ชื่อ อทิตยา มี ลูกชาย 1 ชื่อ อเล็กซานเดอร์............... มีหลานชาย ( เป็นลูกหมา ) 2 ตัวชื่อ โจอี้ กับ จูเนียร์............... เราทั้ง 4 ใช้นามสกุล เดียวกันว่า มังกร ................... มีบ้านอยู่ ใกล้คลอง เจ้าหญิง เมืองอัมสเตอร์ดัม.................. 2แม่ลูก แบกกระเป๋าเที่ยวบ่อย ทำนองว่า ทัศนศึกษา.................... เที่ยวไปมา แม่ติดลม แล้วก็มาติดบลอค บางที ก็ยกขโยงไปทั้ง4 เป็น มังกรแฟมิลี่ สัญจร ............................. รู้จักกัน พอเป็นกระสัย จะได้ ทักทายกัน พอสมควร เจ้า

Hallstatt หมู่บ้านแสนสวย สอง

เริ่มเข้าหมู่บ้าน นะคะ ดังที่คุณ lazymetal ว่า ถ้าได้เรื่องเล่าเป็นภาษาไทยด้วยจะแหล่มมากๆ เชียวค่ะ

ได้ โอกาส ยก บทความดร.ธรณ์ มาวาง ซะเลย เพราะ ให้ แม่ซานเดอร์ เล่า มีหวัง ไม่ได้ ส่งรูป ( ดอง รอ อีก )





Mozart: Violin Concerto No. 5 in A major, K219--Anne-Sophie Mutter, violin, and conducting the London Philharmonic Orchestra - Mozart







จากเวียนนาไปทางทิศตะวันตก เกือบสองร้อยกิโลเมตร เป็นเขตที่รู้จักในนาม “ซาวกะเมอกุท” (Salzkammergut) ในดินแดนถิ่นนี้ มีเทือกเขาน้อยใหญ่ อันเป็นเขตปลายสุดของเทือกเขาแอลป์ตะวันออกหรืออีสต์แอลป์ ตามหุบเขาสูงชันเป็นที่ตั้งของทะเลสาบเล็กบ้างใหญ่บ้าง 76 แห่ง


จากภูมิประเทศที่เกือบตัดขาดจากโลกภายนอกในสมัยก่อน ทำให้ผู้คนในดินแดน มีวิถีชีวิตที่แตกต่าง แม้ถนนหนทางสะดวกขึ้น แต่ประเพณีโบราณยังคงอยู่ ก่อเกิดหมู่บ้านและสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นเอกลักษณ์ ใจกลางประเทศออสเตรีย






ผมขับรถมาตามถนนสายน้อย ลัดเลาะไปตามเชิงขุนเขา Dachstein ตลอดทางที่ผ่านมา คือวิวแปลกตาของหลายทะเลสาบ เมืองน้อยสวยเช้งตั้งอยู่ริมน้ำ จนผมร่ำ ๆ จะจอดรถค้างที่นี่แหละ ไม่ไปแล้วฮัลล์สแตตต์ แต่สาวข้างตัวไม่ยอม เธอบอกว่า เคยเห็นภาพในโปสการ์ด ที่นี่สวยซึ้งใจนัก ไง ๆ พี่ธรณ์ต้องพาหนูไปให้ถึง



รถเลี้ยวอีกครั้ง ทะเลสาบสีเข้มโผล่ตรงหน้า โอบล้อมด้วยเขาสูงทั้งสองฝั่ง ต้นไม้กำลังทิ้งใบ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสีแดง ไล่เลาะจากริมทะเลสาบถึงยอดเขาสูง เว้นว่างบางช่วงเป็นหินผา ณ ริมทะเลอันมีพื้นที่แคบเพียงนิดเดียว เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านสวยเกินเชื่อ ถ้อยคำนี้ไม่ได้เกินเลยไป เพราะภาพของหมู่บ้านฮัลล์สแตตต์ถูกนำไปเผยแพร่ในเอกสารการท่องเที่ยวของออสเตรียครั้งแล้วครั้งเล่า รวมทั้งงดงามจนกลายเป็นเขตมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโก














ทั้งสามหมู่บ้านสุดสวีทที่ผมกำลังพาคุณไป แตกต่างทั้งประเทศและเขตแดนแว่นแคว้น แต่หนึ่งอย่างเหมือนกันคือเขาไม่อนุญาตให้นำรถเข้าไปวิ่ง เราต้องจอดรถไว้ในลาน ก่อนเดินลงเขาไปสู่ตัวหมู่บ้านที่มีผู้อาศัยเพียง 1,000 คน

