ตุลาคม 2548

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28
29
30
 
 
All Blog
โตเกียวไม่มีขา
หนังสืออะไรชื่อพิลึก!

ได้ยินครั้งแรกจากเพื่อนร่วมงาน หลังจากที่ไปเล่าให้เขาฟังว่า มีพี่ที่รู้จักกันคนหนึ่งบ้าจี้ดีเดือดไปปั่นจักรยานในลาวและเวียดนามหน้าฝนมาด้วยเงินเพียงไม่กี่พันบาทในเวลาร่วมเดือน, เพื่อนร่วมงานผู้ฟังที่ดีจึงบอกว่า "เห็นหนังสือเล่มหนึ่งเขาเล่าถึงการไปโตเกียวด้วยเงินหมื่นกว่าๆ เหมือนกัน ชื่อหนังสือว่า โตเกียวไม่มีขา" ผ่านไปเพียงหนึ่งสัปดาห์เหมือนจะเป็นบุพเพสันนิวาส ขณะที่นั่งรอสอนการบ้านน้องที่โรงเรียนสอนคนตา บอด สิ่งที่วางอยู่ตรงหน้าคือพ็อคเก็ตบุคเล่มพอดีมือที่ภายในวงกลมสีแดงหน้าปกเขียนด้วยตัวหนังสือสีขาวว่า "โตเกียวไม่มีขา" จึงถามน้องๆ ว่าเป็นหนังสือของใคร... หนึ่งในนั้นตอบว่าเป็นของพี่คนหนึ่งที่มาอ่านหนังสือให้ฟัง...

และอีกต่อมาพี่คนที่ถูกกล่าวถึงซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือเล่มนั้นก็กลายเป็นใครอีกคนที่เข้ามาอยู่ในส่วนเสี้ยวหนึ่งของเวลาที่เหลืออยู่ของวันนั้น... เราต่างได้พูดคุย โอภาปราศรัยตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยมีหนังสือเล่มนี้เป็นสะพานนำไปสู่มิตรภาพในต่อมา...

พื้นฐานแล้ว ไม่ชื่นชอบอ่านหนังสือ "ประสบการณ์จากการเดินทาง" ของใครเท่าใดนัก อาจเพราะหนึ่งคือ ไม่ใช่เรื่องง่ายดายนักที่จะชักชวนชีวิตให้ทำอย่างนั้นได้ และสองคือหนังสือประเภทนี้แสดงออกถึงความเป็นตัวคนเขียนมากจนเกินไป (ในบางเล่มที่เคยอ่านผ่านมา) ...จึงทำให้เงินในกระเป๋าไม่เคยถูกควักออกไปเพราะหนังสือประเภทนี้

และหลังจากที่ได้ "โตเกียวไม่มีขา" มา... ก็กะไว้เลยว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำว่าหนึ่งสัปดาห์เป็นแน่ในการอ่าน...และอีกเหตุผลหนึ่งคือต้องอ่านเพื่อไปเล่าเรื่องย่อให้น้องที่โรงเรียนสอนคนตาบอดฟังเพื่อให้น้องไปทำการบ้านเรื่อง "การอ่าน" ส่งครูภาษาไทยได้ทันกำหนด....

นั่นคือ "แผน" ที่วางเอาไว้...

แต่ทั้งหมดก็ผิดคาด... ไม่รู้ว่าเพราะความน่าสนใจ วิธีการนำเสนอ หรือเพราะเรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดลงมากันแน่ที่ทำให้หนังสือเล่มนี้ถูกอ่านจบภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงตั้งแต่หน้าแรก คำนำ ไปจนถึงปกหลัง... ซึ่งสองชั่วโมงดังกล่าวนั้นยังถูกใช้ไปกับการจด "ถ้อยความที่คมบาดคอ" จากหนังสือลงสู่สมุดเล่มเล็กที่จะถูกใช้เป็น "ของขวัญวันเกิด" ให้กับใครคนหนึ่งในวันที่ 23 มิถุนายนนี้ด้วย...

และหลังจากที่อ่านหนังสือเล่มนี้จบ สองอย่างที่ทำ คือ หนึ่ง ลงมือเขียนจดหมายฉบับนี้ส่งไปยังอีเมลล์แอดเดรสท้ายเล่มที่เป็นเจ้าของนามปากกา "นิ้วกลม" และอย่างที่สองคือ เขียนเรื่องย่อของหนังสือไว้ไปเล่าให้น้องที่โรงเรียนสอนคนตาบอดฟัง (สำหรับไปเขียนการบ้าน) พร้อมกันนั้นภาพที่ผุดแว้บขึ้นมาคือ ภาพของกนกวรรณที่กำลังอ่านหนังสือชื่อโตเกียวไม่มีขาให้กับโอโตซังและโอกาซังฟังในเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น... และดนตรีร็อคของเคงโหงะคงดังคับห้องของชายหนุ่มผู้รักเสียงดนตรีเจ้าของชื่อนิ้วกลม ที่ไม่รู้ว่าเป็นนิ้วไหนในจำนวนห้านิ้ว...

