เรื่องวุ่นวายของชีวิตในแต่ละวัน
Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
14 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
กามเทพผิดคิว บทส่งท้าย ตอนที่ 1

มีสองตอนนะคะ จะทยอยนำมาลง รีบลงก่อนวันที่ 15 อาจไม่ว่างลง

สวัสดีทุกท่านค่ะ

บทส่งท้ายนะคะ ถ้าเบื่อกร่อยก็รออ่านเรื่องใหม่นะคะ

รามิลไม่ใช่คนวิตกกังวลง่าย เขาไม่ใช่คนประเภทที่ตื่นเต้นแล้วมือไม้ชื้นเต็มไปด้วยเหงื่อ แล้วพูดจาเงอะงะไม่ทันใจ แต่ตอนนี้เขากำลังเป็นแบบนี้อยู่หน้าประตูรั้วบ้านหลังเล็กๆทาสีฟ้าสดๆ

หลังจากเขาเคลียร์งานจนสถานการณ์บริษัทคลี่คลาย ถึงตอนนี้เขาก็คิดว่าถึงเวลาตามหาหัวใจเขาคืนมา หัวใจเขาที่ติดไปกับผู้หญิงตัวเล็กน่ารักที่เป็นผู้ช่วยเลขานุการของเขา บุษบงรำไพ ตั้งแต่วันแรกที่ได้พบเธอ รามิลคิดว่าชีวิตเขาเหมือนผจญภัย ผู้หญิงตัวเล็กๆผิวบางนุ่มนวลที่นั่งเคียงข้างเขาในรถคืนวันแรกที่รามิลพบเธอ แล้วทุกอย่างก็เกิดขึ้น เขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่แปะบนหน้าผากว่าไปที่ไหนต้อง ‘สนใจผู้หญิง’ แต่เธอคนนี้ต่างออกไป เขาไม่สามารถหยุดตัวเองได้ตอนที่เธอกระเด็นกระดอนมาชิดเขาบนเบาะหลังบนถนนขรุขระระหว่างทางกลับที่พัก น่ากลัวนะที่จะมีเรื่องควบคุมไม่ได้ในชีวิตเขา เพราะชีวิตเขาถูกควบคุมด้วยท่าทีเข้มแข็งนับตั้งแต่วันที่พ่อเขาตาย และตอนนั้นเขาเชื่อว่าแม่เป็นคนทำให้พ่อตาย พวกท่านแต่งงานกันด้วยความรักและทำร้ายอีกฝ่ายด้วยความรักเสมอมา จนรามิลตั้งใจกับตัวเองว่า เขาจะไม่ยอมให้ความรักครอบงำชีวิตเขาอีกต่อไป

ดูเหมือนจะมีคำกล่าวของนักวิทยาศาสตร์ที่พูดว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นเพราะโชคชะตา และโชคชะตาของเขาก็เริ่มขึ้นตั้งแต่คืนนั้น เธอวิ่งเตลิดหายไปจากเขาในเช้าวันรุ่งขึ้นด้วยท่าทีตระหนก ดวงตายาวรีสีน้ำตาลของเธอเต็มไปด้วยแววตาหวาดหวั่นและเจ็บปวดเหมือนลูกกวางบาดเจ็บ เขาวิ่งตามเธอไปที่หน้าลิฟต์ก่อนจะพบว่าเธอลงลิฟต์ไปแล้ว และเมื่อเขาโทรลงไปที่ฝ่ายต้อนรับส่วนหน้าก็พบว่าเธอวิ่งออกจากโรงแรมไปแล้ว ทำให้เขาต้องสบถลั่นด้วยความโมโหไอ้คำพูดต้อนรับที่พวกพนักงานท่องราวนกแก้วนกขุนทองยาวปรื๋อกว่าจะพูดกันด้วยภาษามนุษย์ได้ โธ่เว้ย!!

และเมื่อโทรไปหาเพื่อนที่คิดว่าเป็นคนส่งผู้หญิงคนนี้มาให้ก็ปรากกว่าผุ้หญิงของเพื่อนเขากลับไปเมื่อพบว่า เขามากับผู้หญิงอีกคน แล้วนั่นละคือการเริ่มต้นผจญภัย เขาให้เพื่อนที่กว้างขวางที่สุดในภูเก็ตตามหาตัวเธอ หญิงสาวในชุดสีม่วงเข้ม นิรนามและร้อนแรง แต่ไม่มีใครที่จะบอกได้ว่าเธอคือใคร อยู่ที่ไหน วูบหนึ่งของความตระหนก รามิลถึงกับเช็คตามโรงพยาบาลด้วยหวังว่าจะไม่เจอร่างไร้ชีวิตของเธอที่น่าเชื่อว่าเขาจะเป็นผู้ทำลาย เขายอมทิ้งงานทั้งหมดเพื่อตามหาตัวเธอจนในที่สุดต้องยอมแพ้ เธอคงขึ้นยานแม่กลับดวงดาวอื่นไปแล้ว รามิลตัดใจกลับกรุงเทพฯขณะที่งานเริ่มวุ่นวายเมื่อเขาไม่อยู่ตัดสินใจ แล้วดูสิว่าความพยายามทั้งหมดของเขาลงเอยอย่างไร เขาพลาดงานประชุมสำคัญๆถึงสามนัดและเธอ...บุษบงรำไพ ผู้หญิงลึกลับคนนั้นก็มานั่งเอ้อระเหยทำงานที่บริษัทฯที่เขาดูแล ตอนที่เขาหายตะลึงจากการที่อยู่ๆเห็นเจ้าหล่อนเดินออกมาจากห้วงคิดนั้น เขาอยากจะเค้นคอถามเจ้าหล่อนเหลือเกินว่า หล่อนต้องการอะไรกันแน่

บุษบงรำไพยังคงทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ ตอบคำถามมั่วไปยุ่งมาแบบที่เป็นหล่อน ช่างมีพรสวรรค์ในการตอบจริงๆ ตอนนั้นเขาคิดว่าหล่อนคงมีสายเลือดลึกลับของดาร์ท เวเดอร์แห่งสตาร์วอร์ด้วยซ้ำ หล่อนทำท่าจะเป็นจะตายเรื่องถูกย้ายโต๊ะทำงานถูกสอบสวน แล้วก็ออกไปเริงร่ากับเจ้าหนุ่มหน้าขาวที่เขามารู้ตอนหลังว่าชื่อ อรชุนแบบไม่ได้ทุกข์ร้อนจริงจัง เหลือเชื่อเลยไหมละ

รามิลไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาจึงโมโหมาก ตอนที่เธอยืนอยู่ตรงหน้าท่าทางท้าทาย แล้วเขาก็ต้องตระหนกเมื่อรู้ตัวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหวงแหนและเป็นเจ้าของเธอ

เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว เด็กคนอื่นมีของเล่นวันเกิดที่รักและหวงแหน แต่รามิลจะเพียงปรายตามองของเหล่านั้น เขาเรียนรู้ว่าการไม่รู้สึกผูกพันกับสิ่งใดเลยเป็นดั่งปราการอันแข็งแกร่งที่นำเขาออกจากความเจ็บปวด สิ่งใดที่เขารักมักถูกพรากจากเขาไปเสมอด้วยเหตุผลของย่าเขาที่ว่ามันไม่เหมาะสมที่ รามิเอล ซาเจนต์ที่ 16 ทายาทลำดับที่3 อย่างเขาจะทำตัวเช่นเด็กชาวบ้านปกติหากเขาจะเล่นรถบรรทุกท็องกาสีดำที่แนนนี่เขาให้ในวันเกิด แล้วจากนั้นเขาก็จะไม่มีวันเห็นของเล่นชิ้นนั้นอีก เมื่อโตขึ้นมาเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมสักเท่าไหร่ ทุกครั้งเขาจะหยุดตัวเองเสมอหากเขาจะสนใจสิ่งใดที่นอกเหนือไปจากสิ่งอันดีงามเหมาะสมตามที่เลดี้แอนนาเบลย่าของเขาต้องการ หากเขาจะเห็นเด็กสาวคนอื่นน่าสนใจกว่าเด็กสาวที่ย่าเขาแนะนำ หรือสนใจเรื่องอื่นๆนอกเหนือจากเรื่องที่ย่าเขาต้องการ รามิลจะต้องพบกับความลำบากใจที่เลดี้แอนนาเบลจะทำปั้นปึ่งใส่เขา รวมถึงการไม่ยอมรับประทานอาหารเพื่อให้เขารู้สึกสำนึกผิด รามิลจึงเลิกที่จะสนใจสิ่งใดๆทั้งหมดตามที่คนวัยเขาสนใจ

แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกอิจฉาและหวงแหนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขายอมที่จะนั่งรอหล่อนด้วยความหวงและห่วงหลังจากที่ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มานานแสนนานแล้ว จนในที่สุดเธอก็มายืนตรงหน้าแล้วทำท่าไม่รู้ไม่ชี้เช่นเคย เมื่อเขาถามว่าหล่อนไปไหนมา

“ฉันไปไหนก็ไม่เกี่ยวกับคุณ” หล่อนหันขวับมาจ้องเขา ท่าทางเอาเรื่อง ดวงตาสีน้ำตาลแวววับ

“คุณคงลืมข้อตกลงของเราแล้วเมื่อสองสามวันก่อน” เขาพยายามเตือนความทรงจำ

“ตอนนั้นฉันยังเด็กไม่ประสีประสาอะไร ถึงยอมให้คุณข่มขู่” หล่อนตอบ นี่ไงความเฉไฉ สามวาสองศอกของเจ้าหล่อน แถมยังทำท่าเกเรพาลไปถึงเรื่องคืนวันก่อนที่เขาติดประชุมและมาไม่ได้โดยไม่มีท่าทีจะเข้าใจว่า เบอร์โทรศัพท์ที่หล่อนลงไว้ในใบสมัครงานติดต่อไม่ได้ กว่าเขาจะเลิกประชุมก็ดึกเกินกว่าที่จะมาได้แล้ว ทำไมเรื่องเล็กๆแบบนี้จึงทำท่าเข้าใจยากนักนะ แล้วยังพูดไปถึงเรื่องชนชั้น เรื่องความไม่เท่าเทียมกันในสังคม แล้วเรื่องหล่อนจะแต่งงานแล้วทำทีบ่ายเบี่ยงเรื่องที่เกิดขึ้นของเขากับหล่อน ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรสลักสำคัญ เหอะ นี่ละ ผู้หญิง

หล่อนพูดจ๋อยๆแต่เขาไม่มีสมาธิจะฟังหรอก เขามองริมฝีปากเล็กๆน่ารักที่ขยับไปขยับมา เมื่อไหร่หล่อนจะหยุดพูดนะ แล้วจู่ๆบุษบงรำไพก็หยุด ดวงตาหวานคู่นั้นมีแววเอียงอายตอนที่สบตาเขา ริมฝีปากหล่อนสั่นระริกยามที่จ้องเขา ทั้งที่เขาเองตั้งใจอยู่แล้วว่าจะไม่ให้เสน่ห์เย้ายวนใจบดบังความมีเหตุผลของเขาไปได้แต่ทุกอย่างก็พังทลายเมื่อเขาก้มลงสัมผัสกลีบปากสวยคู่นั้นอย่างห้ามใจไม่อยุ่ มันมีอะไรบางอย่างที่ผูกพันเขาเข้าไว้กับบุษบงรำไพอย่างประหลาด เขารู้สึกเติมเต็มอบอุ่นและเหมือนได้กลับเข้าสู่บ้านเมื่อบุษบงรำไพอยู่ในอ้อมกอดเขา เขาเชื่อว่าเธอก็คงรู้สึกเช่นเดียวกันกับเขาและเขาก็จะขอให้หล่อนอยู่กับเขาจนกว่า...มนต์เสน่ห์นั้นจะคลายลง
ไม่ใช่เขาเห็นแก่ตัวที่จะเก็บหล่อนไว้เป็นของเล่นอย่างที่เจ้าหล่อนชอบว่าเขาหรอกนะ แต่คำว่าแต่งงานมันคือยาพิษสำหรับเขา ผุ้คนจะเกลียดกันหลังจากพวกเขาแต่งงานกันไป ดูอย่างชีวิตพ่อแม่เขาสิ หรือแม้กระทั่งย่าแอนนาเบลเองก็มีชีวิตที่เกลียดชังลอร์ดเดรค ปู่ของเขาจนวันที่ปู่สิ้นลม ย่าแอนนาเบลยังไม่คลายความเกลียดชัง รามิลแน่ใจว่าเขาสามารถให้ทุกอย่างที่หล่อนต้องการได้แต่แล้วหล่อนก็โกรธขึ้นมาเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

เจ้าหล่อนยื่นการ์ดแต่งงานให้เขาดูพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

