1 2 3 4 5 6
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28
คนไกลวัด
เมื่อวันก่อนออกไปส่งงาน เห็นเขากำลังสร้างสำนักสงฆ์ สงสัยตะหงิดขึ้นมา เพราะวัดที่มีอยู่โดยรอบเนี่ย . . . . . ในรัศมีไม่เกินสิบกิโลเมตร นับดูได้สักแปดวัดแล้วละมั๊ง ไม่รู้ว่าท่านมาอยู่รวมกันวัดเดียวไม่ได้หรือไง บางวัดสร้างซะใหญ่โต มีพระในช่วงหลังออกพรรษา สักสามองค์นี่ก็ถือว่ามากแล้วนะ . . . . . แต่ละเช้าออกบิณฑบาตกันแทบทุกวัด ไม่รู้ว่าจะใส่วัดไหน บ่นทำไมนะเราเดี๋ยวก็โดนอีก ยังไม่เข็ดนะเรา พูดแบบนี้มันบาป . . . . . กลับมาก็มารวมตัว สุมหัวคุยกันเรื่องสำนักสงฆ์ที่มาสร้างใหม่ ไม่มีคำตอบจากสวรรค์ ไม่มีใครรู้รายละเอียด สุดหล่อข้างบ้าน บอกเคยรับซ้อนมอร์เตอร์ไซด์ไปส่ง เห็นกำลังตอกเสาเข็มสร้างศาลาใหญ่โต . . . . . "เห็นหลวงพี่ลงมาจากรถโดยสารพร้อมผม แล้วก็เดินไป มันไกลตั้งสองกิโล ผมก็เลยแวะรับ ทีแรกก็ว่าจะไม่ เพราะพูดกับพระไม่เป็น แต่สงสาร แดดก็ร้อน ไกลก็ไกล" "แล้วแกพูดไง ถึงพาไปส่งได้" ทุกคนถามเป็นเสียงเดียวกัน "ผมไปจอดข้างๆแล้วบอกว่า ขึ้นเลยหลวงพี่ ป่ะผมจะไปส่ง" ทุกคนหัวเราะกันสนุก แต่น้องเขามีเจตนาดี เรื่องแค่นี้ขี้ผง ยังไงก็สื่อสารกันรู้เรื่อง แม้จะไม่ถูกต้องนัก "อ้าว แล้วจะให้ผมพูดว่าไงละพี่" "คราวหน้าแกก็บอกว่า นิมนต์ครับหลวงพี่" เรายืนอยู่ในเหตุการณ์ เลยเล่าผสมกันเข้าไปว่าคนเราเดี๋ยวนี้ แม้ว่าวัดจะมีกันมากมาย แต่ผู้คนก็ไม่ค่อยได้เข้าสักเท่าไหร่ ยกเว้นไปเที่ยวงานวัด ปิดทองฝังลูกนิมิต สะเดาะห์เคราะต่อชะตา หาหมอดู อะไรประมาณนั้น แต่ที่แน่ๆที่ต้องไปวัดกันก็ตอนอยู่ในโลง ไม่ไปก็มีคนพาไป เขาไม่ยอมให้อยู่บ้านแล้วหละตอนนั้น เรื่องที่เล่ากันในวันนั้น เป็นพระท่านใดไม่ทราบ เนื้อหาใน fw ไม่มีบอกไว้ มีแต่ชื่อผู้ที่ส่งต่อๆกันมาอีกที เล่ากันสนุกๆในวันสบายๆแค่นั้นเอง ..... ..... เรื่องมีอยู่ว่า.... พระนอนไม่หลับ เลยไปหาหมอใหม่จบมาจากเมืองนอก หมอ: เป็นอะไรครับ พระ : จำวัดไม่ได้จ๊ะโยมหมอ หมอ: (ทำหน้างง) แล้วจะกลับวัดยังไง พระ: (ทำหน้างงด้วย) มามอไซรับจ้างก็ต้องกลับมอไซนะโยม หมอ: (ทำหน้าง๊งงง) แล้วมอไซรับจ้างจำวัดได้เหรอ พระ: (ทำหน้าง๊งงงด้วย) มอไซรับจ้างจำวัดไม่ได้หรอกโยม มีแต่พระที่จำวัดได้ หมอ: (ทำหน้างงง๊งงง) อ้าวไหนบอกว่าจำวัดไม่ได้ไง พระ : !=-+#@ %^&*( +๐"ฯ, ? จำวัดเป็นภาษาพระแปลว่านอน......................... หมอ: อ๋ออออออออออออออออออออออออออ ญาติโยมหลายท่านมักถามว่า "ท่านบวชเรียนมาตั้งแต่อายุยังน้อย อยู่ในเพศบรรพชิตมามากกว่าครึ่งชีวิต มีโอกาสสัมผัสชีวิตฆราวาสไม่มากนัก แล้วเอาข้อมูลวัตถุดิบหรือมุกมาจากไหนหนักหนา" อาตมาก็ตอบว่า หลักๆเลยก็คือ การอ่าน นอกจากนั้นก็หนัง ละครที่ญาติโยมดูกันนั่นแหละ พอตอบออกไปอย่างนี้ โยมก็สวนกลับทันที "ไม่ผิดข้อห้ามหรือท่าน" อาตมาก็จะอธิบายไปว่า ดูเพื่อให้เท่าทันกิเลสจะได้สกัดมันถูก และที่สำคัญหากอาตมาไม่รู้หรือไม่เข้าใจ ตลอดจนไม่เท่าทันเรื่องราวทางโลก และจะมาบรรยายธรรมให้ญาติโยมรู้สึกอินกันได้อย่างไร ซึ่งนอกจากการอ่าน การดูและการฟังแล้ว หลายวัตถุดิบที่นำมาสร้างเป็นมุกฮา ก็ได้มาจากการพูดคุยกับเหล่าโยมๆนี่แหละ อย่างวันหนึ่งระหว่างที่อาตมากำลังฉันเพลอยู่ ก็มีโยมท่านหนึ่งโทร.