ชื่อ อทิตยา มี ลูกชาย 1 ชื่อ อเล็กซานเดอร์............... มีหลานชาย ( เป็นลูกหมา ) 2 ตัวชื่อ โจอี้ กับ จูเนียร์............... เราทั้ง 4 ใช้นามสกุล เดียวกันว่า มังกร ................... มีบ้านอยู่ ใกล้คลอง เจ้าหญิง เมืองอัมสเตอร์ดัม.................. 2แม่ลูก แบกกระเป๋าเที่ยวบ่อย ทำนองว่า ทัศนศึกษา.................... เที่ยวไปมา แม่ติดลม แล้วก็มาติดบลอค บางที ก็ยกขโยงไปทั้ง4 เป็น มังกรแฟมิลี่ สัญจร ............................. รู้จักกัน พอเป็นกระสัย จะได้ ทักทายกัน พอสมควร เจ้า

ลอนดอน ไปกี่ครั้ง ไม่มีเบื่อ แต่ ตื่นเต้น น้อยลง ( น่าจะเป็นเช่นนั้น )

ถ้ามาเยือน กัน แต่กาลก่อน คงรู้ จักกันแล้วว่า แม่ซานเดอร์ ชอบเที่ยว ชอบเสนอรูป และ ขี้เกียจ เขียนเรื่อง คราวนี้ พอดี ดร.ธรณ์ ลงเรื่อง พาภรรยา เที่ยว ลอนดอน ได้แอบ เอามา ประกอบรูป เลยค่ะ




































พาหวานใจไปอังกฤษ (1) / ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 เมษายน 2552 14:14 น.


โดย : ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์



ตั้งแต่เปิดคอลัมน์นี้เมื่อราวสิบปีก่อน ผมใช้ชื่อ Around & Outside ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ผมอยากเขียนเรื่องดีให้คุณอ่าน และเรื่องดีในแนวคิดของผม คือเรื่องที่เขียนแล้วคนเขียนมีความสุข จึงอยากตั้งชื่อคอลัมน์ให้กว้าง ครอบคลุมไว้ทุกอย่าง เผื่อบางระยะผมไม่อยากเขียนเรื่องใกล้ตัว จะเขียนเรื่องไกลตัวได้โดยไม่แหกคอกคอลัมน์

ระยะนั้นคือระยะนี้ แม้เกิดมาเป็นคนไทย อยากบอกเล่าพูดคุยเกี่ยวกับบ้านเมืองเรา แต่สถานการณ์รอบตัวที่เกิดขึ้น ข่าวคราวที่ติดตามทุกวัน ทำให้ผมไม่สามารถเขียนเรื่องเกี่ยวกับสิ่งรอบตัวอย่างมีความสุข เขียนไปเฮ้อไป อย่าเขียนดีกว่าเรา คุณผู้อ่านยังมีทางเลือกมากมายในเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองหรือเรื่องท่องเที่ยวในประเทศ ผมขอพาคุณไปเจอโลกดีกว่า

โลกของผมในครั้งนี้ เป็นประเทศอังกฤษ ดินแดนที่พวกเราคนไทยคุ้นเคยมากสุดก็ว่าได้ เพราะอังกฤษกับเรามีสัมพันธ์ยาวนาน เวลามีคนหนีโทษ ก็หนีไปที่นั่น ชื่อนักเตะในพรีเมียร์ลีกก็คุ้นหูเรา ไม่เชื่อลองเล่นเกมส์กับเด็กข้างบ้านสิครับ (พยายามเลือกเด็กสาว ปฏิเสธเด็กชาย) ผลัดกันพูดชื่อ คุณพูดชื่อรัฐมนตรีไทย เด็กพูดชื่อนักบอลพรีเมียร์ลีก ใครจะหมดมุกก่อนกัน ผมลองมาแล้ว แพ้เด็กมาแล้ว (ผมพูดได้ห้าชื่อ เด็กพูดมาห้าสิบชื่อและยังไม่จบ เด็กถึงกับท้าให้พูดชื่อรัฐมนตรีแข่งกับชื่อกรรมการฟุตบอล ผมยังแพ้เลยครับ)

