ระวังน้องกวาง ^ ^
เรื่องนี้จะว่าไปมันก็เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ผมคงไม่มีวันลืม เพิ่งจะมีเวลาเขียนนี่แหล่ะ มันเกิดขึ้นเมื่อประมาณสามปีที่แล้วจากความดันทุรังของผมเอง ตอนนั้นเรียนจบใหม่ๆ วีซ่าเหลืออีกหกเดือน งานก็มารอตรงหน้า เลยย้ายสัมโนครัวจากเวลส์มาอยู่แถวมิดแลนด์ ไหนๆก็ย้ายแล้ว ย้ายไปอยู่ใกล้ๆออฟฟิศละกัน ก็อยู่ที่เมืองที่ชื่อว่า บานบุรี - Banbury รอบๆเมืองนี้เท่าที่ดูก็มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะ ธรรมชาติโดยรอบก็ถือว่าสวยงาม ไว้ว่างๆจะเล่าให้ฟัง มาวันแรกก็มานั่งคุยกันกับผู้จัดการออฟฟิศก่อน เสร็จแล้วก็เดินออกไปเลือกหาบ้าน เอ ไม่ง่ายแฮะ หาทั้งวันไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่ให้สัญญาเช่าประมาณปีนึง ไอ้เรามันเหลือหกเดือนนี่หว่า - -" สรุปวันนั้นก็เลยไม่ได้บ้านด้วยความคิดแปลกๆ ตกเย็นก็เลยไปหาบ้านตามชนบท ประมาณอยากซึมซับบรรยากาศแบบอังกฤษแท้ๆ ก็ไปเจอฟาร์มนอกเมืองอยู่ที่นึง บรรยากาศดีทีเดียว มีสระว่ายน้ำด้วย เพราะทำเป็นเหมือนโรงแรมกลายๆ ปรากฏว่าเต็ม เพราะวันนั้นมีคอนเสริตแถวนั้น ซวยเจงๆ ที่อื่นๆก็เต็มหมด ก็บังเอิญเจ้าของฟาร์มคงมีเพื่อนฝูงเยอะ เลยแนะนำเพื่อนอีกคนให้ เราก็ต้องขับรถไปหาเพื่อนอีกคนของเค้า ซึ่งก็ใจดีมาก ถามว่าจะค้างที่บ้านเลยมั้ย เราบอกไม่ดีกว่า ยังไงเราก็ต้องกลับไปเก็บของ เลยลากลับเวลส์วันนั้นเลยสรุปว่าได้บ้านในเมืองกับเพื่อนเจ้าของฟาร์ม เค้ามีหลายหลัง ให้คนเช่า เอาค่าเช่ามาผ่อนกะแบงค์เอา ข้าวของก็ย้ายกันสามวันสามคืนถึงเสร็จ เพราะรถคันเล็กมาก อิอิ(แต่ไม่ได้ย้ายติดกันทุกวันนะ)ชีวิตผมก็แปลกอย่างนึง (จริงๆมีแปลกๆอีกหลายอย่าง) มันไม่ค่อยจะราบเรียบเท่าไหร่ ทำงานอยู่สองเดือนหัวหน้าก็เดินมาบอก เดือนหน้าจะย้ายออฟฟิศไปอีกเมืองนะ เราก็อึ้งรับประทาน ออฟฟิศนี้อยู่มาตั้งแต่บริษัทเราไปซื้อบริษัทในอังกฤษแล้วก็อยู่ตรงนี้มาตลอดร่วมสิบปี เออแฮะ พอเราเข้ามาเหมือนจะแกล้งกัน ย้ายออฟฟิศไปเมืองข้างๆซะนี่ แค่นั้นยังซวยไม่พอ หลังจากนั้นเดือนนึง