เรื่องวุ่นวายของชีวิตในแต่ละวัน
Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
16 มกราคม 2552
 
All Blogs
 

กามเทพผิดคิว บทส่งท้าย ตอนท้ายจริงๆ

บุษบงรำไพพร้อมกับวันเวลาสี่วันในชีวิตเขาผ่านไปราวติดปีก แล้วจู่ๆก็มีเสียงกดกริ่งหน้าห้องและเมื่อเปิดประตูออกมา เขาพบรายาวดียืนสวยสะคราญหน้าประตู จริงๆก็ไม่น่าแปลกใจหรอกสำหรับรายาวดี เจ้าหล่อนมักทำอะไรแบบที่คาดไม่ถึงเสมอ แต่ยังไงมันก็ไม่ควรจะเป็นเวลานี้ เวลาที่บุษบงรำไพอยู่กับเขา

“แต้ว คุณมาทำอะไรละนี่” เขาเอ่ยถาม ระหว่างเขากับรายาวดี เราสนิทกันยิ่งกว่าพี่น้องท้องเดียวกันอีก มีใครหลายๆคนพยายามจับคู่เขากับรายาวดี โดยเฉพาะแม่ของหล่อนแต่เจ้าตัวได้แต่คิกคัก

‘ ดีแล้วละที่ใครคิดว่าแต้วมีซัมธิ่งรองกับพี่รามิล จะได้ไม่มีใครคอยจับแต้วเม้าท์กับคนนั้นคนนี้’ รายาวดีบอกหลังจากประเมินสถานการณ์ นับตั้งแต่นั้นมาดูเหมือนว่าแม่ดาราสาวก็แสดงบทนอกจอทุกครั้งที่มีคนอื่นอยู่ว่าหล่อนน่ะมีใจให้กับเขา แต่รามิลรู้แก่ใจอยู่แล้วว่าคนอย่างรายาวดี หล่อนจะต้องควบคุมทุกอย่างในกำมือเล็กๆสวยๆของหล่อนได้เท่านั้นแม้แต่แฟน ซึ่งก็ไม่ใช่เขา และสำหรับเขาเอง รายาวดีเป็นน้องสาว เป็นเพื่อนสนิท และเป้นอะไรหลายอย่างที่ห่างไกลกับคำว่าคนรัก

“แหมพี่รามิล เห็นแต้วยังกับเห็นผี ทำหน้าเหมือนทำอะไรผิดอย่างนั้นละ” รายาวดีปรายตามองรอบห้องอย่างรวดเร็วอย่างประเมินสถานการณ์ แล้วหล่อนก็ตรงฉับไปห้องครัวที่ได้ยินเสียงกุกกัก รายาวดียิ้มเจ้าเล่ห์

“ร้ายนักนะพี่รามิล” รายาวดีพึมพำ เขาได้แต่ยิ้มแบบกระอักกระอ่วนใจ ที่จริงเขาต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อมุมมองของใครก็ตามที่จะมองบุษบงรำไพในแง่ที่ไม่ดี เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่มากกว่า ทั้งยังมีตำแหน่งเป็นถึงเจ้านายโดยตรงจึงน่าจะคิดอะไรเข้าท่ามากมากกว่านี้

“บุษบงรำไพเป็นเลขาฯของผม เธอมาช่วยงานของผมที่นี่พร้อมทั้งนัดหมายจัดการนัดเวลาคุณหญิงปรียานันท์” เขาพยายามอธิบาย สีหน้ารายาวดีรื่นรมย์ แววตาร้ายกาจบ่งบอกว่าไม่เชื่อถือคำพูดเขาสักนิด เขาจึงรู้สึกเขินนิดหน่อย

จู่ๆบุษบงรำไพก็ร้อนรนจะกลับ เขาต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะคิดหาสาเหตุที่หล่อนเปลี่ยนใจได้ ก่อนหน้านี้เรากำลังถกเถียงกันเรื่องแม่ของเขา นี่เจ้าหล่อนคิดว่าจะเปลี่ยนแกนโลกได้ในพริบตาพอๆกับเปลี่ยนความรู้สึกระหว่างเขากับแม่ยังไงยังงั้นละ

“ฟังนะ” เขาจับไหล่เล็กกลมกลึงไว้ มองตา “คุณโกรธเรื่องคุณหญิงปรียานันท์ใช่ไหม? ผมพูดด้วยใจจริงว่าผมอยากให้มันเป็นแบบนี้ ทุกอย่างมันลงตัวแล้ว ไว้ผมมีเวลาจะอธิบายให้คุณฟังทีหลังเพราะตอนนี้ไม่สะดวกเลยจริงๆ ผมไม่คิดว่าคุณแต้วจะแวะมา ไม่รู้จะบอกให้เธอกลับไปยังไงโดยไม่ดูหยาบคาย” เขาอธิบายช้าๆ

บุษบงรำไพยิ้มออกมาได้ “ฉันไม่เป็นไรจริงๆค่ะ ฉันแค่มีธุระต้องทำจริงๆ”

แล้วบุษบงรำไพก็ไป ทิ้งให้เขาอยู่กับรายาวดีที่คอยเย้าแหย่วิจารณ์เรื่องนี้อย่างสนุกปาก เขากำลังจะออกปากให้รายาวดีไปไกลๆได้แล้วก่อนที่หล่อนจะบอกเขาว่า

“พี่รามิลไม่รู้จริงๆเหรอว่าทำไมคุณบุษของพี่รามิลถึงรีบกลับ” รายาวดีส่ายนิ้วไปมาตรงหน้าด้วยมาดนางพญาซาตานที่ไม่เคยมีใครได้เห็นจากนางเอกสาวแสนสวยดุจนางฟ้าคนนี้หรอก “เธอหึงน่ะสิ” แล้วรายาวดีกลอกตาไปมา

รายาวดียังไม่ยอมจบแค่นั้น หล่อนยังเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คุณหญิงปรียานันท์ฟังตอนที่ตามเขาไปพบคุณหญิงอีกด้วย

