สิงหาคม 2549

 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
30
31
 
 
6 สิงหาคม 2549
All Blog
นิ้วกลมแฟนคลับ
*** วันนี้ชาวนิ้วกลมแฟนคลับเค้าไปมีทติ้งกัน ตามประสาคนรัก... กัน, ส่วนคนที่อยู่ไกลโพ้นทะเลอย่างเราก็เลยต้องแก้เหงา ด้วยการเอางานของเขาขึ้นมาอ่านแทน

*** ชิ้นนี้เป็นอีกหนึ่งงานที่เคยพิมพ์แล้วในอะเดย์ แต่เจ้าตัวเค้าส่งมาให้ ก่อนที่จะพิมพ์ ตอนนั้นระรื่นมากเพราะได้อ่านเรื่องที่เขาเขียน ก่อนใครเพื่อน แต่ยังไม่สามารถที่จะเอามาแปะบนระบบเครือข่ายได้ จนหนังสือวางแผงและผ่านไปแล้ว ถึงได้เอามาให้อ่านกัน...

*** อ่านแล้วคิดถึง อดีตสมัยเรียน ***


ณ ลานโพธิ์ ม.ธรรมศาสตร์: ความหลัง และพลังของหนุ่มสาว

สี่ปีก่อน มีชายหนุ่มคนหนึ่งอกหัก, ที่นี่
อกหักในความหมายว่าใจแตกแบบเอากาวยู้ฮูมาต่อติดชิดชนไม่ได้ กาวช้างก็ดามไม่ไหว (ถ้าเบียร์ช้างอาจพอถูไถกว่า) อกหักแบบหมอไม่รับเข้าเฝือก อกหักแบบกระดูกอกทุกชิ้นยังอยู่ครบ สมบูรณ์ดี แต่สิ่งที่หายไปคือกำลังใจในการดำเนินชีวิต
สำหรับบางหนุ่มสาว, ความรักดูเหมือนจะเป็นทุกอย่างของชีวิต
เขาเงยหน้าถามเมฆปากจู๋ กูจะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร? ไร ไร ไร...(เสียงก้องสะท้อนเพดานฟ้า)
เมฆก้อนนั้นลอยผ่านไป เมฆก้อนใหม่เคลื่อนเข้ามา เวลาผ่านไปสี่ปี
เขากลับมา ณ ตรงนี้อีกครั้ง
ณ ลานโพธิ์ ม.ธรรมศาสตร์ ในเดือนตุลาคม
ขณะที่เขาเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยของอดีตหญิงสาวที่เขาเคยยัดหัวใจใส่มือ แต่เธอไม่ยอมถือมันไว้ เขาต้องแปลกใจกับโปสเตอร์มากมายที่แปะเรียงรายชวนฉงน ข้อความในนั้นมี ‘สาร’ คล้ายคลึงกันคือ ประกาศงดสอบและชักชวนให้เพื่อนนักศึกษาไปร่วมกันประท้วงที่ลานโพธิ์ หน้าตึกคณะศิลปศาสตร์ ประตูด้านท่าพระจันทร์ มีผ้าผืนใหญ่เขียนข้อความว่า “เอาประชาชนคืนมา”

เขาค่อยๆ ปะติดปะต่อเรื่องราวจากหนุ่มสาวที่มานั่งชุมนุมกันเกือบหนึ่งพันคนในบริเวณนั้น จึงได้ความว่า มีนักศึกษาและผู้เรียกร้องรัฐธรรมนูญจำนวนสิบเอ็ดคนถูกจับตัวไปตั้งแต่วันที่ หกตุลา ในข้อหาขบถ! นักศึกษาเหล่านี้จึงต้องการชุมนุมประท้วงการจับกุมและต้องการเรียกร้องรัฐธรรมนูญโดยเร็วที่สุด