“ฉันบอกคุณแล้วไงว่าแผนของฉันคือรอแต่งงานจริงๆ เรื่องระหว่างคุณกับฉันมันไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ เพราะฉันรักว่าที่สามีฉันมากเกินกว่าจะทรยศเขา”
รามิลนิ่งงัน เขาไม่เชื่อสิ่งที่เจ้าหล่อนเล่านักหรอกแต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหล่อนต้องร้องไห้ บางทีเขาน่าจะรู้ว่าผู้หญิงไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการแต่งงานแล้วฉีกทำลายมันด้วยอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ใดก็ตาม เอาละแล้วไง เขาก็ไม่ต้องการการแต่งงานและเขาไม่ชอบการเล่นเกม โดยพาะเกมที่ว่า ‘ถ้าเธอไม่แต่งงานกับฉัน ยังมีคนอื่นที่จะแต่งงานกับฉัน’ เขาไม่ใช่เด็กๆที่หล่อนจะขู่ด้วยการเล่นเกมแบบนี้

“ผมคงต้องขอโทษคุณด้วยในเรื่องที่ผ่านมา” น้ำเสียงเขาเรียบเฉยไร้อารมณ์ใดๆทั้งสิ้น สีหน้าเสียใจของหล่อนทำเอาเขาเกือบใจอ่อน รามิลโหยหาถึงคืนที่เธอนอนเงียบๆในอ้อมกอดเขา ทั้งที่เขาเคยเกลียดหากใครจะมายัดเยียดความใกล้ชิดให้ และมันก็ไม่มีผลดีกับใครเลยถ้าเขายังขืนดันทุรังที่จะยืนตรงนี้ เขาควรจะไปดีกว่า รามิลเดินออกมาเงียบๆ


..........................................................

แสงแดดสุดท้ายของยามเย็นวันอาทิตย์ทอดตัวอ่อนๆตอนที่เขาเลี้ยวรถเข้าอาณาเขตบ้านรฆุพงศ์ ดึงเขาให้รู้สึกตัวจากภวังค์ที่มีแต่เรื่องราวของบุษบงรำไพ ผู้หญิงที่ทำให้เขาวุ่นวายใจที่สุดทั้งที่เขามีงานมากมายกองสุมให้ทำ ตอนนี้เขาควรจะตั้งสมาธิกับการรับประทานอาหารค่ำกับคุณหญิงปรียานันท์แม่ของเขา

บ้านทั้งบ้านดูแปลกๆไป มีดอกไม้วางมุมนั้นมุมนี้อย่างมีชีวิตชีวา อะไรเข้าสิงคุณหญิงปรียานันท์ที่วันๆนั่งนิ่งไม่แยแสใครลุกขึ้นมาจัดบ้าน อย่างน้อยมันก็ดีช่วยให้มีกลิ่นอายความเป็นบ้านมากกว่าที่เคยเป็น รามิลเคยสงสัยว่าจะมีสักวันไหมนะที่เขาจะสนิทสนมกับคุณหญิงปรียานันท์เช่นแม่ลูกคนอื่นๆ

“รามิล” คุณหญิงทักเขาเบาๆ ท่าทางเกร็งๆ “มาตรงเวลาดี”

“ครับ คุณหญิง” เขาตอบเบาๆ

“วันนี้แม่เตรียมอาหารให้ลูกเองนะ ไม่ได้สั่งที่ไหนหรอก” คุณหญิงชวนคุย พลางนั่งลงที่หัวโต๊ะที่เขาช่วยเลื่อนเก้าอี้ให้อย่างสุภาพ “แม่ไม่รู้ว่ารามิลชอบทานอะไร แม่เลยทำหลายอย่างเชียว ลูกจะทานเลยไหม”

แม่บ้านลำเลียงอาหารขึ้นโต๊ะ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้กินอาหารที่แม่แท้ๆของเขาปรุงให้ตั้งแต่จำความได้

“ความจริงคุณหญิงไม่น่าต้องลำบาก ผมทานอะไรก็ได้” รามิลพูดเรียบๆ ตามองอาหารที่แม่บ้านลำเลียงขึ้นบนโต๊ะ เขาไม่ใช่เด็กชายรามิลที่ยืนมองแม่อยู่ไกลๆอีกต่อไปแล้ว แม่ที่ไม่ต้องการเขาแต่เขาก็ยังต้องการแม่อยู่ดี

“นี่เป็นความคิดของเลขาฯลูก บุษบงรำไพ” เสียงแม่พูดเนิบๆ “บุษบงรำไพออกมาทานข้าวเถอะ ยืนตรงนั้นจะเมื่อยซะเปล่าๆ”

รามิลมองร่างที่เดินออกมาจากม่านหน้าต่างบานยาวช้าๆอย่างงุนงง นี่หล่อนกำลังเล่นอะไรนี่และหล่อนไปแอบหลังม่านตั้งแต่เมื่อไหร่

บุษบงรำไพทำหน้าตายเดินมานั่งรับประทานอาหาร รามิลพยายามหาเหตุผลและความเชื่อมโยงระหว่างแม่เขาที่เย็นชากับแม่ตัวดีก็ไม่เห็นเหตุผลอะไรที่จะอธิบายเรื่องทั้งหมดนี้ได้ว่า เหตุใดผู้หญิงต่างวัยสองคนนี้จึงเข้ากันได้ดี ไม่ว่าพรสวรรค์ของเขาจะเป็นเรื่องอะไร เรื่องงานและความคิดวิสัยทัศน์ที่เฉียบขาดกว่าคนอื่นๆแต่คงไม่ใช่เรื่องผุ้หญิงแน่ๆ ทำไมเขาถึงคิดไม่ออกนะว่าทำไมแม่เขาจึงมีท่าทีสนิทสนมกับบุษบงรำไพได้ขนาดนี้

รามิลวนเวียนคิดเรื่องนี้ และแน่นอนสายตาเขาวนเวียนจับจ้องแต่ใบหน้าสวยแอร่มของเธออย่างไม่อาจละสายตาไปได้ จนกระทั่งหล่อนขอตัวกลับนั่นละ คุณหญิงปรียานันท์กระแอมกระไอยิ้มๆตอนที่เขามองตามร่างเล็กๆที่เดินจากไป ท่าทางหล่อนบอกว่า ‘อย่ามายุ่งเชียวนะเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน’