ความที่เราคุ้นเคยกับอังกฤษปานนั้น ทำให้แต่ละปีมีคนไทยไปประเทศนี้เกือบ 45,000 ราย ทั้งไปเที่ยว ไปเยี่ยมญาติ หรือไปทำอะไรก็ตามเถิด ผมอยากเป็นหนึ่งในนั้นมานาน เพิ่งจะสบโอกาสก็ครั้งนี้ ด้วยเหตุผลว่า ค่าเงินปอนด์ตกต่ำมากสุดในรอบหลายปี บางช่วงเหลือต่ำกว่า 50 บาทต่อหนึ่งปอนด์ ค่าเครื่องบินแบบบินตรงที่เคยสูงระดับห้าหมื่นอัพเมื่อต้นปีก่อน หล่นฮวบเหลือแค่สามหมื่นกลางตอนผมจองตั๋ว (27,000 บาท บวก 9,000 บาท ราคานี้หมดเขตไปแล้ว แต่อาจมีมาเป็นระยะ) เศรษฐกิจตกต่ำยังทำให้ค่ารถค่าโรงแรมหล่นฮวบ เรียกว่าไปตอนนี้ถูกกว่าไปเมื่อสามปีก่อนเพียบ (ค.ศ.2006 อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 1 ปอนด์เกิน 70 บาท)

เมื่ออังกฤษลดต่ำจนผมเอื้อมถึง แผนการจึงถูกตระเตรียมไว้ เริ่มต้นด้วยการเข้าอินเตอร์เน็ตเพื่อซื้อตั๋วไปดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีก บอกอย่างนี้คุณคงร้องเอ๋ ไหงจองตั๋วบอลก่อนไปขอวีซ่า แต่บอลต้องดูแน่ครับ เพราะมีบางคนเค้าเข่นมา บอกว่าผีหรือจะสู้หงส์ (บางคน – เค้าเป็นบก.หนวดแห่งนิตยสาร mars ว่าง ๆ ก็มาเขียนให้ “ผู้จัดการ”) การซื้อตั๋วบอลยังช่วยให้เรามีหลักฐานในการขอวีซ่าง่ายขึ้น โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยมียอดเงินในสมุดบัญชีเช่นผม จะย้อนหลังหกวันหรือหกเดือน ยอดเงินเศร้าหมองทั้งนั้น ตั๋วดูบอลจึงช่วยได้ กอปรกับโปรแกรมการท่องเที่ยวแบบละเอียดยิบ วันไหนไปไหนนอนที่ใด พร้อมกับใบจองโรงแรมของทุกคืนในทุกเมือง รวมกับพาสปอร์ตเก่าอีกสองเล่ม (เพื่อดูว่าเราเคยไปประเทศไหนมาบ้าง) แคชเชียร์เช็คค่าขอวีซ่ามูลค่า 3,380 บาทอีกหนึ่งใบ ตั๋วเครื่องบินไปกลับระบุวันที่เรียบร้อย ผมหอบของทั้งหมดไปอาคารรีเจนท์ ถนนราชประสงค์ (ติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS ใกล้ AUA)

การขอวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษอาจยุ่งยากสำหรับบางคน ผมเคยอ่านเรื่องคุณป้าท่านหนึ่ง เสียเงินไปหลายหมื่นบาท เพื่อขอให้บริษัทนายหน้าทำวีซ่าให้ แต่ไม่เป็นผล จนต้องเปลี่ยนบริษัทสองสามครั้ง คำแนะนำของผมคืออาจไม่ยากปานนั้น ขอเพียงเราเตรียมหลักฐานทั้งหมดไว้ให้พร้อม หากมีจดหมายรับรองการทำงานยิ่งดีใหญ่ เสร็จแล้วก็ไปยื่นด้วยตัวเอง เค้าจัดระบบไว้ดีมาก หากคุณจองผ่านอินเตอร์เน็ต มีเวลานัดเรียบร้อย ไปตอนนั้นเข้าไปยื่นเอกสารได้เลย แต่ผมดันจองไม่ทัน เพราะคิวเต็มไปสามอาทิตย์ ขืนรอก็ไม่ต้องไป เลยต้องเสี่ยงไปเข้าคิวยื่นเอง ไม่ยุ่งยากเลยครับ ไปให้ถึงก่อนแปดโมง นั่งรอเข้าคิวไว้ เค้าเปิดตอนเก้าโมง เรียงคิวกันเข้าไปในห้อง รับบัตรคิวแล้วนั่งรออีกชั่วโมงเศษ ไปยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ อาจต้องถ่ายภาพใหม่ เพราะเค้ามีกติกาต้องใช้กระดาษถ่ายภาพเท่านั้น แต่เค้ามีบริการถ่ายภาพให้ (แพงหน่อยแต่ถึงเวลานั้นก็ไร้ทางเลือก) เสร็จแล้วเชิญเข้าไปสแกนนิ้ว จ่ายเงินค่าบริการให้เจ้าหน้าที่เพื่อส่ง SMS มาบอกเราให้ไปรับพาสปอร์ต รออีกสี่ห้าวันทำการ แค่นั้นก็เรียบร้อย รายละเอียดของการขอวีซ่า เชิญที่ //www.vfs-uk-th.com ย้ำว่าค่าวีซ่าต้องซื้อเป็นแคชเชียร์เช็คเท่านั้น ต้องโหลดเอกสารมากรอกล่วงหน้าให้เรียบร้อย (ยาวเหยียดเชียวล่ะ) เตรียมโปรแกรมท่องเที่ยวพร้อมใบจองโรงแรมผ่านอินเตอร์เน็ต (จองได้ยกเลิกได้) แล้วก็...จองคิวล่วงหน้าสบายกว่าเยอะ

