|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
หมอดู จิตแพทย์แบบไทยๆ
เมื่อครั้งที่ไปลงเรียนนวดแผนไทย สาเหตุหลักๆคือต้องการเรียนรู้วิธีการนวดที่ถูกต้อง เพื่อไว้ใช้นวดสมาชิกในครอบครัว ญาติผู้ใหญ่ที่รักใคร่ใกล้ชิดก็ชราปวดขาเมื่อยตัว อยากนำมาใช้นวดท่านทั้งหลาย
ระหว่างที่เรียน ปกติตัวผู้เขียน ไม่เคยถูกนวดมาก่อน รู้สึกจักจี๋เป็นที่สุด ขอเป็นฝ่ายนวด แต่ครูไม่ยอม บอกว่าต้องสลับกัน เป็นผู้ถูกนวดบ้าง เพื่อให้เกิดการเรียนรู้เกี่ยวกับเส้นเอ็นแต่ละเส้น
การนวดต้องวางมือเป็นจังหวะโดยการนับ และวิธีลงน้ำหนัก ในแต่ละวันครูจะต้องการนางแบบ ที่จะมานอนให้ครูนวด ให้ผู้เรียนได้เห็นเป็นต้นแบบ และจดไว้ศึกษาก่อนที่จะลองลงมือนวดกันเอง
แต่ละวันที่เรียน ผู้เขียนจะได้เป็นนางแบบเป็นประจำ ทั้งที่ไม่ชอบถูกนวดเลย ครูบอกว่าที่เลือกให้เป็นแบบ เพราะเราตัวอ่อน จะพับไปทางไหนก็พับได้ เพราะมีความยืดหยุ่นและอ่อนตัวดี ครูถามว่าเล่นโยคะใช่ไหม ผู้เขียนก็บอกว่าใช่
ตั้งแต่คราวนั้นจึงเป็นหุ่นมาโดยตลอด เมื่อตอนเก็บคะแนนหาประสบการณ์ในการนวด ตอนใกล้จบ เราเปิดนวดฟรีให้คนที่อยู่ละแวกที่เรียน เพิ่มทักษะในการนวดและนำผลงานไปส่งเพื่อขอจบหลักสูตร ผู้นวดแต่ละคนจะรักษาเวลาได้ดี นวดหมดทั้งตัวใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง ไม่ขาดไม่เกินต่อหนึ่งคน
แต่ผู้เขียนจะรั้งท้ายเพื่อนๆใช้เวลาชั่วโมงครึ่งเป็นประจำ ครูบอกว่า ไปเรียนโหราศาสตร์ น่าจะรุ่ง เพราะในการนวดแต่ละครั้ง คนที่มาให้นวด จะชอบเล่าเรื่องราวต่างๆมากมายให้ผู้เขียนฟัง
เรื่องลูก เรื่องสามีภรรยา ปัญหาปากท้อง แม้กระทั่งเรื่องกิ๊ก เราก็ฟังเพลิน มือที่นวดก็เลยขาดจังหวะ แบบไปช้าๆ เพราะตั้งใจจับความรู้สึกของผู้พูดมากกว่า
และแนะนำไปว่า สวดมนต์สิ ทำสมาธิสิ เล่นโยคะ หรือไม่ก็หางานอดิเรกทำ บางรายก็แนะนำให้ไหว้พระทำจิตให้ผ่องใส เดี๋ยวปัญหาก็จะคลี่คลายจะพบทางออกด้วยตัวเอง ครูบอกว่าหากผู้เขียนนวด จะต้องใช้แรงถึงสองทาง ทั้งจากการนวด และจากการตั้งใจฟัง เหนื่อยเป็นสองเท่า
ครูจึงเล่าให้ฟังว่า โหราศาสตร์นั้น เป็นแพทย์แผนไทยชนิดหนึ่ง หากนำมาเปรียบเทียบกับแผนปัจจุบัน ก็น่าจะเป็นประมาณจิตแพทย์ บางคนก็แค่ต้องการกำลังใจ อยากระบายกับคนที่วางใจได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะไปขยายความต่อ
คนไทยไม่นิยมไปหาจิตแพทย์ ด้วยความเชื่อที่ว่า คนที่ไปหาจิตแพทย์ต้องเป็นคนบ้า ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด หากเคยดูภาพยนตร์ฝรั่ง การไปนั่งเล่าเรื่องราวให้จิตแพทย์ฟัง สนนราคาต่อชั่วโมงแสนแพง
แต่คนไทยส่วนใหญ่จึงนิยมไปหาหมอดูมากกว่า หมอดูสมัยโบราณ เรียกค่าครูไม่มาก มีหมากพลูธูปเทียน หากผู้ที่มาดูนิยมชมชอบ อยากให้เพิ่ม นั่นก็แล้วแต่จิตศรัทธา เขาดูให้ด้วยเมตตา และมีข้อแนะนำดีดี ให้นำมาปฏิบัติเอง
ไหนๆก็เล่ามาซะยาว อยากจะเล่าต่อ เมื่อรู้ว่าผู้เขียนไปลงเรียนศาสตร์แห่งการทำนาย มาขอร้องให้ดู วางค่าครูเก้าบาท มาบ่อยๆครั้งละสองสามชั่วโมง เวลาส่วนตัวหายไปในแต่ละวัน ผู้เขียนดูให้พอเป็นพิธี ฉวยโอกาสแนะนำให้ไปไหว้พระสวดมนต์ แล้วพอตื่นมาในตอนเช้า ปัญญาที่อยู่ในตัวคุณ จะตอบโจทย์คำถามทุกโจทย์ให้คุณเอง
อีกไม่กี่วันก็มาใหม่ ครั้งนี้ตามกันมาอีกหลายคน มาให้ดูให้ สงสัยว่าจะแม่น ถามแต่คำถามซ้ำๆว่าจะรวยไหม จะได้แต่งงานเมื่อไหร่ เขาจะกลับมาไหม อะไรประมาณนั้น แล้วฉันจะรู้ได้ไงล่ะ ปฏิเสธไปว่าเลิกดูแล้ว ไม่มีเวลา สุดท้ายเขาก็ไปหาที่ดูที่ใหม่