หลังจากนั้นไม่นานนัก นิสิตนักศึกษาจากวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล รามคำแหง เริ่มส่งตัวแทนเข้ามาร่วมไฮด์ปาร์ก และร่วมชุมนุม จนในที่สุดลานโพธิ์ก็อัดแน่นไปด้วยผู้คนจำนวนหมื่น
เพื่อมาฟังอภิปรายโจมตีรัฐบาล บุคคลที่ถูกโจมตีมากที่สุด คือ จอมพล ถนอม กิตติขจร จอมพล ประภาส จารุเสถียร และ พ.อ. ณรงค์ กิตติขจร

วันรุ่งขึ้น นิสิตนักศึกษาทั้งระดับอุดมศึกษาและวิทยาลัยต่างทยอยกันเข้าสู่ม.ธรรมศาสตร์ ไม่ต่ำกว่าพันคน รวมไปถึงนักเรียนช่างกลและก่อสร้างอีกประมาณสองพันกว่าคนก็ได้เข้าร่วมการชุมุนมครั้งนี้ โดยบอกว่าต่อไปนี้จะไม่มีการทะเลาะต่อยตีกันอีกแล้ว

สถาบันการศึกษาต่างส่งตัวแทนขึ้นประกาศว่าจะงดการสอบการเรียนจนกว่าผู้ถูกจับกุมทั้งหมดจะได้รับความเป็นธรรม และทุกคนจะมาร่วมต่อสู้ให้ถึงที่สุด ณ ลานโพธิ์แห่งนี้ทุกวัน

ชายหนุ่มถึงกับขนลุกทุกเส้นเมื่อได้ฟังเสียงประสานร่วมใจร้องเพลง สู้ไม่ถอย ที่นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล แต่งขึ้น
สู้เข้าไปอย่าได้ถอย มวลชนคอยเอาใจช่วยอยู่ รวมพลังทำลายเหล่าศัตรู พวกเราสู้เพื่อความยุติธรรม...

แน่นอนว่า เขาต้องมาที่นี่อีก อีก และอีก เพราะยิ่งฟังสิ่งที่นิสิตนักศึกษาพูดบนเวที เขายิ่งเห็นด้วยว่า ถึงเวลาแล้วที่เราต้องทวงสิทธิและรัฐธรรมนูญคืนจากรัฐบาลเผด็จการ
โดยไม่ต้องคิดครวญแต่อย่างใด เขาตัดสินใจมาที่นี่ทุกวัน
วันที่สิบเอ็ด ตุลา นักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งงดสอบกลางคันประมาณห้าพันกว่าคน รวมกับนักเรียนอาชีวะจากเกือบทุกสถาบันทั่วกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงหลั่งไหลมาที่ม.ธรรมศาสตร์ นักศึกษาวิทยาลัยครูจากหลายสถาบันก็เข้าสมทบ จนกระทั่งถึง สี่โมงเย็น เวลาเลิกงานและเลิกเรียน ก็ปรากฏว่ามีนักเรียน และข้าราชการ ประชาชน เข้าร่วมการชุมนุมเพิ่มมากขึ้นอีกกว่าหกหมื่นคน

ตอนเที่ยงของวันที่สิบสาม ตุลา ขบวนผู้ชุมนุมซึ่งปะปนไป
ด้วยนักเรียนนิสิตนักศึกษาและประชาชนเคลื่อนขบวนออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เข้าสู่ถนนราชดำเนินกลาง ท่ามกลางฝูงชนกว่าห้าแสนคน เขาได้ยินนาย เสกสรรค์ ประเสริฐกุล พูดผ่านลำโพงว่า

“ขอให้ท่านทั้งหลายกินอาหารมื้อนี้ให้เต็มอิ่ม เพราะเราไม่รู้ว่าจะได้กินมื้อต่อไปอีกเมื่อไร”

และ...อาหารมื้อนั้นก็ได้กลายเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของหลายคน จริงๆ

ในราวสี่ทุ่มของคืนวันนั้น หลังจากได้มีประกาศจากเลขาธิการศูนย์ฯ ว่าทางรัฐบาลได้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข และจะร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จภายในหนึ่งปี

เสียงไชโยโห่ร้องเมื่อรู้ว่านักศึกษาและประชาชนเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะกึกก้องปะปนกับเสียงตะโกนด้วยความไม่พอใจว่า “ไม่เอา ไม่เอา ต้องการรัฐธรรมนูญเร็วกว่านั้น”
...