ระหว่างรอวีซ่า ผมหาเวลาว่างศึกษาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในอังกฤษ จนพอสรุปได้ พวกเราชาวไทยคิดไปด้วยเหตุผลหลายประการ อันดับแรกคือไปดูอาคารบ้านเรือน อังกฤษเป็นประเทศเก่าแก่ แต่ผมแยกง่าย ๆ เป็น 3 แหล่ง ของเก่าจริงระดับกว่าพันปี จุดที่น่าสนใจ ได้แก่ สโตนเฮจด์ หินอะไรเอ่ยตั้งเป็นวงมาแล้วร่วมห้าพันปี โรงอาบน้ำของโรมันโบราณที่เมือง Bath (ชื่อเมืองกลายเป็นชื่อห้องอาบน้ำในภาษาอังกฤษ) และเฮเดรียนวอล กำแพงเก่าที่กั้นอยู่ทางตอนเหนือของอังกฤษ ใกล้พรมแดนสก็อตแลนด์ สร้างมาตั้งแต่สมัยจักรพรรดิเฮเดรียนแห่งโรมัน
ของเก่ายุคต่อมา อยู่ในระดับหลายร้อยปี มีทั้งโบสถ์ทั้งวังทั้งป้อมปราการ หลายแห่งรวมกันอยู่ในลอนดอน เช่น หอคอยลอนดอน มหาวิหารเวสมินสเตอร์ บางแห่งต้องดั้นด้นไปไกล เช่น มหาวิหารและสวนน้ำตกเมืองยอร์ค ของเก่าพวกนี้ดูขรึมขลังเมื่อมองจากภายนอก แต่ต้องยอมรับว่า ศิลปะวัฒนธรรมของอังกฤษจะโดดเด่นในยุคกลาง ไม่ใช่ยุคเรอเนสซองส์ ความเชื่อทางศาสนายังทำให้วิหารหรือโบสถ์ไม่ประดับประดางดงามเต็มเหยียด หากใครตามผมไปฟลอเรนซ์ คิดจะเห็นภาพเช่นนั้นอีกในอังกฤษ ต้องบอกว่า คุณผิดหวังครับ

ของยุคสุดท้ายคือยุคใหม่หน่อย อังกฤษมีชื่อเรื่องสถาปัตยกรรมสไตล์โมเดิร์น ลอนดอนอายหรือสะพานมิลเลเนี่ยมเป็นตัวอย่างชั้นยอด ยังรวมถึงตึกหลายแห่งที่ข้างนอกเก่าแก่ระดับหลายร้อยปี แต่เค้าเก็บไว้แค่เปลือก ข้างในถูกเปลี่ยนแปลงจนทันสมัยเจี๊ยบ เป็นการอนุรักษ์ของเก่าที่น่าทึ่ง สถาปนิกหรือวิศวกรหลายคนจึงจบจากประเทศนี้

