<<
ตุลาคม 2557
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
7 ตุลาคม 2557

โกรธ

สวัสดีจ้าเหล่าตะพาบ วันนี้ขอร่วมเดินทางด้วยนะ หลังจากที่ร้างลาไปนาน ผลุบ ๆ โผล่ ๆ

โจทย์วันนี้ คือ โกรธ ช่างบังเอิญจริง ๆ เลยนะ วันนี้ได้รับtag ที่หน้าเฟส จากน้องก๋า ให้เขียนเกี่ยวกับตัวเอง และเรื่องความโกรธถือเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวเองเลยทีเดียว

วันนี้ขอเม้าท์ตัวเอง แทนการเขียนเรื่องสั้นนะ พักนี้อารมณ์ไม่ได้เลย ยังขาดจินตนาการ ได้แต่หนังจีนกำลังภายใน

คนเรา จะรู้จักตัวเองได้ดีพอแค่ไหน ถ้าคนอื่นไม่บอกเรา ว่าเราดีอย่างไร แย่อย่างไร บางคนมีพ่อแม่คอยตักเตือน บางคนมีเพื่อนคนบอก บางคนมีคนรักคอยห้ามปราม แล้วถ้าไม่มีใครกล้าบอกเราเลยหล่ะ เราจะทำอย่างไรดี

ฉันค้นพบวิธีมองดูตัวเอง พิจารณาลักษณะนิสัยตัวเอง จากการศึกษาวิถีอย่างพุทธ

ฉันไม่สามารถบอกได้หรอกนะว่า มันเป็นอย่างไร ต้องทำอย่างไร แล้วค้นพบความจริงแบบไหนบ้าง เพื่อนๆต้องหาอ่านหลักการเอาเอง แต่ถ้าอยากรู้ผลลัพธ์ ก็ต้องลงมือทำ ลองดูแรก ๆ อาจจะเป๋ ๆ ไม่ตรงทางเพราะศึกษาเอง ไม่มีครูผู้รู้สอน ซักระยะหนึ่งก็จะทราบเอง

หลังจากทดลองปฎิบัติ ฉันได้ค้นพบว่า ตัวเองมีข้อเสียอย่างใหญ่หลวง ข้อแรก คือ ใครทำอะไร ใครพูดอะไร มากระทบปุ๊บ ของขึ้นปั๊บ โกรธทันที จากนั้นชักสีหน้า แสดงอาการอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะโต้กลับด้วยวาจาที่รุนแรง ตัวสั่นเพราะความโกรธ เขวี้ยงของที่อยู่ใกล้มือใส่คน ๆ นั้น กว่าความโกรธจะลดระดับลงมาที่ความเย็น ไม่มีทางเลย แม้จะผ่านเลยไปเป็นปีแล้วก็ตาม ไม่สามารถกลับมาพูดคุยกันได้อีก (ฉันมาเข้าใจตอนนี้เองว่า ทำไมเพื่อน ๆ ถึงเกรงใจฉันมาก ขนาดไม่เคยพูดจาผิดหูเลยแม้แต่ครั้งเดียว)

หลังจากจับอารมณ์โกรธของตนมาซักพัก ฉันก็มีวิธีจัดการกับเจ้าความโกรธนี้ได้ในระดับหนึ่ง พอรู้สึกโกรธ ยังคงโต้กลับด้วยวาจา จากนั้น ขับรถออกจากบ้านไปสงบสติอารมณ์ ฉันจะต้องพาตัวเองออกจากตรงนั้นทันที ดีที่มีบ้าน 2 หลัง เพราะยังคงใช้เวลานานอยู่ดี กว่าความโกรธจะลดระดับให้เย็น

ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถ จนมาถึงปีนี้ ที่ความโกรธของฉันจะอยู่กับฉันประมาณ 1 อาทิตย์เท่านั้น ฉันถือว่า สถิติดีกว่าเดิมมาก และปฎิกิริยาโต้ตอบทุ่มเถียงก็ลดลงไปเกือบครึ่ง แต่อาการโกรธจนตัวสั่นหายไปแล้ว

ถึงอย่างนั้น พ่อก็ยังบ่นอยู่ดี ท่านบ่นเรื่องนี้มานานมากแล้ว แต่อย่าลืมว่า สันดอนของดิน เราขุดมันออกได้ง่ายกว่า สันดานของคน

แต่ก็ใช่ว่า ฉันจะเป็นคนโกรธพร่ำเพรื่อเสียเมื่อไหร่ ไม่ใช่ทุกเรื่องทุกอย่างหรอกนะ เฉพาะกับบางเรื่อง อย่างเช่น

