วาทกรรมเผาบ้านเผาเมือง เรื่องเก่าที่อยากพูดถึง
มองในแง่กฎหมาย การเผาอาคารบ้านเรือนของผู้อื่นโดยเจตนา
ต้องรับโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218
ซึ่งเทียบเท่ากับโทษสูงสุดของการฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
และหากมีผู้ยุยงให้เผาด้วยการโฆษณาแก่คนทั่วไป
แม้ว่าการเผานั้น จะ "มิได้" กระทำลง
แต่โทษสูงสุดที่ผู้ยุจะได้รับก็คือ
"ครึ่งหนึ่ง" ของความผิดที่ยุให้กระทำ
นั่นก็คือ จำคุกตลอดชีวิต หรือ จำคุก 25 - 50 ปี
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 85 ประกอบมาตรา 218
ประเด็นสำคัญ ก็คือ ทำไม "ผู้ยุยงส่งเสริม" จึงต้องรับโทษ
ทั้ง ๆ ที่ความผิดที่ยุก็ "มิได้" กระทำลง
ผมเข้าใจว่า คงเป็นเพราะ การยุ คือการก่อให้ผู้อื่นกระทำผิด
ทั้ง ๆ ที่ คน ๆ นั้น "มิได้" คิดกระทำผิดมาก่อน
เมื่อมันเป็น "การก่อ" มันจึงอาจเชื่อมโยงกับการปฏิบัติจริงได้
และยิ่งเป็นการยุด้วยการประกาศโฆษณาแก่คนทั่วไป
โอกาสเชื่อมโยงไปสู่การปฏิบัติจริงก็ยิ่งกว้างขึ้น
คำว่า "ยุให้เผาบ้านเผาเมือง" จึงไม่ใช่แค่คำปราศรัยเอามันส์
เหมือนคำด่าหรือคำผรุสวาททั่วไป เพราะมันมีนัยยะของ
การชี้ช่องให้กระทำผิดอาญาที่รุนแรงมาก
ไม่ว่าการยุให้เผาบ้านเมืองนั้นจะมาจากสาเหตุอะไรก็ตาม
ผมไม่คิดว่า มันเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่จะทำเช่นนั้นได้
..................................................................
มองในแง่รัฐศาสตร์ การที่มวลชนเสื้อแดงจำนวนมาก
ยอมรับเรื่องการเผาบ้านเผาเมือง
นี่คือร่องรอยแห่งความเป็น "อนาธิปไตย"
เพราะเมื่อมวลชนจำนวนมาก เห็นด้วยกับเรื่องแบบนี้ได้
แสดงว่า Power (อำนาจนอกระบบ)
กำลังอยู่เหนือ Authority (อำนาจในระบบ)
ซึ่งในระบบประชาธิปไตยสิ่งที่ควรเป็นหลักประกัน
ให้แก่สิทธิเสรีภาพนั้นจะต้องเกิดจาก
อำนาจอันชอบธรรม หรือ Authority
สำหรับผม ทรราชย์ หรือ อนาธิปไตย มันเลวร้ายพอ ๆ กัน
..................................................................
อีกประเด็นที่สำคัญมาก นั่นก็คือ
"สำนึกอันเกิดจากการเปรียบเทียบ"
มันเป็นธรรมชาติของการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย
ที่จะต้องเกิดการเปรียบเทียบพฤติกรรมของทั้งสองฝ่าย
เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างกระทำผิด
และมีคนวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายหนึ่ง
ฝ่ายนั้นก็มัก อ้างการกระทำของฝ่ายตรงข้าม
เพื่อทำให้เห็นว่า พฤติกรรมฝ่ายตนไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น
เมื่อเสื้อเหลืองทำผิด คนเสื้อเหลืองก็มักอ้างว่า "ทีเสื้อแดงล่ะ"
และเมื่อเสื้อแดงทำผิด คนเสื้อแดงก็มักอ้างว่า "ทีเสื้อเหลืองล่ะ"
ทั้ง ๆ ที่ คำกล่าวอ้างในทำนองนี้
ไม่ได้ทำให้ความผิดของทั้งสองฝ่ายลดลงเลย แม้แต่นิดเดียว
เวลาผมพูดถึงความผิดของทั้งสองสี
และเจอเรื่องแบบนี้ มันจึงมีโอกาสสูงมาก
ที่ประเด็นจะถูกเบี่ยงเบนไป
การที่ผมยกเรื่องกรณีคำปราศรัยของเสื้อแดงมาพูด
จึงไม่ได้มีนัยยะใด ๆ ทั้งสิ้นต่อพฤติกรรมของเสื้อเหลือง
และไม่ได้หมายความว่า เสื้อเหลืองมันจะวิเศษเลอเลิศ
..................................................................
วันนี้ เสื้อเหลืองฝ่อไปแล้ว การฝ่อในครั้งนี้อาจมีอยู่หลายปัจจัย
ทั้งเรื่องผลประโยชน์และความคิดเห็นไม่ตรงกัน
แต่ผมคิดว่า ส่วนหนึ่งมันเกิดมาจาก "การล้ำเส้น" มากเกินไป
จนสังคมยอมรับไม่ได้ ปรากฏการณ์ฝ่อของเสื้อเหลือง
จึงเป็นเรื่องชอบด้วยเหตุผล และผมหวังให้ปรากฏการณ์นี้
เกิดกับทุกกลุ่มหรือทุกม็อบที่ล้ำเส้น
คนเรา มันจะถูกจะผิด อยู่ที่การกระทำของตนเอง
ไม่จำเป็นต้องไปอ้างว่า อีกฝ่ายมีพฤติกรรมอย่างไร
ถ้าสิ่งที่เราทำ มันถูกต้อง มันก็ต้องเป็นความถูกต้อง
ถ้าสิ่งที่เราทำ มันผิด มันก็ต้องเป็นความผิด
ความถูกความผิดจึงขึ้นอยู่กับตนเองล้วน ๆ
เรื่องถูก หรือ ผิด มันไม่มี "สังกัด" หรอก
Create Date : 23 มิถุนายน 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 25 มิถุนายน 2556 21:00:52 น. |
Counter : 1031 Pageviews. |
|
|
|