เสียเงินไปหกพันทอนมาหนึ่งบาท ครั้งล่าสุดเดินทางไปจนถึงเชียงใหม่ บอกว่าที่เสียเงินไปครั้งนั้นก็ยังไม่หาย บอกว่าวิญญาณกำลังถูกกระชากออกจากร่าง แนะนำไปครั้งล่าสุดว่าวิญญาณของเราย่อมเป็นของเรา มีสติอยู่กับตัว และมีพุทธะเป็นที่พึ่ง
พูดไม่ทันจบประโยคขับรถหนีไป ไม่ยอมรับฟัง เราก็เลยต้องปล่อยหากเขาเสียค่าครูแบบพอสมควร คงไม่ไปคัดค้าน แต่ละครั้งสี่พันบ้าง หกพันบ้าง คนๆนี้เป็นญาติๆไม่ได้ร่ำรวยอะไร เงินที่เสียไป บางทีก็มีไปกู้ยืมมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
ยื่นหนังสือหมื่นตาธรรมะให้ บอกว่าไม่มีเวลาอ่าน มีเวลาแต่ไปหาหมอดู จะก้าวเท้าออกประตูต้องกี่โมงเศษอีกกี่นาที ขวาดีหรือซ้ายดี อิฉันก็เลยชีช้ำกะหล่ำปลี ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี
ไปแต่ละครั้ง ได้ขันอะไรต่ออะไรมาวางไว้จนเต็มโต๊ะ แต่ก็บอกว่าไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นสักอย่าง ผู้เขียนก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือ และแนะนำ คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาเอง
นี่เราจะบ่นอะไรล่ะนี่ อยากมาเล่าให้ฟังว่า ว่ายังมีคนที่เชื่อศาสตร์ชนิดนี้อยู่อีกมาก และมีคนสมองใสใช้อาชีพนี้มาหลอกคนที่กำลังมีความทุกข์ และขาดสติยั้งคิด เขาฉวยโอกาสเรียกค่าสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา แบบเกินกว่าเหตุ เห็นจากคนรอบๆตัว ไม่ยกเว้นแม้แต่คนที่มีความรู้สูงๆ เมื่อเกิดความทุกข์ต้องการที่พึ่ง ก็โดนผลักเข้าทาง
วันนี้เลยมานั่งรำพึง เพราะเพิ่งจะไปช่วยญาติขนน้ำมนต์หนึ่งรถกระบะ ขนมาจาก สำนักทรงของท่านท้าวอะไรสักอย่าง รวมเบ็ดเสร็จเสียไปเป็นหมื่น ได้น้ำมนต์มาหลายสิบโหล
เดี๋ยวนี้น้ำมนต์บรรจุในขวดแบบน้ำยูดี แปลกดีไม๊ล่ะ บรรจุอย่างดี หากคิดในแง่ดี แช่ในตู้เย็น ดื่มกันแบบปลอดภัยได้เลย ยาวมาก เพราะอยากเล่า ใครไม่อยากเมาก็อ่านผ่านๆไปบ้างก็ได้ค่ะ วันนี้ขอตัวไปทำธุระ เอ แล้วจะออกจากบ้านกี่โมงดี เศษเก้านาที นี่จะดีไหม หุ หุ
แอมอร
Create Date : 28 พฤศจิกายน 2553 |
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2553 10:13:57 น. |
|
5 comments
|
Counter : 754 Pageviews. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 28 พฤศจิกายน 2553 เวลา:10:30:47 น. |
|
|
|
โดย: non lock วันที่: 28 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:46:40 น. |
|
|
|
โดย: biotech_girl วันที่: 28 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:37:21 น. |
|
|
|
โดย: aenew วันที่: 28 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:40:57 น. |
|
|
|
โดย: JohnV วันที่: 28 พฤศจิกายน 2553 เวลา:16:08:08 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 61 คน [?]
|
บางที ปลายทางก็ไม่ได้สำคัญมากไปกว่า
.....
สิ่งที่อยู่ระหว่างทาง
..............^^.... และความสุขในปัจจุบัน
ก็เป็นสิ่งที่เราจับต้องได้
....^^.....^^......
โดยไม่ต้องรอคอย
ความสุขของอนาคต
ปูปรุง
|
|
|
|
|
|
|
|
มักเล่าปัญหาในครอบครัวให้ช่างฟัง
ดังนั้นจึงควรเรียนโหาไว้ด้วยคงดีเหมือนกันเนาะครับ
........
สวัสดียามสายนะครับ