โตเกียวของใครก็ไม่เหมือนกันทั้งนั้นและมันก็ไม่มีขาจริงๆ ด้วย, หนังสือเล่มนี้เป็นญี่ปุ่นในทางบวก ทั้งภาษาเขียน, การนำเสนอ และเรื่องราวที่ถูกเลือกบอกเล่า น้อยครั้งที่จะเขียนถึงด้านลบจนเกิดความยินดีและสงสัยไปในคราเดียวกันว่าสิ่งที่ได้พบเจอนั้นช่างเป็นเรื่องสวยงามเสียเหลือเกินแท้ แต่ก็นั่นแหละ "โตเกียวของใครก็ของคนนั้น"

ความน่ารักของโตเกียวไม่มีขาอยู่ที่ความไม่เสแสร้งของภาษาและเรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมา... ไม่ดัดจริตเป็นคนฉลาด ซึ่งเมื่อผนวกกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ในแต่ละตัวหนังสือ ซึ่งมีทั้งให้ตามไปคิดต่อและไม่ต้องคิดอะไรเลยแล้ว ภาพที่ถูกถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือยังชัดเจน... เหมือนจะได้กลิ่นราเมนแบบยืนกิน (อิ่มแล้วก็รีบเดินจากไป) และอารมณ์สุนทรีย์กับดนตรีในสวนสาธารณะของวัยรุ่นญี่ปุ่น...และอดนึกถึงการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง 20th Century Boy ไม่ได้เมื่อโตเกียวโดมถูกเอ่ยถึง... (เล่ม 18 เมื่อไหร่จะออกน้อ..)

เห็นปกหลังเกี่ยวกับประวัติคนเขียนที่แม่ไม่ได้ตั้งชื่อว่า "เด็กชายนิ้วกลม" นั้นเคยทำหนังสือชื่อ Dim กับเพื่อนสถาปัตย์จุฬาฯ จึงอนุมานเอาว่า นิ้วกลมน่าจะเป็นศิษย์สำนักนี้... ซึ่ง "กูไม่แปลกใจเล้ยว่าทำไมมันถึงเขียนหนังสือได้ดี เพราะถ้าพะยี่ห้อสถาปัตย์จุฬาฯ แล้วแปลก... มันทำได้ทุกอย่างและแทบทุกวงการตีกระจาย... ที่สำคัญมันทำได้ดีเสียด้วย" เป็นประโยคที่บอกเล่ากับเพื่อนพ้องน้องพี่ละแวก "สาทร ซ.10" เลือดสีชมพูกลุ่มนั้น.... รวมไปถึงพี่ที่รู้จักกันคนหนึ่งที่บ้าจี้ดีเดือดไปปั่นจักรยานในลาวและเวียดนามหน้าฝนมาด้วยเงินเพียงไม่กี่พันบาทในเวลาร่วมเดือน ซึ่งแน่นอนว่ามาจากรั้วจามจุรีเช่นกัน...

สำหรับ "โตเกียวไม่มีขา" แม้ไม่ใช่ทั้งหมดของความเป็น "ญี่ปุ่น" แต่ก็เป็นซอกมุมที่อาจคาดไม่ถึง...

มันอาจจะไม่ใช่หนังสือนำเที่ยว, ไม่ใช่หนังสือภูมิศาสตร์ (แบ่งหมวดหมู่ยากเหมือนกันนะนี่) และอาจจะไม่ใช่หนังสือ "บันทึกการเดินทาง" เล่มที่ดีที่สุดในเมืองไทย บางครั้งมันอาจจัดเป็นหนังสือจิตวิทยาได้ด้วย....

เพราะมันทำให้คนที่ "ละ-ร้าง" การเดินทาง เกิดอยากมีตีนที่หัวใจขึ้นมาเสียเฉยๆ

เอาน่ะ.... พรุ่งนี้จะไป "ซาปา" .../





Create Date : 31 ตุลาคม 2548
Last Update : 22 ธันวาคม 2548 12:57:15 น.
Counter : 765 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาริกามณี
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



Just Do it :


* มีอีกชื่อว่า หญ้าเจ้าชู้

* เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บทประพันธ์
รักข้ามรั้ว (หญ้าเจ้าชู้)
ลุ้นสุดฤทธิ์ พิชิตรัก (หญ้าเจ้าชู้)
ภารกิจรักพิทักษ์เธอ (หญ้าเจ้าชู้)
ปีกแห่งฝัน (ดาริกามณี)

* เป็นสาวก 'รงค์ วงษ์สวรรค์
* เป็นแฟน คาราบาว
* เป็นกิ๊ก เฉลียง
* ฝืนอะไรที่เป็นอื่น ฝืนอัตตา
สูงเทียมฟ้าก็มิเท่า เป็นเราเอง

* การปรากฎตัวของคนคนหนึ่ง
อาจเปลี่ยนใครอีกคนไปทั้งชีวิต

* หากต้องการอ่านนิยายที่ใส่รหัส,
รบกวน "ฝากข้อความหลังไมค์" จ่ะ