เมื่อเสาร์ที่ 9 กันยายน ไม่มีสอน ก็เลยมีโอกาสได้ไปร่วมงานที่ทาง Nuffnang จัดร่วมกับคลีนิคพฤกษาที่อารีย์ค่ะ
ไปถึงก็ไปรอกันที่ Villa Aree จนถึงเวลานัดก็เคลื่อนพลไปที่คลีนิค ซึ่งอยู่ในซอยใกล้กัน
ไปฟังการบรรยายเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างการปรับรูปหน้าด้วย Botox และ Dysport หลายคนอาจจะรู้จักกับ Botox มากกว่า แต่จริงๆ แล้ว 2 แบรนด์นี้มีชื่อเสียงมานานพอๆกัน
มาถึงก็มาทำความรู้จักกับคุณหมอหนุ่ม นพ.ระวีวัฒน์ มาศฉามาดล หรือหมอเส ที่คลีนิคพฤกษา สาขาอารีย์ คุณหมอเป็นคุณหมอที่อายุยังน้อยมากแต่ได้รับการยอมรับจากประเทศไทยและประเทศเกาหลีในเรื่องของการแก้ไขปัญหาทางความงาม คุณหมอเล่าว่าได้ไปอบรม สอน และเป็นวิทยากรให้กับคุณหมอในเมืองไทย และได้เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้โดยเฉพาะ
แต่ที่คุณหมอนิยมใช้ Dysport มากกว่าเพราะว่าเห็นผลได้รวดเร็วกว่า และเห็นผลได้ค่อนข้างชัดเจน
1ขวด dysport 500 units เป็น premium ความเข้มข้นสูง มีขนาดโมเลกุลค่อนข้างเล็กมาก
และพูดคุยเรื่องของสัดส่วนทองคำ (Golden Ratio) ให้ฟังกันว่าคนจะสวยนั้น มีปัจจัยหลายอย่าง และแต่ละคนที่สวยนั้น เค้าสวยเพราะอะไร
คุณหมอยกตัวอย่างภาพ The Last Supper ซึ่งคุณหมออธิบายว่าเป็นภาพที่มีความ balance กันทั้ง 2 ฝั่ง คือมีการตั้งตำแหน่งและจุดต่าง ๆ ไว้ได้สมมาตรที่สุด ภาพนี้จึงสวย และลงตัว ซึ่งเปรียบได้กับใบหน้าของเรา ถ้าต้องการให้มีความงาม มันจะต้องสวยแบบลงตัวพอดี ไม่มากไปและไม่น้อยเกินไปนั่นเอง
คุณหมอบอกว่าใบหน้าของ Angelina Jolie เป็น 1 ในผู้หญิงที่ใบหน้าสมมาตร เพราะเป็นสัดส่วนของใบหน้าที่เรียกได้ว่าสวยที่สุด โดยคำนวณจากการวัดความกว้างและความยาวของใบหน้า
นำความยาว/ความกว้างจะได้ golden ratio 1.618 : 1 : 1.618 หมายความว่าหน้าที่สวยจะต้องมีความยาวเป็น 1.5 เท่าของความกว้างนั่นเอง....งานเข้าแระ หน้าข้าพเจ้ากว้างและยาว เรียกได้ว่าเท่ากัน หรือป้านมากนั่นเอง >_<
แต่คนเราเกิดมาไม่ได้ถูกวัดว่าใครจะเกิดมาด้วยสัดส่วนเท่าไหร่ และมีไม่มากที่มีสัดส่วนทองคำ ด้วยวิธีการและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ก็มีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยน เสริม หรือแก้ไข รูปหน้าของเราซึ่งวิธีการแก้ไขรูปหน้า มีด้วยกันหลายวิธี เช่น กรณีที่เป็นหน้ากางเพราะกระดูกโครงหน้า ก็ใช้การผ่าตัดกระดูกขากรรไกรบริเวณมุมออกให้เหลี่ยมน้อย
HOW DYSPORT WORKS?