“จริงเหรอ” น้ำเสียงมึนตึงทีแรกของคุณหญิงที่มีต่อรายาวดีหายวับไป ซึ่งรามิลก็ประหลาดใจอยู่มาก เขาคิดว่ามันคงมาจากเรื่องบุษบงรำไพเป็นแน่ ดูเหมือนคุณหญิงปรียานันท์จะชอบบุษบงรำไพเอามากๆ ท่านหันมามองเขาอย่างเพ่งพิเคราะห์แกมสอบสวน รามิลรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว รู้งี้ไม่พารายาวดีมาด้วยหรอก ความลับดำมืดระหว่างเขากับแม่ แม่กับตระกูลซาเจ้นท์ และมันก็จะเป็นเช่นนี้ตลอดไปตั้งแต่เขาอายุหกขวบ คนในครอบครัวของเขาจะไม่พูดเรื่องนี้กันตรงๆ และปล่อยให้มันเป็นอย่างที่มันเป็นมาตั้งนานแล้ว ซึ่งตอนนั้นเขาเองก็ยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจ แต่เมื่อเขาเติบโตแข็งแรงที่จะไม่ฝันร้ายกับเรื่องในอดีต ภาพที่พ่อคอหัก เลือดไหลจากปากจมูก แม่ที่ยืนกำมีดหน้าซีดเผือดอยู่ข้างๆ เขาก็เลิกคิดที่จะผูกพันและอ่อนไหวกับความรู้สึก ตัดสินใจหลีกเลี่ยงการผูกพันกับใคร หลังจากที่ย่าตายและตาของเขาก็ตายในเวลาไร่เรื่ยกัน รามิลจึงตัดสินใจกลับมาดูแลคุณหญิงปรียานันท์ที่มีอาการโรคซึมเศร้าอย่างที่คุณตาบอกก่อนท่านเสีย แต่รามิลก็ตั้งกฏของเขาเอง ระหว่างเขากับคุณหญิงปรียานันท์ แถมตอนนี้กฎนั้นยังลางเลือนเต็มทีและเขาเองก็ไม่ใช่คนคุมบังเหียนด้วย

“ดีจริง...” คุณหญิงปรียานันท์พูด “แม่ยังนึกสงสัยว่าทำไมรามิลจึงไม่มีใครเสียที จนแม่อดเป็นห่วงไม่ได้”

คำว่า’เป็นห่วง’ ของคุณหญิงปรียานันท์คงไกลเกินคำว่าเป็นห่วงตามปกติ เพราะคำว่าปกติยังห่างไกลจากอารมณ์เป็นห่วงที่มีอยู่ในสายเลือดตระกูลซาเจ้นท์ ย่าแอนนาเบลเป็นห่วงเขาจึงกีดกันทุกคนไม่ให้เข้าใกล้เขา คุณหญิงปรียานันท์เป็นห่วงเขาจึงจัดการกับพ่อที่อาจจะเป็นต้นแบบความไม่เป็นสุภาพบุรุษให้เขา(ตามที่ท่านตาเขาพยายามอธิบายให้เด็กสิบขวบฟัง) แม้คำนั้นจะหมิ่นเหม่กับคำว่าฆาตกรก็ตาม

กว่าเขาจะปลีกตัวออกมาได้และไปส่งรายาวดีตามคำบัญชาการของเจ้าหล่อน รามิลก็ไปถึงห้องพักของบุษบงรำไพมืดสักหน่อย

บุษบงรำไพมีสีหน้าตื่นๆเมื่อพบหน้าเขา ท่าทางหล่อนชอบกล ดวงตาสีน้ำตาลมีแววตระหนก แล้วใบหน้าขาวๆก็โผล่ซ้อนขึ้นมา รามิลมองใบหน้านั้น นึกดูดีๆ ใช่แล้วเป็นผู้ช่วยของ ดร.ฮาซูมิ แล้วหมอนี่มาทำอะไรในห้องของบุษบงรำไพกันนี่ เขาชำเลืองมองคนทั้งสองสลับไปมา

“นี่คุณอรชุน พนักงานบริษัทฯคุณ” หล่อนผายมือไปทางหมอนั่น ท่าทางเหมือนเชิญชวนนักเทนนิสสองคนลงสนามแข่งขันในสงครามเย็นที่กำลังดรมรันทางสายตา

ไฟสงครามคุกรุ่นตั้งแต่เจ้าหมอนี่เชิญเขาเข้าห้อง “เขาคือธุระด่วนของคุณหรือ” เขาถาม

“เปล่าค่ะ แต่ก็มีส่วน” หล่อนตอบอย่างเลื่อนลอย “ไว้พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันดีไหมคะ”

ฝันไปเถอะถ้าเขาจะยอมกลับแล้วปล่อยให้หมอนี่ยืนตรงนี้

แล้วในที่สุดหมอนั่นก็ต้องคอตกกลับไป ถ้าจะให้พูดตรงๆแบบไม่ต้องสำบัดสำนวนคือ หมดสภาพไปเลยล่ะ รามิลนึกถึงสมัยที่เขายังเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยมในโรงเรียนชื่อดังอย่างอีตัน ตอนนั้นเด็กคนอื่นต้องยอมหลีกทางให้กับเขาทั้งเรื่องการเรียนและกีฬา สัจธรรมของย่าเขาคือที่หนึ่งเท่านั้น

รามิลเองก็พยายามมองโลกในแง่ดีเมื่อเขาเติบโตขึ้นมา นั่นอาจจะเป็นการฝึกฝนเขาทางอ้อมจนเขาแข็งแกร่งเช่นทุกวันนี้ เอาละเข้าเรื่องของบุษบงรำไพต่อ หล่อนจ้องเขานิ่งนานก่อนจะถามขึ้นมา

“นับจากวันนี้คุณคิดว่าเรื่องของเราจะเป็นยังไงต่อไป”

เขาผงะ รู้ว่าหล่อนกำลังหมายความถึงอะไร โดยไม่ต้องอาศัยบทวิเคราะห์ทางจิตวิทยาว่าด้วยผลกระทบจากความสัมพันธ์หรอก

“พรุ่งนี้ผมต้องบินไปลอนดอนแต่เช้าเพราะมีเรื่องงานด่วน ผมจะกลับมาจันทร์หน้าถึงตอนนั้นเราคุยกันเรื่องนี้อีกทีได้ไหม” เขาเต็มไปด้วยความวิตก “อย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรตอนนี้เลย ผมยอมรับว่าผมอาจจะพูดจาเหมือนไม่ให้เกรียติคุณ ซึ่งผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่เรื่องนี้...มันยากสำหรับผม” บางทีเขาอาจจะต้องการเวลาในการคิดและตัดสินใจ

หลังจากนั้นรามิลก็ต้องไปทำงานที่เร่งด่วน สถานการณ์ในบริษัทฯเขากำลังแย่และมันเป็นความรับผิดชอบของเขาเต็มๆ หลังจากการประชุมครั้งสุดท้าย ข่าวที่รั่วไหลออกไปถึงคู่แข่งพอจะบอกได้ว่า คนกลุ่มใดที่เป็นหนอนบ่อนไส้ภายในบริษัท รามิลหวังว่าเขาจะจัดการมันได้อย่างเด็ดขาดและฉับไว คนอย่างเขาไม่อาจจะยอมให้ความสัมพันธ์มาก่อนเรื่องงานได้ ว่ากันว่าถ้าใครเอาเวลาทั้งหมดที่ทุ่มเทไปกับเรื่องความสัมพันธ์ให้กับงานแทน คนคนนั้นจะก้าวหน้าในอาชีพการงานเป็นสองเท่า แต่ทั้งหมดก็พังทลายลงในคืนวันอังคาร หลังจากที่เขาได้กลับไปที่บ้านของเขาในอังกฤษหลังจากเสร็จประชุมกับลูกค้าเพื่อค้นหาความเป็นจริงตามที่บุษบงรำไพพูด ตอนนั้นเขารู้แล้วว่าเขารู้สึกอย่างไรกับบุษบงรำไพ เธอพูดถูกทุกอย่างเรื่องแม่ของเขา เธอทำให้เขารู้ว่าควรที่จะเรียนรู้ในการเชื่อใครสักคนตามจิตใต้สำนึกของตัวเอง

แต่ทว่าโทรศัพท์ที่เขาได้รับจากผู้ช่วยคนสำคัญนี่สิทำให้เขารู้ว่า เธอไม่ใช่อย่างที่เขาคิด

เธอไม่มีความรัก ไม่มีสำหรับเขา เธอคือคนคนหนึ่งในกลุ่มคนที่กำลังทำลายบริษัทฯ ทุจริตและฉ้อฉล โลกทั้งใบหายวับไปกับตา เขารีบกลับมาเพื่อที่จะทำทุกอย่างให้มันจบ เขาควรจะรู้ว่าสำหรับเขาแล้วการมีใจผูกพันกับใครเป็นสิ่งต้องห้าม ไม่มีข้อผ่อนปรนสำหรับกฏของตัวเอง แต่...เมื่อเจอหน้าที่ตีใสซื่อของเธอ มันทำให้ความตั้งใจทั้งมวลของเขาพังทลาย ที่คิดว่าจะต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเขาก็ผิดกฎของตัวเอง เขาต้องการให้เธอรีบไปก่อนที่เรื่องทุกอย่างจะแดงออกมา เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นผุ้หญิงที่เขารักถูกตำรวจควบคุมตัวไปเหมือนที่แม่เขาโดนคุมตัวไปในคืนนั้น

ในที่สุดรามิลก็ทำอย่างที่เขาตั้งใจได้เมื่อเขาบอกให้เธอจากไปซะ ใบหน้าน่ารักนองด้วยน้ำตาทำให้เขาต้องเบือนหน้าหนีอย่างเจ็บปวด แววตาที่ดูใสซื่อน่าเอ็นดูของเธอช่างหลอกลวงสิ้นดี ที่ผ่านมาเธอคงพยายามใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ใกล้ชิด หลังจากที่เดาว่าชีวิตเขาคงกลวงโบ๋ ทำเอาเขาพลอยคิดเป็นจริงเป็นจังว่านี่คือใครสักคนที่โชคชะตาส่งมาให้เขา

หลังจากบุษบงรำไพไป เขาก็ได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในห้องทำงานนานกว่าหกชั่วโมงได้ ทบทวนไตร่ตรองถึงหลักฐานทั้งหลายทั้งปวงอันสืบเนื่องมาจากเรื่องฉ้อฉลในบริษัท บุคคลที่เกี่ยวข้องและเครื่องหมายคำถามอันใหญ่ก็เกิดขึ้นในใจเขา ทำไมบุษบงรำไพจะต้องทำแบบนั้น?

สิ่งที่เขานึกออกมีเพียงสิ่งเดียว นั่นคือดวงตาคู่งามของเธอ เขาเคยบอกตัวเองเมื่อสองวันก่อนหลังจากที่เขาได้รับรู้เรื่องของแม่ เขาบอกตัวเองให้เชื่อสัญชาตญาณของตัวเองแล้วทำไมกับผู้หญิงที่เขาเชื่อทุกอย่างในแววตาเธอ เขาจึงไม่เชื่อใจเล่า รามิลตั้งใจจะค้นหาความจริงทุกอย่างบนพื้นฐานของการที่เขาเรียนรู้จะเชื่อใจใครสักคนแม้ว่าเธอจะไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องบังเอิญ

จนกระทั่งรายาวดีมาหาเขาพร้อมร้องห่มร้องไห้นั่นละทำให้เขาต้องออกจากภวังค์ของตัวเอง นี่ถ้าเขาเป็นผู้หญิงคงได้ร่วมวงร้องไห้กับหล่อนเป็นแน่ รายาวดีฟูมฟายเรื่องเธอกับเจ้าวายร้ายนั่น(ตามที่เธอเรียก) เจ้าหล่อนบ่นฟูมฟายทั้งน้ำตา ทั้งหมดไม่ใช่อะไรนะ หล่อนแค่โกรธที่หมอนั่นไม่ยอมอ่อนข้อเรื่องงานแต่งงานที่หล่อนอยากจัดให้ใหญ่โตสมกับความเป็นดาราใหญ่เท่านั้นละ

อาจจะเพราะรายาวดีที่ตีโพยตีพายเรื่องท้องเธอ ทำให้วูบหนึ่งเขารู้สึกอิจฉาเจ้าวายร้ายของหล่อนที่กำลังจะมีลูก มีครอบครัว เรื่องของคนคู่นี้เพาะเมล็ดพันธ์ที่ชื่อว่าครอบครัวลงในใจเขา เขาพลอยอยากมีครอบครัวไปด้วยสิ

ภัทรเป็นผู้ช่วยที่ดีที่ทำงานได้อย่างเงียบเชียบและฉับไว เขานำหลักฐานเอกสารต่างๆมารายงาน ดูเหมือนว่าภัทรจะคิดตรงกับเขาว่า หลักฐานทั้งหมดจงใจให้เป็นความผิดของบุษบงรำไพอย่างไม่น่าเชื่อที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อายุการทำงานในชีวิตเพียงสี่ปีจะมีแรงจูงใจทะเยอทะยานขนาดนี้ถ้าพูดกันถึงแรงจูงใจจริงๆ

เพียงออมาพบเขาพร้อมอีเมล์ที่บุษบงรำไพส่งให้ เรื่องทุกอย่างกระจ่างขึ้น ไพรัชช์ไม่เคยชอบหน้าเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขารีบไปพบบุษบงรำไพในวันรุ่งขึ้นก่อนจะพบว่าเธอจากไปแล้ว มิหนำซ้ำป้าคนที่ได้รับมรดกข้าวของเธอยังบอกอีกว่า บุษบงรำไพไปกับสามีของเธอ ให้ตายสิ แต่เขายังทำอะไรตอนนี้ไม่ได้ บริษัทฯกำลังอยู่ในช่วงลำบากแม้ว่าเขาอยากจะตามหาหล่อนเพียงใด รามิลทุ่มเทเวลาทั้งหมดที่เขามีแก้ข้อครหาของบุษบงรำไพและสถานะของบริษัทฯได้ดีขึ้น ที่เหลือคงต้องใช้เวลาและความเชื่อมั่นที่จะดึงลูกค้ากลับมาอีกครั้งและก็ถึงเวลาที่เขาจะได้จัดการเรื่องของเขาเสียที หลังจากที่ทิ้งระยะเวลาเกือบเดือน ตอนนี้เขาก็มายืนอยู่หน้าบ้านหลังนี้ตามคำแนะนำของแม่เขาในสภาพที่ดูไม่ได้เลย เหนื่อยโทรม ตาเป็นหมีแพนด้าสุดๆ เขานึกถึงช่วงก่อนที่เขาจะมา

คุณหญิงปรียานันท์เป็นคนแรกที่ให้สติเขาถึงเรื่องนี้หลังจากที่เขาได้ไปพบเพื่อขอโทษท่านสำหรับความเข้าใจผิดทั้งหมดที่ผ่านมา แม่กอดเขาพร้อมน้ำตาไหล

“รามิล แม่ไม่คิดว่าแม่จะได้โอกาสเช่นวันนี้อีกครั้งในชีวิต” ร่างท่านสั่นเล็กน้อย จากนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่เขาและแม่ต่างชดเชยให้แก่กัน ช่วงเวลาที่ขาดหายไปชั่วชีวิตของเขา

เอาละ เมื่อเรื่องทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง(หมายถึงเรื่องงาน) และบางอย่างที่ผิดที่ผิดทาง(หมายถึงเรื่องแม่เขา) มีอยู่วันหนึ่งท่านไปที่บริษัทและพูดคุยลับลมคมในกับเพียงออ จากนั้นนัดทั้งหมดของเขาก็ถูกยกเลิก

“ทำไมลูกถึงปล่อยให้เรื่องคาราคาซังแบบนี้” แม่เขาเปิดประเด็น สีหน้าแน่วแน่ “แม่ถามจริงๆเถอะ ลูกไม่คิดจะตามหนูบุษกลับมาเหรอ”

เขานิ่วหน้า แน่นอนเขาได้ลองพยายามตามหาเธอแล้วแต่เขาก็ทำไม่ได้เต็มที่ งานยังรออีกมาก จนถึงตอนนี้เขากำลังติดต่อบริษัทนักสืบเอกชนเพื่อตามหาเธออยู่ บุษบงรำไพจากไปโดยไม่บอกใครและไม่มีร่องรอยให้ตามเจอ เบอร์โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ เขาโทรศัพท์กลับไปที่ทำงานเก่าของเธอก็ได้เบอร์อะไรสักอย่างมาที่โทรไปก็เป็นใครสักคนที่พูดไม่รู้เรื่องทุกครั้ง ครั้นจะให้เขาถามกับพนักงานที่นี่ เขาก็ทำไม่ได้ในฐานะกรรมการผู้จัดการ

“เรื่องนี้ ขอผมจัดการเองดีกว่า” เขาทำหน้ายุ่งๆ

“แม่ถามเลขาลูกแล้ว เธอบอกว่าคิดว่าลูกคงจ้างนักสืบตามหาเพราะเธอเห็นนักสืบเข้าพบลูกเมื่อสองวันก่อน”

“ว่าไงนะครับ” เพียงออนี่ช่างทำเป็นรู้ดีเสียเหลือเกิน

“นี่แน่ะ แม่จะบอกให้ แม่เข้าใจดีว่าแต่ละคนมีพัฒนาการช้าเร็วแตกต่างกัน เพียงเพราะว่าลูกยังไม่เคยเผชิญกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน อีกทั้งลูกยังปล่อยให้ความกลัวผิดหวังเข้าครอบงำลูกจากประสบการณ์ในอดีต ทั้งหมดนี้ไม่ได้แปลว่าลูกจะไม่เติบโตในเรื่องของความรักหรอกนะ”

ความสามารถในการวิเคราะห์เรื่องความรักของแม่ทำให้รามิลทึ่งจริงๆ ตีความไปได้ไกลมาก

“แม่ครับ หวังว่าแม่คงไม่ได้บังเอิญอ่านบทวิเคราะห์จิตวิทยาแล้วมาทดลองกับผม ผมรู้ว่าผมควรทำอะไร” เขาตอบเสียงเข้ม

แม่ไม่สนใจคำพูดของเขา “ก็เพื่อนแม่เขาอธิบายสาเหตุของสภาพลูกได้ เพื่อนแม่เขาว่าชีวิตวัยเด็กของลูกทำให้ลูกหวาดกลัวการเปิดเผยความรู้สึก ผลของมันจึงให้เป็นเรื่องขาดๆเกินๆทุกวันนี้”

“เพื่อนแม่” รามิลเกือบสำลักกาแฟที่ยกขึ้นจิบ “นี่แม่เอาผมไปพูดคุยกับเพื่อนแม่งั้นรึ” เขาถามเสียงสูง เอามือกุมหัว

“เพื่อนแม่ที่รู้จักกันทางเน็ต” แม่พูดถึงอินเตอร์เน็ตแบบย่อๆคล้ายภาษาวัยรุ่น “เพื่อนแม่คนนี้เป็นแม่หนูบุษ เธอรู้ดีทุกเรื่องเลยล่ะ รู้ถึงขนาดว่าถ้าเล็บขบต้องไปให้หมอที่ไหนถอดเล็บให้แล้วถ้าไม่ถอดเล็บอาจจะต้องตัดนิ้วเท้าด้วย” แม่เขาทำหน้าหวาดเสียว รามิลต้องใช้เวลาอยู่นานถึงสิบวินาทีกว่าจะย่อยข้อมูลแม่หมด ในที่สุดเขาก็ครางออกมา

“เพื่อนแม่เป็นแม่ของบุษบงรำไพ...”

“ใช่สิ แล้วตอนนี้แม่ก็สั่งให้คนรถขับรถขึ้นไปเชียงใหม่แล้วตั้งแต่เมื่อคืน ส่วนลูกก็กลับไปจัดข้าวของแล้วบินตามไป เครื่องจะออกอีกสี่ชั่วโมง คนรถจะไปรอรับลูกที่สนามบินแล้วไปรับคุณนงค์ลงมาที่กรุงเทพ จากนั้นเราก็ไปรับหนูบุษกัน”

รามิลต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงบนเครื่องกว่าจะหายช๊อค แม่เขาจัดการทุกอย่างลงไปหมดและตอนนี้อาจจะกำลังวางแผนออนไลน์ร่วมกับแม่ของบุษบงรำไพระหว่างที่เขาบินข้ามภูเขาหลายลูกเพื่อไปรับ...เอ่อ...แม่บุษบงรำไพ

แล้วตอนนี้เขาก็ยืนเงอะงะอยู่ตรงนี้

ร่างเล็กปราดเปรียว บนหัวมีโรลสีชมพูยืนโบกมือหยอยๆที่ประตูด้านใน

“มาเลย เข้ามาเลย ประตูไม่ได้ล็อค”

เขาผลักประตูบานเล็กเข้าไป รู้สึกตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาตามผู้หญิงถึงที่บ้านและเผชิญหน้ากับพ่อแม่ฝ่ายหญิง ให้ตายเถอะ เขาเคยพบคนใหญ่คนโต ผู้มีอำนาจมากมาย ไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นเท่านี้มาก่อน รามิลสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นึกถึงคำพูดคุณหญิงปรียานันท์ แม่ของเขาที่พูดให้กำลังใจก่อนมา

รามิลเป็นคนเด่นคนดัง ไม่ว่าจะที่มหาวิทยาลัยหรือที่ทำงาน ดังนั้นการที่ผู้คนเข้ามาพูดคุยกับเขา เอาอกเอาใจเขาก็ดูเป็นเรื่องปกติ แต่วินาทีนี้

“โถ พ่อฝรั่งตกยาก สปีคไทย?” ผู้หญิงสูงวัยพร้อมโรลม้วนผมเต็มหัวถามเขาเสียงสูง

“เอ่อ...พูดได้ครับ” รามิลยกมือไหว้พร้อมตอบ หน้าร้อนผ่าว จริงอยู่แม้เขาจะเพิ่งเลิกประชุมแล้วขึ้นเครื่องมาทันทีในสูทชุดทำงานที่อาจยับย่นบ้าง แต่สูทอาร์มานี่ราคากว่าห้าหมื่นไม่อาจเรียกได้ว่าตกยากเลย รามิลมองพ่อแม่ของบุษบงรำไพ

“ดีๆ ให้ฉันพูดภาษาปะกิตคงเมื่อยมือแย่เนอะ” คุณอนงค์ในชี้โต๊ะคอมพิวเตอร์ “นู้นแน่ะไปดูให้ทีรึ เมื่อวานมันยังดีๆอยู่เลย มาวันนี้ไม่ขึ้นซะแล้ว ลูกสาวฉันก็บอกหลายทีแล้วว่าระวังคอมพิวเตอร์มันเป็นหวัด ฉันก็ระวังแล้วนะ”

รามิลอ้าปากจะพูดแต่ผู้หญิงตัวเล็กๆเดินลับหายเข้าไปอีกห้อง รามิลอยากจะบ้า นี่เป็นการทดสอบว่าที่ลูกเขยหรือเปล่านะ รามิลนิ่งอึ้งไปชั่วขณะยืนรอให้คุณอนงค์ในเดินกลับเข้ามาแต่ก็ไม่มีวี่แวว ทำให้เขาต้องถอนหายใจแล้วไปทรุดตัวลงนั่งหน้าคอมพิวเตอร์และลองเปิดเครื่อง ให้ตายสิ เขาไม่ได้มีความสามารถเชี่ยวชาญในการดูเครื่องพวกนี้สักหน่อย

สิบนาทีหลังจากเขาปล้ำปลุกเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เอาแต่นิ่งสงบอย่างไม่ยอมฟื้น คุณอนงค์ในก็กลับเข้ามาอีกครั้ง โรลบนหัวถูกถอดออกหมดแล้วพร้อมใบหน้าเครื่องแต่งตัวที่บอกว่าพร้อมจะออกเดินทางแล้ว

“ว่าไง ทำเสร็จรึยัง เดี๋ยวฉันต้องใช้เครื่องแล้วเพราะจะมีแขกมาจากกรุงเทพฯแล้วเราต้องแชตคุยกันกับแม่ของเขา แล้วทำไมเธอถึงมาทำงานนี้ได้ล่ะรู้จักกับพ่อกฤตเหรอ ฉันก็บอกเขาหลายครั้งแล้วนะว่าให้จ้างใครเป็นเรื่องเป็นราวเสียที จะได้ขยายกิจการได้ ฉันเล่าให้เธอฟังรึยังมิสเตอร์ว่าฉันเป็นคนแนะนำลูกค้าให้เขาทั้งหมด”

“ยังครับ แต่ว่าผมไม่ใช่...”

คุณอนงค์ในรีบพูดแทรกขึ้นมาอย่างที่อยากจะเล่าเต็มแก่แล้ว “ฉันแนะนำลูกค้าในชมรมฉันตั้งเยอะเชียว ส่วนมากก็เป็นอาการคล้ายๆกันแบบนี้ล่ะแล้วก็ล้างเครื่องใหม่ กว่าอะไรจะเข้าที่เข้าทางได้ก็นานเชียว ชมรมฉันมีจัดมีตติ้งกันด้วยนะ เราก็จะเอาปัญหาคนอื่นๆมาถกเพื่อหาทางแก้ไขกัน”

“ครับแต่ว่าผมไม่ใช่ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์” รามิลรีบพูดแทรกจังหวะที่คุณอนงค์ในหยุดหายใจ “ผมชื่อรามิลมาเพื่อรับคุณอนงค์ในไปรับบุษบงรำไพ”

ตาคุณอนงค์ในเหลือกค้าง “พ่อรามิลรึ”

“ครับ” เขาดีใจที่ได้แนะนำตัวเสียที

“พ่อๆ ออกมานี่หน่อยเร็ว” คุณอนงค์ในเดินไปซุบซิบกับชายสูงวัยท่าทางใจดีที่น่าจะเป็นพ่อของบุษบงรำไพ รามิลยกมือไหว้ ทั้งสองคนพุดคุยกันสักครู่
พ่อบุษบงรำไพอยู่ในโหมดที่รับมือกับวิกกฤตเต็มที่ ขณะที่แม่หล่อนทำหน้าแตกตื่นและมองเหตุการณ์ด้วยท่าทางระทึก

พ่อหล่อนกระแอม “คุณรามิลรึ” ทำเสียงเข้ม

“ครับ ผมขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิดตั้งแต่แรก” เพราะไม่มีช่องจังหวะให้พูดได้เลย

“แล้วที่บอกว่าเธอมีอะไรกับรายาวดีจนท้องน่ะเรื่องจริงหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นอย่าหวังมาตามหาลูกสาวเราเลย หนูแดงควรจะอยู่ไกลๆจากผู้ชายแบบนี้”

รามิลผงะ ทำไมเรื่องรายาวดีท้องจึงรู้ถึงคุณอนงค์ในทั้งๆที่หนังสือพิมพ์ประเภทซุบซิบข่าวดารายังไม่ระแคะระคาย เขามองอย่างทึ่งๆ สมกับที่แม่เขาบอกไว้จริงๆ แม่ของบุษบงรำไพรู้ทุกเรื่อง

“ไม่ใช่นะครับ ระหว่างผมกับคุณแต้ว เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและผมยืนยันได้ว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง” รามิลยืนยันเสียงหนักแน่น

“หนูแดงเอ๊ย ช่างคิดอะไรเป็นตุเป็นตะ” คุณอนงค์ในกล่าวตำหนิอย่างไม่จริงจังนัก “แล้วนี่ถามจริงๆเหอะ เธอคิดจริงจังกับลูกสาวเรารึเปล่า” ดวงตาท่านแสดงอย่างชัดแจ้งว่า ไม่ไว้วางใจผู้ชายทุกคนว่าจะดีพอสำหรับลูกสาวเลอค่าของเธอ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาก็เป็นหนึ่งในผุ้ต้องสงสัยเพราะทำให้บุษบงรำไพต้องจากไป

“ผมกำลังตามหาบุษบงรำไพอย่างจริงจัง” อีกครั้งที่เขาทำน้ำเสียงหนักแน่น

“บางทีหนูแดงอาจไม่อยากเจอเธอเพราะเธอไม่เคยเชื่อใจเขา”

“คุณอนงค์ในครับ” รามิลพยายามอธิบายอย่างอดทน ไหนแม่บอกว่าทางนี้เข้าใจทุกอย่างดีแล้ว “ผมอาจจะผิดพลาดที่ผ่านมาบ้างแต่เรื่องนี้เกี่ยวพับกับเรื่องความอยู่รอดของบริษัทฯ”

“ยิ่งเป็นเรื่องแบบนั้นยิ่งต้องเชื่อใจกัน” ว่าที่คุณแม่ยายยืนยัน

นี่แม่เขาไม่ได้พูดเกินจริงใช่ไหมที่บอกว่าแม่ของบุษบงรำไพยอมรับและเอ็นดูเขา แม่บอกว่าเล่าเรื่องทุกเรื่องที่เธอรู้เกี่ยวกับเขาให้แม่ของบุษบงรำไพฟัง แม้แต่ตอนที่เขาจัดฟันตอนเด็กๆ