แรกย่างเท้าผ่านหมู่บ้าน ผมเห็นทางเดินหลายสายซ้อนเป็นชั้น ขึ้นไปตามไหล่เขา ล่างสุดเป็นถนนเลาะเลียบทะเลสาบ ผ่านท่าเรืออันเป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟที่อยู่อีกฟากฝั่งกับหมู่บ้าน สาวน้อยข้างกายกระตุกแขน ก่อนทำตาโต ชี้ให้ผมดูบ้านหลังโน้นหลังนี้ อาคารที่ตั้งเรียงรายล้วนเก็บรักษาความคลาสสิกไว้ครบถ้วน ไม่มีตึกใหม่เด่นขัดลูกตา ทุกหลังทาสีเหลืองสีแดงสีฟ้า กลมกลืนกับโบสถ์ก่อจากหินผาแกร่ง

นอนที่นี่ดีกว่าค่ะ สาวคู่ใจบอก เธอพยายามสะกดชื่อเกสต์เฮ้าส์ริมน้ำ แต่หมดปัญญา ผมพยายามอ่านตามตัวอักษรในภาษาออสเตรียปนเยอรมัน “เลขที่ 113 พังสิโอนฮัลเบิร์ก” ดูท่าทางแล้วเข้าท่า แม้จะไม่โดดเด่นกว่าอีกหลายเกสต์เฮ้าส์ แต่จากจุดที่ตั้งริมน้ำ มองไปย่อมได้วิวดี แล้วเราก็ไม่ผิดหวัง เมื่อคุณลุงเจ้าของบ้านพาขึ้นไปชั้นสาม เลือกห้องที่เปิดหน้าต่างแล้วเห็นวิวเหมือนภาพที่ผมนำมาลงให้คุณดู















หันกลับมามองภายในห้องสีเขียวอ่อน เตียงทรงโบราณตั้งเด่นพร้อมผ้าปูที่นอนลายกุหลาบ เดินเข้าห้องน้ำสีชมพู มีกลีบกุหลาบเต็มอ่าง สนนราคาห้องพักเช่นนี้ไม่ถูกแน่ แต่ผมไปในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ราคาย่อมเยาลงมานิด เราจ่ายไปห้าพันห้าร้อยบาท แลกกับการนอนในห้องสุดสวีท

ตะวันเริ่มคล้อยต่ำ ผมชวนเธอออกเดินไปรอบหมู่บ้าน ผู้คนที่มาทัวร์แบบเดย์ทริป กลับบ้านหมดแล้ว ปล่อยให้ฮัลล์สแตตต์เป็นของนักเที่ยวจำนวนไม่มากที่มีเวลาพอค้างแรมริมทะเลสาบ ทั้งเมืองดูเหมือนต้องมนต์แห่งความเงียบ สงบดุจกลายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ควันไฟลอยกรุ่นขึ้นมาจากปล่องสูงบนหลังคาของบ้านหลายหลัง กองฟืนวางซ้อนกันบนฟุตบาท บอกให้รู้ว่า ไม้ยังเป็นเชื้อเพลิงสำคัญที่ใช้ในหมู่บ้าน



ร้านรวงปิดหมด เราได้แต่มองสินค้าชิ้นจิ๋วผ่านกระจก ไม่มีร้านใดซ้ำกับร้านใด เพราะข้าวของขายในหมู่บ้านเกือบทั้งหมดเป็นสินค้าแฮนด์เมด เลยไปหน่อยคือทางเดินแคบ ก่อจากหินก้อนโต ตัดผ่านเชิงเขาขึ้นสู่โบสถ์ Pfarrkirche จากตรงนั้นอีกสองก้าว ผมมาหยุดอยู่ที่ริมขอบผา เบื้องล่างคือหมู่บ้านน้อยท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง ทะเลสาบ Hallstatter See เปลี่ยนเป็นสีเข้มจนเกือบดำ ใต้ผืนน้ำซ่อนไว้ด้วยความเร้นลับ ทั้งปลาไหลตัวยาวนับวา หลายตัวถูกตัดเฉพาะส่วนหัว นำมาสตัฟฟ์ไว้ตามกำแพงเกสต์เฮ้าส์ที่เราพัก ยังมีของเก่าตั้งแต่สมัยยุคนาซีครองยุโรป หลายต่อหลายชิ้นถูกงมมาตั้งโชว์ ตำนานยังกล่าวถึงทองคำจำนวนมหาศาล ที่นาซีวางแผนจะขนไปเก็บไว้ในถ้ำก่อนสงครามสิ้นสุด แต่เรือกลับล่มจมหาย ถึงปัจจุบัน ยังไม่มีใครค้นพบทองแม้แต่ชิ้นเดียว






