คนที่พูดจาสองแง่สองง่าม พูดจาลามก พูดจาส่อเสียด พูดจาดูถูกคน พูดจาไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ พูดจาไม่ดูกาลเทศะ พูดจาไร้เหตุผล พูดจาเอาแต่ได้เห็นแก่ตัว

ฉันถือว่า เราจะอยู่กันอย่างมีระเบียบและสงบสุขได้ เราต้องรู้จักการพูดจาให้เหมาะกับสถานที่ เหมาะกับสถานการณ์ เหมาะกับบุคคล ไม่ใช่คิดว่า จะพูดอย่างไรก็ได้ เหมือนคนไม่มีมารยาท ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนเรื่องการวางตัวอย่างไรเมื่อต้องเข้าสังคม เรื่องเหล่านี้ฉันถือมาก ไม่ว่าจะในสังคมจริง หรือสังคมออนไลน์ เป็นสิ่งพึงกระทำสำหรับมนุษย์ที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาแล้ว

เรื่องที่2 ที่แม่เตือนฉันบ่อย ๆ คือ โกรธแล้ว อย่าอาฆาต มาดร้าย และสาปแช่ง
25ปีก่อน ฉันมีนิสัยอย่างนี้จริง ๆ จัง ๆ ใครที่ทำให้ฉันไม่พอใจ ใครที่ทำให้ฉันโกรธ นอกจากฉันจะโต้กลับแล้ว ฉันยังอาฆาตมาก ๆ ถึงขนาดว่า ถ้าภพภูมิหน้ามีจริง จงเกิดมาเป็นขี้ข้าฉันเสียเถอะ เท่านั้นยังไม่พอ มีการสาปแช่งถึงขนาดมีอันเป็นไป

อันนี้ถือว่าร้ายแรงมาก และก็ใช้บ่อยเสียด้วย เพราะรู้สึกว่า ปากพูดออกไปแล้ว เป็นเช่นนั้นเสียด้วย ยิ่งใช้บ่อยเท่าไหร่ก็ยิ่งฮึกเหิม จนวันหนึ่งได้ศึกษาวิถีพุทธ และกล่าวไว้ว่า เป็นการผูกกรรมต่อกันไม่จบสิ้น จะทำให้เราไม่พบกับความสงบแห่งชีวิต

ณ. ตอนนั้น ฉันไม่คิดอะไรหรอกนะ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่คิด แต่เปลี่ยนรูปแบบความคิดเป็นอีกแนว การสาปแช่งให้ผุ้อื่นถึงแก่ความตาย ก็เหมือนการยืมมือของคำสาปมาฆ่าคน ถือเป็นการผิดศีลข้อ1 เหมือนกัน คล้าย ๆ เราฆ่าคนตายเลยทีเดียว ฉันเลยคิดว่าอย่าผูกใจเจ็บจะดีกว่า เพราะคน ๆ นั้นก็มีครอบครัวที่รักเขาอยู่เบื้องหลังเช่นกัน ต่างคนต่างไปตามวาระจะดีกว่า

มาถึงวันนี้ ชีวิตฉันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่ความคิด และพฤติกรรมเปลี่ยนไปมาก ต้องสนิทกันจริง ๆ ถึงจะเห็น ตัวฉันเองคิดว่าเปลี่ยนแต่ไม่มาก แต่มีวันหนึ่งพ่อออกปากเองว่า "ลูกของพ่อเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปอย่างมากอย่างไม่น่าเชื่อ ว่าเด็กไม่เอาไหนคนหนึ่ง วันหนึ่งจะเกิดปัญญาและมีสติ รู้คิด"

สิ่งที่เราเป็นในวันนี้ เราบอกหรือโพทนาเองว่าเราดีไม่ได้หรอกนะ ต้องมีคนอื่นเป็นกระจกเงาคอยส่องมาทางเรา เมื่อเรามองกระจกบานนั้น กระจกจะบอกเองว่าเราดีพอแล้วหรือยัง





ปล.ชีวิตทุกวันนี้ เปลี่ยนไปอีกทางหนึ่งด้วย จากการเลี้ยงหลาน2คนนี้ น้องก๋าเคยบอกว่า ถ้าพี่โอ๋เลี้ยงลูก พี่โอ๋จะเปลี่ยนไป ณ.ตอนนั้นไม่เคยเชื่อคำน้องก๋าเลย แต่เดี๋ยวนี้เชื่อเกิน100% เลยทีเดียว คนเราจะเปลี่ยนตัวเองได้แค่ไหน นอกจากตัวเองแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นอีกที่ทำให้เราเปลี่ยนตัวเอง ขึ้นกับว่าปัจจัยนั้นมีค่า ทรงพลัง มีอิทธิพลต่อเรามากน้อยแค่ไหนด้วย


Create Date : 07 ตุลาคม 2557
Last Update : 7 ตุลาคม 2557 22:41:48 น. 11 comments
Counter : 980 Pageviews.  