สิบสี่ ตุลา เวลาสิบนาฬิกา สามสิบนาที ฝ่ายรัฐบาลส่งทหารจาก ร.สิบเอ็ด พร้อมด้วยรถถังเข้าคุมสถานการณ์ ใช้ปืนกราดยิงนักศึกษาเสียชีวิตระนาว นักเรียนและประชาชนสู้อย่างทรหด ขับรถเมล์เข้าชนรถถังแต่ก็ถูกยิงเสียชีวิต

เขาวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน หลบกระสุนและแก๊สน้ำตา ก่อนไปชนเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งหน้าตาเหมือนคุณพ่อของเขาราวกับคนคนเดียวกัน ชายคนนั้นหันมามองเขาแล้ววิ่งต่อแบบไม่คิดชีวิต

สิบแปดนาฬิกา วิทยุกระจายเสียงของกรมประชาสัมพันธ์ได้ประกาศข่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ จอมพล ถนอม กิตติขจร ได้ประกาศลาออกแล้วนับตั้งแต่วินาทีนั้น การเมืองไทยก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล...
...

เขาเงยหน้าขึ้นมาจากนิตยสารสารคดี ฉบับพิเศษ รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย และถอนตัวเองจากจินตนาการสู่ความจริงตรงหน้า ลานโพธิ์สงบเงียบราวกับไม่เคยเกิดเหตุการณ์ใดใดขึ้น

แต่มาถึงตอนนี้ เขาสัมผัสได้ถึงมวลพลังเมื่อครั้งก่อน - สามสิบสองปีที่แล้ว
...

บางภาพในนิตยสารเล่มนั้นสะกดดวงตาทั้งสองของเขาเอาไว้ แถมยังตรึงดวงใจให้หยุดคิดพิจารณา ยิ่งดู เขายิ่งรู้สึกว่าร่างกายกำลังหดเล็กลงเรื่อยๆ เพียงแค่สามสิบสองปี สังคมและอะไรบางอย่างไกวเปลเห่กล่อมให้หนุ่มสาวอย่างเขานุ่มนิ่มได้ถึงเพียงนี้

ไม่เพียงนุ่มนิ่ม แต่ยังมีโลกและหัวใจที่มีขนาดเล็กลงมากมายหากเทียบกับคนรุ่นนั้น

โลกขนาดเล็ก ทำให้ชีวิตทุกวันวนเวียนอยู่กับกิจกรรมซ้ำเดิม เดินช็อปปิ้ง ดูหนัง ฟังคอนเสิร์ต เปิดเน็ตฯ แชท เที่ยวกลางคืน ตื่นมาเรียน เรียนพิเศษ รอเกรดออก บอกเลิกแฟน

ในวงโคจรนั้นไม่เอื้อให้ใครสักคนใส่ใจกับปัญหาของคนอื่นหรอก เพราะมันแคบจนต้องวนอยู่แต่กับเรื่องของตัวเอง

หัวใจขนาดเล็ก นอกจากอ่อนแอแล้ว ยังไม่มีที่ว่างให้ ‘คนอื่น’ นอกจาก ‘เธอคนนั้น’ เพียงคนเดียว เมื่อ ‘เธอ’ เดินออกไป หัวใจเลยว่างโหวง ชีวิตจึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะไม่รู้ว่าจะอยู่เพื่อใครดี ทั้งที่โลกใบนี้มี ‘คนอื่น’ ให้เราใช้ชีวิตและอุทิศพลังเพื่อพวกเขาอีกมากมายนัก

เขานึกอิจฉาคนเดือนตุลา ที่มีเรื่องให้ขบถ มีวีรกรรมให้ฝากไว้บนผืนแผ่นดิน

ถ้าเราได้ใช้พลังไปกับอย่างอื่น เราอาจลืมเรื่อง ‘เธอ’ ก็ได้ เขาคิดในใจ
...

