|
อ้อมกอด
ยาวิเศษลดเครียดที่ใครๆก็เป็นได้
เคยเล่าไว้ในหลายๆเอนทรี่ เรื่องความเครียด วันนี้ก็ยังติดใจ อยากนำวิธีใหม่ๆที่ไม่ต้องลงทุนมากนักมาฝากกัน เพราะความเครียดเป็นภัยมหันต์ที่นำไปสู่ปัจจัยเสี่ยงทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง และเป็นต้นเหตุของโรคร้ายต่างๆมากมาย
เคยอ่านในหลายๆบทความ ทั้งในหนังสือทางการแพทย์ และหนังสือด้านสุขภาพ ต่างยืนยันในพลังของการกอดลดอาการเครียดได้ ทำให้สุขภาพดี ช่วยรักษาภาวะซึมเศร้า ลดอาการตึงเครียดของกล้ามเนื้อ
มีข้อแม้ว่าต้องเป็นการกอดที่ประกอบด้วยความรักและปรารถนาดี ไม่ใช่กอดแบบจาบจ้วงล่วงเกิน จึงมีความอ่อนโยนที่เป็นธรรมชาติ สร้างความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นใจ ไม่จำเพาะเจาะจงสำหรับผู้ป่วยเท่านั้น เราๆท่านๆก็สามารถกอดกันได้ เพื่อลดอาการไม่สบายใจทั้งหลาย
เคยไหมในยามที่เรารู้สึกเหงา โดดเดี่ยว ท้อแท้ สิ้นหวัง แม้แต่ในขณะที่รู้สึกหวาดกลัว เพียงได้รับสัมผัสเบาๆจากใครสักคน ที่ยื่นมาโอบไหล่ก็กลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งนัก และหากเป็นอ้อมกอดของคนใครสักคนยิ่งรู้สึกอบอุ่นใจยิ่งกว่า
อ้อมกอดที่อบอุ่นนี้สามารถทำให้คนคนหนึ่ง ลุกขึ้นมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ กอดเป็นสัมผัสวิเศษและเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้สำหรับเด็กเล็กๆ มีงานวิจัยพบว่าการกอดสามารถใช้ทดแทนตู้อบ ในเด็กที่คลอดก่อนกำหนดได้ เพราะการกอดเป็นการสัมผัสที่ถ่ายทอด ความรัก ความอบอุ่น ความห่วงใยและกำลังใจไปสู่ผู้ป่วย ช่วยให้มีความอบอุ่นใจและหายเร็วขึ้น
Dolores Krieger R.N.Ph.D.ผู้เชี่ยวชาญในสาขาการบำบัดด้วยการสัมผัส แห่งNew York University กล่าวว่า บุคคลที่ได้รับการกอด หรือกอดผู้อื่น จะทำให้เกิดการกระตุ้น การทำงานของฮีโมโกลบิน ทำให้การลำเลียงของออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ทำงานได้อย่างทั่วถึงทำให้รู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา
ประเทศแถบเอเชียก็มีศาสตร์การนวดบำบัดและการกัวซา เพื่อเป็นการสัมผัสอย่างหนึ่งมาใช้ในการรักษา ศูนย์ Delhi Sanjivini ศูนย์รักษาผู้ป่วยทางด้านจิตใจ ที่มีชื่อเสียงของอินเดีย ได้ใช้การรักษาผู้ป่วยด้วยการกอด โดยจัดอาสาสมัครที่เป็นเพศเดียวกันกับผู้ป่วย มาบำบัดผู้ป่วยวิธีก็ไม่ยุ่งยากอะไร เช่นเด็กร้องไห้ก็นำมานั่งตักแล้วกอดไว้ ลูบหลังลูบไหล่เบาๆเป็นการช่วยเหลือที่ง่ายๆ ใครก็สามารถทำได้ มีแค่หัวใจที่เปี่ยมด้วยรักเมตตา คุณก็สามารถเป็นยาวิเศษนี้ได้
กอดดูเหมือนจะทำกันได้ง่ายๆแค่ใช้วงแขนทั้งสองโอบลงไป แต่ก็มีอีกหลายๆคนที่ไม่คุ้นกับการสัมผัสชนิดนี้ ทั้งๆที่เมื่อครั้งที่เป็นเด็กๆ เรามักได้รับการอุ้มและการกอดกันเป็นปรกติอยู่แล้ว แต่พอโตเป็นผู้ใหญ่ในสังคมแบบไทยๆเรามักละเลยการกอด ด้วยวัฒนธรรมที่เราต่างกับประเทศแถบตะวันตก ทำให้กระดากอายรู้สึกเคอะเขิน ที่จะกอดกัน โดยเฉพาะกับคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกและภรรยาหรือสามีของตนเอง ครอบครัวบางครอบครัวก็ไม่คุ้นที่จะกอดพ่อกอดแม่ เลยพลาดโอกาสนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
.....ทำอย่างไรเราจะเป็นยาวิเศษขนานนี้ได้.....
....ไม่ยากหรอกค่ะ
ใครๆก็กอดเป็นอยู่แล้ว....
