อยเปื่อย เลย แช่ หยุด ซะตรงนั้น หลังๆ ก็ ไป โน่น มานี่ เลย ลงตัวที่ เอา ของ ดร. ธรณ์ และ มือ อาชีพ มาลง ดีกว่า ถือ เป็น การ เก็บข้อมูล ไว้อ่าน เล่น และ เผื่อ ใครชอบ อ่านด้วย .............กำลังขอวีซ่า อังกฤษ อยู่ มีเรื่องยาว ( ประจำ ) เบื้องหลัง การขอ แต่ ทาง สถานทูต ( ในอัมส์ ) เก็บ สตังค์ ไปแล้ว และ ส่งเรื่อง ไปที่เยอรมัน บอกว่า ภายใน 10วัน จะส่ง พาสปอร์ต ให้ ( น่าจะ รวม การ แสตมป์ วีซ่านะ )..............ถ้าไม่ผิดพลาด ประการใด วันที่ 4 ถึง 19 เมษา จะไป ลุย สกอตแลนด์ 2แม่ลูก มีคนเขาถามว่า ไปตอนล่าง หรือ ตอนบน ( ไฮแลนด์ หรือ โลว์แลนด์ ) ก็ แหม คนไทย ไป เที่ยว นะคะ ต้องไว้ ลายไทย ไป มัน ทุกตอน ทุก เมือง แหละ ( ฮา )..............แล้ว ปลาย เดือน พฤษภา จะไป ชม ปราสาท และ สวนดอกไม้ ในแคว้น เวลส์ กัน ถือ ว่า จ่าย กะตัง ค่า วีซ่า แล้ว เที่ยว ซะให้ คุ้ม ...........เผื่อ พลัด หลง อย่างไร ไป ปรึก ษา กัน ที่สกอตแลนด์ นะคะ


โดย: แม่ซานเดอร์ วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:18:25:32 น.  

 
อีก 1 ข้อมูล ปลายเดือนเมษา ต้อง แวะ อัมสเตอร์ดัม ( พลาด แล้ว ถือว่า ไม่ถึงยุโรป จริงจริ๊ง ) .........ถ้าได้ มาจริงๆ จะแนะนำ เวบ ผู้ชำนาญให้ แต่ ถ้ามาถึงอัมส์ จริงๆ ก็ไม่ใจดำ หรอกค่ะ จะให้ เบอร์ โทร มาปรึก ษา หารือ เนาะ เผลอๆ วิ่งไป เที่ยวด้วย ปลายเมษา หน้า ดอกไม้ โดยตรงค่า


โดย: แม่ซานเดอร์ วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:18:30:54 น.  

 
ทราบแล้วเปลี่ยน

ขอบคุณมากๆๆๆสำหรับคำแนะนำนะครับ

อาทิตย์นี้จะกลับบ้านไปแพลนทรปเพื่อจะจองโรงแรมกับที่บ้าน

แล้วถ้าติดขัดประการจะรบกวนอีกนะ

ปล.ก่อนกลับว่าจะบินจากเยอรมันไปเที่ยวอังกฤษซัก1-2 วัน
จะคุ้มไหมครับ คือว่าไหนๆมาแล้ว ก็ไปซะหน่อย

พี่ว่าไงอะครับ


โดย: chalawanman วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:23:05 น.  

 
ถ้ามีงบพอ แว่บไป เถอะค่ะ 2 วัน ในลอนดอน และ วินเซอร์ แต่ 3 วัน น่าจะคุ้มค่าเครื่อง บิน นะคะ ............... อีก ประการ ไม่รู้ ต้อง จ่ายค่าวีซ่าเพิ่ม หรือ เปล่า ถ้าต้องจ่าย อย่าไปเลยค่ะ เก็บสตังค์ วันเวลา ไปเที่ยว หลายๆที่ ในยุโรป ดีกว่า.........เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ ลักแซมเบอร์ก เบลเยี่ยม ออสเตรีย น่าเที่ยวทุกที่ คุย เรื่องเที่ยว ล่ะก็ ขอรายละเอียด จะเมนท์ 7 วัน ติด เลยล่ะค่ะ


โดย: แม่ซานเดอร์ IP: 80.56.136.93 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:21:34:51 น.  

 
เคยที่เวนิส ก็ไม่ให้เอากล้องเข้า

เสียมราฐตอนสองเสร็จแล้วค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:15:39:00 น.  

 
ขอบคุณค่ะที่ชม เพราะไม่จ้างไกด์ ก็ถ่ายมันดะไปก่อน แล้วมานั่งอ่านตอนเขียนนี่แหละค่ะ เหมือนท่องหนังสือสอบเลย


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:25:18 น.  