“พลังของหนุ่มสาวเปลี่ยนโลกได้” ใครสักคนหนึ่งเคยบอกไว้

คืนวันนั้น เขานอนคุยกับพ่อขณะดูฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก พ่อเล่าเหตุการณ์วิ่งหนีรถถังให้ฟังอย่างตื่นเต้นและภูมิใจ ก่อนหยอดประโยคท้ายๆ ทิ้งไว้ให้เถียงถก

“แต่ก่อนนี้นักศึกษามีความคิดมีพลังมาก อุดมการณ์สูง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ได้ แต่เดี๋ยวนี้พวกนักศึกษาหัวอ่อนปวกเปียก เค้าให้ทำอะไรก็ทำ วันๆ ก็ซื้อของ ช็อปปิ้ง ไม่คิดอะไร เรียนๆ ไป ให้ได้งานทำ ได้เงินเดือนดีๆ คิดแต่เรื่องของตัวเอง อกหักที ก็จะเป็นจะตาย”

พ่ออมยิ้ม และยักคิ้วเยาะเย้ย

เขาขบกรามแน่น ไม่ใช่แค้นแต่อยากแสดงพลังหนุ่มให้พ่อเห็น ว่าแล้วก็ฉวยโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าขึ้นมากด ‘ข้อความสั้น’ ส่งไปให้เพื่อนว่า “เฮ้ย! กูอยากขบถว่ะ พรุ่งนี้ไปขบถกัน”

เพื่อนงง รีบโทรกลับมาถามว่า “ขบถอะไรของมึงวะ?”
เขานิ่งคิดอยู่เกือบนาที ก่อนตอบเสียงใสด้วยความภูมิใจ

“ก็ลองใส่กางเกงกลับด้านดูเป็นไงวะ?”


*หนังสือประกอบการเขียน:
1.นิตยสาร สารคดี ฉบับพิเศษ ‘รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย’
2.บทบันทึก “คืนแห่งชะตากรรม: ความทรงจำเกี่ยวกับการต่อสู้เดือนตุลาคม” เสกสรรค์ ประเสริฐกุล





Create Date : 06 สิงหาคม 2549
Last Update : 6 สิงหาคม 2549 10:06:48 น.
Counter : 661 Pageviews.

1 comments
  


อืมม อย่างนี้ นี่เอง
โดย: ลาบไก่ใส่ตับหมู (ลาบไก่ใส่ตับหมู ) วันที่: 22 ตุลาคม 2549 เวลา:0:23:30 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ดาริกามณี
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



Just Do it :


* มีอีกชื่อว่า หญ้าเจ้าชู้

* เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บทประพันธ์
รักข้ามรั้ว (หญ้าเจ้าชู้)
ลุ้นสุดฤทธิ์ พิชิตรัก (หญ้าเจ้าชู้)
ภารกิจรักพิทักษ์เธอ (หญ้าเจ้าชู้)
ปีกแห่งฝัน (ดาริกามณี)

* เป็นสาวก 'รงค์ วงษ์สวรรค์
* เป็นแฟน คาราบาว
* เป็นกิ๊ก เฉลียง
* ฝืนอะไรที่เป็นอื่น ฝืนอัตตา
สูงเทียมฟ้าก็มิเท่า เป็นเราเอง

* การปรากฎตัวของคนคนหนึ่ง
อาจเปลี่ยนใครอีกคนไปทั้งชีวิต

* หากต้องการอ่านนิยายที่ใส่รหัส,
รบกวน "ฝากข้อความหลังไมค์" จ่ะ