ธันวาคม 2559
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
3 ธันวาคม 2559

ลุยขุนสถาน ณ.น่าน






ฉันเปลี่ยนโปรแกรมหลายตลบ สุดท้าย แม่บอกว่า "เธอไปถึง เธอจะขับขึ้นขุนสถานไหวเรอะ เมาเครื่องขนาดนั้น รถเช่าก็ยังไม่คล่องมือ แม่ว่าค้างในเมืองซักคืนก่อนแล้วค่อยขึ้นขุนสถานดีกว่านะ"

ฉันก็เลยทำตามแม่บอก จริง ๆ ด้วยนะ พอได้พักซักคืน เข้านอนตอน4ทุ่ม ตื่นตี4

2สาวทำเวลาได้ดีกว่าที่คิดไว้ เราออกจากที่พัก 7โมงครึ่ง ที่เล็งร้านฮอทเบรด ไว้เป็นอันอดเพราะร้านเปิด8โมงเช้า

เราเลยแวะเซเว่นข้าง ๆ ซื้อแซนวิช กับน้ำผลไม้ไปกิน นอกจากนี้ยังมีขนมปัง 1 แถว แยม1กระปุก น้ำดื่ม2ขวด

ระหว่างจ่ายเงิน เราถามเด็กเซเว่นว่า ถ้าออกจากตรงนี้ไป เราต้องขับไปทางไหน

มีผู้หญิงคนหนึ่งได้ยิน ก็บอกทางให้เราทันที เพราะเธอต้องขับไปทำงานทางนั้นอยู่แล้ว

ขนาดเธอต้องรีบไปส่งลูกที่โรงเรียน และต้องรีบไปทำงาน แต่ก็ยังมีน้ำใจจะบอกทางแก่เรา

เท่านั้นไม่พอ ยังเขียนแผนที่ให้ด้วย เพราะกลัวเราหลงทาง เธอหันมายิ้มและพูดว่า

ถ้าไปถึงมีเวลาก็แวะไปนะ ตรงที่ทำการต้นน้ำ ที่มีบ้านทาร์ซาน ขาไปอยู่ขวามือ แต่ขากลับจะอยู่ซ้ายมือ

เรายิ้มงาม ๆ กลับไปพร้อมขอบคุณ

ระหว่างทาง จากตัวเมืองผ่านเข้า อ.เวียงสา หมอกลงจัดมาก แทบมองไม่เห็นรถคันหน้า

แต่ฉันก็ไม่รีบ เพราะเราทำเวลาได้ดีแล้ว ขับแค่ 60-80 กม.ต่อ ชม. ข้อเสียอย่างเดียวคือ

ทะเบียนรถ เป็นของน่าน ผู้คนที่ขับตามหลังมักคิดว่ารถเจ้าถิ่น พอเริ่มไต่ขึ้นเขา ฉันก็เริ่มใช้วิชาคนขับรถ10ล้อ

คือ หากฉันเห็นจังหวะข้างหน้าเลนสวนมาว่าง ฉันจะเปิดไฟเลี้ยวซ้าย และชิดซ้ายให้มากสุด เพื่อให้คันหลังแซงขึ้นไปได้

และหากเลนสวน มีรถวิ่งมา ฉันจะเปิดไฟเลี้ยวขวา เพื่อให้คันหลังรู้ว่า แซงขวาไม่ได้นะ มีรถสวนมา

ถนนหนทาง ดีกว่าที่คิดไว้มาก มีเมา ๆ มึน ๆ ช่วงกลาง ๆ หลังจากผ่านบ้านทาร์ซานนั่นหล่ะ

เริ่มคดเคี้ยว และโค้งเยอะ แต่ไม่ใช่โค้งหักศอก ง่ายกว่าปาย แต่ยากกว่าเขาใหญ่

พอเข้า อำเภอนาน้อย อาการอยากอ๊อก ก็หายไป ขนาดมีลูกอมช่วยชีวิตแล้วนะ

มาเริ่มเซโรงัง ก็ตอนไต่จากนาน้อย ขึ้นไปเสาดิน ถือว่าเวลาใช้ได้เลยนะสำหรับคนไม่ชินทาง และยังไม่รู้ใจรถ

 9.15น. ใช้เวลาเกือบ2ชม. หลังจากนั้นเราถามรถตู้คันหนึ่งเกี่ยวกับเส้นทางและเวลาที่จะไปดอยเสมอดาว

ปรากฎว่า คนขับรถตู้รู้จักกับคนที่ให้เราเช่ารถ เขาบอกว่า ใช้เวลาไม่นาน ฉันเลยตัดสินใจขึ้นดอยเสมอดาวต่อ

ไม่นานจริง ๆ นะ เวลา10.30ฉันก็ถึงแล้ว ยอมรับเลยว่า อากาศดี วิวสวย จากนั้นก็ลงมากินข้าวที่ตีนดอยเป็นเวลา 11.00น.