ออฟฟิศย้ายมาที่เมืองใหม่ ชื่อ ลิงคิดสั้น(คนไทยชอบเรียกอย่างนี้) - Kidlington ผมหาที่พักที่เมืองนี้ไม่ได้ ความจริงมันก็ได้อยู่นะ เพราะเพื่อนเจ้าของฟาร์มก็รู้จักคนที่เมืองนี้ที่มีบ้านให้เช่า แต่ชักจะเริ่มแพง เลยขับรถไปกลับดีกว่าไปทำงานจะว่าไปการย้ายออฟฟิศก็ไม่ได้เป็นปัญหากับผมคนเดียว อย่างน้อยสุดก็ไม่ใช่ผมที่มีปัญหามากที่สุด พนักงานส่วนใหญ่พักใกล้ๆเมืองใหม่นี้ เลยไม่ค่อยมีปัญหา แต่มีอยู่คนสองคนที่ใกล้เมืองเดิมมากกว่า อีกคนนึงถึงกับต้องลาออกไปทำที่ใหม่ เพราะมันไกลใช้ได้ ห่างจากเมืองเดิมก็ประมาณ 20 ไมล์ หรือราวๆ 32กมผมก็ใช้วิธีขับแบบประหยัดหน่อย ไปกลับก็ตกราวๆ 4 ปอนด์ได้ น้ำมันตอนนั้นก็ตกราวๆลิตรละปอนด์ พอถูไถน่า ขับไปทำงานที่ใหม่ไม่น่าจะเกินสิบวัน แล้วก็เกิดเรื่องจนได้ วันนึงตอนเย็นหลังจากเลิกงาน ก็ขับรถกลับบ้านตามปกติ ช่วงหน้าหนาวนั้นก็มืดเร็วอยู่แล้ว แค่สามโมงเย็นก็เริ่มมืดแล้ว ตอนหกโมงเย็นเลยไม่ต้องพูดถึง เส้นที่ผมใช้วิ่งประจำระหว่าง Banbury กับ Kidlington ก็คือ A4260 ครับ ถนนในอังกฤษก็มีประมาณ 4 แบบใหญ่ๆ แบบ M - Motorway แบบ A, B รองลงมา และถนนไม่มีชื่อเป็นตัวเลข ซึ่งมียั้วเยี้ยไปหมด ลองดูในแผนที่ได้A4260 มีลักษณะเป็น single carriage way คือถนนมีทางแค่ไปมาข้างละเลนเดียว รถวิ่งสวนกันตลอด เส้นนี้ตัดผ่านภูมิประเทศที่สวยงาม หมู่บ้านเล็กๆ บางช่วงก็เป็นป่า บางช่วงเป็นฟาร์ม ซึ่งวันนั้นผมก็ใช้ความเร็วไม่ได้มากมายอะไร ขับลงเนินมาตามปกติกำลังจะผ่านฟาร์มเข้าเขตที่เป็นป่า แต่แล้วผมก็ต้องตกใจและเบรครถสุดกำลัง (คันนี้เบรคไม่ค่อยอยู่ ไม่มีเอบีเอสแต่เบรคเต็มที่เท่าไหร่ไม่เคยล๊อค)ภาพที่เห็นมันคงไม่ค่อยชินตาสำหรับคนไทยเท่าไหร่ เงาดำตะคุ่มๆที่อยู่กลางถนนนั้นมันมีขนาดใหญ่มาก เกินกว่าที่จะเป็นสุนัขปกติไปได้ วันนั้นพระจันทร์เต็มดวง ผมขนลุกซู่ ใจก็ไม่อยากจะคิด ทั้งๆที่ปกติแล้วไม่เคยมีเรื่องของสิ่งที่เหนือธรรมชาติอยู่ในหัวซักเท่าไหร่รถผมยังคงไหลเข้าไปหาเงาดำขนาดใหญ่นั้นเรื่อยๆ ความเร็วรถดูเหมือนจะไม่ลดลงเลย