มีอะไรแปลกๆที่ยากจะอธิบายได้ มีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวหล่อนที่ดูเป็นสิ่งมีเสน่ห์สำหรับเขา ท่าทางไว้ตัวขณะเดียวกันก็เซ็กซี่อย่างผู้หญิงแท้ๆด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ว่าตัวเองสร้างความระทึกใจให้กับใคร เธอไม่มีทีท่าจะหว่านเสน่ห์ด้วยท่าทีมาดมั่นอย่างที่รามิลเองก็เบื่อกับบรรดาผู้หญิงโสดไม่โสดที่เขาเคยเจอมาที่มักแต่จะทำท่าวี้ดว้ายขณะเดียวกันก็ทำทีมั่นใจในตัวเองของผู้หญิงยุคใหม่เสียเหลือเกิน บุษบงรำไพออกจะมีท่าทีเอียงอายไม่มั่นใจนักด้วยซ้ำ

“ดูน่ารักดีนะ” คุณหญิงปรียานันท์เปรยๆ ตามองตามร่างที่ผลุบหายออกไปนอกรั้วอย่างรวดเร็ว “แม่ว่าหนูบุษน่าจะเป็นคนที่ใครอยู่ด้วยก็มีความสุข ออกจะร่าเริงมีอารมณ์ขันแบบนั้น”

เขาวางท่าเรียบเฉย ให้ตายเถอะ ตอนนี้เขาไม่ต้องการคำปรึกษาจากท่าน รามิลเคยคิดว่าเขาเกลียดแม่มาตลอดแต่นั่นก็เพราะแม่เกลียดและไม่ต้องการเขาก่อน ย่าแอนนาเบลบอกเขาว่าแม่แทบจะฆ่าเขาตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอรู้ว่าตั้งท้องเขา เพราะเขาทำให้เธอไม่สามารถใช้ชีวิตหรูหราเสเพลแบบที่เคยเป็นมาก่อน กระทั่งวันเกิดเขาตอนอายุหกขวบ เขาจำได้ว่าเขาวิ่งเข้าไปเกาะชายกระโปรงผ้าไหมของเธอ เธอแกะมือเขาออกพร้อมก้าวขึ้นรถออกจากบ้านไปเพื่อไปอยู่กับคนรักใหม่ทั้งที่ยังมีชื่อว่าเป็นภรรยาของพ่อ ย่าบอกว่าเธอเป็นความอัปยศของตระกุลซาเจ้นท์ที่สืบทอดอย่างยาวนาน และย่าเองก็ต้องเข้มงวดกับเขาเพื่อขจัดเอาเลือดต่างสีออกไป แต่เขาก็เกลียดท่านไม่ลง ออกจะดีใจด้วยซ้ำ นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาเห็นคุณหญิงปรียานันท์ยิ้มแย้ม

รามิลเดินเข้าห้องนั่งเล่นเพื่อดื่มกาแฟหลังอาหารตามธรรมเนียม ขณะเดียวกันก็จะเป็นเวลาที่เขาจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้าน คุณหญิงปรียานันท์ก็ยังพูดคุยเรื่องบุษบงรำไพไม่ขาดปากพร้อมซักถามเขาถึงนิสัยใจคอเจ้าหล่อน

“ทำงานดี มีความรับผิดชอบและชอบหลบไปจับกลุ่มคุยกับพวกเพื่อนๆในเวลาบ่ายๆ” เขาเล่า นึกถึงวันหนึ่งที่เขาเลี้ยวรถเข้ามาที่ตึกและเห็นสาวๆสองสามคนหนึ่งในนั้นคือบุษบงรำไพ พวกหล่อนวิ่งตัดหน้ารถเขาข้ามถนนไปแล้วผลุบหายเข้าไปในร้านกาแฟ ราวสักชั่วโมงเห็นจะได้ที่พวกหล่อนจะออกมาอีกครั้ง พอเขาถามกับเพียงออ หล่อนก็อธิบายว่าผู้ช่วยเลขาอีกคนไม่เข้าใจโปรแกรมอะไรสักอย่างนี่ละ ดังนั้นผุ้ช่วยหล่อนจึงต้องไปสอนให้บ่อยๆ ไม่ต้องสงสัยเลย แม้แต่จอมโหดอย่างเพียงออก็ยังโดนแม่ตัวดีปั่นหัวเอา

หลังจากนั้นเหตุการณ์ระหว่างเขากับหล่อนก็แย่ลงสุดๆ เมื่อเขาลองสอบถามไปที่ทำงานเก่าของหล่อนและเจ้านายเก่าที่รับสายยืนยันว่า บุษบงรำไพกำลังจะแต่งงาน แต่มีเหตุผลบางอย่างที่ต้องเลื่อนงานแต่งงานออกไป มันทำให้เขาโกรธสุดๆไปเลย โกรธทั้งตัวเองโกรธทั้งหล่อน โกรธที่ตัวเองอ่อนไหว และสุดท้ายละเมิดกฎทองของตัวเองที่จะไม่ผูกพันกับใครหรือสิ่งใดๆ ทำให้เขาทุ่มเทให้กับงานอย่างหนักเพื่อสร้างเกราะกำบังให้กับตัวเอง เพราะคำว่า ‘อ่อนไหว’ คำเดียวแท้ๆ

“สิบสามนาที”

“อะไรสิบสามนาที?” เขาเงยหน้าขึ้นสบตา ใบหน้าอ่อนใสดูเอาเรื่องแบบไม่ลดละ ตาหล่อนวาววับ

“ท่านกรรมการฯสั่งว่าถ้าแฟ้มไม่มาในสิบนาที ท่านจะไล่ออก ฉันก็เลยบอกให้รู้ว่าทั้งหมดสิบสามนาที” หล่อนมองเขา สีหน้าน้อยใจ

เขาทำหน้านิ่ว “คุณรู้ไหมว่า เวลาของผมมีค่านาทีละเท่าไหร่ พลาดไปเพียงนาทีเดียวบริษัทอาจเสียเงินเป็นล้าน”

“ถ้าอย่างนั้นก็เสียไปแล้วสามล้าน” น้ำเสียงบุษบงรำไพประชดประชัน “มันเป็นแค่ข้ออ้างที่คุณจะได้ระบายอารมณ์กับพนักงานชั้นล่างเท่านั้นล่ะ ฉันรีบทำโดยแทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำแต่พอฉันนำมาส่งคุณกลับไม่ได้แม้แต่จะเปิดดู”