พออิ่ม ก็เคลื่อนพล มุ่งหน้าสู่ขุนสถาน ทางไม่ยากจริง ๆ นั่นหล่ะ

ขุนสถานมีทางขึ้น 2 ทาง จากทางนาน้อย แยกก่อนที่จะถึงเสาดิน แต่พอฉันไปเสาดิน ฉันก็หาทางขึ้นที่ว่าไม่เจอ

แต่ดันไปขึ้นอีกทาง วิวสวยมาก เพื่อนบอกว่า เหมือนนั่งรถไฟเหาะ ทางไม่ยากอย่างที่กังวล แต่ขอเม้าท์

ขาลง ถ้าคุณเจอป้ายว่า ให้ลดความเร็ว หรือ โค้งอันตราย หรือระวัง กรุณาปฎิบัติตามโดยเคร่งครัดด้วย

เพื่อไม่ให้เดือดร้อนผู้อื่น

ตอนฉันขับขึ้นไป มีรถเบนซ์ป้ายแดงสวนลงมา ท่าทางไม่ลดความเร็ว ไม่ทดเกียร์ กินเลนของฉันไป1ใน3

โชคดีที่ฉันขับระวัง และมีสติมากพอ ไม่ตกใจ จึงหักหลบมาทางซ้ายได้ทันท่วงที ทำให้รถ2คันผ่านพ้นไปได้

ประสบการณ์การขับรถมากว่า 17 ปี ก็พอช่วยได้ แต่ที่สำคัญ คือความไม่ประมาท และต้องมีวินัยอย่างเคร่งครัด

ปฎิบัติตามกฎและป้ายบอกตามทางด้วย

ฉันถึงขุนสถานโฮมสเตย์ บ่าย2 โมง เดินเล่นดูองุ่น ดูสตอร์เบอรี่ ซื้อมาองุ่นครึ่งกิโลกรัม สตอร์เบอรี่ 1 กก.

จากนั้นก็มานั่งกินลมชมวิว จิบโอวัลติน กินสตอร์เบอรี่ ที่ร้านกาแฟของโฮมสเตย์

เราคุยกับคุณลุง ถามเกี่ยวกับพรุ่งนี้เช้าว่า เราควรไปดูทะเลหมอก กับพระอาทิตย์ขึ้นที่ไหนดี

คุณลุงบอกว่า พรุ่งนี้จะพาไป พอตกเย็นแขกเข้าพักเต็มไปหมด เราคิดว่าคุณลุงยุ่งมากขนาดนี้ คงลืมเรา

ไม่เป็นไร ได้ดู ไม่ได้ดู ไม่ซีเรียสเลย แค่อยากมากินบรรยากาศเท่านั้นเอง

ตกเย็น เรากินผัดผัก ไข่เจียว และต้มจืดผักกาดขาว ปกติทางขุนสถานโฮมสเตย์เขาให้นักท่องเที่ยวจัดมากันเอง

แบบปิคนิค บาร์บีคิว อะไรงี้ แต่ตอนเราโทรจอง เราบอกว่า ทำให้หน่อยนะ เราไม่คุ้นทาง ไม่อยากขับรถออกจากที่พักดึกๆ

เดี๋ยวหาทางกลับที่พักไม่ถูก เขาก็จัดให้ ผักหวาน กรอบ อร่อย จริง ๆ

คืนนั้น ขุนสถานหนาวมากกกก ฉันอาบน้ำตั้งแต่ 4 โมงเย็น ขึ้นมาปากซีด ฟันกระทบกัน กึก ๆ เพื่อนยังขำกิ๊กเลย

แต่พอเพื่อนไปอาบน้ำบ้าง เธอยอมรับว่าหนาวจริง ๆ 10องศาไม่เท่าไหร่ แต่ลมพัดทั้งคืนประหนึ่งจะหอบบ้านพักเราไปด้วย