แม้การไปดูของเก่า อาจทำให้เราผิดหวังอยู่บ้าง แต่ถ้าพูดถึงพิพิธภัณฑ์ ต้องยอมยกนิ้วให้ National Gallery ของอังกฤษสู้อิตาลีหรือฝรั่งเศสไม่ได้แน่ครับ Science Museum แม้จะน่าตะลึง แต่ผมเคยไปพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่มิวนิก ใจเอนเอียงไปทางเยอรมันมากกว่า แต่ใจเป๋มาหาอังกฤษเต็มตัว เมื่อเข้า British Museum รวมของดี (ที่เรายึดมา) จากทั่วทุกมุมโลก บางแห่งถึงขั้นขนจนเหี้ยน เช่น แพนธีออนแห่งกรีก มาดูที่นี่ที่เดียว เหมือนได้ท่องโลกโบราณทั่วพิภพ

สำหรับสุดยอดพิพิธภัณฑ์ในความคิดผม ได้แก่ Natural History Museum หรือพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา ที่นี่แหละครับสามารถใช้คำว่าระดับโลกได้อย่างเต็มปาก โดยเฉพาะช่วงที่ผมไป เป็นช่วงสุดท้ายของนิทรรรศการชาร์ล ดาร์วิน ครบรอบ 200 ปี ผมเคยเขียนเรื่องสั้น ๆ เกี่ยวกับเขาใน “ผู้จัดการ” มีโอกาสได้ไปเห็นของจริง แค่ดูก็ขนลุกซู่แล้วครับ ยังไม่นับไดโนเสาร์นับร้อย ทั้งบนบกในทะเล นกโดโด้ก็มีให้ดู มีแม้กระทั่งวาฬสีน้ำเงิน สัตว์ใหญ่ที่สุดในโลก ขนาดเท่าตัวจริง นอนอมยิ้มอยู่กลางอาคาร ในบรรดาทุกสถานที่ไปเยือนในอังกฤษ จะมีก็ที่นี่แหละที่ผมขนลุกจริง

จะว่าไป มีอีกที่ขนลุกเหมือนกัน แต่ไม่เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์อะไรเลย แต่เป็นสนามบอลครับ ผมผู้ซึ่งเป็นสาวกผีมาตั้งแต่เรียนประถม (อ่านสตาร์ซอคเกอร์ตั้งแต่เล่มแรก ๆ ยังมีฉบับยักษ์รวมทั้งปีอีกตั้งหลายเล่ม) การไปโอลด์แทรฟฟอร์ดเติมเต็มความฝัน ขนยิ่งลุกใหญ่เพราะไปวันที่แมนยูชนะแบบมันส์หยด (เฉือนวิลล่า คุณ ๆ หลายคนคงได้ดูเนอะ)

สาเหตุอีกประการที่อาจเป็นจุดหมายของสาว ๆ สาวกโซฟี (โซฟี คินเซลลา ผู้เขียน “คำสารภาพของสาวนักช้อป”) ผมยินดีนำเสนอ Bicester Village (อ่านว่า “บริสเตอร์” ตามคำให้การของหนุ่มนักเรียนอังกฤษ) เป็นเอาท์เล็ตอยู่นอกเมืองอ็อกฟอร์ด อยู่ห่างจากลอนดอนขับรถชั่วโมงครึ่ง ภายในมีร้านแบรนด์นับร้อย กระหน่ำลดราคาสาแก่ใจ สาวใดอยากศึกษาข้อมูลล่วงหน้า เตรียมพาคู่บ่าวไป ขอเชิญคลิกที่ //www.bicestervillage.com แต่ถ้าคุณหวังอยากเห็นห้างหรูจริง คุณต้องไปแฮร์รอดส์ ห้างสรรพสินค้าใหญ่หรูและโด่งดังที่สุดในโลก

สาเหตุสุดท้ายอาจเป็นของแถม คือการชมวิวทิวทัศน์ ห้ามฝันถึงความงามหยดปานสวิตเซอร์แลนด์หรืออีกหลายประเทศในยุโรป แต่ที่เด็ดกว่าคืออาหารการกิน โดยเฉพาะอาหารจีน เช่น เป็ดย่าง เป็ดอะโรมาติก หอยเชลล์ หอยหลอดยักษ์ ในย่านเบย์วอเตอร์ รวมถึงร้านขนมกรุ้มกริ่มใจ Laduree ร้านขนมสัญชาติฝรั่งเศส เปิดทำการในห้างแฮร์รอดส์ มีขนมมาการองส์ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในโลกา

ทั้งหมดนั้น คือบางส่วนที่ผมจะพาคุณไปพบเจอ ในอีกหลายสัปดาห์ถัดจากนี้ไปครับ





























พาหวานใจไปอังกฤษ (2)/ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 พฤษภาคม 2552 15:21 น.