เจ้าหล่อนทำเสียงสั่นๆ ทำไมหล่อนจะต้องมาตอแยกับเขาอีกนะทั้งที่หล่อนเองก็กำลังจะแต่งงาน รามิลถอนหายใจ มีสองอย่างที่เขาอยากจะทำคือถ้าไม่ลากตัวหล่อนเอาไปเก็บไว้ในคอนโดฯอย่างที่ใจเขาอยากจะทำก็ไล่หล่อนออกไป มันไม่ควรที่จะต้องมาทำงานแล้วเจอกันให้สมาธิเขาวอกแวกเลย ให้ตายสิ

รามิลเปิดแฟ้มพลิกดู “กลับไปแก้ใหม่ ท่าทางคุณจะไม่ได้อ่านเมล์ที่ผมส่งไปให้ ก่อนจะทำตารางนัดหมายและการประชุม คุณต้องได้รับเมล์ตอบรับยืนยันเวลามาก่อน เราบินไปยุโรปนะ ไม่ใช่กรุงเทพพัทยา” เสียงของเขาเฉียบขาด

เจ้าหล่อนทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกได้ก่อนจะพึมพำแก้ตัวไปมั่วๆตามเคย ก่อนจะรีบแจ้นออกไปด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน แล้วทำทีหลบหน้าเขาอยู่ตลอดทั้งสัปดาห์ แสร้งทำเป็นง่วนกับหน้าจอคอมพิวเตอร์บ้าง แสร้งทำเป็นค้นหาเอกสารใต้โต๊ะกุกกักๆบ้าง จะมีบ้างที่สบตากันตรงๆแล้ว เขาเองนั่นละที่ชะงักไปกับสายตาตัดพ้อน้อยใจของหล่อน ทั้งที่เขาเองควรจะเป็นฝ่ายที่จะรู้สึกมากกว่าเพราะเขาไม่ใช่คนที่กำลังจะแต่งงาน

รามิลนึกถึงตลกเสียดสีร้ายกาจเรื่องเจ้านายเลขา มันเป็นเรื่องจริงทั้งนั้นสำหรับการมีความสัมพันธ์ในที่ทำงาน และเขาก็เกลียดเรื่องนั้นแทบบ้า นี่ละปัญหาส่วนตัวของเขาที่ไม่เคยมีมาตลอดสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งปัญหาเรื่องงานที่บริษัทฯอาจจะถูกลูกค้าฟ้องร้องเรื่องผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ มันทำให้ชีวิตเขาแย่สุดๆในช่วงสัปดาห์นั้น และใกล้วันหยุดยาว งานเขายิ่งชงักงันกันไปใหญ่ เขาเองไม่มีแผนไปเที่ยวไหนหรอกและเขาก็วางแผนลากคนอื่นมาร่วมทำงานกับเขาด้วยโดยพาะพวกกรรมการทั้งหลายที่จะต้องตัดสินใจ วันหยุดยาวในเมืองไทยแต่ที่ต่างประเทศธุรกิจก็ไม่อาจหยุดรอได้

รามิลนึกภาพออกเลยว่าบุษบงรำไพจะเริงร่ากับวันหยุดของหล่อนขนาดไหน เขากดโทรศัพท์ถึงเธอแล้วเปลี่ยนใจ บางทีปล่อยให้เป็นแบบนี้ก็น่าจะดีที่สุด เขาบอกกับตัวเอง สุดท้ายคืนนั้นเขาก็ส่งข้อความถึงหล่อนอยู่ดี เมื่อความคิดหนึ่งแล่นพาดผ่านสมองเขา หล่อนอาจจะไปเที่ยวกับว่าที่สามีของหล่อน แม้รู้ว่ามันเป็นข่าวร้ายสำหรับเขาแต่เขาก็ยังอยากจะรู้อยู่ดี ไม่แน่ใจว่าเพื่ออะไรเหมือนกัน

เสียงหล่อนเหมือนอยู่ไกลๆออกไป ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะดีใจขนาดนี่เมื่อได้ยินเสียงเจ้าหล่อน

“คุณยังทำงานอยู่เหรอคะนี่มันวันหยุดยาว ทำไมคุณไม่ไปเที่ยวพักผ่อนล่ะคะ” หล่อนยังคงช่างซัก

“บุษบงรำไพผมงานยุ่งและผมก็ไม่อยากไปเที่ยวที่ไหน พรุ่งนี้ผมนัดคุณภัทรกับกรรมการบางคนมาประชุมที่บ้าน” พูดแบบกรรมการผู้จัดการตัวจริงเลยละ ทั้งที่ว่าไปแล้วมันเป็นงานประชุมที่เขาอยากดูท่าทีน้ำเสียงกรรมการบางคนเท่านั้น ไม่ใช่การประชุมอะไรนักหนาหรอก ภัทรเสนอว่าเขาน่าจะหยั่งเสียงกรรมการก่อนที่จะตัดสินใจ

“คุณประชุมก็ต้องการเลขาฯ” บุษบงรำไพพูดเหมือนให้เขารุ้ว่า เลขานุการกับงานประชุมเป็นของที่เกิดมาคู่กันเหมือนไก่กับไข่นั่นละ เธอช่างไม่รู้จริงๆว่าเลขาฯอย่างเธอทำเขาวุ่นวายขนาดไหน “งั้นเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”

เขาวางสาย พระเจ้า นี่แสดงว่าบุษบงรำไพไม่ได้ไปกับคู่หมั้นหล่อน ‘รามิล นายนี่ปัญญาอ่อน’ เขาพูดกับตัวเองในความดีใจที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ไม่น่าเป็นไปได้เลยที่ผู้ชายแข็งแกร่งอย่างเขาจะอยากกระโดดโลดเต้นไปมา และจูบผู้หญิงตัวเล็กๆปลายสายที่บอกเขาง่ายๆเพียงว่า แล้วเจอกันพรุ่งนี้

เขาลืมความโกรธ เสียใจ ข้องใจไปทั้งมวล อยากจะเต้นรำไปรอบๆห้อง ใครจะเชื่อว่าคนอย่างรามิลจะตกหลุมรักกับผู้หญิงตาสีน้ำตาล แก้มแดงทุกครั้งที่อาย แม้ใครๆจะพูดว่ารักแรกพบมีจริงแต่เขาแทบจะไม่เชื่อเลยจนมาเจอกับตัวเอง รามิลเดินไปเดินมาด้วยจังหวะแทงโก้แล้วชะงักไปกลางคัน เมื่อครู่เขาบอกกับตัวเองจริงๆหรือว่ารักแรกพบ เรื่องนี้ใหญ่กว่าที่คิดอีกแฮะ แรกๆเขาคิดเพียงว่าอยากเห็นหน้าหล่อนทุกครั้งที่เงยหน้ามาตอนนี้เขากลับ...กลับคิดว่าเป็นรักแรกพบอย่างนั้นหรือ มันไม่น่าจะเกิดกับกรรมการผู้จัดการบริษัทมหาชนยักษ์ใหญ่วัยสามสิบเก้าที่ควบคุมตัวเองได้แทบจะตลอดเวลา ใช่แทบจะตลอดเวลายกเว้นตอนที่มีบุษบงรำไพอยู่ใกล้ๆ หึๆ