มา "พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองนะคะ" "หา อะไรนะ" "พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองค่ะ" "ถ้าโยมแทนตัวว่าอาตมา แล้วอาตมาจะแทนตัวอาตมาว่าอะไร" "อ๋อ ขอโทษค่ะ" หลังจากนั้นก็คุยธุระกันจนจบ อาตมาก็กล่าวว่า "เจริญพร" "ค่ะ เจริญพรเช่นกัน" แน่ะ มีอวยพรให้พระด้วย ข้างต้นก็คือ สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆระหว่างพูดคุยกับเหล่าญาติโยม จนถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับอาตมาไปแล้ว หรืออย่างก่อนหน้านี้มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง เดินถือสังฆทานมาอย่างมาดมั่น พอเข้ามาในกุฏิแล้ว เธอก็มุ่งตรงไปที่พระบวชใหม่รูปหนึ่งทันที "ถวายสังฆทานค่ะ" พระบวชใหม่ด้วยความที่ยังจำบทสวดต่างๆ ไม่ค่อยคล่องนัก จึงหยิบหนังสือขึ้นมาดู "ไม่ต้องค่ะ" โยมผู้หญิงคนนั้น กล่าวอย่างหนักแน่นตามสไตล์สาวมั่น "ดิฉันท่องได้ค่ะ เพราะคุณยายพาเข้าวัดตั้งแต่เด็กๆ" เธอพนมมือขึ้น ก่อนกล่าวว่า "อิมานิ มะยัง ภันเต สะปะริวารานิ คิกขุ สังโฆ" (ที่ถูกต้องจะต้องเป็น ภิกขุ สังโฆ) พระบวชใหม่มีสีหน้างุนงง ก่อนหันมาถามอาตมา "คิกขุสังโฆ นี่มันฟังทะแม่งๆ นะหลวงพี่" อาตมาเกรงว่าโยมผู้นั้นจะหน้าแตก ก็เลยตอบไปว่า "คิกขุ แปลว่า น่ารัก สังโฆ แปลว่า สงฆ์ คิกขุสังโฆ ก็คือ แด่พระสงฆ์ผู้น่ารัก" เท่านั้นแหละ พระใหม่รูปนั้นนั่งยืดทั้งวันเลย แต่ก็มีบางกรณีที่การพูดผิดของคุณโยม ทำให้อาตมาแทบจะสำลัก อย่างเมื่อเร็วๆนี้ มีโยมท่านหนึ่งโทรศัพท์มา "หลวงพี่ขา ขอเรียนเชิญนิมนต์ค่ะ" "ไปไหนล่ะโยม" "ไปมรณภาพที่บ้านน่ะค่ะ" โห นิมนต์พระไปตายถึงที่บ้านเลย อาตมาจึงบอกไปว่า ถ้านิมนต์ไปงานศพไปให้ได้ แต่ถ้าเชิญไปมรณภาพนี่ ช่วงนี้อาตมาไม่ว่างจริงๆ ขอตัวเถอะนะโยม จากตัวอย่างข้างต้น คุณโยมอาจจะเห็นเป็นเรื่องขบขัน แต่มันก็สะท้อนให้เห็นความห่างเหิน ระหว่างคนกับวัดได้ในระดับหนึ่ง ปัจจุบันนี้คนจะนึกถึงวัดในกรณีพิเศษ เท่านั้น เช่นงานบวช งานศพ ต่างกับสมัยก่อนที่วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน ฆราวาสกับพระจึงสนทนากันไหลลื่น ไม่มีคำแปลกๆ หรือผิดที่ผิดทางออกมา ให้พระสดุ้งแต่อย่างใด ซึ่งถ้าพูดถึงศัพท์แสงที่แสลงใจแล้ว ตอนไปบิณฑบาตอาตมาจะเจอบ่อยมาก เช่นมีอยู่ ครั้งหนึ่งระหว่างที่กำลังเดินๆอยู่ ก็ได้ยินเสียงใสๆ แว่วขึ้นมา "แม่ๆ พระมาขอข้าว" "มาเยอะไหมลูก" "มา 2 อัน" โห เรียกอย่างกับชิ้นส่วนรถยนต์ นี่ถ้ามาเยอะๆ ไม่เรียกเป็นฝูงเลยเหรอ ดังนั้นเวลาไปบรรยายธรรมให้นักเรียนฟัง อาตมาจะนำเรื่องนี้ไปสอดแทรกเพื่อสอนเด็กๆด้วย "ถ้าพระกิน เรียก ฉัน" " พระนอน เรียก จำวัด" (บางคนเรียกขี้เกียจเป็นพระนอนไม่ได้) " พระป่วย เรียก อาพาธ" " พระตาย เรียก มรณภาพ" (ไม่ใช่เรียกป่อเต็กตึ๊งนะ) " แล้วพระอาบน้ำล่ะ เรียกอะไรเอ่ย" คราวนี้อาตมาถามให้เด็กๆ ตอบบ้าง "เรียกคนมาดู" ..... ..... ..... อ้าวจบซะแล้ว สนุกมั๊ยคะ อยากมาแบ่งกันฮา และมีสาระให้คิดตามนีสนุง ขอตัวไปปั่นงานก่อนนะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ แอมอร
Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2553 10:48:43 น.
42 comments
Counter : 891 Pageviews.
โดย: ไอซ์คุง (ปีศาจความฝัน ) วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:18:17 น.
โดย: สมถึก วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:46:43 น.
โดย: biotech_girl วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:40:17 น.
โดย: peeamp วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:06:43 น.