 
รายงานตัวอีกครั้งนะครับ

วันนี้มาซะดึกดื่นเลย

คือว่ากลับมาบ้านเลยได้แผนคร่าวๆมานะครับ

เริ่มเลยนะครับ

ผมจะเข้ายุโรปที่ฮังการี 24-30 เม.ษ. (ช่วงนี้มีไกด์ครับ)

หลังจากนั้นจะไป เวนิช Venezia ถึงเช้าวันที่ 30 เม.ษ. (7.04)
แล้วก็เที่ยวที่เวนิชทั้งวันออกจากที่นี่ตอนกลางคืน 20.26 ค้างบนรถนอนไปเวียนนา Wien ออสเตรีย

ถึงเวียนนา 8.30 ตอนเช้าเที่ยวกลางวันแล้วออกจากที่นี่ตอนเย็น 13.30 หรือ 15.30 เพื่อไป ปราก Praha

จะถึงปรากตอน 17.32 หรือ 19.32 แล้วก็ค้างที่นี่ 1 คืน
รุ่งขึ้นเที่ยวต่อตอนกลางวันแล้วออกจากปราก 18.50 ไปอัมสเตอร์ดัม ถึง 10.27 (ถึงที่อัมสเตอร์ดัมจะเป็นเช้าวันที่ 3 พค.พอดีครับ)


หลังจากนั้นจะหารถในอัมสเตอร์ดัมเพื่อไปเที่ยวสวน Keukenhof ตอนบ่ายหรือเย็นโดยไปค้างที่เมือง Liden ก่อนเที่ยวสวนในตอนเช้า

....................................................................

เย็นหลังจากเที่ยวสวนเสร็จก็หารถกลับมาอัมสเตอร์ดัม ออกจากที่นี่มาซูริคโดยนั่งรถนอน
ถึงซูริค เช้าวันที่ 5 พค. 8.22

จากซูริคหารถไฟไปเที่ยวลูเซิร์น Luzern เที่ยวตอนบ่ายเเล้วค้างที่นี่เลย
รุ่งขึ้นวันที่ 6 พค.ออกจาก Luzern เช้าไปเที่ยว Interleken ทั้งวัน
ตอนเย็นหารถต่อมาค้างที่โลซาน Lausane

วันที่ 7 เวลา 13.03 หรือ 18.22 นั่งรถไฟต่อไปปารีส
ถึงเวลา 16.55 หรือ 21.59 ค้างคืนที่นี่

เช้า 8 พค.เที่ยวปารีสทั้งวัน ออกจขากปารีส 22.45 เข้าเยอรมันที่มิวนิค 9.00
หลังจากนั้นเที่ยวเยอรมันถึง 15 พค.ก่อนบินกลับเมืองไทย


.....................................................................

ดูโปแรแกรมนี้เเล้วพอไหไหมครับ

แน่นไปหรือเปล่า.....................

มีอะไรแนะนำได้เต็มที่เลยนะครับ
ผมคงต้องปรับอีกพอสมควร




ขอบคุณล่วงหน้านะครับ



โดย: chalawanman วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:50:52 น.  

 
โปรแกรม แบบนี้ ไม่ได้ พกพา เด็ก และ คนชรา ใช่ไหมคะ แน่น ละเอียด แบบ ต้อง ร่างกาย แข็ง ข้อมูลแน่น เตรียมการเพียบพร้อม ถ้าได้ ครบ ล่ะก็ ลุยเลยค่า ทนเหนื่อยหน่อย อึดนิด พอกลับบ้าน พร้อมรูปภาพ หมื่นกว่า กับ หนัง ( สั้น ) 500 ตอน นั่งๆ นอนๆ แล้ว เอามาให้ ชื่นชม กัน ยามนั้น ล่ะ สุข ใจ ไป เป็น ปี คุ้มค่ะ เป็น 1 กองเชียร์ จาก อัมสเตอร์ดัม นะคะ โปรแกรม ที่ อัมส์ น่ะ อยากให้ค้าง อัมส์มากกว่า เพราะ ที่พัก แถวๆ สถานีรถไฟ ไม่แพง แล้วจาก สถานีรถไฟ เดินท่อมๆ ชมวัง ชมมิวเซียม เยี่ยม แอนแฟรงค์ ที่เล่ามา นี้ เดินเก่ง เดินได้ ทั่วหมดเลยนะคะ หรือเช่าจักรยาน ขึ้นรถราง เป็ตั๋ววัน เที่ยวตั้งแต่ โยนกระเป๋า เข้ารร. จนถึง 3 ทุมได้ เดินตามคลอง กลางคืนสวย ผู้คน ยิ้มแย้มแจ่มใส เผลอๆ จะไป ร่วมขบวน เดินด้วย ( ขอ ดูลูกหลาน ก่อน ) .........แล้วตอนเช้า ค่อย ขึ้นรถไฟ ไปต่อ รถบัส ไป สวน ไม่ไกล หรอกค่ะ ถ้าจำไม่ผิด ไม่เกิน ชม. ( เดินทาง นะคะ ) รายละเอียด มีให้สอบถาม ที่ สถานีรถไฟ คุยไป คุยมา ถ้าว่าง จะวิ่ง ไปให้ ข้อมูล ด้วยตนเอง ที่ที่พัก เลยล่ะค่ะ............แล้ว ค่อย คุยกัน ตอนต่อไป นะคะ


โดย: แม่ซานเดอร์ IP: 80.56.136.93 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:3:42:52 น.  

 









โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:40:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แม่ซานเดอร์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
8 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ซานเดอร์'s blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.