ชื่อ อทิตยา มี ลูกชาย 1 ชื่อ อเล็กซานเดอร์............... มีหลานชาย ( เป็นลูกหมา ) 2 ตัวชื่อ โจอี้ กับ จูเนียร์............... เราทั้ง 4 ใช้นามสกุล เดียวกันว่า มังกร ................... มีบ้านอยู่ ใกล้คลอง เจ้าหญิง เมืองอัมสเตอร์ดัม.................. 2แม่ลูก แบกกระเป๋าเที่ยวบ่อย ทำนองว่า ทัศนศึกษา.................... เที่ยวไปมา แม่ติดลม แล้วก็มาติดบลอค บางที ก็ยกขโยงไปทั้ง4 เป็น มังกรแฟมิลี่ สัญจร ............................. รู้จักกัน พอเป็นกระสัย จะได้ ทักทายกัน พอสมควร เจ้า
ไปฟลอเร็นซ์ (1) / ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

ไปฟลอเร็นซ์ (1) / ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 กุมภาพันธ์ 2552 14:14 น.


โดย : ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์




ฟลอเร็นซ์เป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นทัสคานี หากเรียกสไตล์อิตาเลี่ยน ต้องเปลี่ยนเป็นทอสคานา เมืองตั้งอยู่เหนือกรุงโรม ในเขตอิตาลีตอนกลาง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบและเนินเขา บางส่วนเป็นชายฝั่งทะเลเทอริเนียน บางส่วนเป็นภูเขาต่อเนื่องมาจากเทือกด้านใต้ของแอลป์ ดินแดนอุดมสมบูรณ์ด้วยแม่น้ำอาร์โนไหลผ่าน มีทั้งไร่ไวน์และไร่มะกอกที่ทำมานับพันปี ทิวทัศน์เหล่านี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแสนหวานที่ผู้คนทั่วโลกใฝ่ฝันจะมาเยือนสักครั้ง





ผมก็เป็นเหมือนคนทั่วโลกครับ เราอยากมาทัสคานี โดยเฉพาะเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นแสงเทียนแห่งยุคเรอเนซองส์ แม้ข้าพเจ้าจะร่ำเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ แต่วิชาที่ทำคะแนนสมัยเรียนประถมมัธยม ดันเป็นประวัติศาสตร์ จนถึงสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ยังเคยสอบ Civilization ได้ท๊อปมหาลัย คะแนนเท่าเด็กอักษรคนสวย (แต่ดันสอบตกแคลคูลัสซ้ำแล้วซ้ำเล่า สี่ตัวเรียนไปสิบครั้ง แล้วจะมาเป็นนักวิทยาศาสตร์ทำไมเนี่ย ?)






เมืองดัง ๆ ในทัสคานีมีหลายแห่ง เช่น เซียนา ปีซา แต่เป้าหมายหลักของเราคือฟิเรนเซ่หรือฟลอเร็นซ์ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่กรุงโรม ผมลากสาวคู่กายมุ่งหน้าไปสถานีรถไฟ Roma Termini ก่อนซื้อตั๋วจากเครื่องอัตโนมัติ เลือกใช้รถไฟสายยูโรสตาร์ เพราะวิ่งเร็วดีหนักหนา แม้จะแพงกว่ารถไฟหวานเย็นของอิตาลีก็ตามเถอะ





จากโรมาไปฟิเรนเซ่ นั่งรถไฟไม่ถึงสองชั่วโมง ระหว่างทาง หนูดาวหลับ ผมเลยนั่งนึกชื่อผู้คนที่เกี่ยวข้องกับฟลอเร็นซ์ ที่นึกได้แน่นอนมี 2 คน เลโอนาร์โด ดา วินชี รายนี้ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ (เพราะบรรยายไปแล้วในตอนก่อน) ท่านเกิดที่เมืองวินชี นามสกุลก็บอกอยู่แล้วครับ อีกคนที่โด่งดังเท่าเทียมกัน ไมเคิลแองเจโล เกิดใน Caprese แคว้นทัสคานี ทั้งคู่เข้ามาร่ำเรียนในฟลอเร็นซ์ แจ้งเกิดก็ที่นี่ ก่อนไปหากินในถิ่นอื่น