โดย: สมถึก วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:42:46 น.
โดย: สมถึก วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:43:48 น.
โดย: พี่นู๋อ้อ (pinuaoo2006 ) วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:46:32 น.
โดย: aenew วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:51:19 น.
โดย: peeamp วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:36:46 น.
โดย: เจ้าพระยา..แอบฮาเป็นพักๆ (เป็ดสวรรค์ ) วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:57:02 น.
โดย: tiensongsang วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:35:18 น.
โดย: biotech_girl วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:47:41 น.
โดย: SongPee วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:53:24 น.
โดย: aenew วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:37:46 น.
โดย: aenew วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:41:05 น.
โดย: Suessapple วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:3:06:56 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:5:44:47 น.
โดย: ลุงแว่น วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:25:37 น.
โดย: peeamp วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:05:59 น.
โดย: nulaw.m วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:50:05 น.
โดย: biotech_girl วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:05:41 น.
โดย: aenew วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:40:13 น.
โดย: non lock วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:42:38 น.
โดย: peeamp วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:51:27 น.
โดย: สมถึก วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:43:46 น.
โดย: lastmoon วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:51:42 น.
โดย: peeamp วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:30:51 น.
โดย: Sky (2ndStory ) วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:16:01:53 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:25:10 น.
โดย: peeamp วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:26:09 น.
โดย: peeamp วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:29:03 น.
โดย: พ่อระนาด วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:51:39 น.
โดย: Suessapple วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:58:53 น.
โดย: nulaw.m วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:01:25 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 61 คน [? ]
บางที ปลายทางก็ไม่ได้สำคัญมากไปกว่า ..... สิ่งที่อยู่ระหว่างทาง ..............^^.... และความสุขในปัจจุบัน ก็เป็นสิ่งที่เราจับต้องได้ ....^^.....^^...... โดยไม่ต้องรอคอย ความสุขของอนาคต ปูปรุง
ผมว่าการบรรยายธรรมสอดแทรกมุกฮานี่น่าจะเป็นพระอาจารย์สมปอง ตาลปุตฺโต
ถ้าเดาไม่ผิดนะครับพี่แอม
ปล. เห็นด้วยเลยที่บอกว่าเดี๋ยวนี้คนไทยห่างเหินกับวัดมากมาย
ถ้าไม่มีงานศพ งานบวช หรืองานวัด ก็มีส่วนน้อยมากที่จะเข้าวัด ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน - -