Group Blog
All Blog
|
นิ้วกลม เมื่อ เดือนกุมภาพันธ์ กุมภาพันธ์ หนังของชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง คนอื่นไม่เกี่ยว โดยคุณนิ้วกลม (IDCHULA) ? on: March 04, 2003, 04:30:21 PM ? ----------------------------------------------------- กุมภาพันธ์ หนังของชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง คนอื่นไม่เกี่ยว นี่คือหนังที่สะท้อนความคิดของหนุ่มสาวในยุคนี้ได้อย่างชัดเจน หรือไม่ก็เป็นการตอกย้ำภาพของหนุ่มสาวในยุค"หลังสมัยใหม่"ให้มั่นใจขึ้นไปอีก คุณเห็นตัวละครกี่ตัวในหนังเรื่องนี้? แน่นอนมีตัวละครพอสมควรที่ลอยหน้าลอยตาอยู่บนจอภาพยนตร์ หากที่คุณ"เห็น"จริงๆ มีแค่สองคนเท่านั้น! แก้วตา และ จีรเดช เป็นตัวแทนของหนุ่มสาวในยุคที่ไร้"สิ่งยึดเหนี่ยว" ไม่มี"หลัก"ให้เกาะเกี่ยวใดๆ ไม่มีจุดมุ่งหมาย ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต! หนังเรื่องนี้พยายามไม่เล่าปูมหลังของตัวละครหลักทั้งสองตัวอย่างจงใจ "พ่อ" ของแก้วตา ปรากฏในหนังเรื่องนี้ในลักษณะของเสียง เพียงหนึ่งครั้ง มีคนดูกี่คนที่จะเอ่ยถามถึง แม่,พี่,น้อง...และบรรดาญาติคนอื่นๆ หรือที่เรียกรวมว่า "ครอบครัว" ฝ่ายจีรเดชนั้นไม่ต้องกล่าวถึง เขาคือคนที่ไร้อดีตอย่างแท้จริง คนดูรู้เพียงว่า เขาคือคนไทยที่ลักลอบไปทำงานที่อเมริกา และพยายามหาทางกลับ ข้อมูลนอกเหนือจากนั้น หนังก็จงใจละเอาไว้ในฐานที่ไม่ต้องเข้าใจ "เพื่อน" กลับกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากกว่าในสายตาของผู้ทำหนังเรื่องนี้ หนังทำให้เราเห็นว่า เพื่อนต่างหากล่ะที่เข้าใจ เพื่อนต่างหากล่ะที่เป็นคนยอมรับฟัง เพื่อนต่างหากล่ะที่เป็นคนให้อภัย เวลาเดือดร้อนก็ได้เพื่อนนี่แหละที่คอยช่วยเหลือ และเพื่อนที่แหละที่จะเป็นคนหาทางออกให้ชีวิต นี่คือตัวอย่างเพื่อยืนยันต่อข้อสังเกตในย่อหน้าเมื่อสักครู่ -แก้วตาขายงายศิลป์ไม่ได้ ไม่มีใครซื้อ แต่เหมียวซื้อ -พ่อไม่ชอบให้ทำงานศิลป์ แต่เพื่อนช่วยจัดนิทรรศการให้ -แก้วตาแย่งแฟนหมวยไป เมื่อขอโทษ หมวยก็ให้อภัยแต่โดยดี -แต่พ่อไม่เคยให้อภัย อีกทั้งยังไม่ให้เงิน จะให้ต้องมีข้อแม้ว่าให้กลับมาช่วยงานที่บ้าน -แก้วตาอยากไปนิวยอร์ค ก็ได้เหมียวเป็นคนจัดการเรื่องวีซ่าให้ -โดยที่ไม่ต้องบอกพ่อแม่ให้รู้ซักแอะ -แก้วตาจำจีได้ในตอนท้าย เมื่อยากกลับไปก็ได้หมวยกับเหมียวไปร่วมตามหา -ทั้งที่ยังไม่เห็นหน้าพ่อแม่เลยซักครั้ง