นอนฟังเสียงลมพัดทั้งคืน หลับบ้าง ไม่หลับบ้าง มาหลับจริงจังตอนตี4 พอ6โมงเช้า คุณลุงมาปลุกไปดูพระอาทิตย์ขึ้น

2สาวงัวเงีย แต่ลุกอย่างว่องไว ฟันไม่ต้องแปรง หน้าไม่ต้องล้าง น้ำไม่ต้องอาบ คว้ากล้องแล้วลุยเลย

ออกมาพบคุณลุง อ้าว ไม่เห็นมีใครไปด้วยเลยนิ มีแค่เรา 2 สาว ว่าแล้วกระโดดขึ้นรถคุณลุง นั่งหนาวไปตลอดทาง

ขนาดใส่เสื้อ3ตัว ใส่โอเวอร์โค้ทอีกต่างหาก ช่้วงเวลารอพระอาทิตย์ก็ถ่ายภาพไปเรื่อย ๆ พอถึงเวลาพระอาทิตย์ขึ้น

ก็ต้องร้อง ว้าววววว สวยจังวุ้ย ถึงแม้ทะเลหมอกจะไม่มีเลย ก็ชั่งมัน ดูพระอาทิตย์ขึ้นก็ได้

กลับที่พัก เรา2คน อืด ๆ เอื่อย ๆ ไม่ใช่อะไร อิดออด ไม่อยากอาบน้ำ หนาวจะตายชัก แต่สุดท้ายก็ต้องอาบอยู่ดี

กินข้าวต้มยามเช้าเสร็จก็ออกเดินทาง ออกจากขุนสถาน 9.30 น. ผ่านอ.นาน้อย ผ่านอ.เวียงสา แล้วก็เข้า อ.เมือง

แวะกิน ข้าวซอย ร้านต้นน้ำ แล้วเข้าที่พักล้างหน้าล้างตา เก็บของ

และเราก็เดินทางต่อ ไปอำเภอท่าวังผา ฉันจะไปชมหอศิลป์ริมน่าน วัดหนองบัว และชุมชนไทลื้อ รู้สึกว่าฉันจะรู้ใจรถตั้งแต่วันที่2

ที่ได้ขับแล้วนะ วันนี้คล่องมาก และทำเวลาได้ดี ถึงแม้เส้นทางนี้กำลังมีการทำถนนใหม่ก็ตามที

ฉันถือว่า บททดสอบคราวนี้ ไม่ยากไม่ง่าย กำลังดีสำหรับคนที่ไม่คุ้นทาง และขับขึ้นดอย ลงดอย ครั้งแรก

ตามที่น้องคนหนึ่งเคยบอกไว้ ขับขึ้นดอยง่าย ลงดอยต่างหากที่ยาก แต่ฉันยอมรับเลยว่า ชอบขับรถลงดอย

ยิ่งถ้าถนนว่าง ๆ เปิดหน้าต่าง ฟังเพลงเบา ๆ รับลมเย็น ๆ มีความสุขบอกไม่ถูก

ถนนบางช่วง เหมือนเราขับอยู่ในสนามแข่งรถเลยทีเดียว สรุปว่า ถนนหนทางไม่ยากไม่ง่าย สบาย ๆ

ถ้าคนอย่างฉัน (ประเภทเมาดะ ทั้งเครื่องบิน รถยนต์ เรือ เนื่องจากโรคน้ำในหู) สามารถขับได้แล้วหล่ะก็

ใครหน้าไหนก็ขับได้ทั้งนั้นหล่ะนะ สำคัญคือ เคารพกฎ กติกา และมีมารยาทในการใช้ถนนร่วมกันด้วย




Create Date : 03 ธันวาคม 2559
Last Update : 3 ธันวาคม 2559 14:35:50 น. 1 comments
Counter : 1410 Pageviews.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 4 ธันวาคม 2559 เวลา:3:29:41 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

rosebay
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




เป็นเด็กผู้หญิงหน้าหมวยมาตั้งแต่เกิด
แต่ถือ Passport ไทย
เวลาไปไหนมาไหน
ตม.ก็คอยแต่จะมองหน้าสลับกับ Passport
พร้อมกับตั้งคำถามว่า ใช่คนไทยแน่เหรอ
แต่ที่แน่ ๆ พูดไทยคล่องปร๋อก็แล้วกัน
ภาษาอื่น อย่าถามนะ
[Add rosebay's blog to your web]