ถนนแฉะๆในวันนั้นคงทำให้การเบรคไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไหร่ผมกลั้นใจ ชนแน่ๆงานนี้แสงไฟจากรถผมส่องไปยังวัตถุที่เห็นเป็นเงาเมื่อสักครู่ เริ่มปรากฏเป็นร่างของสัตว์ขนาดใหญ่ตัวสีออกน้ำตาล กำลังกินอะไรอยู่บนถนน"เฮ้ยกวาง!!!" ผมหลุดปากออกมาดังลั่น เหลือระยะอีกไม่มากจะถึงตัวมัน เสียงเบรคของรถคงทำให้มันหันมามอง หลายๆคนอาจจะทายถูกครับ มันวิ่งออกไปจากถนนทันหน้ารถผมนิดเดียว เกือบไป ผมไม่เคยคิดครับ ว่าระหว่างเมืองแบบนี้ ถนน A แบบนี้ สองข้างทางแทบจะเป็นฟาร์มตลอด มันจะมีสัตว์ป่าอย่างน้องกวางมาวิ่งเพ่นพ่าน ผมไม่เคยสนใจป้ายสามเหลี่ยมที่มี prancing dear อยู่ตรงกลาง ตลอดสองปีที่อยู่อังกฤษมา ไปเที่ยวธรรมชาติมากกว่านี้ ไม่เคยเจอ ไม่เคยพบเห็น เห็นแต่แกะ - -"มันหลุดมาจากไหนรึเปล่า? ไม่หรอกครับ ป้ายสามเหลี่ยมนั่นเป็นตัวยืนยันอย่างดี ว่าเนี่ย ที่ของมันเองแหล่ะหลายคนคงเริ่มสงสัย แล้วจะหยิบเรื่องนี้มาพูดทำไม? มีเหตุผลครับ ผมเคยเตือนใครๆหลายๆคนไปว่าถ้าเจอหมา แมว หรือตัวอะไรก็แล้วแต่อยู่บนถนน อย่าเห็นแกตัวให้มากมายครับ ให้โอกาสพวกมันนิดนึง ขอให้กดเบรครถท่านให้เต็มที่ จะบีบแตรหรือตีไฟใส่มันด้วยก็ได้ ให้พวกเค้ารู้ตัวหน่อย ธรรมชาติพวกเค้าจะกลัวเสียงดังอยู่แล้วครับ อย่างน้อยก็เพิ่มโอกาสรอดให้พวกเค้า ไม่ใช่แบบบางคนที่ไม่ทำอะไรเลย ชนเป็นชน จากประสบการณ์ของผม ทั้งหมา แมว และกวางตัดหน้ารถ หลายต่อหลายครั้ง (น้องกวางนี่ครั้งเดียวก็เกินพอ^ ^) ผมไม่เคยชนมันเลยครับ ผมเบรคเต็มที่ตลอด ตรงๆตลอด พวกมันก็เห็นก่อนตลอดและหลบทัน ถ้าใครได้อ่าน สนใจจะทำก็ไม่สงวนลิขสิทธิครับ จะยินดีอย่างยิ่ง หลังจากที่เกือบชนน้องกวางไม่นานไม่น่าเกินสองสามวัน ผมขับรถผ่านถนนเส้นเดิมเพื่อไปทำงานตามปกติ ขับมาถึงที่เก่าๆ แต่พื้นถนนวันนี้กลับแดงฉานความรู้สึกแรกที่เห็นคือพื้นถนนนั้นแดงฉานจริงๆ มันแดงทั้งสองฝั่งถนน มันแดงไปไกลเกือบยี่สิบเมตร มันจะแดงอะไรกันได้ขนาดนั้น ขับต่อมาอีกไม่เกินสิบเมตรก็พบคำตอบมีกองเนื้อและเครื่องในสีแดงสดๆกองเบ่อเริ่มอยู่ข้างทาง เป็นภาพที่ดูไม่จืดจริงๆ ลาก่อนนะน้องกวาง
แวะมาเยี่ยมน่ะ