ผู้เขียนเองตั้งแต่โตเป็นผู้ใหญ่ เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่คุ้นกับการกอดมากนัก พอรู้ว่าการกอดเป็นยาวิเศษเจึงเริ่มเปลี่ยนแปลงจากตัวเราเองก่อน คงจะรอให้ใครมากอดก่อนไม่ได้ เราเป็นฝ่ายกอดก่อนละกัน ทุกครั้งที่ไปหาญาติผู้ใหญ่ โดยเฉพาะพ่อของผู้เขียนเอง ยกมือไหว้สวัสดี อยากเข้าไปกอดแต่ไม่กล้า
ฟอร์มเยอะ เริ่มจากขอถ่ายรูปคู่กันแล้วแอบกอดเอวเบาๆ ต่อจากนั้นถามสารทุกข์สุกดิบ และอาสานวดให้ ตอนจะลากลับนี่แหละเหมาะ ตัดสินใจเป็นไงเป็นกันเข้าไปสวมกอดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย พ่อยิ้มกว้าง ยอมให้กอดแต่โดยดี ไม่กล้าขัดขืนหรอก
อะไรที่ไม่คุ้นแรกๆก็ขัดเขินนิดหน่อย ปัจจุบันทำจนติดเป็นนิสัยไปแล้ว การกอดเพิ่มความรักและความเข้าใจในครอบครัว และสร้างความรู้สึกที่เป็นมิตร และความวางใจได้ง่ายเกินบรรยาย เราสามารถทำตัวเป็นยาวิเศษขนานนี้ได้ เป็นอ้อมกอดให้คนอื่นๆและเราจะได้รับกอดอุ่นๆนั้นเป็นการตอบแทน
คุณผู้ชายในสังคมไทยอยากเป็นยาขนานนี้ก็ไม่ยุ่งยากอะไร ลองกอดคุณแม่คุณย่าคุณยายคุณป้าคุณน้า ทั้งหลายดูสิคะ ร้อยทั้งร้อยยิ้มหน้าบานกันทุกคน แต่หากจะกอดสาวๆ ลองหาเทคนิกกันเอาเองนะคะ เห็นผลเป็นประการใดแจ้งข่าวด้วยค่ะ
แอมอร
ท้ายเรื่อง กอดกันแล้วครั้งหน้าว่าด้วยเรื่องจูบดีมั๊ยคะ
Create Date : 26 กรกฎาคม 2554 |
Last Update : 26 กรกฎาคม 2554 9:10:22 น. |
|
31 comments
|
Counter : 1868 Pageviews. |
|
|
|
โดย: biotech_girl IP: 210.1.40.206 วันที่: 26 กรกฎาคม 2554 เวลา:9:13:56 น. |
|
|
|
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 26 กรกฎาคม 2554 เวลา:16:23:20 น. |
|
|
|
โดย: เป็ดสวรรค์ วันที่: 26 กรกฎาคม 2554 เวลา:17:24:33 น. |
|
|
|
โดย: I_sabaidee วันที่: 26 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:53:03 น. |
|
|
|
โดย: คนบ้า(น)ป่า (nulaw.m ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2554 เวลา:19:21:01 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 26 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:22:29 น. |
|
|
|
โดย: พายุสุริยะ วันที่: 26 กรกฎาคม 2554 เวลา:22:40:02 น. |
|
|
|
โดย: SongPee วันที่: 26 กรกฎาคม 2554 เวลา:22:58:59 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 กรกฎาคม 2554 เวลา:6:18:31 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 กรกฎาคม 2554 เวลา:7:00:45 น. |
|
|
|
โดย: kapeak วันที่: 27 กรกฎาคม 2554 เวลา:8:42:33 น. |
|
|
|
โดย: NET-MANIA วันที่: 27 กรกฎาคม 2554 เวลา:13:37:41 น. |
|
|
|
โดย: โสมรัศมี วันที่: 27 กรกฎาคม 2554 เวลา:15:05:29 น. |
|
|
|
โดย: วนารักษ์ วันที่: 27 กรกฎาคม 2554 เวลา:16:33:03 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 27 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:20:08 น. |
|
|
|
โดย: โสมรัศมี วันที่: 27 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:42:30 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 27 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:14:21 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 27 กรกฎาคม 2554 เวลา:22:46:05 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 กรกฎาคม 2554 เวลา:6:47:12 น. |
|
|
|
โดย: Calla Lily วันที่: 28 กรกฎาคม 2554 เวลา:8:12:54 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 กรกฎาคม 2554 เวลา:8:19:41 น. |
|
|
|
โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 28 กรกฎาคม 2554 เวลา:8:21:39 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 กรกฎาคม 2554 เวลา:8:24:57 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 กรกฎาคม 2554 เวลา:10:42:17 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 61 คน [?]
|
บางที ปลายทางก็ไม่ได้สำคัญมากไปกว่า
.....
สิ่งที่อยู่ระหว่างทาง
..............^^.... และความสุขในปัจจุบัน
ก็เป็นสิ่งที่เราจับต้องได้
....^^.....^^......
โดยไม่ต้องรอคอย
ความสุขของอนาคต
ปูปรุง
|
|
|
|
|
|
|
|
อ่านแล้วอยากร้องเพลงง่ะ
"ยากมีใครซักคนให้กอด ให้ฉันได้อุ่นใจไม่เหน็บหนาว.." ฮิ้ว....
พี่แอมหายเหนื่อยรึยังคะ เห็นวิ่งตามนิคกี้ที่บ้านติ๊กง่ะ
เหนื่อยเหมือนกัน กินเหนื่อย ม่ายช่ายยย
เพลียๆ ช่วงนี้จิตใจ เอ๊ยย ร่างกายอ่อนแอ ป่วยบ่อยค่ะ
คิดถึงพี่แอม พี่เอ๋ พี่สองพี ไม่รู้ว่าเป็นยังไงกันบ้าง
จะโทรไปก็ไม่มีโอกาสเลย อ้อ..มีแเบอร์พี่เอ๋ 555+