How Starbucks Saved My Life : ภายใต้ความร้อนของกาแฟ...ทุกความรู้สึกระเหย
How Starbucks Saved My Life ชีวิตผมรอดได้ด้วยสตาร์บัคส์ ไมเคิล เกทส์ กิลล์ (เขียน) : สมลักษณ์ สว่างโรจน์ (แปล) : สำนักพิมพ์แสงดาว เหมือนกับตอนที่ผมกำลังนั่งทานอาหารแล้วมีลูกค้าเดินเข้ามาติดต่องาน ผมจะผละจากจานแล้วเอ่ยถามพวกเขาด้วยมารยาทที่เจือปนไปด้วยความขี้เล่นว่า ทานข้าวด้วยกันไหมครับ โดยก่อนที่เขาจะทันได้ตอบผมจะชิงต่อประโยคให้จบว่า แต่มันมีแค่จานเดียวเราคงต้องแย่งกันกิน มันเป็นเพียงตลกสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะตลกด้วยซ้ำ อันที่จริงมันจะตลกกว่านี้นิด ถ้าลูกค้าบ้าจี้พอจะตอบกลับมาว่า งั้นมาแย่งกันกินมา (ซึ่งยังไม่เคยมีใครหลวมตัวตอบแบบนี้สักที)ดังนั้นเรื่องราวใน How Starbucks Saved My Life จึงตลกและน่าติดตามไม่น้อย เมื่อมีคนตอบกลับรับคำตลกสถานการณ์ทำนองเดียวกันนี้...โดยที่ตั้งใจจะทำตามที่ตอบไปจริงๆ สถานการณ์ที่ว่าเกิดขึ้น เมื่อร้านกาแฟสตาร์บัคส์แขวนป้ายหน้าร้านเอาไว้ว่า เปิดบ้านจ้างงาน มันเป็นระบบของสตาร์บัคส์ที่จะเปิดรับสมัครพนักงานใหม่ ด้วยการเปลี่ยนมุมหนึ่งของร้านให้กลับเป็นสำนักงาน โดยจะมีหัวหน้าเขตและผู้จัดการร้านสตาร์บัคส์สาขาต่างๆมาช่วยร่วมกันเปิดโต๊ะรับสมัคร อ่านใบประวัติ และสอบสัมภาษณ์ ก่อนที่จะคัดเลือกคนที่มีคุณสมบัติไปลงงานตามร้านสาขาต่างๆ ทั่วนิวยอร์ก ในร้านที่เต็มไปด้วยผู้สมัครงานและลูกค้าที่เข้ามาจิบกาแฟ คริสตัล สาวผิวสีอัฟริกัน อเมริกันผู้จัดการร้านสาขาหนึ่งของสตาร์บัคส์เหลือบมาเห็นชายอายุเกือบ 60 กำลังนั่งจิบกาแฟลาเต้อยู่อย่างขะมักเขม้น ด้วยอารมณ์เดียวกับผมตอนที่เอ่ยปากชวนลูกค้าแปลกหน้ามาทานอาหารร่วมจานกัน เธอเอ่ยถามลูกค้าคนนั้นไปว่า อยากได้งานทำไหมคะ มันควรจะเป็นเรื่องตลก...เพราะชายคนนั้นอายุมากเกินกว่าจะมาทำงานร้านกาแฟ แถมเขายังสวมสูทราคาแพง วางท่าเป็นนักธุรกิจใหญ่ มีโทรศัพท์มือถืออยู่บนกระเป๋าเอกสารหนังใบหรู และไม่ว่าจะมองมุมไหนเขาก็เป็นแค่ลูกค้ามากกว่าคนที่เดินเข้าร้านมาเพื่อขอสมัครงาน มันจึงตลก...เมื่อเขาตอบกลับมาว่า ครับ...ผมอยากได้งานครับ คนที่ตลกไม่ออกคงจะเป็นตัวคริสตัลเอง เป็นผมก็คงตลกไม่ออกเหมือนกันหากมีคนแปลกหน้ามาแย่งข้าวผมกิน มันเลยตลกสำหรับชายคนนั้น เพราะเขาไม่รู้ตัวว่าคริสตัลเธอล้อเล่น...อันที่จริงเขาไม่รู้แค่ในจังหวะแรก แม้จะคิดได้ภายหลังว่าเธอแค่เล่นมุข แต่เขาก็กำลังต้องการงานทำจริงๆ...เข้าทางเลย... เธอมารู้ภายหลังว่าชายแก่คนนั้นเคยมีคฤหาสน์หรู 30 ห้องนอน จบการศึกษาจากเยล มีครอบครัวที่อบอุ่นกับลูกๆทั้ง 3 คน และเคยทำงานในบริษัทโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งเรื่องพวกนี้ชายแก่คนนั้นก็รู้(อดีตของ)ตัวเองดี เพียงแต่ที่เขาไม่รู้ก็คือในวัยใกล้ฝั่งชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไป... เริ่มจากอยู่ๆเขาก็ถูกไล่ออก ชู้รักลับๆก็ท้องลูกของเขาจนชีวิตสมรส 20 ปีพังทลาย เขาถังแตกไม่มีเงินและที่พัก แถมเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเข้าไปอีก เมื่อหมอบอกกับเขาว่าตรวจพบเนื้องอกในสมอง และตอนนี้ขณะนั่งคอตกจิบลาเต้...เขากำลังคว้าโอกาสในการอยู่รอดจากมุกตลกฝืดๆของผู้หญิงผิวสีคนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นคือ ไมเคิล เกทส์ กิลล์ และเรื่องราวที่ถูกเรียบเรียงเอาไว้ในหนังสือ เป็นเครื่องยืนยันว่าการดื่มกาแฟนั้นมอบความสุขไม่ต่างอะไรจากการที่เราใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง แต่ความสุขที่มากกว่าในดินแดนที่ความทุกข์เข้าไม่ถึง คือการชงกาแฟเพื่อผู้อื่นและใช้เวลาทั้งชีวิตในการพูดถึงมัน อันนี้ไม่ได้กำลังเล่นมุขนะครับ..แต่ผมรู้สึกว่าเราควรนำหนังสือเล่มนี้มาแชร์กันอ่านจริงๆ มีใครอยากจะแย่งกันอ่านกับผมไหมครับ?
Create Date : 21 มกราคม 2551
24 comments
Last Update : 13 ธันวาคม 2552 14:59:35 น.
Counter : 2820 Pageviews.
อยากตอบว่า งั้นขอแย่งอ่านด้วยคน จังเลย