เหลียวมาเบื้องหลัง โบสถ์น้อยกลายเป็นเงามืด ท่ามกลางแสงไฟวับแวม ที่น่าประหลาดคือสุสานรอบโบสถ์ ถูกตกแต่งไว้อย่างงดงาม ไฟดวงน้อยสีแดงเรืองขึ้นมาหน้าป้ายระลึกถึงผู้จากไป เรืองรองไปทั่วสนามเล็ก ไกลสุดนั้นคือ Beinhaus สถานที่เก็บหัวกะโหลกมากกว่าพัน ทุกกะโหลกถูกระบายเป็นลวดลายใบไม้ จารึกชื่อและปีที่พวกเขาพวกเธอจากไป ด้วยเหตุผลว่า พื้นที่สุสานมีจำกัด หลังจากร่างถูกฝังใต้ดินนานสิบปี จะถูกขุดขึ้นมา กระดูกและกะโหลกถูกนำมารวบรวมไว้ในบ้านหลังนี้ กลายเป็นประเพณีประจำถิ่น

สาวน้อยจูงมือผมกลับลงมาสู่ตัวหมู่บ้าน เราเดินผ่านถนนเงียบสงัด เรื่อยมาจนถึงท่าเรือ พระจันทร์ส่องแสงสว่างกลางฟ้า สะท้อนเป็นเงาทาบทับบนทะเลสาบน้ำนิ่งคล้ายกระจก ลมโชยอ่อนพัดใบไม้สั่นไหว บางใบสีเหลืองร่วงหล่นจากต้น ผมเริ่มค้นพบแล้วว่า ทำไมนักแรมทางหลายคนถึงบอก นี่คือหมู่บ้านสวยที่สุดในโลก


















เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากอาหารเช้าแบบพื้นบ้าน ขนมปังไม่อั้น นมเนยแยมทำเองไม่อั้น ปิดท้ายด้วยการเลียก้อนเกลือเพื่อสุขภาพ เหนือจากหมู่บ้านขึ้นไปบนหน้าผาสูง 500 เมตร เป็นที่ตั้งของ Salzwelten เหมืองเกลือเก่าแก่ที่สุดในโลก คนโบราณเปิดเหมืองแห่งนี้มากว่า 3,000 ก่อนคริสตกาล เกลือจากเหมืองถูกส่งไปทั่วยุโรป ตั้งแต่ทะเลบอลติกจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน ปัจจุบัน เหมืองเกลือเปิดให้เข้าชม กลายเป็นทัวร์เที่ยวเหมืองใต้บาดาล น่าเสียดายเราไม่มีเวลามากพอ

เราเดินรอบหมู่บ้านอีกครั้ง ท่ามกลางแสงตะวันยามสาย ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป หลายร้านรวงเปิดให้บริการ บ้างขายฟอสซิลและหินสีแปลก ขุดได้จากเหมืองเกลือ บางร้านเป็นแหล่งเซรามิคพื้นเมือง ปั้นเป็นถ้วยชามใบน้อย นกฮูก กระต่าย และสุนัขขนปุย ทุกชิ้นมีเม็ดเกลือบรรจุข้างใน เขย่าดังกรุ๋งกริ๋ง
















ฮัลสแตตต์เป็นแหล่งท่องเที่ยวแสนแปลก หากคุณเดินจ้ำ เพียงชั่วโมงเดียวก็ทั่ว แต่ถ้าคุณลองเดินรอบสอง คุณจะพบว่า มีอีกหลายอย่างที่คุณไม่เห็น ยิ่งเดินรอบสามและรอบสี่ คุณยิ่งหลงรักที่นี่ เมื่อผมกลับไปอำลาคุณลุงเจ้าของที่พัก แกทำหน้าเสียดาย พร้อมกับบอกว่า ยูไม่มีทางเข้าถึงความงามของที่นี่ได้ หากยูมีเวลาเพียงแค่สองวันหนึ่งคืน ยูต้องอยู่ให้นาน สามวันสี่วันห้าวัน ขับรถไปเที่ยวตามทะเลสาบแห่งโน้นแห่งนี้ แวะชมตลาดพื้นเมือง นั่งริมทะเลสาบชมจันทร์ยามค่ำคืน ยิ่งถ้ายูมาในฤดูหนาว Hallstatt จะต่างออกไป บนยอดเขาอาจมีหิมะจับ อุณหภูมิลดต่ำถึงศูนย์องศา หากขับรถต่อไปตามถนนสายนั้น สุดปลายทางเป็นเคเบิ้ลคาร์ พายูขึ้นสู่ลานสกี

ผมอมยิ้มอำลาคุณลุง พลางนึกในใจ แม้เรามีเวลาน้อย และทุกชั่วโมงเหมือนผ่านไปเร็วจนแทบไม่รู้ตัว แต่ผมเชื่อว่า ในอีกหลายสิบปีข้างหน้าของชีวิต ผมจะมีเวลามากกว่านี้ มีมากพอมาดื่มด่ำกับหมู่บ้านที่คุณลุงรัก และผมและเธอข้างกายรัก เราจะกลับมาฮัลสแต็ตต์ให้ได้ ผมสัญญากับเธอข้างกายไว้เช่นนั้น

เมื่อลงมือเขียนสามหมู่บ้านสุดสวีท ผมไม่ลังเลที่จะเล่าถึงหนึ่งคืนที่งดงาม ณ หมู่บ้านริมทะเลสาบในออสเตรีย ปัญหามีเพียงผมไม่สามารถอธิบายได้ ทำไมที่นี่จึงสวยจึงงาม ไม่สามารถบอกได้ว่าคุณควรไปไหนดูอะไร สิ่งเดียวที่แนะได้คือคุณจงเดินเถิด เดินรอบหมู่บ้าน หนึ่งรอบสองรอบสามรอบ เดินในยามเย็นที่ตะวันใกล้สิ้นแสง เดินในราตรีที่ทะเลสาบสะท้อนจันทร์ เดินในยามเช้าที่แสงแดดอ่อนอาบทั่วหมู่บ้านใต้ขุนเขา

คุณจะพบความงามเช่นเดียวกับที่เราพบ...








บทความงดงาม สวยพอกัน กับหมู่บ้าน คัดลอกมาจาก Hallstatt / ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ 11 ก.พ. 50 17:45 น.


ใครชอบอ่าน คลิก //www.manager.co.th/Travel/viewbrowse.aspx?browsenewsID=7534&Page=11

ท่าน เขียน เรื่อง น่าอ่าน ไว้ เยอะมาก ถ้าชอบมากกว่านั้น ตามซื้อ พอคเกตบุค แม่ซานเดอร์ รับประกัน สนุก ทุกเล่ม พร้อม สาระ บันเทิง

แทบทุกเล่ม มีซีดี แถม ให้ชม อีกด้วย





ซานเดอร์ กลับจากรร. ต้องลาคอม ล่ะค่ะ ส่ง ให้ดูก่อน ถ้าไม่ เบื่อ กัน ยังไง มาส่ง เพิ่มอีก ถ้า เบื่อ เราหา ที่เที่ยวใหม่ ไป เมืองกาญจน์ ดีไหมคะ




 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2552
3 comments
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2552 17:01:35 น.
Counter : 1445 Pageviews.

 

สวยจังเลยค่ะหมู่บ้านนี้ สงสัยต้องไปเยือนบ้างแล้วค่ะ

 

โดย: Jujastar 27 กุมภาพันธ์ 2552 8:00:14 น.  

 

ขอบคุณบทบรรยายไทยตามคำขอค่า

ว่าแล้วอยากไปมั่ง หน้าร้อนนี่น่าจะดีเนอะ ท่าทางสะดวกสบายดีกว่าหนาวแน่

 

โดย: lazymetal 27 กุมภาพันธ์ 2552 11:59:35 น.  

 

เป็นเมืองที่สวยน่ารักมาก ๆ เลยนะคะ เมื่อไหร่นัทจะมีโอกาสได้ไปบ้างหนอ

ปล. ได้รับหนังสือหรือยังคะพี่ปู ?

 

โดย: Picike 28 กุมภาพันธ์ 2552 5:11:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แม่ซานเดอร์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
26 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ซานเดอร์'s blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.