ครอบครัว ถูก"ซ่อน"ไว้อย่างแนบเนียนโดยไม่เลือกที่จะกล่าวถึงให้เสียเวลา ถ้ามีใครถามขึ้นมาอาจถูกตอบกลับว่า "ก็มันไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง" หรือ "มันเป็นส่วนเกินของหนัง" สัญลักษณ์ "ปีก" ที่ถูกสื่อออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นนกในกรง ภาพวาดของแก้วตา รูปปั้นที่น้ำพุ ล้วนสื่อสารถึงความต้องการ"อิสระ"ของหนุ่มสาวยุคนี้อย่างชัดแจ้ง อิสระจากการถูกปิดล้อมทั้งเรื่องการยอมรับของผู้ใหญ่, การยอมรับจากฝรั่ง, การยอมรับในผลงาน ซึ่งในหนังเรื่องนี้ ก็คือ อิสระจาก"โรคร้าย" ที่ขีดเส้นตายไว้กับชีวิตของแก้วตาแล้ว "ความแปลกแยก" กับคนกลุ่มใหญ่ เป็นลักษณะเด่นที่ปรากฏอย่างชัดเจนในตัวละครหลักทั้งสอง แก้วตา ทำงานศิลปะที่สังคมส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ (ไม่ซื้อ) จี มีความรู้สึกแปลกแยกกับผู้คนในเมืองใหญ่ที่ไม่ใช่"บ้าน"ของตัวเอง อีกทั้งยังต้องทำงานผิดกฏหมาย(กฏของสังคม) ทำให้รู้สึกอยู่เสมอว่าตัวเองต่างจากคนส่วนใหญ่ ทั้งคู่จึงรู้สึกอ้างว้างและเปลี่ยวเหงาอย่างยิ่ง ไม่แปลก เมื่อคนสองคนที่เหงาสุดขีดโคจรมาพบกัน ก็เกิดความสัมพันธ์ขึ้นได้ โดยไม่ยากเย็นนัก ทั้งที่หนังก็ไม่ได้เล่าให้เราฟังว่า ความรักที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากอะไร คำพูดที่ตัวละครพูดกันนั้น เราแทบจะนับประโยคได้ หรือคำพูดในเชิงลึกซึ้ง ที่ทำให้คนสองคนเรียนรู้ รู้จักกัน นั้นไม่ได้อยู่ในหนัง แต่คนดูควรจะอนุมานเอาเองได้ อย่างนั้นหรือ? หรือนี่อีกภาพของหนุ่มสาวยุคนี้ ความสัมพันธ์ผิวเผิน เร็วและฉาบฉวย? ความรักที่แท้ย่อมผ่านด่านของความไม่เข้าใจและทำความเข้าใจต่อกัน หลายต่อหลายรอบมิใช่หรือ? สก๊อต คือเพื่อนคนเดียวของจี เพื่อนที่ทั้งรับฟังและยอมพูดคุยด้วย ภาพของสก๊อตในเงามืดก็เป็นตัวแทนของจี และ แก้วตา เช่นกัน คือ คนที่ถูกสังคมมองข้าม และหลบอยู่ตามซอกหลืบของ"เมือง" แน่นอนหนุ่มสาวเหล่านี้มีความฝันเล็กๆ และอยากให้"เมือง"หันมา"มอง"พวกเขาบ้าง Do you believe in destiny? ประโยคนี้ถูกเอ่ยขึ้นมาถึงสองครั้งด้วยกัน หนุ่มสาวเหล่านี้กำลังรอปาฏิหาริย์ พรหมลิขิต และปล่อยให้โชคชะตาพาตัวเองไป เหตุเพราะเขาเหล่านั้นไม่มั่นใจในพลังของตัวเองอีกต่อไป ไม่มีความดีงามแท้จริงให้เกาะเกี่ยว กระแสหลักของสังคมถูกพวกเขาเมิน เช่นเดียวกันกับความคิด"นอกกรอบแบบปัจเจก" คิดแบบเป็นตัวเอง