“ผมพยายามปรับปรุงตัวเอง หวังว่าบุษคงให้โอกาสผมอีกสักครั้ง”

“พ่อรามิลแน่ใจนะว่าต่อไปจะไม่มีเรื่องอะไรทำนองนี้ให้หนูแดงต้องเสียใจอีก เพราะถ้าทำแบบนั้นต้องข้ามศพฉันไปก่อน” น้ำเสียงคุณอนงค์ในเครียดขึ้นมา

“ผมรับปากครับ”

อีกฝ่ายยิ้มสมใจ “ฟังแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย” น้ำเสียงแม่ยายเปลี่ยนไปในพริบตา รามิลกระพริบตาปริบๆพยายามปรับอารมณ์ให้ทัน “กินข้าวมารึยัง นี่แน่แม่ตั้งโต๊ะไว้ให้แล้ว คุณหญิงบอกว่าพ่อรามิลจะมาถึงเย็นๆ นี่มาเร็วเหมือนกันนะ” ท่านดึงมือเขาเข้าครัวอย่างสนิทสนม “แม่น่ะรอพ่อรามิลมาตั้งแต่บ่ายแล้วแต่คอมพิวเตอร์มันเกิดรวนซะก่อน ไม่งั้นจะเปิดเว๊บแคมให้คุณหญิงดู”

พ่อของบุษบงรำไพที่ทำท่าตื่นเต้น “แล้วพ่อรามิลเล่นฟุตบอลหรือเปล่า”

“เปล่าครับ ผมเล่นกอล์ฟ” เขาตอบ มองสีหน้าผิดหวังของอีกฝ่ายอย่างนึกเสียใจที่ฟุตบอลไม่ใช่กีฬาโปรดของเขา “แต่ผมก็ชอบดู” เขาทำคะแนน

สีหน้าพ่อดีขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพล่ามพูดถึงทีมโปรด ส่วนแม่ของบุษบงรำไพก็คอยขัดคอเป็นระยะๆ อย่างรักและสนิทสนมกัน เขานึกภาพออกเลยว่าบุษบงรำไพโตขึ้นมาในครอบครัวแบบไหน

“กินข้าวอาบน้ำและพักสักหน่อย ค่อยเดินทางกัน”

ตลอดทางจากเชียงใหม่ลงมาที่กรุงเทพฯ คุณอนงค์ในก็ซักประวัติเขาจนหมด จะมีหยุดพูดบ้างก็ตอนที่เผลองีบหลับเท่านั้นและเมื่อมาถึงกรุงเทพฯและได้พบกับแม่ของเขา รามิลไม่เชื่อเลยว่านี่เป็นการพบกันครั้งแรกของทั้งสองเพราะต่างพูดคุยกันอย่างสนิทสนม แม่บุษบงรำไพเป็นหัวหน้ากลุ่ม วายเอ็ชพีโอ ยังฮาร์ตโอล์ดพีเพิล และแม่ของเขาเป็นกรรมการฯ และดูเหมือนทั้งสองจะมีเรื่องพูดคุยกันไปตลอดทางจนถึงโรงแรมที่บุษบงรำไพทำงานอยู่

พนักงานโรงแรมที่อยู่บริเวณนั้นบอกเขาว่าบุษบงรำไพไปดุงานก่อสร้างพร้อมอาสาจะนำเขาไปและเมื่อไปถึงเขาพบว่า บุษบงรำไพกำลังอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เดาได้เลยว่าคงเป็นไอ้จอมทุเรศอย่างที่คุณอนงค์ในเรียก จอมทุเรศที่ลูกสาวคุณแม่เต็มใจในอ้อมกอด

เขายืนมองเธอด้วยความคิดถึงและปวดร้าว ตลอดทางที่มาจากเชียงใหม่จนถึงที่นี่รามิลไม่ได้จินตนาภาพว่าเขาจะต้องมาเจอเธอในอ้อมกอดชายอื่น

“ผมมาเพื่อจะบอกกับคุณว่าที่ผ่านมาผมทำผิดที่ไม่เชื่อใจคุณ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ บริษัทฯก็คงเสียหายกว่านี้ สิ่งที่คุณบอกเพียงออทำให้ผมปะติดปะต่อเรื่องราวได้” เขาบอกเมื่อเธอถามเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นอกจากนั้นผมยังรู้สึกผิดที่ทำให้คุณถูกกล่าวหา คุณไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขา พวกเขาต้องการทำลายเครดิตและชื่อเสียงของผมเสียหายโดยลากคุณเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ผมตามตัวอรชุนเจอและเขายอมรับว่าเอาเอกสารสมัครงานของคุณให้ไพรัชช์ เมื่อไพรัชช์ขู่จะป้ายความผิดให้เขา ผมผิดเองที่ทำให้คุณต้องถูกทำลายชื่อเสียง ผมเสียใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องเจอ...”

บุษบงรำไพเอามือกอดแฟ้มที่ถืออยู่ด้วยท่าทีที่เขาไม่เหลือความหวังอะไรเลย ท่าทางเธอบอกให้รู้ว่า เรื่องระหว่างเขากับเธอจบสิ้นไปแล้ว

รามิลเดินจากมาด้วยความปวดร้าว เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เขามีความผูกพัน เขาคงถูกสาปให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว เขาไม่เคยได้สิ่งที่เขาต้องการโดยเฉพาะถ้าสิ่งนั้นเป็นความรักและความผูกพัน รามิลทอดสายตามองแม่น้ำที่ไหลเอื่อยๆ ไม่รู้เขายืนนิ่งอยู่นานแค่ไหนจนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆเดินมาที่ท่าน้ำที่เขายืนอยู่

“ฉันขอคุยด้วยสักครู่ได้ไหม” เธอถาม “ตอบฉันสิคะว่าคุณมาที่นี่ทำไม”

“ตั้งแต่ที่คุณจากมา ผมรู้ตัวว่าผมไม่สามารถอยู่โดยไม่มีคุณได้ คุณเป็นครึ่งหนึ่งของชีวิตผม ผมไม่เคยนอนหลับได้นับตั้งแต่วันที่เราจากกัน ผมคิดถึงคุณ คิดถึงหน้าคุณ คิดถึงกลิ่นคุณ แม้กระทั่งทุกตารางนิ้วในที่พักผมก็เต็มไปด้วยเรื่องต่างๆตลอดช่วงเวลาสี่วันที่เราอยู่ด้วยกัน ทุกอย่างที่เราเคยคุยกัน ผมนึกไม่ออกจริงๆว่าถ้าไม่ได้อยู่กับคุณอีกจะเป็นยังไงแต่ผมก็ต้องจัดการงานให้เรียบร้อยก่อนผมถึงจะมาหาคุณได้ ทั้งๆที่ผมอยากจะมาตั้งแต่วันแรกที่รู้ความจริง แต่พอมาแล้วผมถึงได้พบว่ามันสายไปแล้วจริงๆ” สิ่งเดียวที่เขามีคือความหวัง หวังว่าจะได้โอกาสอีกสักครั้ง

บุษบงรำไพพุดถึงรายาวดี และความลับของนางเอกสาว เธอยังทำหน้าตายถามเขาอีกหลายอย่าง ขณะที่เดินใกล้เขาเข้ามา จนรามิลสัมผัสถึงกระแสดึงดูดระหว่างเขากับเธอได้ ใจเขาเต้นระทึก เธออยู่ใกล้กับเขาจนสัมผัสถึงไออุ่นเธอได้ รามิลคว้าตัวเธอมากอดอย่างเต็มตื้นด้วยความรัก คิดถึง ขอบคุณและอะไรอื่นๆอีกทั้งมวล เขาได้กลับเข้าสู่ที่ที่เขาควรอยุ่นั่นคืออ้อมกอดของเธอ

เธอดันตัวออกก่อนเอามือเขาไปวางบนท้องนูนน้อยๆของเธอ รามิลคิดว่าเขาฝันไป “ผม...ผมจะมีลูกเหรอ นี่คุณไม่คิดจะบอกให้ผมรู้เลยหรือ”

เขากอดบุษบงรำไพกระชับ บอกไม่ถูกว่าเขารู้สึกเช่นไร รู้แต่ว่าชีวิตเขาไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป รามิลยิ้มตอนที่ก้าวเข้าไปในบ้านพักบุษบงรำไพและได้ยินเสียงแม่เขาและแม่เธอถกเถียงเรื่องชื่อหลาน

จะชื่ออะไรไม่สำคัญแต่ลูกที่กำลังจะเกิดมาต้องเป็นกามเทพที่มาผิดคิว




 

Create Date : 16 มกราคม 2552
6 comments
Last Update : 16 มกราคม 2552 21:04:37 น.
Counter : 734 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะดิฉันเป็นตัวแทนของwww.thaibookcafe.com/bookได้อ่านหนังสือของคุณแล้วชอบมากๆค่ะคุณเขียนได้ดีมากๆและหน้าอ่านมากๆการดำเนินเรื่องหรือการใช้ภาษาในการเล่าเรื่องมีความน่าสนใจ ดิฉันสนใจในหนังสือของคุณและเนื้อเรื่องของคุณอยากจะขออนุญาตเอาต้นฉบับมาจัดเรียงหน้ากระดาษเพื่อให้หนังสือของคุณได้ลงตีพิมพ์โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆค่ะ กรุณาติดต่อมาที่ kat_tingtong@hotmail.com ทางเราหวังว่าจะได้รับความไว้วางใจจากคุณ
ขอขอบคุณค่ะ

 

โดย: Bown Sugar IP: 203.209.91.219 16 มกราคม 2552 22:41:04 น.  

 

จบจริงๆซะที อิ่มอกอิ่มใจ และมีความสุขมาก ขอบคุณจริงๆที่มอบเรื่องราวสนุกๆ ให้อ่านกัน รอพบกันเรื่องต่อไปนะคะ อย่านานนะ

 

โดย: แพรเขียว IP: 124.120.12.215 17 มกราคม 2552 10:06:09 น.  

 

ชื่อกลุ่มนะจะเป็น วายเฮชโอพี มากกว่านะครับ ไม่ใช่ วายเฮชพีโอ

กลุ่มวัยรุ่นซะด้วย

 

โดย: คนอ่าน IP: 125.252.92.48 17 มกราคม 2552 20:34:32 น.  

 

ตอนพิเศษจะอยู่ในหนังสือมั้ยคะ ทำให้มันสมบูรณ์น่ารักขึ้นมากเลยค่ะ

 

โดย: พี่หมูน้อย 19 มกราคม 2552 13:35:20 น.  

 

เฮ้อออ มาเจอตอนจบ ไม่เป็นไรค่ะ กันยานี่จะสอยจามแจ่มใส อ่านตั้งแต่อักษรตัวแรก แล้วทำลืมๆตอบจบไปก่อน ..แต่ได้รู้ว่าจบแฮปปี้เอนดิ้งก็ปแฮ้ปปี้ ล่วงหน้า

รอล้นเรื่องใหม่ รายาวดี หรือ มณีปุระ
อยากอ่านทั้งสองเรื่องค่ะ

พี่ก้อย แฟนคลับหน้าใหม่ที่กำลัง(คลุ้ม)คลั่ง คุณนักเขียน
คนเก่งค่า

 

โดย: ธาราฝัน IP: 125.24.206.6 16 มิถุนายน 2552 15:28:34 น.  

 

คุณริสาจะลบเรื่องนี้เมื่อไรคะ

ขอเวลาไล่อ่าน ตอนเก่าๆ ก่อนนะคะ

สองวันก็อ่านจบค่ะ อ่านถึงตอนที่ 7 แล้ว

ก้อยศรี

 

โดย: ธาราฝันน์ IP: 125.24.212.92 17 มิถุนายน 2552 20:29:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สาวช่างถาม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add สาวช่างถาม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.