~*ของนอกกาย*~
ครั้งหนึ่ง พระอาจารย์จิ้งคงได้ไปแสดงธรรมที่ฮ่องกง
ระหว่างนั้น ได้พบกับอุบาสกท่านหนึ่ง เป็นผู้ที่มีแก้วแหวนเงินทองมากมาย วันหนึ่งอุบาสกท่านนั้นได้ชวนพระอาจารย์จิ้งคงให้ไปที่ธนาคารด้วยกัน เพื่อไปชมเพชรนิลจินดาแก้วแหวนเงินทองที่เขาฝากไว้ที่ตู้นิรภัยของธนาคาร
ไปถึงธนาคารได้ผ่านด่านตรวจชั้นแล้วชั้นเล่า จึงให้พนักงานรักษาความปลอดภัยพาไปที่คลังประกันภัย เมื่อเข้าไปในคลังเก็บทรัพย์สินแล้วเขาได้เปิดตู้นิรภัยออกดู ปรากฏว่าในตู้นิรภัยเต็มไปด้วยเพชรนิลจินดาแก้วแหวนเงินทองจำนวนมาก ขณะนั้นพระอาจารย์จิ้งคงพูดขึ้นว่า "นี่เป็นของท่านหรือ? ท่านมีเพียงเท่านี้แหละหรือ?"
ฟังคำพูดของพระอาจารย์จิ้งคงแล้ว อุบาสกผู้นั้นรู้สึกไม่ค่อยพอใจ เรามีทรัพย์สมบัติมากออกอย่างนี้ เหตุไฉนพระอาจารย์มองว่าไม่ใช่เป็นของเรา? ทรัพย์สินเหล่านี้ไม่กล้านำกลับบ้าน เอาไปไว้ที่บ้านกลัวจะถูกโจรกรรม ครั้นจะเอาติดตัวไปก็กลัวจะถูกชิงปล้น จึงต้องเอามาเก็บไว้ที่ตู้นิรภัยของธนาคาร สัปดาห์หนึ่งก็และมาเปิดดูครั้งหนึ่ง
ขณะนั้น พระอาจารย์จิ้งคงพูดขึ้นว่า "ถ้าหากอย่างนี้ถือว่าเป็นของเราแล้ว ธนาคารในฮ่องกงทุกธนาคารก็เป็นของเราหมดน่ะสิ เพราะเหตุใด? เราไปถึงที่นั่นบอกให้คนเอาออกมาให้เราดู จับๆ คลำๆ นิดหน่อย เอาล่ะ! เก็บขึ้นได้ ดูแลรักษาให้ดีๆ ด้วยนะ นี่จะต่างอะไรกัน? กับเราไม่มีอะไรเลย ทั้งไม่กล้านำติดตัวไว้ และไม่กล้าเอาไปเก็บไว้ที่บ้าน แล้วจะถือเอาว่ามันเป็นของเราได้อย่างไรกัน?"
ข้อคิดจากเซน
ทรัพย์สินเงินทอง รถยนต์เหล่านี้ล้วนเป็นของนอกกาย ไม่ควรเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงเพื่อที่จะรักษาทรัพย์สินดังกล่าวไว้ เมื่อมีภัยพิบัติมาถึงตัวขอให้ตัดสินใจโดยไม่ต้องลังเล จงสละทรัพย์สินเพื่อรักษาชีวิตโดยไม่ต้องเสียดาย เพราะชีวิตยังอยู่ทรัพย์สินเงินทองย่อมหาได้ใหม่ ส่วนชีวิตร่างกายเมื่อเป็นอะไรไปแล้ว จะหามาทดแทนใหม่นั้นไม่ได้ คนเราสะสมทรัพย์สมบัติเครื่องใช้ไว้มาก ภาระการดูแลรักษาก็มากตามไปด้วย และความเสียหายตลอดจนความสูญเสียก็มีมากเป็นธรรมดา ฉะนั้น คนที่มีทรัพย์สินเงินทองมากจึงมิใช่จะมีความสุขเสมอไป มีมากทุกข์มาก มีน้อยทุกข์น้อย ขอให้พิจารณาให้ละเอียดลึกซึ้งก็จะเห็นถึงสัจธรรมข้อนี้ได้ดี ในฐานะที่เป็นคฤหัสถ์ครองเรือนทรัพย์สินเงินทองเครื่องใช้ไม้สอยย่อมจะต้องมี แต่ก็อย่าได้ไปหลง พอมีไว้ใช้ไม่อัตคัดคลาดแคลนก็พอ เพราะการสะสมทรัพย์สมบัติเครื่องใช้ไว้มากจะนำทุกข์มาให้
ที่มา : หนังสือปัญญาเซน
แปลและรวบรวม : สิน วิภาวสุ
นิทานเซนอีกแล้วค่ะ ชอบอ่าน เป็นเรื่องสั้นๆ เข้าใจง่าย และนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้ค่ะ
Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2550 |
|
3 comments |
Last Update : 5 สิงหาคม 2551 17:55:22 น. |
Counter : 1433 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Beee (Beee_bu ) 21 กุมภาพันธ์ 2550 3:20:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: HK IP: 58.11.87.203 4 มกราคม 2553 7:52:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: HK IP: 58.137.28.241 5 มกราคม 2553 12:53:10 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
。。。。。。。。。。。。。。。。。
"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ จับดวงใจ
แม้ใครบังเอิญได้เดินมองมา
อาจจะพบเห็นด้วยตา ต้นชบา
ขึ้นในโรงเรียนสอนคนตาบอด
ไม่อาจชมดอกชบา ด้วยดวงตา
สองตามีกรรมโลกจึงมืดมน
ไม่อาจพบเห็นเหมือนบางคนว่า
ดอกผลนั้นมีสีสันรูปทรงอย่างไร
บอดก็เพียงสายตาเท่านั้น
แต่จิตใจก็ยังผูกพันความงาม
อาจจะรับรู้ไปตาม สูดกลิ่นงาม
ฟังเสียงวิไลร่มไม้บังเงา
ต่างก็เพียงผู้จะชม สิ่งจะชม
สำคัญในมันนั้นคืออันใด
เหตุกับผลนั้นหรือว่าใจ ต้นชบา
ก็มีความหมายไปตามคนมอง
สิ่งจะงามอยู่กับใจ "บอดที่ใจ"
เห็นไปอย่างไรไม่มีวันงาม
โลกจะสวยนั้นสวยไปตามจิตที่งาม
มองโลกสดใสไปในทางดี"
。。。。。。。。。。。。。。。。。
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
คิดถึงนะคะ