ของพวกเขาก็ถูกสังคมมองข้าม คำถามคือ ทางสองเส้น ความคิดแบบใหม่กับเก่าจะรวมกันได้ ณ จุดไหน? อะไรคือสิ่งที่พวกเขาควรทำกันแน่? หรือเราควรปล่อยชีวิตไปตามดวง? การที่หนังเล่าเรื่องอยู่กับตัวละครทั้งสองโดยไม่เล่าไปถึงสิ่งอื่นๆ หรือบริบทรอบๆของตัวละคร ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องของความรักของคนสองคนโดยไม่สนใจใครโดยแท้ ภาพการ"เห็นแต่ตัวเอง" "คิดถึงแต่ตัวเอง" ซึ่งเป็นความคิดของคนหนุ่มสาวในปัจจุบัน ถูกแสดงออกอย่างแจ่มแจ้ง ไม่มีปิดบังจนกระทั่งจบเรื่อง ความแปลกแยก เหงา เปล่าเปลี่ยว และถวิลหา"บ้าน" คือบรรยากาศของหนังเกือบทั้งเรื่อง ความรักคือสิ่งที่ตัวละครทั้งสองขาดหาย และต้องการ ในตอนท้ายเรื่อง หลังจากที่จีพูดว่า "เธอจำฉันได้ เธอยังไม่ลืมฉัน" มีเสียงของสก๊อตเพื่อนจรจัดคนนั้นว่า "นั่นแหละ คือ รัก" ว่าแต่..แน่ใจแล้วหรือว่าใช่? แก้วตาจำจีได้ แต่ลืมใครไปหรือเปล่า? "จะมีมั้ยนะ ผู้ชายสักคนที่รักเราจริงๆ" แก้วตาหันไปถามหมวยที่กำลังเหม่อมองทะเลกว้างเบื้องหน้า คำตอบของคำถามนี้ ไม่ได้ถูกบรรจุลงในหนังเรื่องนี้ แต่มีอยู่จริงในโลก ใครน่ะเหรอ? ก็ผู้ชายคนที่แก้วตาโทรไปหาแล้วไม่ยอมพูดคุยด้วยในตอนต้นเรื่องนั่นไง ภาพนกที่บินออกไปจากกรงอาจแสดงถึงความอิสระ แต่ก็แสดงถึงความไร้ที่พักพิง และไร้จุดหมายด้วยเช่นกัน ความรัก ความเข้าใจ ที่หนุ่มสาวทั้งหลายโบยบินตามหา เอาเข้าจริง มันก็อยู่ที่"บ้าน"นี่เองแหละ ไม่แปลกหรอกถ้าแก้วตา และจีรเดชจะหาไม่เจอ เพราะในหนังเรื่องนี้ ไม่มี"บ้าน"ปรากฏให้เห็น! โดยคุณ : นิ้วกลม - [ 23 ก.พ. 2003 , 19:14:55 น. ] //februarymovie.arch60.com/webboard/index.php?board=6;action=display;threadid=451 |
ดาริกามณี
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?] Just Do it : * มีอีกชื่อว่า หญ้าเจ้าชู้ * เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บทประพันธ์ รักข้ามรั้ว (หญ้าเจ้าชู้) ลุ้นสุดฤทธิ์ พิชิตรัก (หญ้าเจ้าชู้) ภารกิจรักพิทักษ์เธอ (หญ้าเจ้าชู้) ปีกแห่งฝัน (ดาริกามณี) * เป็นสาวก 'รงค์ วงษ์สวรรค์ * เป็นแฟน คาราบาว * เป็นกิ๊ก เฉลียง * ฝืนอะไรที่เป็นอื่น ฝืนอัตตา สูงเทียมฟ้าก็มิเท่า เป็นเราเอง * การปรากฎตัวของคนคนหนึ่ง อาจเปลี่ยนใครอีกคนไปทั้งชีวิต * หากต้องการอ่านนิยายที่ใส่รหัส, รบกวน "ฝากข้อความหลังไมค์" จ่ะ Friends Blog
|