ศิลปินอีกท่านที่อาจโด่งดังไม่เท่าสองคนแรก แต่หากนับประโยชน์ที่ท่านทำให้ โดยเฉพาะกับเมืองไทย คงไม่มีศิลปินใดในโลกเทียบเทียม ผมกำลังกล่าวถึงอาจารย์ศิลป์ พีระศรี หรือ คอร์ราโด เฟโรจี ท่านมาจากเมืองฟลอเร็นซ์ครับ สิ่งที่ท่านทำให้เมืองไทย มีอยู่มากมายแทบทุกอนุสาวรีย์ หรืออยากเห็นง่ายกว่านั้น มองดูมหาวิทยาลัยศิลปากรสิครับ

ศิลปินบอกไปเยอะแล้ว เอาเป็นคนอาชีพอื่นบ้าง คนนี้บอกชื่อไป คุณอาจร้องเอ๋ ทั้งที่ชื่อของเธอก็ตรงไปตรงมา ฟลอเร็นซ์ ไนติงเกล มารดาแห่งการพยาบาลทั้งปวง แต่เธอเป็นชาวอังกฤษมิใช่เหรอ ? นั่นก็ไม่ผิดครับ เผอิญชาวอังกฤษก็เกิดที่ประเทศอื่นได้นะ ฟลอเร็นซ์เกิดที่เมืองฟลอเร็นซ์สมชื่อ ก่อนเดินทางกลับไปอังกฤษ และไปช่วยทหารแบบไม่ยอมถอยในสงครามไครเมีย จนได้รับการยกย่องไปทั่วโลก




สตรีบางคนไม่ได้อุทิศตนเพื่อโลกปานนั้น แต่ชื่อเสียงเธอกลับโด่งดังไม่แพ้กัน หากวัดกันแบบไม่ลำเอียง คนยุคปัจจุบันรู้จักฟลอเร็นซ์ ไนติงเกล น้อยกว่าสตรีรายนี้ด้วยซ้ำ ทั้งที่เธอไม่ทำอะไรเลย แค่นั่งเฉย ๆ เป็นแบบให้คนวาดรูป ใบ้มาแค่นี้ คุณรู้หรือยังว่าเธอคือใคร ? สาวรายนั้นคือโมนาลิซา หรือ ลิซา ดิ แอนโตนิโอ มาเรีย เกอราร์ดินี เมียของพ่อค้าในเมืองฟลอเร็นซ์ หากคนอื่นเป็นศิลปินวาดภาพ มิสเตรสลิซาคงเป็นเพียงสตรีโนบอดี้ แต่เผอิญผู้วาดชื่อ ดา วินชี แม่บ้านรายนี้จึงดังกระหึ่ม จนติดอันดับสตรีดังที่สุดในโลกตลอดกาล

แม้ภาพนี้จะถูกว่าจ้างให้วาดที่เมืองฟลอเร็นซ์ แต่เลโอนาร์โดทำเหมือนอีกหลายงานของเขา นั่นคือทำไม่เสร็จ ถือว่าเลิกล้มกันไป แต่เขาชอบภาพนี้มาก จึงนำติดตัวไปไหนมาไหน ว่าง ๆ ก็ป้ายพู่กันแต่งเพิ่มสักนิดจิตแจ่มใส จนท้ายสุด ภาพนี้ไปอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ฝรั่งเศส แต่ก็ยังกลับมาเกี่ยวข้องกับฟลอเร็นซ์จนได้ เพราะนายเปรูจาชาวอิตาลี เข้าไปทำงานในลูฟร์ในค.ศ.1911 ทำไปทำมา อีนี่ไม่ยอมรวยสักที จิ๊กภาพไปขายดีกว่า จิ๊กภาพไหนดีนะ อ๋อ...ต้องนี่เลย ยิ้มสวยนักใช่ไหม ไปยิ้มอยู่บ้านไอดีกว่า





กระทาชายนายเปรูจานำภาพโมนาลิซาซุกไว้ในชุดทำงาน เสร็จแล้วเดินผิวปากออกมา ตำรวจพากันตามล่า แต่นายเปรูจาก็ฉลาด เขาเก็บภาพซ่อนไว้ใต้เตาผิงที่บ้าน นอนผิวปากไปสองปีเศษ พอถึงค.ศ.1913 ผิวปากนานแล้วเริ่มหิวข้าว เปรูจาจึงเดินทางมาฟลอเร็นซ์พร้อมกับลังใส่ของ ติดต่อกับผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์อุฟฟิซี บอกว่ามีภาพดีมาขาย พอท่านผอ.มาพบ เค้าก็เปิดก้นลังให้ดู ภาพโมนาลิซาซ่อนอยู่ใต้นั้น ทุกคนยกเว้นโจรตกตะลึง แต่อีกไม่นาน ทุกคนเลิกตะลึง โจรตะลึงแทน เพราะนายเปรูจาโดนจับติดคุกไป 12 เดือน (น้อยจัง)

นอกจากภาพแล้ว ผมยังคิดถึงของอื่น ๆ ที่โด่งดังในฟลอเร็นซ์ ที่ดังแล้วเสียตังค์คือข้าวของแบรนด์เฟอรากาโม โดยคุณ Salvatore Ferragamo แกมาสร้างร้านโด่งดังในฟลอเร็นซ์ ยังมี the mall outlet ที่เค้าว่าดีหนักหนา แต่เสียเงินเราไม่ชอบ เลิกคิดดีกว่า พอดีได้เวลารถไฟชะลอความเร็วเพื่อเทียบชานชาลาสถานี Firenze Santa Maria Novella






ตามธรรมดาของสถานีรถไฟในยุโรป ส่วนใหญ่เก่าแก่อายุเป็นร้อยปี เมืองขยายตัวไปรอบ สถานีรถไฟจึงกลายเป็นอยู่ใจกลางเมือง เหมือนกับสถานีแห่งนี้ครับ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเขตเมืองเก่า หากคุณอึดนิด สามารถเดินไปเที่ยวได้สบาย แต่ผมไม่อึด ด้วยมีกระเป๋าสองใบคอยถ่วงน้ำหนัก (สาวน้อยเดินมือเปล่า เราเป็นสุภาพบุรุษต้องแบกหาม) รถไฟฟ้าในเมืองนี้ก็ไม่มี ทั้งอิตาลีมีเพียงโรมกับมิลานที่มีรถไฟฟ้าใต้ดิน ครั้นจะใช้รถเมล์ ผมก็ไม่แน่ใจ สายไหนวิ่งไปทางไหน จึงตัดสินใจใช้บริการรถแท็กซี่ สนนราคาไม่แพงเกินเหตุ เพราะผมจองโรงแรมกลางเมือง จากสถานีรถไฟไปจนถึงโรงแรม จ่ายเงินไปแค่ 11 ยูโร (ดูเหมือนแพง แต่ถูกมากแล้วสำหรับยุโรปจ้ะ)

เวลาเราไปเที่ยวด้วยตัวเอง การเลือกโรงแรมถือเป็นงานหลัก นักเที่ยวหลายรายใช้วิธีอ่านหนังสือไกด์บุ๊ก เสร็จแล้วก็ไปตามนั้น แต่ผมไม่นิยม เนื่องจากเกิดมาเป็นคนดื้อ ภรรยาว่าอะไรก็ไม่เชื่อ ไฉนเราจะไปเชื่อฝรั่งที่เกิดมาไม่เคยรู้จัก ผมจึงนิยมเปิดเว็บไซต์หาโรงแรมนอนเอง ดูจากราคา จากที่ตั้ง จากภาพห้องภาพวิว เสร็จแล้วก็จิ้มนิ้วบุ๊กกิ้ง มาเที่ยวฟลอเร็นซ์ก็เหมือนกันครับ ผมเลือกโรงแรม Degli Orafi ข้อดีของโรงแรมนี้คืออยู่ติดแม่น้ำอาร์โน มองเห็นวิวสุดหวาน โดยเฉพาะห้อง 414 ได้ชื่อว่า a room with a view ตามชื่อนวนิยายเรื่องเด็ดของ Forster นักเขียนชาวอังกฤษ นิยายเรื่องนี้ได้สร้างเป็นหนังในค.ศ.1986 คอภาพยนต์อาจเคยผ่านตา





เมื่อเก็บข้าวของเสร็จ ผมลากสาวออกมาดูที่ระเบียง โอ้...วิวสวยกิ๊กสมชื่อห้อง มองลงไปเห็นแม่น้ำอาร์โนไหลผ่าน ขนาดใหญ่ประมาณคลองบางกอกน้อย ริมฝั่งแม่น้ำเป็นเนินเตี้ยกับอาคารเก่าแก่ แต่ที่เด็ดสุดอยู่กลางแม่น้ำครับ เป็นสะพานชื่อ Ponte Vecchio หรือสะพานเก่า (ปอนเต – สะพาน เว็คคิโอ้ – เก่า)