โดย:ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

ตามธรรมดาของเครื่องบินไทยไปยุโรป การเดินทางจะเริ่มต้นกลางดึกหรือช่วงย่างเข้าวันใหม่ เรานั่งเครื่องบินสวนกระแสลมของโลก ใช้เวลาขาไปมากกว่าขากลับ ดังเช่นกรุงลอนดอน ขาไปใช้เวลาเกือบสิบสองชั่วโมง ขากลับแค่สิบชั่วโมงเศษ ข้อดีคือคุณนอนพักผ่อนได้ถึงใจ โดยเฉพาะคุณที่ใช้บริการของการบินไทย เนื่องจากเครื่องบินลำใหญ่ระดับ Boeing 747 อีกทั้งที่นั่งบนเครื่องไม่มีจอทีวีทั้งขาไปขากลับ ไม่มีหนังดูแล้วจะทำอะไรดีเอ่ย สาวข้างตัวของผมจึงเอนอิงพิงไหล่เต็มที่ ก่อนหลับตาปี๋ ปล่อยให้ผมนั่งอ่านหนังสือคู่มือท่องเที่ยวอยู่เดียวดาย

ตำราว่าไว้ อังกฤษคือดินแดนที่พระอาทิตย์ไม่เคยตก เคยเป็นจักรภพขนาดยักษ์ของโลก มีอาณานิคมทั่วทุกหนแห่ง ด้วยอังกฤษมีกองทัพเรือที่กร้าวแกร่งเกินชาติใด โดยเฉพาะยุทธนาวีที่ถือเป็นประวัติศาสตร์โลก Battle of Trafalgar ยามเมื่อท่านลอร์ดเนลสัน ฮีโร่ตลอดกาลของชาวอังกฤษ พากองเรือหมู่น้อยออกไปหาญสู้กับกองทัพเรือยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ยุโรปเคยเห็นมา กองเรือแห่งอาณาจักรสเปน-ฝรั่งเศส

เรือของอังกฤษลำเล็กกว่า มีจำนวนเพียง 27 ลำ ทหารเรือ 17,000 คน กองเรือข้าศึกมีเรือยักษ์ 33 ลำ ทหาร 30,000 คน สงครามเริ่มต้นในทะเลใกล้แหลมทราฟัลการ์ ในวันที่ 21 ตุลาคม 1805 กองเรืออังกฤษปรับขบวนเป็นรูปตะปู ก่อนพุ่งทะลวงเข้าใส่กองเรือข้าศึกที่แปรขบวนเป็นรูปหน้ากระดาน ในวินาทีสุดท้ายก่อนเข้าสู่ยุทธภูมิ ธงสัญญานของเรือท่านลอร์ดชักขึ้นสูงเหยียดฟ้า – England expects that every man will do his duty

ถ้อยคำนี้กลายเป็นประโยคโด่งดังยิ่งยงตลอดกาล ทุกคนได้รับสัญญาน ทุกคนทำตามนั้น กองเรืออังกฤษได้รับชัยชนะ ทำลายกองเรือข้าศึก 22 ลำ โดยไม่เสียเรือแม้แต่ลำเดียว ท่านลอร์ดเนลสัน แม่ทัพเรือ สละชีพเพื่อหน้าที่กลางสมรภูมิ อนุสาวรีย์ของท่านจึงตั้งเด่นเป็นสง่า อยู่เหนือสิงโตคำราม 4 ตัวแห่งจัตุรัสทราฟัลการ์ ใจกลางมหานครลอนดอน เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจชาวอังกฤษทุกราย เมื่อถึงเวลา พวกเขาและเธอจะลุกขึ้นมาทำหน้าที่ เกียรติยศและศักดิ์ศรีฝังไว้ในความทรงจำตลอดกาล

อ่านถึงตรงนี้ ผมรีบกาชื่อลอร์ดเนลสันไว้ เราต้องไปเยือนอนุสรณ์สถานของท่านให้ได้ จัตุรัสทราฟัลการ์ไม่เท่าไหร่ ไง ๆ ก็ต้องไปดูอยู่แล้ว อีกแห่งที่ต้องเห็นคือรูปปั้นของท่านในมหาวิหารเวสมินสเตอร์ มีป้ายจารึกของท่านเชอร์ชิลอยู่ในนั้นด้วย The Battle of Britain ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองโด่งดังแค่ไหน ใครย่อมทราบดี ยังมีอีกหลายป้ายต้องไปดู โดยเฉพาะนักเขียนที่เราเฝ้าติดตาม เค้าเปิดเป็นห้องโถงไว้เลย มีทั้งเช็คสเปียร์ ลอร์ดไบรตัน แล้วก็...เจน ออสติน ไงคะ อย่าลืม

– ผมหันไปดูสาวน้อยที่ตื่นมาลืมตาแป๋ว ก่อนเธอรีบหลับตาต่อ เจนคือผู้เขียนหนังสือ “สาวทรงสเน่ห์” อ่านชื่อเรื่องแล้วคุณอาจกลุ้มใจ แต่ถ้าบอกชื่อภาษาอังกฤษ คุณอาจร้องอ๋อ Pride and Prejudice หนังสือโรมานซ์คลาสสิกตลอดกาล ความเจ๋งของเรื่องนี้ตามคำอธิบายของหนูดาว นี่คือนิยายโรมานซ์ที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม แต่ในเนื้อหาไม่มีบทวาบหวิวกุ๊กกิ๊กเลยสักนิด ถือเป็นเล่มเดียวก็ว่าได้ จนมีคนนินทาว่าร้าย บอกว่าป้าเจนไม่เคยแต่งงาน (แถมยังขึ้นคานเกิดมาไม่เคยมีกิ๊ก) ก็เลยเขียนบทกิ๊กไม่เป็น

หากคุณไม่เป็นแฟนหนังสือประเภทนี้ อาจไม่รู้จักเจน แต่สำหรับคนอังกฤษ เจนดังมากครับ เพราะเป็นการเปิดตำนานนิยายโรมานซ์ที่บอกเล่าถึงเรื่องราวชีวิตคนอย่างชัดเจน ป้ายจารึกชื่อเธอ อยู่ในมหาวิหารเวสมินสเตอร์ ไม่ไกลจากรูปปั้นของเช็คสเปียร์ บ้านที่เธออยู่แค่ 7 ปีในเมืองบาธ ยังโด่งดังกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเก็บตังค์คนเข้าไปชม

ยิ่งอ่านผมยิ่งพบว่า อังกฤษอยู่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิด แถมยังยิ่งใหญ่จนแทบไม่น่าเชื่อ ทั้งที่เป็นเกาะเล็กนิดเดียว มีพื้นที่รวมกัน 244,820 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าประเทศไทยตั้งครึ่ง นี่ขนาดรวมทั้งสก็อตทั้งเวลล์ทั้งไอร์แลนด์เหนือ ประชากรก็แค่ 60 ล้านคน น้อยกว่าคนไทย แต่ทำไมอังกฤษครองโลกได้ในยุคหนึ่ง และเป็นมหาอำนาจที่ทุกคนต้องเกรงใจในทุกยุคสมัย คำตอบรออยู่อีกไม่ไกล เครื่องบินเราจะร่อนลงลอนดอนแล้วเอย

ลอนดอนเป็นเมืองเก่าแก่ แต่ผู้ตั้งเมืองกลับไม่ใช่ชาวอังกฤษ เค้าคือจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิโรมัน จูเลียส ซีซาร์ ครั้งที่ยกทัพบุกยุโรป ตะลุยมาจนถึงช่องแคบ ข้ามมาที่เกาะอังกฤษ ซีซาร์ต้องการเมืองท่าเพื่อขนส่งสินค้าและทหาร จึงตั้ง Londinium ตั้งแต่ 55 ปีก่อนคริสตกาล สร้างสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์แห่งแรก เรื่อยมาจนยุคหลัง ลอนดอนเป็นเมืองหลวงของอังกฤษอย่างต่อเนื่อง แม้จะเผชิญกับไฟไหม้ครั้งยิ่งใหญ่ หรือการโจมตีทิ้งบอมบ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ลอนดอนไม่เคยพ่ายแพ้ ตราบจนปัจจุบัน ลอนดอนมีประชากรเกือบ 8 ล้านคน นี่คือมหานครของโลกแทบทุกยุคสมัย

