เงินกู้ 2 ล้าน ๆ......ข้อกังวลก่อนผ่านสภา......คอลัมน์ "ซูม" แห่งไทยรัฐ
ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลัง
กู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ
2 ล้านล้านบาท จะเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรวาระ 2 ในวันนี้
(พฤหัสบดีที่ 19 กันยายน)เท่าที่อ่านจากข่าวเมื่อ 2 วันก่อน
และถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากที่รายงานข่าวแจ้งไว้...
รัฐบาลกำหนดกรอบการประชุมไว้เพียง 2 วัน โดยให้เหตุผลว่า
ได้มีการแสดงความคิดความเห็นกันไว้มากแล้ว ในวาระที่ 1
และในชั้นกรรมาธิการก็มีการพิจารณากันอย่างละเอียดไปแล้ว
เช่นกันหลังจากนั้นก็คงจะมีการลงมติซึ่งเชื่อกันว่าร่าง พ.ร.บ.นี้
คงจะผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปได้อย่างฉลุยแน่นอน
จากเสียงของฝ่ายรัฐบาลที่มีมากกว่าอย่างท่วมท้น
อีกไม่นานเกินรอนับจากนี้ พ.ร.บ.กู้เงินฉบับ 2 ล้านล้าน
ก็จะมีผลบังคับใช้ อันหมายถึงว่ารัฐบาลจะมีการลงทุนการก่อสร้าง
ในโครงการต่างๆตามที่ปรากฏอยู่ใน พ.ร.บ.ฉบับนี้
เว้นเสียแต่ว่าจะมีเหตุเป็นอื่น เช่นมีผู้ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
และผลการตีความออกมาในทำนองว่า พ.ร.บ.เงินกู้นี้
ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ในขณะที่ขั้นตอนอื่นๆยังมาไม่ถึง
ผมก็ขออนุญาตสรุปแบบอนุโลมไว้ก่อน
ว่า พ.ร.บ. 2 ล้านล้านผ่านสภาทั้ง 2 สภา และจะเป็นกฎหมาย
บังคับใช้ในไม่ช้า พร้อมกับออกความเห็นของผม
ไปในครรลองดังกล่าวนี้ ผมเคยเขียนไว้แล้วหลายครั้ง
วันนี้จะขอเขียนอีกสักครั้งว่า...
ผมรู้สึกหนักใจ ไม่สบายใจ และห่วงกังวล
เพราะนี่เป็นเงินกู้ก้อนใหญ่ที่สุดเท่าที่รัฐบาล
เคยกู้มาในประวัติศาสตร์ และโครงการที่จะลงทุน
เกือบทุกโครงการก็ล้วนแต่มีความเสี่ยงสูง
จากการพิจารณาโครงการที่อยู่ใน พ.ร.บ.โดยละเอียดพบว่า
เกือบครึ่งหนึ่งของโครงการยังไม่ได้ผ่านการศึกษาความเป็นไปได้
ทั้งในด้านผลตอบแทน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
หรือแม้แต่โครงการที่ผ่านการพิจารณาไป
แล้วก็ผ่านมานานพอสมควร...ผลตอบแทนที่จะเกิดขึ้น
จะมีอะไรผันแปรไปจากเดิมบ้างหรือไม่?
นอกจากความเสี่ยงในตัวโครงการว่า
จะมีผลตอบแทนคุ้มค่าหรือไม่แล้วก็ยังมีความเสี่ยง
ในเรื่องการบริหารจัดการตั้งแต่เริ่มก่อสร้างโครงการ
ไปจนถึงเมื่อโครงการแล้วเสร็จ ในระหว่างก่อสร้าง
จะเสี่ยงต่อการคอร์รัปชัน เพราะบริษัทรับเหมาต่างๆ
เจ้าของเครื่องมือเครื่องจักรต่างๆ
ล้วนอยากได้งานอยากขายของทั้งสิ้น
สร้างเสร็จแล้วยังเสี่ยงว่า จะมีใครมาบริหารหรือไม่?
จะมีคนเก่งคนดี พอจะบริหารหรือไม่?
ยกตัวอย่างรถไฟความเร็วสูง ถ้าให้การรถไฟปัจจุบัน
บริหารก็คงกลายเป็นรถไฟความเร็วตํ่า
ประสบภาวะขาดทุนอย่างรวดเร็ว?
ที่ผ่านมาเราไม่เคยมีการลงทุนมากมายขนาดนี้
แต่กระนั้นก็ยังมี ปัญหาขาดคนทำงาน
ขาดตั้งแต่ผู้บริหารไปจนถึงช่างเทคนิคทุกระดับ
มาลงทุนใหญ่ขนาดนี้จะรับไหวหรือไม่? อย่างไร?
อย่าหาว่าผมเป็นคนวิตกเป็นคนขี้กลัวเลยครับ
แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา
ทำให้ผมอดหวาดระแวงเสียมิได้เพราะมันจะมีปัญหา
ในทางปฏิบัติเกิดขึ้นอีกเยอะมาก
และจะเป็น ปัญหาที่คาดไม่ถึงมาก่อนเลยในโครงการพัฒนา
เกือบทุกโครงการ ผมจึงหวังว่าเมื่อรัฐบาลเป็นฝ่ายชนะในสภา
ได้เงินไปทำงานสมความตั้งใจแล้ว
ขออย่าได้แสดงความดีใจจนเกินเหตุ
ในทางตรงข้าม ผมอยากให้ท่านแสดงความหนักใจ
แสดงความกังวลใจเสียมากกว่าว่าบัดนี้ท่านจะต้องไปทำงาน
ที่ใหญ่หลวงกับเงินก้อนใหญ่หลวงของชาติ
ท่านจะต้องทำอย่างทุ่มเทอย่างสุดฝีมือ
จะต้องไม่ยอมให้ใครมาโกงกิน
มาหาเศษหาเลยจากทุกโครงการใน พ.ร.บ.นี้
เพราะถ้าพลาดคนรับกรรมคือคนไทยทั้งชาติครับ
ที่จะต้องตามใช้หนี้ที่ท่านก่อไว้ ผมบอกแล้วว่าผมเห็นด้วย
กับการลงทุนใน พ.ร.บ.นี้ แต่ก็บอกไว้เช่นกันว่า
ผมเห็นด้วยเพียงครึ่งเดียวของโครงการเท่านั้น
และแม้ในส่วนที่ผมเห็นด้วยนั้นผมก็ยังมีความหนักใจ
มีความกังวล ใจอยู่มากดังที่ระบายออกมาส่วนหนึ่งในวันนี้
ผมเป็นคนหัวเก่าครับ หนักอกหนักใจอะไร
มักอาศัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่พึ่ง...
ผมขออนุญาตพนมมือกราบไหว้พระคลังมหาสมบัติ
พระเทวะองค์ใหม่ของกระทรวงการคลัง
โปรดช่วยปกปักรักษาและดลบันดาลให้เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท
จงเกิดประโยชน์โพดผลแก่ประเทศไทยทุกประการเทอญ.
.......................
อ้างอิงจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คอลัมน์ "ซูม"
ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2556
| Create Date : 19 กันยายน 2556 |
| Last Update : 19 กันยายน 2556 21:30:57 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 1019 Pageviews. |
 |
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [
