Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
11 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
เมื่อ ๑,๐๐๐ บาท 'ซื้อเสื้อแดง' ได้ตัวเดียว โดย เปลว สีเงิน จาก ไทยโพสต์


ไหน...ใครว่าเป็นรัฐบาลมา ๔ เดือนไม่มีผลงาน

ก็นี่ไง วานนี้ (๑๐ ม.ค.๕๕) ครม.ยิ่งลักษณ์

"กินก่อน-จ่ายทีหลัง" สร้างหนี้เพิ่มให้ ๖๓ ล้านคน

พรวดเดียวกี่ล้านล้านล่ะ ผมนับไม่ถูก จากการอนุมัติ

พ.ร.ก.กู้เงิน ๔ ฉบับรวด อ้างนำไปแก้น้ำท่วมบ้าง

นำไปสร้างอนาคตประเทศไทยบ้าง คลอด "ตัวเงิน"

ออกมาให้แล้ว แต่ "ตัวงาน" ที่ กยน.-กยอ.

จะทำ...ยังเป็นสเปิร์มอยู่เลย!

ความจริงที่คลอดออกมาวานนี้มากกว่า ๔ ฉบับ

เรียกว่าแจกยังกะ "ลาสต์ซัปเปอร์" เพราะเงินที่จะรีด

จากภาษีประชาชนไม่ใช่เงินของบิดร-มารดาคนอนุมัติ

นอกจาก พ.ร.ก.เงินกู้แล้ว ยังมีเงินสมนาคุณจาก

"กาลีบ้าน-กาลีเมือง" ที่สร้างความพินาศจนมีคนบาดเจ็บ

ล้มตายอีก ๒ พันล้าน

เอ้า...ว่ากันตามแม่บทก่อน พ.ร.ก.๔ ฉบับนั้นก็มี

๑.ร่าง พ.ร.ก.ปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้

เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน

พ.ศ. ... เพื่อให้แบงก์ชาติรับผิดชอบการชำระดอกเบี้ย

และเงินต้นของกองทุนฟื้นฟูฯ ๑.๑๔ ล้านล้านบาท

๒.ร่าง พ.ร.ก.เงินกู้เพื่อการบูรณะและฟื้นฟูประเทศที่ได้รับ

ความเสียหายจากปัญหาอุทกภัย พ.ศ. ... ๓.๕ แสนล้าน

๓.ร่าง พ.ร.ก.จัดตั้งกองทุนประภันภัย ๕ หมื่นล้านบาท และ

๔.ร่าง พ.ร.ก.แก้ไข พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย

เพื่อให้ ธปท.สามารถปล่อยสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรนให้แก่

สถาบันการเงิน ๓ แสนล้านบาท

ทั้งหลาย-ทั้งปวงนี้ เหตุผลของท่านคือ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม

ระยะยาว!!

ไหนใครว่าน้ำท่วมไม่ดีไง ทำเงิน-ทำทองให้รัฐบาล

และทำหนี้เฉลี่ยรายหัวให้ประชาชนคนไทยเพิ่มได้อีกบานตะไททันตา

เห็น นี่แหละ "รัฐบาลดีแต่กู้" ขนานแท้ละ

ก็ต้องยกให้เป็นผลงานของนายโกร่ง "นายกรัฐมนโท"

แห่ง กยอ.เขา หาวิธีเขยื้อนภูเขาขยะกองทุนฟื้นฟูฯ ๑.๑๔ ล้านล้าน

ไปจากคลัง ก็มีพื้นที่ว่างให้รัฐบาล "สร้างหนี้" ก้อนใหม่

สำหรับให้ กยอ.นำไปสร้างอนาคตประเทศใหม่ และให้ กยน.

เอาไปแก้ปัญหาน้ำท่วมถาวรได้นับล้านล้าน

นี่...น้ำรอบใหม่ใกล้จะมาอีกแล้ว แต่ทั้ง กยอ.-กยน.

เท่าที่สดับตรับฟัง จนบัดป่านนี้มีแต่น้ำลายเต็มโต๊ะประชุม

ยังไม่เห็นพิมพ์เขียวจากโครงการแน่นอนซักเรื่อง-ซักแห่งว่า

จะทำอะไร แบบไหน อย่างไร

แต่...หนอย...เขียนกฎหมายเป็น "ใบเบิกเงิน" ล่วงหน้าก่อนแล้ว

ถามจริงๆ เถอะว่า....รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะเก่งเหมือนจีนที่สร้างจัตุรัส

เทียนอันเหมินเสร็จภายใน ๑๑ เดือนงั้นหรือ....

จึงมั่นใจว่า ๖-๘ เดือน จะอยู่เป็นรัฐบาลจนสร้างอนาคตประเทศ

ได้สำเร็จ และสร้างปราการป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ถาวรได้ทันท่ใหม่?

แต่ไม่เป็นไร อยู่ช้า-อยู่เร็ว ก็สร้างมิติวิปลาสด้วยการประกาศให้

"วันตรุษจีน" เป็นวันหยุดราชการของไทยใน ๔ จังหวัดชายแดนใต้ได้

ก็แล้วกัน...เนอะ!

ใน พ.ร.ก.๔ ฉบับนั้น ที่เพ่งเล็ง และวิพากษ์-วิจารณ์ด้วยแง่มุมต่างๆ

กันมาก เห็นจะเป็น พ.ร.ก.โอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ จากคลัง

ไปให้แบงก์ชาติรับผิดชอบทั้งต้นและดอก ๑.๑๔ ล้านล้านบาท

ซึ่งหนี้ก่อนนี้เกิดเป็นตัว-เป็นตนในรัฐบาลพลเอกชวลิต

เรียกว่า "หนี้ต้มยำกุ้ง" นั่นแหละชัดเจน!

นักเศรษฐศาสตร์บางสำนักก็ว่า หนี้ ๑.๑๔ ล้านล้านนี้

จะอยู่ที่คลัง หรืออยู่แบงก์ชาติ มันก็คือหนี้สาธารณะอยู่บนหัว

ประชาชนทุกคนเหมือนกัน จึงเห็นด้วยที่ต้องบริหารจัดการ

อย่างใดอย่างหนึ่งให้เห็นอนาคต แทนที่จ่ายแต่ดอก ๖.๕ หมื่นล้าน/ปี

โดยเงินต้นไม่เคยลด และจะเป็นมรดกหนี้ผูกติดประเทศ

ติดตัวคนไทยไปชั่วกัลปาวสาน

บางสำนักก็ว่า รู้ทันหรอกน่า...เขยิบหนี้ก้อนนี้ไป

เพื่อสร้างหนี้ก้อนใหม่ มันไม่ดีที่ผลักภาระให้แบงก์ชาติ

สะเทือนถึงเสถียรภาพเศรษฐกิจประเทศแน่ ผู้คนจะเข้าใจว่า

การเมืองครอบงำแบงก์ชาติ เผลอๆอาจสั่งพิมพ์ธนบัตรออกมาใช้ก็ได้

และนั่นจะทำให้คนทั้งโลกขาดความเชื่อถือในธนาคารแห่งประเทศไทย

ลองคนไม่เชื่อในแบงก์ชาติ กรีซกับไทย...ใกล้กันแค่เอื้อมจริงๆ!

นั่นมุมต่างจากเหล่ากูรู แต่มุมที่ไม่ต่างกันเลย

คือค้านตรงกันในประเด็นเดียวกัน คือร่างมาตรา ๗(๓)

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ท่านออกมาพูดชัดเจนว่า มาตรา ๗(๓)

ที่ว่าให้โอนเงินหรือสินทรัพย์ของธนาคารแห่งประเทศไทย

หรือกองทุนเข้าบัญชีตามมาตรา ๕ ตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด

"มาตรา ๗(๓) นั้น เป็นการเขียนปลายเปิด ร่าง พ.ร.ก.

เขาบอกว่าให้โอนเงินหรือสินทรัพย์ของธปท.หรือของกองทุน

เข้าบัญชีเพื่อไปชำระหนี้ตามจำนวนที่คณะรัฐมนตรีกำหนด

พอเขียนข้อนี้ขึ้นมามันเท่ากับ ภาษาธนาคารเรียกเซ็นเช็คเปล่า

ให้กรอกตัวเลขเอง เขียนให้มาเถียงกันทำไมผมก็ไม่รู้...."

อย่าว่าแต่คุณชายปรีดิยาธรเลย ท่านรัฐมนตรีคลัง

"นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล" ท่านก็ไม่เห็นด้วยกับข้อความ

มาตรา ๗(๓) นั้น ท่านผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ "นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล"

ก็ไม่เห็นด้วย แต่ท่านรัฐมนโทโกร่ง และกิตติรัตน์ ณ จันทร์ส่องหล้า...

เขาจะเอาอย่างนั้น

สรุปที่เป็น พ.ร.ก.ผ่านมติ ครม.ออกมา นายอัชพร จารุจินดา

เลขาฯ กฤษฎีกา "ที่ปรึกษากฎหมายรัฐบาล" บอกว่า

ครม.มีมติให้แก้ร่างเดิมมาตรา ๗(๓) ที่ให้ทรัพย์สินและเงินของแบงก์

ชาติเข้าบัญชีเพื่อชำระหนี้ตามจำนวนที่คณะรัฐมนตรีกำหนด

ไปเป็น "แบงก์ชาติจะบริหารจัดการทรัพย์สินเอง"

แปลไทยเป็นไทยคือ ไม่มีการ blank cheque ให้รัฐบาล

รัฐบาลจะเข้ามาแทรกแซงแบงก์ชาติไม่ได้!

ก็ทำความเข้าใจกันอีกนิด หนี้ ๑.๑๔ ล้านล้านนี้

เดิมทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย คลังรับภาระ ใช้เงินจากงบประมาณ

ให้กองทุนฟื้นฟูฯ จ่ายไปแล้วร่วม ๗ แสนล้าน นี่จ่ายดอกอย่างเดียวนะ

ตานี้ รัฐบาลก็มาบริหาร-จัดการหนี้ก้อนนี้ใหม่ หนี้สินทั้งหมด

ของกองทุนฟื้นฟูฯ ยังอยู่ที่กระทรวงคลัง รัฐบาลยังคงเป็น

"ลูกหนี้" เหมือนเดิม แต่ต่อไปนี้กำหนดให้ การหาเงินมาจ่ายต้น-จ่าย

ดอกทั้งหมด ยกให้เป็น "หน้าที่" ของแบงก์ชาติ

ตามโครงสร้างนี้ ประมาณการหยาบๆ ว่า ๒๐ ปีขึ้นไป

อาจ...อาจนะครับ อาจจ่ายต้น-จ่ายดอก ในยอดเงิน ๑.๑๔ ล้านล้านนี้

ได้หมด!

แล้วแบงก์ชาติจะหาเงินที่ไหนมาจ่าย คำตอบคือ มาจาก ๓ ทาง

๑.กำไรสุทธิ และผลประโยชน์ต่างๆ ของ ธปท.

๒.กำไรจากการบริหารเงินทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ และ

๓.การโอนรายได้ค่าธรรมเนียมของสถาบันคุ้มครองเงินฝากที่

กำหนดเพดานไว้ที่ไม่เกิน ๑%

ความจริงก็เหมือนๆ เดิม เพิ่มตรงไปเอาเงินค่าธรรมเนียมสถาบันคุ้ม

ครองเงินฝากมาจ่ายหนี้ นี่แหละที่จะเป็น "วงจรอุบาทว์" ในอนาคต เริ่ม

จากแบงก์พาณิชย์ที่กำไรจะลดลง อาจหันไปขึ้นดอกเบี้ยกู้ ลดดอกเบี้ย

ฝาก หาวิธีรีดค่าบริการ-ค่าธรรมเนียมจากลูกค้า นั่นคือความซวยทั้ง

หมดจะไปลงที่

ประชาชน!

โครงการบริหารหนี้ใหม่นี้เป็นว่า หน้าที่หาเงินมาจ่ายคือแบงก์ชาติ,

ลูกหนี้ของเงิน ๑.๑๔ ล้านล้านก้อนนี้คือรัฐบาล แต่ผู้รับภาระเงินที่จ่าย

และภาระหนี้สินทั้งหมดก้อนนี้คือ ประชาชน ๖๓ ล้านคน และทุกคนที่

เกิดใหม่!!

พูดไปก็เหมือนเขกหัวตัวเอง จะโทษว่าหนี้ก้อนนี้แบงก์ชาติก่อ หรือ

คลังโดยรัฐบาลก่อก็ไม่ได้ มันเป็น "ค่าโง่" ที่ในนามประเทศไทยต้อง

จ่าย เมื่ออยากหมุนไปตามโลภาภิวัตน์ในระบบทุนนิยม

เอาเป็นว่านายธีระชัยทำตรงนี้ชอบแล้ว ไหนๆ มันก็หนี้ประเทศ

ปล่อยไปวันๆ มีแต่ดอกท่วมต้น บริหารจัดการให้มันเห็นอนาคต

ก็...โอ.เค.

จะไม่โอ.เค.ก็แบงก์พาณิชย์นั่นแหละ ส่วนแบงก์รัฐสบาย

ไม่อยู่ในระบบประกันเงินฝากเพราะ "รัฐบาลค้ำประกัน"

จึงไม่สะเทือนเรื่องส่งเงินเข้าสถาบันประกันเงินฝาก

ทุกวันนี้สถาบันฯ เก็บ ๐.๔๐% ถ้ายังไม่ขึ้นค่าประกัน

ก็ยังไม่สะเทือนกำไรแบงก์

แต่ด้วยโครงสร้างใหม่ตาม พ.ร.ก.เงินกู้นี้ ซักวัน...ไม่ต้องถึงเก็บเต็ม

ตามเพดาน ๑% หรอก เก็บเพิ่มซัก ๐.๐๒% พอดีจ่ายค่าดอก ๑.๑๔

ล้านล้านในแต่ละปี ผมว่าแบงก์พาณิชย์ทั้งหลายมีปัญหาแน่ เพราะ

สะเทือนทั้งกำไรในทางตรง และสะเทือนทั้งทางจิตวิทยา

ธุรกิจการเงินใต้ดินแบบเลี่ยงที่ไม่ต้องส่งเงินเกิดแน่!

เหมือนรีดภาษีหนัก ก็จะมีการทำบัญชีหลบภาษีนั่นแหละ

แล้วระบบเศรษฐกิจการเงินของประเทศอาจหมุนกลับไปหา

"จา พนม" ด้วยต้มยำกุ้ง ภาคเจ็บแล้วไม่จำอีกครั้ง!

ทุกวันนี้ ใช่ว่าแบงก์ชาติตัวเปล่าเล่าเปลือย ทั้งเป็นหนี้ และทั้งขาด

ทุนในการบริหารระบบเศรษฐกิจการเงินเยอะแยะ เรียกว่าปกติก็ต้องหา

เงินจ่ายต้น-จ่ายดอกหัวหมุนอยู่แล้ว เมื่อต้องรับภาระหาเงินจ่ายดอก

จ่ายต้นแทนคลังเพิ่มเข้ามาเป็น "หนี้ภาคบังคับ" อีก

ถ้าเศรษฐกิจยังไปได้ ก็พอถูไถ.....

แต่ถ้าเกิดสะดุดขึ้นมาวันไหน ด้วยภาระล้นบ่า

หนีพ้นมั้ยที่จะไม่ต้อง "พิมพ์แบงก์" เอง และวันนั้นเงินบาทจะเป็น

"เงินกระจาด" ๑,๐๐๐ บาท ซื้อเสื้อแดงได้ตัวเดียวเท่านั้นมั้ง!?



อ้างอิงจาก //thaipost.net/news/110112/50910




Create Date : 11 มกราคม 2555
Last Update : 15 มิถุนายน 2556 15:07:06 น. 0 comments
Counter : 904 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ART19
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]





ความเสมอภาคที่แท้จริง คือ
การที่ทุกคนต้องมีหน้าที่
การทำหน้าที่ของตนเอง
จะเป็นสิ่งที่กำหนดว่า
เราควรได้รับอะไร แค่ไหน
Friends' blogs
[Add ART19's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.