หล่อนดุน่าเอ็นดุในชุดกางเกงยีนส์สีซีดที่ส่งให้ขาดูเพรียวยาวอย่างทะมัดทะแมงยิ่งขึ้นในสายของวันรุ่งขึ้น ใบหน้าอ่อนใสดวงตาเป็นประกายเหมือนตากวางเหลือบแลไปรอบๆอย่างซึมซับบรรยากาศ

เมื่อสบตากัน สัญญาณแห่งกระแสไฟฟ้าระหว่างเขากับหล่อนก็วิ่งไปมา ก็ดูเป็นเรื่องสมเหตุผลถ้าเทียบกับความคิดคำนึงถึงหล่อนตลอดวันที่ผ่านมาเมื่อวานนี้

“คุณจะนั่งพักดื่มกาแฟก่อนไหมแล้วค่อยเริ่มงานกัน” เขาถามเธอ

“ก็ดีเหมือนกันค่ะ แต่ฉันขออนุญาตเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาสักนิดก่อนได้ไหมคะ”

“ห้องน้ำอยู่ประตูที่สองซ้ายมือ” เขาบุ้ยไปทางห้องน้ำ “เดี๋ยวผมจะชงกาแฟให้”

เมื่อเจ้าหล่อนออกจากห้องน้ำ ก็เดินตรงไปที่กาแฟพร้อมตักครีมน้ำตาลใส่พรวดๆ ซึ่งหาไม่ได้ในผู้หญิงสมัยนี้ที่จะกล้าใส่ครีมน้ำตาลอย่างไม่เกรงใจน้ำหนักเช่นหล่อน รามิลนึกขัน นี่ถ้าเป็นผู้หญิงที่วางฟอร์มแบบเวิร์คกิ้งวูแมนสักนิด หล่อนคงใส่น้ำตาลนิดหน่อยหรือไม่ก็ครีมอีกนิดหน่อยแล้วยกขึ้นจิบก่อนจะวางทิ้งอย่างไม่แยแส ผู้คนเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยทำสิ่งที่ตัวเองต้องการถ้ามันดูไม่เป็นไปตามเทรนด์หรือกระแส กาแฟร้อนสำเร็จรูปจะครีมน้อยหวานน้อย แต่ครั้นเข้าร้านกาแฟดังๆก็โปะวิปครีมหนาๆกันไป น่าตลกดี

หลังจากนั้นก็เริ่มทำงาน รามิลพยายามเพ่งสมาธิจดจ่อที่เนื้อหาการประชุม แต่เขาก็ยังเห็นบุษบงรำไพตั้งอกตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างขันแข็ง ทั้งที่เขาอยากจะบอกหล่อนว่านี่เป็นการหยั่งเสียงลองเชิงเพื่อสืบหาข้อมูล แต่แน่ละเขาบอกอะไรไม่ได้ เพราะนี่คือการทำงานและความรับผิดชอบของเขา

หล่อนฟุบหลับไปตอนสี่ทุ่ม เมื่อเขาเหลือบสายตามาอีกครั้ง ผู้ช่วยเขาหัวเราะขันพร้อมทั้งบอกเขาให้หล่อนพักที่นี่ดีกว่าที่จะปลุกหล่อนกลับบ้านดึกๆดื่นๆ อีกอย่างพวกเขาก็ตั้งใจจะทำงานกันตลอดคืนอยู่แล้ว จากท่าทีงานประชุมสองครั้งนี้ เขาแจ้งเวลาและประเทศที่จะจัดงานเปิดตัวต่างกัน หากฝ่ายคู่แข่งที่จ้องจะทำลายชื่อเสียงบริษัทฯรู้กำหนดการเรื่องเวลาและประเทศก็ย่อมเดาได้ว่ามีหนอนบ่อนไส้ภายในบริษัทฯและนั่นเป็นความรับผิดชอบเขาที่ต้องจัดการ

ภัทรขอตัวกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและดูแลภรรยาก่อนจะกลับมาอีกครั้ง นั่นละจึงเป็นช่วงเวลาที่เขาจะได้นั่งมองบุษบงรำไพตามลำพัง และอดไม่ได้ที่จะไล้แก้มเปล่งปลั่ง

“บุษบงรำไพ” เขาพึมพำเรียกเธอ

หล่อนงัวเงียตื่นก่อนยิ้มอายๆ “สวัสดีค่ะ ฉันเผลอหลับไปนานแค่ไหนคะ”

หล่อนกระวีกระวาดลุกขึ้นมาทำท่าจะพิมพ์ต่อ

“คุณไปอาบน้ำก่อนดีไหมจะได้สดชื่น ผมเห็นคุณเอากระเป๋ามาค้างด้วยเลยนำไปวางไว้ในห้องนอนเล็กอีกห้องแล้ว” เขาบอกเสียงเบาๆ รีบออกจากห้องก่อนที่เขาจะหยุดตัวเองไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าเป็นความคิดที่ดีหรือไม่ที่ให้เธอค้างที่นี่ คิดสะระตะแล้วไม่น่าจะดีเท่าไหร่เลย

บุษบงรำไพเนื้อตัวหอมกรุ่นหลังจากอาบน้ำเสร็จ เหมือนดอกไม้เล็กๆที่สดชื่นหลังฝน และเป็นดอกไม้ที่ขยันน่าดู

“ฉันว่าฉันไปทำงานต่อให้เสร็จดีกว่า” หล่อนบอกเขาหลังจากที่เขาถามว่าหิวไหม รามิลยักไหล่ เขาคงต้องอยู่ห่างๆจากบุษบงรำไพจนกว่าที่ภัทรจะกลับมา เมื่อพบว่าการอยู่ตามลำพังกับผู้หญิงแก้มแดง ตาใสๆตามลำพังช่างยากเย็นกว่าที่คิด หล่อนมาเพื่อทำงานให้เขาและหล่อนกำลังจะแต่งงาน เขาควรจะหยุดเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเอง รามิลผละเข้าไปในครัวแล้วพบว่าหล่อนยังตามเขาเข้ามา

“พอดีฉันนึกได้ว่า ได้นมซะหน่อยคงจะดีกว่า” หล่อนพูดเก้อๆ

หลังจากรินนมให้หล่อน บุษบงรำไพยังพูดเจื้อยแจ้วไปถึงเรื่องนม เรื่องความรักของแม่ โอ๊ยมันแทงทะลุใจดำของเขาเลยทีเดียวละ

“อย่าเอาเรื่องผมไปเกี่ยวกับคุณหญิงปรียานันท์” เขาพูดด้วยเสียงดุดันหวังใจจะให้หล่อนกลัวและหยุดพล่ามเสียที

“แทนที่คุณจะมองว่าใครทำผิดพลาด ทำไมคุณไม่ตระหนักว่านี่คือคนๆเดียวที่คุณเหลืออยู่บนโลกนี้ คนที่รักคุณยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด คุณปล่อยให้ความทุกข์เผาผลาญคุณและพลุ่งพล่านอยากแก้แค้นใครสักคนที่ขโมยชีวิตคุณไป คุณเลยแก้แค้นที่แม่คุณ ผู้หญิงตัวเล็กๆที่รอคอยวันที่จะได้รักคุณมาตลอดชีวิต” ยังไม่หยุดแค่นั้นหล่อนยังพูดไปถึงย่าแอนนาเบลที่เลี้ยงเขามาอีก

“พวกนั้นหลอกคุณ” บุษบงรำไพตอบทันควัน เสียงหล่อนดังขึ้น “ย่าใจดำของคุณหลอกคุณ เขาไม่อยากให้คุณใกล้ชิดกับคุณหญิงต่างหาก ย่าคุณน่ะโกหก!”

“พอได้แล้วบุษบงรำไพ คุณกำลังพูดถึงย่าของผม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด สีหน้าเขาเข้มด้วยความโกรธ มือเขาเอื้อมมาคว้าไหล่หล่อนกดแรงๆ

รามิลนึกโกรธขึ้นมาจริงๆ ในชีวิตเขาไม่เคยมีใครกล้าพูดเรื่องเหล่านี้กับเขาเพราะเขาจะส่งสายตาชาเย็นให้คนเหล่านั้นจนทุกคนไม่กล้าที่จะเอ่ยต่อ

เขาหันหลังให้ แล้วแขนเล็กๆก็กอดเขาไว้อย่างปลอบโยน ทำเอาเขาตัวแข็งไปเลย

เมื่อเขาเหลียวไปมองก็พบว่าคนปากดีเมื่อสักครู่กำลังร้องไห้พร้อมสะอื้น

“คุณโกรธฉันหรือเปล่าคะ” หล่อนถามเสียงอู้อี้ ร่างเล็กอวบอิ่มอยุ่ในอ้อมกอดเขาอย่างเหมาะเจาะ

“ไม่ ผมไม่ได้โกรธคุณ” เขากดคางแนบกับศีรษะเล็กๆ เรือนผมหอมนุ่ม ความโดดเดี่ยวอ้างว้างตลอดชีวิตที่ผ่านมาดูราวไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดในเรื่องพ่อแม่หรือชีวิตวัยเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบโดดเดี่ยว เขาเข้าใจความหมายของคำว่า เติมเต็มชีวิตในนาทีนี้

“ถ้าผมจูบคุณ คุณจะร้องห่มร้องไห้อีกรึเปล่า”

“ไม่รู้สิ” หล่อนตอบเบาๆเสียงแทบกระซิบ พร้อมเบียดร่างสั่นๆเป็นลูกนกเข้าหาเขา

“ผมว่าเราคงต้องลองดู” เขาตอบเสียงกระซิบเช่นกัน

แล้วเรื่องทุกอย่างก็งดงามอ่อนหวานอย่างที่เขารู้ว่ามันจะต้องเป็น รามิลก้มลงมองร่างเล็กในอ้อมกอดเขา ถามตัวเองเป็นครั้งที่ล้านว่าอะไรทำให้โชคชะตาส่งสาวน้อยแสนหวานผู้นี้มาให้เขาทั้งที่ว่าไปแล้วเส้นทางชีวิตเขาและหล่อนไม่น่าเฉียดใกล้กันได้เลย เขาอยากจะคิดว่าการที่เธอถูกยกเลิกงานแต่งงานนั้นเพื่อที่เธอจะได้มาพบเขารึเปล่า จากที่เขาไม่เคยเชื่อเรื่องโชคชะตา กามเทพมาก่อนแต่หากพิจารณาเหตุการณ์อย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็ต้องยอมรับว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องแห่งโชคชะตาจริงๆ ที่เธอบังเอิญไปงานคืนนั้นและเขาก็เช่นกัน รามิลนึกดีใจที่เป็นเขา

รามิลลืมตาตื่นพร้อมกระชับร่างในอ้อมกอดของเขา อากาศยามเช้าวันนี้ดูสดใสกว่าทุกเช้าที่ผ่านมา รามิลไม่เคยชอบความสัมพันธ์แบบง่ายๆเพราะเขาต้องระมัดระวังตัวค่อนข้างมาก เพราะไหนจะเรื่องหน้าที่การงานและครอบครัวของเขาเมื่อนำมารวมกับปัญหาด้านความรู้สึกในจิตใจที่ปิดกั้นตัวเองมาตลอด เขาก็ไม่คิดจะเสียเวลากับเรื่องพวกนี้แต่นั่นละ นี่คือสถานการณ์ที่ต่างกันออกไป มีแรงดึงดูดมากมายระหว่างคนสองคนแต่นั่นก็ทำให้เขากังวลไปถึงวันข้างหน้า ผู้หญิงอย่างบุษบงรำไพคงไม่เข้าใจว่าทำไมคนเราจะอยู่ด้วยกันโดยไม่ต้องแต่งงานก็ได้ คนเราจะมีพันธะกันอย่างลึกซึ้งโดยไม่ต้องลากกันเข้าสู่การแต่งงานและกักขังความโกรธเกลียดไว้จนทำร้ายอีกฝ่ายด้วยคำว่าแต่งงานได้หรือไม่ ซึ่งดูไม่ยุติธรรมกับบุษบงรำไพเลย รามิลเกลียดเวลาแบบนี้ เวลาที่จะต้องมานั่งถกเถียงกันถึงเรื่องนี้ เขาจะบอกเธออย่างไรดีนะ

แต่ความกังวลใจของเขาก็อยุ่ไม่นาน เพราะเมื่อบุษบงรำไพตื่นขึ้น โลกสดใสก็ตื่นไปพร้อมเธอ เขาและเธอทำอาหารเช้าง่ายๆนั่งกินที่ริมระเบียง สงบเงียบและมีความสุข แม้แต่เวลาที่ทำงาน ความสุขยังส่งผ่านถึงกันบ่อยๆทางแววตา แม้เขาจะพยายามไม่ให้ผิดสังเกตก็ตาม



Create Date : 14 มกราคม 2552
Last Update : 16 มกราคม 2552 10:12:30 น. 10 comments
Counter : 351 Pageviews.

 
แงๆ พลาดสามตอนสุดท้ายค่ะ T_T
เข้าเนตไม่ได้มาเกือบเดือน
ช่วยส่งให้หน่อยได้มั้ยค้า ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ^^

wanida@hotmail.co.uk


โดย: มด IP: 129.11.76.230 วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:2:44:42 น.  

 
อ่านตอนนี้แล้วอิจฉานางเอกจัง น่าสงสารมาตลอด ทำไมตอนนี้ถึงได้น่าอิจฉาไปได้นะ อิอิ


โดย: บู้บี้ IP: 133.82.251.202 วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:9:13:39 น.  

 
สวัสดีครับ ผมเป็นนักศึกษาปีที่ 2 ม.ราชภัฏจันทรเกษม
ผมอ่านแล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจ ชอบครับ
ตอนนี้ผมกำลังทำโปรเจกต์ส่ง อ.อยู่ครับคือผมต้องการงานเขียนคุณภาพ ไปจัดรูปเล่ม แล้วนำไปขึ้นให้www.thaibookcafe.com พิมพ์ขาย โดยที่เจ้าของเรื่องไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเลย
ถ้าสนใจติดต่อกลับที่ what_a_fcuk666@hotmail.com ด่วนครับ


โดย: cancer IP: 124.121.97.224 วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:15:20:54 น.  

 
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษ จะได้อ่านนิยายในมุมของรามิล
บ้าง สนุกมากค่ะ รอตอนจบนะคะ



โดย: แพรเขียว IP: 210.86.209.66 วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:15:34:07 น.  

 
สวัสดีค่ะดิฉันได้อ่านหนังสือของคุณแล้วชอบมากๆค่ะคุณเขียนได้ดีมากๆและหน้าอ่านมากๆ ดิฉันสนใจในหนังสือของคุณอยากจะขออนุญาติเอาต้นฉบับมาจัดเรียงหน้ากระดาษเพื่อให้หนังสือของคุณได้ตีพิมพ์


โดย: noonid IP: 58.8.110.110 วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:20:27:49 น.  

 
สวัสดีค่ะดิฉันได้อ่านหนังสือของคุณแล้วชอบมากๆค่ะคุณเขียนได้ดีมากๆและหน้าอ่านมากๆ ดิฉันสนใจในหนังสือของคุณและเนื้อเรื่องของคุณอยากจะขออนุญาติเอาต้นฉบับมาจัดเรียงหน้ากระดาษเพื่อให้หนังสือของคุณได้ลงตีพิมพ์โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆค่ะ กรุณาติดต่อมาที่ //www.noonid2550@hotmail.com ขอขอบคุณค่ะ


โดย: noonid2550@hotmail.com IP: 61.90.13.180 วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:21:32:18 น.  

 
แอบมาขำนางเอก
เธอน่ารักแต่ดูโก๊ะๆ

รามิลก็แอบฮา มีปัญหาด้านการแสดงอารมณ์

คิดถึงคุณสาวมากๆค่ะ


โดย: ความรักมีวันหมดอายุ IP: 134.169.9.199 วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:22:14:46 น.  

 
ตามมาเก็บของฝาก บทปิดท้ายค่ะ ยังสนุกได้ใจเหมือนเดิม แต่จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า บุษบงรำไพจะใส่ชุดสีม่วงคล้องคอที่ตั้งใจไว้ว่าจะใส่ในช่วงฮันนีมูนกับเอกภพตอนเจอกับรามิลครั้งแรก ไม่แน่ใจว่าสับสนไปเองหรือว่าคุณสาวช่างถามได้เปลี่ยนไปพร้อมกับฉบับที่ส่งสำนักพิมพ์ แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญก็คือ เรื่องของคุณสาวฯ แม้แต่บทส่งท้ายก็ยังมันส์หยดติ๋งจนแทบจะรอให้มาอัพตอนสองไม่ไหวเลยค่ะ :-) ขอขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ นะคะ แล้วจะมาคอยตามอ่านเรื่องต่อๆ ไป ค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ


โดย: คนไกล IP: 98.216.8.128 วันที่: 16 มกราคม 2552 เวลา:7:29:05 น.  

 
555
ขอบคุณคนไกลมากเลยค่ะ สำหรับข้อติติง ใช่แล้วค่ะนางเอกใส่ชุดสีม่วง ตอนที่แต่งบทส่งท้ายไม่มีฉบับจริงในเครื่อง นั่งเดาว่าชุดสีอะไร เลยคิดว่าจะถูกจะแพงต้องแดงไว้ก่อนเลยลองใส่สีแดง เผื่อถูก

พอคุณคนไกลพูดมาจึงนึกได้ว่าจริงด้วยเพราะตอนนั้นดูกลามัวร์อยู่แล้วเดมี มัวร์ใส่ชุดสีม่วงสวยเชียว ขอบคุณมากๆนะคะ คิดถึงเพื่อนๆนักอ่านทุกคนมากๆเลยค่ะ นี่กำลังแต่ง มา(ร)ยานางเอก เสร็จสักบทสองบทจะนำมาลงนะคะ


โดย: สาวช่างถาม IP: 124.120.81.97 วันที่: 16 มกราคม 2552 เวลา:8:59:17 น.  

 
เงอ..
พลาด 3 ตอนสุดท้ายเหมือนกันค่ะ T^T
แอบไปเที่ยวปีใหม่ แค่ 2 อาทิตย์เอง

ชอบทั้ง 2 เรื่องเลยค่ะเนี่ย อิอิ


โดย: tu-at-anz วันที่: 16 มกราคม 2552 เวลา:9:13:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวช่างถาม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add สาวช่างถาม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.