เมืองถูกสร้างด้วยศิลปะในยุคต่าง ๆ เช่น Medieval Georgian Victorian แต่อาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ออกแนวทึม ๆ เป็นตึกทรงเหลี่ยมสูง หน้าต่างเล็ก เพื่อป้องกันความหนาว บนถนนใหญ่มีตรอกเล็กแยกไปหลายสาย มีจัตุรัสอยู่บ้าง แต่ไม่มากมายเหมือนกรุงโรมหรือหลายนครในอิตาลีและเมดิเตอร์เรเนี่ยน ตรอกซอกซอยเหล่านี้เคยเป็นถิ่นหากินของนักเชือดชื่อก้อง แจ็คเดอะริปเปอร์ ฆาตรกรต่อเนื่องผู้โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ บรรยากาศในม่านหมอก ตรอกแคบ แสงสลัว และฆาตรกร ช่างเหมาะกับลอนดอนดีแท้

แต่มาถึงยุคปัจจุบัน ลอนดอนหลายส่วนเปลี่ยนไป อาคารสิ่งก่อสร้างใหม่ ๆ เข้ามาแทน รวมถึงสวนสาธารณะขนาดยักษ์ที่ถูกเก็บไว้อย่างดี การเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกด้วยรถเมล์ รถแท็กซี่ และรถไฟฟ้าใต้ดินหรือทิวป์ (tube) 12 สาย วิ่งตัดไปมาจนวุ่นวาย ชนิดคุณไปถึงทุกที่ได้ด้วยการขนส่งสาธารณะ

สัมผัสแรกในลอนดอนคือสนามบินฮีทโรว์ (Heathrow) หากมากับการบินไทย เราจะลงจอดที่เทอร์มินัล 3 (ทั้งสนามบินมี 4 เทอร์มินัล แห่งที่ห้ากำลังจะเปิด) แต่ละแห่งเชื่อมต่อกันด้วยทางลอด แต่เราไม่ต้องไปสนใจหรอก เพราะยังไงก็วนเวียนอยู่แต่เทอร์มินัลสาม จะว่าไป สนามบินที่นี่เล็กครับ เพดานต่ำอุดอู้คล้ายดอนเมือง จะเล็กกว่าด้วยซ้ำ เข้าคิวรอตรวจพาสปอร์ตก็นาน แถมยังตรวจละเอียดยิบสำหรับบางคน ต้องยืนรอคิวค่อนชั่วโมง จนมาถึงคิวเรา โป้งเดียวผ่าน เพราะเดินทางเป็นคู่ บอกว่ามาฮันนีมูน ยังไงก็ฉลุยอยู่แล้ว มุกนี้ใช้มาหลายประเทศ ไม่เคยมีปัญหาเลยครับ

จากสนามบินมีรถไฟเข้าเมือง ไปต่อกับชุมสายรถไฟฟ้า ปรกติผมก็ใช้บริการสาธารณะประเภทนี้ แต่ครั้งไปอังกฤษ สาวขนกระเป๋ามาหลายใบ กะว่าเงินปอนด์ลดค่า หนูจะกวาดของให้เรียบ ผมจึงจำต้องใช้บริการรถแท็กซี่ เค้ามีคิวเรียบร้อย แค่เดินออกมาหน้าเทอร์มินัลก็เจอแล้ว หากมากันสี่ห้าคน ขึ้นแท็กซี่จะประหยัดกว่า ค่าแท็กซี่เข้าใจกลางลอนดอนประมาณ 40 ปอนด์ แยกกันซื้อ ทั้งรถไฟและรถไฟฟ้า คนละสิบปอนด์เศษแล้วครับ

แท็กซี่ลอนดอนมีชื่อเสียงโด่งดัง ขนาดแถวซอยทองหล่อบ้านผม ยังมีแท็กซี่แบบนี้ให้บริการที่ซูเปอร์มาร์เก็ต รถจะป้อมกลมอ้วนน่ารักดูคลาสสิก มีกระจกนิรภัยกั้นระหว่างคนนั่งกับคนขับ ห้ามนั่งด้านหน้า แต่ข้างหลังกว้างขวางดีครับ นั่งได้ห้าคนแบบหันหน้าหากัน หรือจะนั่งสองคน เอากระเป๋าใส่เข้าไปเพียบก็สบาย แท็กซี่พวกนี้กวักมือเรียกได้ข้างถนนเหมือนบ้านเรา หรือจะโทรเรียกก็ได้ครับ