สะพานเว็คคิโอ้เก่าแก่จริง เพราะฟลอเร็นซ์เป็นชุมชนโบราณมาตั้งแต่ยุคโรมัน แถมแม่น้ำช่วงนี้แคบสุด จึงมีการสร้างสะพานไม้ปนหิน สร้างไปพังไปหลายครั้ง จวบจนค.ศ.1345 จึงมีการสร้างสะพานในแบบที่เราเห็น ถือว่าเป็นสะพานเก่าแก่ของยุโรปในรูปแบบนี้ (ยังมีรูปแบบอื่นอีกนะ) สะพานสร้างจากหินทั้งหมด กว้างราว 30 เมตร มีทางเดินตรงกลาง ขนาบสองข้างด้วยร้านค้าเล็กแต่หรู






ปอนเตวัคคิโอ้ถือเป็นหนึ่งในแลนมาร์คของฟลอเร็นซ์ ใครมาต้องเห็นต้องถ่ายภาพคู่ สะพานแห่งนี้มีค่าแค่ไหน ผมบรรยายไปคุณก็อาจคิดว่าเว่อร์ เอาเรื่องจริงดีกว่าครับ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เครื่องบินที่พุ่งเข้ามาทิ้งบอมบ์เมืองฟลอเร็นซ์ ได้รับคำสั่งให้ระเบิดสะพาน แต่นักบินปล่อยระเบิดลงแม่น้ำอาร์โนหมด เพราะไม่กล้าถล่มทิ้ง แบบว่าเสียดายน่ะ หรือแม้แต่กองทัพเยอรมันที่กำลังพ่ายแพ้ ต้องถอยออกจากเมือง ได้รับคำสั่งให้ระเบิดทุกสะพานข้ามแม่น้ำ เพื่อถ่วงเวลากองทัพสัมพันธมิตร จะมียกเว้นก็เพียงปอนเตวัคคิโอ้ เป็นคำสั่งตรงมาจากท่านฟูลเร่อห์ ก็คือฮิตเลอร์นั่นแหละครับ เรียกว่าสวยระดับนาซียังไม่กล้าทำลาย




เมื่อโรงแรมอยู่ตรงนั้น สะพานก็อยู่ตรงนั้น แถมตะวันเพิ่งตกดินไปหมาด ๆ เราจะรออะไรอยู่เล่า ผมจึงชวนสาวไปเดินทอดน่องบนสะพาน ก่อนพบว่า เป็นความคิดผิดมหันต์ แม้สะพานแสนโรแมนติก ยืนจับมือกันแล้วมองแสงไฟที่ส่องลงน้ำระยิบระยิบแวววาว แต่จับมือเสร็จแล้ว สาวเจ้าพาผมเข้าร้านบนสะพาน แต่ละร้านขายเครื่องประดับหรู เช่น ทอง หินสี ถ้าวัดเฉพาะความสวย รับรองเกินหน้าหลายประเทศที่เคยเห็นมา แต่ราคาก็เกินหน้า เกินไปเยอะเลยครับ แพงกว่าในอินเดียหรือเปอร์เชียตั้งเจ็ดแปดเท่า สาวรายใดไปฮันนีมูนกับอาเสี่ยหนุ่ม ขอเชิญเลือกหาตามใจชอบ ผมชี้โพรงให้กระรอกแล้วนะจ๊ะ

เดินบนสะพานแล้ว แต่ยังไม่ได้เดินในเมืองเลย สัปดาห์หน้าผมจะพาท่องฟลอเร็นซ์ครับ




ปล. รูปแรก ตัด แปะ จาก คอลัมน์ ของ อาจารย์ ดร. ธรณ์ รูป ต่อมา ทุกรูป งัด ออกจาก อัลบั้ม ของ ดช. อเล็กซานเดอร์ มังกร

เรื่องราว ทุก ถ้อยคำ เป็นของ อาจารย์ ดร. ธรณ์ แต่ ผู้เดียว ขอ นำมาเผยแพร่ ด้วยความเคารพ และ ชื่นชอบ ( ตามซื้อ หนังสือ อาจารย์ ทุกเล่ม ) นะคะ




Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2552 17:07:33 น. 2 comments
Counter : 1146 Pageviews.

 
มาเที่ยว ฟลอเร็นซ์
ด้วยคน สวยมากค่า

มีความสุขมากๆ ค่ะ


โดย: forenoon วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:20:24 น.  

 
เป็นหนึ่งในเมืองที่อยากไปมั่กมากเลยค่ะ


โดย: koipotter วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:41:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แม่ซานเดอร์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
1 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ซานเดอร์'s blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.