งานผ้ากับการสร้างรายได้
อาเจ้ฯ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาจับงานผ้าอย่างจริงๆ จังๆ พอเขียนบล็อคก็ชอบอ่านหมวด DIY เข้าไปดูว่าชาวบ้านเค้าทำอะไรกันบ้างหว่า...
แล้วก็แอบชื่นชมอยู่ในใจ ว่าเพื่อนๆ พี่ๆ ที่เขียนบล็อคทำไมทำงานผ้ากันได้เก่งจัง สวยๆ ทั้งนั้นเลย
อาเจ้ฯ เครียดหนักจากการเขียนดุษฏีนิพนธ์ ก็เลยคุยกันกับพี่สาวมาทำไรหนุกๆ แก้เครียดกันดีกว่า ไปหาซื้อผ้าลายน่ารักๆ ที่ตลาดด้วยกัน เอามานั่งทำกันสองคนพี่น้อง (ตามที่เล่าให้ฟังในบล็อคก่อนๆ ไงคะ)
ชิ้นแรกๆ ออกมาก็บูดๆ เบี้ยวๆ ไม่ได้มีความสวยเล้ยยยยยยยยยยยย
เดือนมกราคม 2557 กลับมาจากเชียงใหม่ ก็มานั่งบ่นกับพี่สาวว่า "เค้ายังไม่ได้สอบว่ะ...เอาไงดีอ่ะ ...เค้าคงต้องหางานทำแล้วล่ะ...เดี๋ยวไม่มีเงินส่งบ้าน"
พี่สาวก็ถามว่า แล้วคิดหรือยังว่าจะไปทำงานอะไร อาเจ้ฯ คิดแค่ว่า คงต้องเป็นงานขำๆ ที่ไม่กินเวลาในการเขียนงานวิจัยของเรามากเกินไป ตอนนั้นก็พูดเล่นๆ ว่า จะไปทำงานไรก็ได้ขำๆ ให้ได้ค่าแรงขั้นต่ำ อย่างน้อยวันละ 300 บาทเป็นพอ แต่งานต้องไม่หนัก...เดี๋ยวไม่มีเวลาเขียนงานต่อให้เสร็จเรียบร้อย
ผ่านไปซัก 2-3 วัน พี่สาวก็พูดขึ้นมาตอนทานข้าวว่า ไม่ต้องไปทำงานอะไรหรอก... มาทำงานผ้าแฮนด์เมดด้วยกันดีกว่า แล้วลองเอาไปขายด้วยกันดู ลองดูซิ๊ว่าจะขายได้ไม๊
นับจากวันนั้นมา อาเจ้ฯ กับพี่สาวก็มานั่งทำงานผ้าแฮนด์เมดด้วยกัน พอทำเสร็จ...สองคนพี่น้องก็กล้าๆ กลัวๆ อาเจ้ฯ กับพี่สาวออกแบบกระเป๋า Key cover แล้วลงมือตัด-เย็บด้วยกัน
อาเจ้ฯ เย็บจักรยังไม่เป็น ก็จะออกแบบและตัดชิ้นงาน จนกระทั่งเก็บรายละเอียดงาน พวกติดกระดุม ติด Tag Handmade เป็นต้น
จนหลังๆ อาเจ้ฯ หัดเย็บ..กุกๆ กักๆ ได้ ก็จะเย็บงานบางประเภทเอง ส่วนพี่สาวก็จะไปทำงานละเอียดๆ ราคาแพงๆ แทน พี่สาวจะได้ไม่เหนื่อยและก็งานไป Load กับเค้าเกินไป
พอทำของเสร็จ.. ถึงเวลาต้องเอาของไปขาย ก็นึกกันอยู่ว่า...เอาไงดีว๊ะ ไม่เคยเป็นแม่ค้าขายของตลาดนัด ไม่รู้จะหาที่ขายยังไง หรือไปขายที่ไหนดี...
บังเอิญว่า... พี่ที่เคยอยู่บ้านใกล้ๆ กัน (เค้าเป็นคนเคยรวย) เค้าผันตัวเองไปขายของตลาดนัด ก็เลยไปถามเค้าว่า.. จองที่ขายของทำยังไง... วางของขายทำยังไง หลังจากนั้นก็ไปหาซื้ออุปกรณ์ตั้งแสดงสินค้าตลาดนัดที่แม็คโครกัน
และแล้วอาเจ้ฯ กับพี่สาว ก็ได้เริ่มการสร้างรายได้ด้วยการขายงานผ้าด้วยกัน
ตอนเอากระเป๋าไปวางขายใหม่ๆ ก็ตื่นเต้นใจระทึก ว่าลูกค้าจะชอบงานของเราไม๊.... งานของเราจะมีคนซื้อไม๊ว๊ะ... คิดไปสารพัด สุดท้ายก็มีลูกค้าที่เค้าชอบงานแนวนี้...อุดหนุนไปจนได้
เคยเอาของไปวางขาย แล้ววันนั้นขายไม่ได้เลยซักบาทเลยก็มี สองคนพี่น้องก็หน้านิ่วกลับบ้านกัน พี่ยาย (แม่) ก็ให้กำลังใจตลอด ไม่เป็นไรหรอกลูก..เดี๋ยวเราก็ขายได้ อย่าพึ่งท้อสิ...คนอื่นลำบากกว่าเราก็มีนะลูกลองดูเค้าสิ อาเจ้ฯ กับพี่สาวก็ฮึดขึ้นมาได้
หลังจากนั้นก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ขายงานผ้าได้เยอะขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันนึงกลับมาถึงบ้าน เอากระเป๋าให้พี่ยายนับ... แล้วพี่ยายแจ้งยอดให้ทราบ ฮ๊า.............วันนี้ขายได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ
ก็เลยมีกำลังใจทำงานผ้าขึ้นมาเรื่อยๆ จนวันนี้...แอบขายดี มีคนชอบงานที่เราทำ...เดินแวะเวียนมาดูเรื่อยๆ รวมถึงสั่งออร์เดอร์ไปเป็นของชำร่วย หรือของกำนัลให้คนที่รักด้วยค่ะ
สิ่งหนึ่งที่อาเจ้ฯ กับพี่สาวไม่รับทำ ก็คือ...ทำสินค้าขายส่ง ไม่ใช่ว่าหยิ่ง..หรืออะไรหรอกนะคะ อาเจ้ฯ กับพี่สาวมองว่างานผ้า ก็คืองานศิลปะ เราต้องมีเวลานั่งคิดและดีไซน์ชิ้นงานของเรา ว่าจะให้หน้าตามันออกมายังไง เอาผ้าชิ้นไหนมา Match กับชิ้นไหนถึงจะสวย
ถ้าเราทำงานเยอะๆ เพื่อขายส่ง เราจะไม่มีเวลาคิดงานเลย เราได้แต่ทำกระเป๋าแบบก้มหน้าก้มตา..หน้ามันแผล่บ จนกระทั่งวันหนึ่ง..อาเจ้ฯ กับพี่สาวมองว่า เสน่ห์ของงานของเราจะหายไปแน่นอน
ชิ้นงานบางอัน...เราทำแค่ชิ้นเดียว ทำแบบค่อยๆ ทำด้วยความปราณีต นั่งเนาผ้า...ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเนาก็ได้ เพราะงานมันไม่ได้ขายแพงอะไร แต่อาเจ้ฯ ก็ทำ เพราะพองานมันเสร็จออกมา... งานจะออกมาเรียบร้อยและสวยกว่าเยอะเลย
พี่สาวเป็นคนใจเย็นมาก กระเป๋าผ้าที่ผ่านมือพี่สาวทุกใบจะเรียบร้อยปราณีต ออกมาปราณีตชนิด..ที่อาเจ้ฯ เป็นผู้ช่วยยังอยากซื้อใช้เองเลยค่ะ พี่สาวเลือกผ้าตัว..ผ้ากุ๊นสีโทนเดียวกัน ยังไม่พอ...ด้ายต้องสีเหมือนเป๊ะ.. ไม่เป๊ะ..ไปตลาดเลย ไปซื้อด้ายอย่างเดียวแล้วกลับ
เข้าเรื่องซักทีเนาะ เล่าอะไรไร้สาระมายาวเชียว
อาเจ้ฯ ไม่เคยคิดว่างานผ้าจะสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองได้ดีขนาดนี้ จนกระทั่งได้มาทำเองกับมือ ถึงได้รู้ว่า...งานผ้าถ้าหากเราทำดีๆ เราสามารถเลี้ยงตัวเองได้อย่างสบายๆ เลยค่ะ
ปัจจัยของความสำเร็จมีไม่กี่อย่างเลยค่ะ
1. ความปราณีตในการผลิตชิ้นงาน
อันนี้เป็นความสามารถของคนทำงานผ้า ซึ่งแต่ละคนมีความสามารถไม่เหมือนกัน คนซื้อกระเป๋าผ้า..เค้ามองความสวยงามของกระเป๋าที่ออกมา ดูถึงขนาดว่า...กุ๊นเบี้ยวไม๊.. เย็บตะเข็บโดดหรือเปล่า
2. ความไม่เหมือนใคร
งานผ้าเป็นงาน Unique ถึงแม้ว่าจะเป็นผ้าชิ้นเดียวกัน ตัดแบบเดียวกัน ยังไง๊..ยังไงก็ไม่เหมือนกัน
เราเคยแต่มีกระเป๋าสตางค์สีดำๆ น่าเบื่อๆ กระเป๋าผ้า..น่ารักสดใสไม่เหมือนใครจริงๆ ค่ะ
3. วิเคราะห์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้ดี
3.1 กลุ่มเป้าหมายกลุ่มใหม่
ลูกค้าที่ใช้งานผ้า...ไม่ได้มีเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น ผู้ชายก็มีค่ะ... เค้าอยากใช้งานผ้า... แต่ไม่ค่อยมีคนทำออกมาสำหรับพวกเค้าเท่านั้นเอง
วันนึงอาเจ้ฯ ลองทำกระเป๋าสีเขียวเข้มไปวาง พึ่งตั้งร้านเองนะคะ... น้องผู้ชายมาซื้อคนแรกๆ เลยค่ะ หน้าโหดๆ ..บุคลิกเป็นผู้ชายแท้ๆ เลย เค้าบอกว่าเค้าชอบงานผ้า...แต่ไม่มีที่ผมซื้อได้เลย
ที่สำคัญนะคะ.. ลูกค้าผู้ชายซื้อของไม่ต่อราคาซักคำ.. เราขายของได้ราคาด้วยค่ะ
3.2 วางตำแหน่งของสินค้าเราให้เป็น (Product Positioning)
งานผ้ามีหลากหลายสไตล์ค่ะ
งานตลาด A จะเป็นงานยากๆ เช่น ที่ทำ Patch work หรือ Applique งานชนิดนี้ใช้เวลาในการทำพอสมควร และมีความยาก ก็เลยทำให้ชิ้นงานมีราคาสูงไปด้วย
งานตลาด B จะมีความยากน้อยลงมาหน่อย แต่ใส่ความยากเข้าไปนิดหน่อยพอเป็นกระสัยให้มันสวยแค่นั้น
งานตลาด C จะไม่มีดีไซน์อะไรมาก เน้นถูกเป็นหลัก
เราก็เลือกเอา ว่าเราจะผลิตและขายงานผ้าของเราตลาดไหน อาเจ้ฯ เลือกทำงานตลาด B ซึ่งนักวิเคราะห์อย่างอาเจ้ฯ มองว่าเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่
ความใหญ่ของตลาดมันเกิดจาก ลูกค้าในตลาดนี้เป็นคนทำงาน ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อ
แต่ลูกค้ากลุ่มนี้เป็นผู้ใช้งานผ้ารายใหม่ เค้าจะยังไม่ชินกับการใช้กระเป๋าหรืองานผ้าที่จ๋าๆ มาก หลายคนจะบอกว่า..กระเป๋าสตางค์ใบยาวไซส์ที่เห็นกันในบล็อคแก๊งค์ มันใหญ่เกินไป...เค้าว่ามันเทอะทะ.. พี่สาวก็ลดไซส์ลง..เท่ากับกระเป๋าสตางค์ปกติ แต่ที่ใส่บัตร..ใส่เหรียญก็ยังคงไว้อยู่ เท่านี้ก็แฮปปี้...
ลูกค้าเป้าหมายอีกกลุ่มนึงก็คือ นักเรียน-นักศึกษา น้องๆ นร. นศ. ชอบงานสีสันสดใส สไตล์วัยรุ่น แต่ข้อเสียก็คือ..กำลังซื้อน้อย และจะมีกำลังซื้อเป็นช่วงๆ คือ ต้นเดือนและปลายเดือนเท่านั้น อาเจ้ฯ ก็เลยมองว่ากลุ่มนี้เป็น Secondary Target Market
4. อย่าหวงการใช้ Accessories
Accessories เป็นสิ่งสำคัญที่เราใช้ประกอบกับชิ้นงาน เช่น พวกหัวซิป ลายน่ารักๆ ต่างๆ .. กระดุมที่แพงกว่าปกติ แต่น่ารัก Tag ตัวอักษร เช่น คำว่า Handmade แบบต่างๆ
ใส่ไปเถอะค่ะ... มันทำให้ชิ้นงานมีราคา และดูเป็นมืออาชีพ
5. ให้ลูกค้าได้มีโอกาสเลือก
อาเจ้ฯ ไปอ่านวิจัยชิ้นนึงที่พูดถึง Desire for control งานวิจัยชิ้นนี้บอกว่า ลูกค้าชอบที่จะมีโอกาสควบคุมอะไรบางอย่างในชีวิตของเค้าด้วยตัวเอง โดยเฉพาะการได้มีโอกาสเลือกอะไรสำหรับตัวเอง เราลองนึกภาพดูนะคะว่า... เวลาเราไปซื้อของ แล้วมีของให้เราเลือกน้อย เราก็จะรู้สึกว่า..เหมือนเราโดนบังคับให้ซื้อยังไงไม่รู้ ถ้าเป็นแบบนั้น...เราก็จะขายไม่ค่อยดี แต่ถ้าเรามีให้เลือกเพียบเลย.... วันนั้นขายดีค่ะ
มีอีกสีให้เลือก 6. มนุษยสัมพันธ์ของคนขาย
อาเจ้ฯ กับพี่สาวตอนเริ่มขายไม่รู้ว่าเวลาเราขายของ..จะพูดกับลูกค้ายังไง อาเจ้ฯ ก็เลยใช้การคุยกับลูกค้าแทน เม้าท์แตกกันไปมา... บางคนไม่ซื้อแต่เค้าสนใจงานเรา...เดินเข้ามาดู อาเจ้ฯ ก็ชวนเค้าคุย..อธิบายงานไป-มา.. ผลสุดท้ายก็ซื้อจนได้
บางคนเดินเข้ามาดู..แต่ยังไม่ซื้อซักที เค้าบอกว่า...งานน่ารักนะ..แต่เค้าไม่รู้จะซื้อเอาไปทำอะไร อาเจ้ฯ ก็คุยกับเค้า..เหมือนคุยกับเพื่อน ไม่ได้กดดันให้เค้าซื้อของ..ของเรา ก่อนเค้าเดินจากไป.. อาเจ้ฯ ก็บอกเค้าว่า...วันหลังมาดูใหม่นะคะ มารอบหน้างานก็ไม่เหมือนแบบนี้หรอกค่ะ...จะมีทำออกมาใหม่เรื่อยๆ อย่าลืมแวะมาดูนะคะ
เค้าก็ Feel free ที่จะเดินเข้ามาหาเรา บางคนเดินมา...ก็มาทักทายเรื่อยๆ บางทีก็ถามว่า...วันนี้ขายดีไม๊คะ น่ารักดีค่ะ
--------------------
ทั้งหมดนี้ เป็นประสบการณ์ในการสร้างรายได้จากงานผ้าที่อาเจ้ฯ กับพี่สาวเจอมาเองกับตัว แล้วอยากจะมาแบ่งปันกับเพื่อนที่สนใจงานผ้าเหมือนกัน
อีก 1 เดือนอาเจ้ฯ ก็มีอาชีพที่สามารถใช้เลี้ยงตัวเองได้ดีแน่นอนหลังจากที่จบปริญญาเอกแล้ว ก็คงยังทำงานผ้าอยู่นะคะ... แต่ไม่ใช่เพื่อเลี้ยงตัวเองแบบที่ผ่านมาระยะนี้ แต่การทำงานผ้ากลายเป็นสิ่งที่เรารักไปซะแล้ว ถึงจะเข้าไปทำงานประจำ...ก็คงยังไม่ทิ้งงานผ้าหรอกค่ะ
สำหรับท่านอื่นๆ ที่มีฝีมือในการทำงานผ้า อาจจะพึ่งลาออกจากงาน หรือมีงานประจำแล้วรายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย และไม่รู้ว่าจะประกอบอาชีพอะไรเพิ่มเติมดี ลองทำงานผ้าดูนะคะ... ใช้สิ่งต่างๆ ที่อาเจ้ฯ เล่าให้ฟัง...เอาไปประยุกต์กับตัวเอง คุณก็คงจะมีรายได้ที่เลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ไม่ลำบากเลยค่ะ อาเจ้ฯ กับพี่สาวจะเป็นกำลังใจให้ค่ะ...
Create Date : 06 พฤษภาคม 2557 |
|
5 comments |
Last Update : 6 พฤษภาคม 2557 23:44:27 น. |
Counter : 5085 Pageviews. |
|
|
|