 
ช่วงหลังนานๆผมจะร่วมตะพาบ ประมาณครั้งเว้นสองครั้งได้ แต่ของพี่โอ๋นี่ยิ่งน้านนนนนนนานเข้าไปใหญ่เลยครับ

เรื่องการพิจารณาตนเอง ตรงกับเนื้อหาบล็อกพี่ก๋าวันนี้พอดีเลย
นั่น! บรรยายซะน่ากลัว โกรธแล้วมีอาฆาต พยาบาท สาปแช่ง คุณไสย เสกหนังควายเข้าท้อง ด้วยอ่ะ
อย่างน้อยก็โกรธง่าย แต่ก็รู้ตัว และรู้วิธีจัดการอารมณ์ของตัวเอง นับว่าดีนะครับ ถึงจะแก้นิสัยชอบโกรธไม่ได้แต่ลดผลกระทบให้เหลือน้อยที่สุด เหมือนทำธุรกิจเลยครับ ลดการปล่อยคาร์บอนไม่ได้แต่ก็ลดผลกระทบต่อชุมชนให้น้อยที่สุด จะได้ไม่โดนหักคาร์บอนเครดิตมาก (เม้นท์ออกทะเลไปละ กลับมาๆ...)
มีลูกมีหลานช่วยเยียวยาใจเราได้จริงๆเนอะ นอกจากรักคนอื่นมากขึ้นแล้วยังทำให้รักตัวเองมากขึ้นด้วยนะครับ จะทำอะไรก็คิดถึงคนที่อยู่ข้างหลังตลอดเวลา


โดย: ชีริว วันที่: 8 ตุลาคม 2557 เวลา:0:28:41 น.  

 
ยิ่งอายุเยอะขึ้น
อัตตายิ่งมาก
ไม่ค่อยสะกดกลั้น
"โกรธ" แรง
ไม่ดีเลย
ตะพาบโกรธนี่ หลายๆคนชอบนะคะ
เป็นอารมณ์ที่มีกันทุกผู้ทุกนาม ค่ะ


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 8 ตุลาคม 2557 เวลา:0:48:59 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่โอ๋


ผมเป็นแบบพี่โอ๋เลยนะครับในสมัยก่อน
โกรธหนัก แรง ดุเดือด

เคยอาฆาตเพื่อนพ่อคนนึง
ผมคิดว่าตอนนั้นตัวเองสามารถฆ่าเค้าได้เลยนะครับ 555

ดีที่ไม่ฆ่า และยังมีสติมากพอ

จนวันหนึ่งเมื่อคิดได้ เปลี่ยนตัวเองได้

ก็จึงเริ่มโกรธยากขึ้น โฏรธเบาลง
และในที่สุดก็ไม่อาฆาตแค้นเพื่อนพ่อ
อโหสิหกรรมกับเขา ทำดีกับเขา
ในที่สุดตอนนี้ก็กลับมาคุยกันได้ดี
หลังจากผมไม่ไหว้เขามา 2 ปี 555

ผมว่าการให้อภัยใครก็ตาม
มันไมไ่ด้ทำให้คนๆนั้นรู้สึกดี
เท่ากับที่เรารู้สึกดีกับตัวเองครับ

และการเลี้ยงลูกทำให้ผมค้นพบว่า
คนที่เรารักมากเท่าไหร่
เราก็จะดุและเข้มงวดจริงจังกับเค้ามากเท่านั้น 555




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 ตุลาคม 2557 เวลา:6:33:46 น.  

 
มาแสดงตัวอีกคน ว่าชีวิตเปลี่ยนเมื่อมีเด็กเข้ามาค่ะ ^^


โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 8 ตุลาคม 2557 เวลา:10:34:04 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณโอ๋

พี่ว่าคนในแบบคุณโอ๋มีเยอะนะคะ
คือโกรธ เป็นฟืนเป็นไฟ ขนาดนี้อ่ะค่ะ
ถ้าเรารู้ตัวและปรับปรุง เราเองนี่แหละค่ะจะมีความสุข
พี่เอาใจช่วยนะคะ...

ส่วนพี่ คือจะใช้ความเงียบค่ะ แล้วอยู่กับตัวเอง
สุดท้ายก็คิดได้ คนเราจะโกรธกันทำไมเน๊าะ
พี่เลยผ่านๆไปค่ะ ไม่เอาใจไปใส่ตรงนั้น


โดย: tanjira วันที่: 8 ตุลาคม 2557 เวลา:11:03:47 น.  

 
อ่านข้างบนแล้ว.... ดีเหมือนกันที่ เปลี่ยนแปลง

ทำให้ชีวิตมีความสุข สงบ ขึ้น คนรอบข้างก็สบาย
ใจไปด้วย


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 8 ตุลาคม 2557 เวลา:18:10:19 น.  

 
เดี๋ยวนี้ แม่ซองฯใช้วิธีสวดมนต์ก่อนนอน

เอาพระเป็นที่ตั้งสร้างกำลังใจในการอดทนต่อสิ่งที่เขามาทำให้เกิดความโกรธ
ได้ผลค่ะ
ทุกครั้งที่กำลังโกรธ คิดถึงความตั้งใจที่เราสวดขอพร ขอกำลังใจที่เข้มแข็งค่ะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 8 ตุลาคม 2557 เวลา:18:31:02 น.  

 
น้องซีโดนแซงคิวเสมอเลยค่ะ โดนแย่งของ เวลาออกไปนอกบ้าน แม่มองดูอยู่ห่างๆ กับสังคมเด็ก..ที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ T_T


โดย: มี้เก๋ + ป๊าโอ๋ = ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 9 ตุลาคม 2557 เวลา:16:18:02 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่โอ๋ ^^

อ่านตะพาบเรื่องโกรธของพี่โอ๋แล้วรู้สึกว่าตัวเองเบาไปเยอะเลยค่ะ
เพราะนุ่นก็เป็นค่ะโรคโกรธง่าย
แต่ก็หายง่ายด้วย บางทีก็ลืมง่าย แต่กับบางคนก็ไม่ลืม
กำลังพยายามให้ปล่อยวางค่ะ
ช่างเถอะๆ เดี่ยวมันก็จะผ่านไป
แต่ก็บางทีอีกแหละค่ะ ที่ทำไมไ่ด้เก็บมาคิดแล้วก็หงุดหงิดพาลโกรธทุกที เฮ่อออ

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค่ะพี่โอ๋


โดย: lovereason วันที่: 10 ตุลาคม 2557 เวลา:0:14:31 น.  

 
ผมมองว่าการที่เรารู้ตัวได้ด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่เยี่ยมมาก เพราะรู้และทราบด้วยตัวเอง ตัวเราจึงยอมรับในสิ่งนั้น และมีใจที่จะเปลี่ยนแปลง มันไม่ง่ายเลยที่เราจะรู้ตัวขึ้นมาได้ ของแบบนี้แก้ให้สำเร็จในวันเดียวนั้นทำไม่ได้ แต่ถ้าใช้เวลาก็สามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้

ความจริงผมรู้สึกว่าช่วงหลังผมเลวมาก คนอื่นทำไม่ดีผมก็ไม่พูดไม่เตือน ปล่อยให้มันติดตัวเขาไป แล้วถ้าเขาเจอพวกที่แรงๆ เดี๋ยวก็ลงไปนอนกองกับพื้นเอง ไม่ไหว ผมนี่มันเลวจริงๆ

+


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 10 ตุลาคม 2557 เวลา:1:08:05 น.  

 
เอาน่า เดี๋ยวหลานโตแล้วไปเที่ยวด้วยกันสนุกเลยครับ
บางทีเที่ยวที่อย่างพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ หรือเทศกาลโดราเอม่อนอะไรแบบนี้ พาหลานไปด้วยสนุกกว่าไปคนเดียวเยอะเลยครับ


แต่ช่วงนี้ผมก็กลับมาดองบล็อกเหมือนกันอีกแว้ว ไม่ได้กลับบ้านเลยครับ


โดย: ชีริว วันที่: 23 ตุลาคม 2557 เวลา:10:03:56 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

rosebay
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




เป็นเด็กผู้หญิงหน้าหมวยมาตั้งแต่เกิด
แต่ถือ Passport ไทย
เวลาไปไหนมาไหน
ตม.ก็คอยแต่จะมองหน้าสลับกับ Passport
พร้อมกับตั้งคำถามว่า ใช่คนไทยแน่เหรอ
แต่ที่แน่ ๆ พูดไทยคล่องปร๋อก็แล้วกัน
ภาษาอื่น อย่าถามนะ
[Add rosebay's blog to your web]