ยังมีแท็กซี่อีกประเภท เป็นแบบป้ายดำ ตกลงราคาแล้วไปส่งตามจุดต่าง ๆ ส่วนใหญ่เค้าใช้วิธีโทรศัพท์เรียก ขากลับผมก็ใช้บริการป้ายดำ เพราะประหยัดกว่าจ้ะ เค้าคิดผม 35 ปอนด์เท่านั้น แถมยังส่งรถเบนซ์ S-Class รุ่นใหม่เอี่ยมมารับ คนขับผิวดำล่ำบึกใส่สูทเท่มาก หากสนใจต้องลองเปิดโฆษณาในอังกฤษ หรือดูตามเว็บไซต์ แต่ขาไปใช้รถแท็กซี่ปรกติจะง่ายกว่า

จากสนามบินเข้าสู่เมืองตามทางสาย M4 เป็นทางด่วนลอยฟ้าบ้างเลียดดินบ้าง แต่ไม่ต้องจ่ายค่าผ่านทาง (บนอังกฤษไม่มีถนนจ่ายตังค์สักสาย หรือมีผมก็ไม่เคยผ่าน ผิดกับอิตาลี ขึ้นถนนไฮเวย์สายไหน เป็นต้องจ่ายเงินอยู่ร่ำไป) ตึกรามบ้านช่องที่ผ่านตา ไม่ค่อยโดดเด่นเป็นสง่าครับ จะเป็นหมู่ตึกระฟ้าก็ไม่ใช่ เป็นตึกเก่ามีสไตล์ก็ไม่เชิง นานทีจะมีตึกสถาปัตยกรรมรุ่นใหม่ เช่น ตึก E=MC2 ค่อยแปลกตาหน่อย เมื่อเข้ามาในเขตเมือง ทางด่วนเปลี่ยนเป็นทางปรกติสาย A4 เรากำลังมุ่งหน้าเข้าสู่เขต South Kensington ทางด้านตะวันตกของมหานครลอนดอน

เรื่องไปลอนดอนกำลังเข้มข้น อย่าลืมติดตามสัปดาห์ต่อไป เข้าใจว่าคราวนี้จะมาแบบต่อเนื่องสักทีครับ









รูปอีก แยะ เยอะ ยั้วเยี้ย รักกันจริง ตามไปดู บ้านมัลติเปิล นะคะ รักกันพอควร ก็ ชมๆ กันตรงนี้ ไม่ อยากทิ้งกันไป เลย แต่ ก็ ขี้เกียจ เกิน จะทำอะไร ให้ เป็นจริง เป็นจัง ชื่นชมทุกคน ที่เขา ทำบลอค ดีๆ มีสาระ บันเทิง แพรวพราว เอาเป็นว่า ไม่ได้ เป็น เดือน ก็ ให้ได้ เป็นดาว วิบวับ มิบมับ ประดับฟ้า บลอคเกอร์แกงค์ ก็แล้วกัน ( ว่างั้นแหละ )





 

Create Date : 06 มิถุนายน 2552
5 comments
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2552 16:30:10 น.
Counter : 808 Pageviews.

 

คุณแม่ซานเดอร์ คะ

ขอเซฟเก็บไว้อ่าน เพราะสนใจ อยากไปท่องลอนดอน สักครั้ง เช่นกัน ค่ะ
ขอบคุณที่นำเสนอ ค่ะ คุณแม่ซานเดอร์

มีความสุขทุกวันนะคะ

 

โดย: samranjai 8 มิถุนายน 2552 14:38:21 น.  

 

นอกจากชมเมืองแล้ว ไปที่ไรก็อดที่ไปเดินmuseum ไม่ได้ค่ะ
แฮะๆ ไม่ได้เพราะเข้าฟรีนะคะ แต่ชอบจริงๆ


 

โดย: Sweety-around-the-world 8 มิถุนายน 2552 22:26:31 น.  

 

แวะมาทักทายครับ

 

โดย: กัปตันลูกชุบ 8 มิถุนายน 2552 23:01:56 น.  

 

มีโอกาสต้องหาเรื่องไปเที่ยวอังกฤษเหมือนกันค่ะ รัชชี่ชอบประเทศโซนยุโรป ชอบอ่านนิยายอิงประวัติศาสตร์ทางนั้นน่ะค่ะ

 

โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) 10 มิถุนายน 2552 17:02:50 น.  

 

เพิ่งว่างแวะมาค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 11 มิถุนายน 2552 13:32:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แม่ซานเดอร์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
มิถุนายน 2552
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
6 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ซานเดอร์'s blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.