ถ้าเป็นกล้ามเนื้อที่หนาและใหญ่ทำให้หน้าออกเป็นสันชัดเจน จะใช้การฉีด Botulinum Toxin-A (BTA) ไปทำให้กล้ามเนื้อที่เคยทำงานเต็มแม็ค สมมติว่า 12 มัด ทำงานเต็มสูบ เวลาที่เคี้ยว ขยับใบหน้า เจ้า Dysport จะไปทำการระงับการทำงานของมัดกล้ามเนื้อประมาณร 10 มัด (สมมติ) เหลือแค่ 2 มัดที่ใช้ในการเคี้ยวแทน ก็จะทำให้เมื่อยหน่อยในการฉีดครั้งแรก เพราะ 2 มัดทำงานหนัก ส่วนอีก 10 กำลังพักผ่อน ส่วนนี้จะทำให้กล้ามเนื้อที่ไม่ได้เคลื่อนตัว หดเล็กลง แต่ระยะเวลาก็ไม่ค่อยนานเท่าไหร่ อยู่ได้ประมาณ 6-8 เดือน (บางคนอาจอยู่ได้เป็นปี)
คุณหมอบอกว่าวิธีการร้อยไหมร่วมด้วยจะช่วยยกกระชับใบหน้าและทำให้เห็นผลได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นส่วนเสริมที่อาจจะทำร่วมกันหรือเลือกทำแค่การฉีด Dysport อย่างเดียวก็ได้
EFFECTIVENESS OF DYSPORT
ประสิทธิภาพของ Dysport จะเห็นผลหลังจากฉีดไป 1 เดือน จะเริ่มสังเกตได้ว่าหน้าเรียวลง แต่จะเห็นประสิทธิภาพชัดเจนที่สุดเมื่อผ่านไป 3 เดือน และโอกาสจะกลับมาใหญ่เหมือนก่อนฉีดได้ ถ้าอยากให้เหตุผลอย่างต่อเนื่อง ควรฉีดก่อนที่ยาจะหมดฤทธิ์ ซึ่งก็ประมาณ 4-6 เดือน ควรมาฉีดซ้ำ
ลักษณะการเคี้ยวอาหาร พวกของเหนียวๆ แข็งๆ ก็อาจจะมีส่วนไปยับยั้งการทำงานของ Dysport ได้เหมือนกัน จึงควรหลีกเลี่ยง แต่ก็ไม่ได้สำคัญอะไร ถ้าตั้งใจจะฉีดแบบต่อเนื่องจนกว่าจะยุบถาวรอ่ะค่ะ ^^
เนื่องจากจะเป็นการฉีดอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก เลยศึกษาข้อมูลค่อนข้างมากก่อนที่จะตัดสินใจฉีด ขอเอาความรู้มาแชร์กันนะคะ
มารู้จักกับ Dysport ก่อนว่าหน้าตาเป็นขวดแบบนี้
ขอเริ่มอธิบาย Dysport ก่อนว่ามันมีคุณสมบัติพิเศษอะไรบ้าง
Dysport เป็นแบรนด์ที่ผลิตตัวยาประเภท Botulinum toxin-A เป็นสารชีวภาพสกัดจากเชื้อ Clostridium Botulinum มีประสิทธิภาพในการคลายกล้ามเนื้อ สามารถฉีดบริเวณที่ปวดไมเกรนได้
TREATMENT AREAS
เราฉีดสารประเภทนี้เพื่อลดริ้วรอยที่เกิดจากอารมณ์ เช่น
- Crow's feet หรือตีนกา
- glabella รอยตรงกลางระหว่างคิ้ว
- forehead รอยบริเวณหน้าผาก
- perioral fold รอยบริเวณรอบปาก และร่องแก้ม
- platysma รอยย่นตรงคอ
- jawlines ออกฤทธิ์ในการคลายกล้ามเนื้อบริเวณกรามได้ดีด้วย
AFTER THE TREATMENT
ยาจะออกฤทธิ์ในการคลายกล้ามเนื้อ และเริ่มเห็นผลในระยะเพียง 2-3 วัน ซึ่งค่อนข้างเร็วมาก และอย่างช้าประมาณ 7-12 วัน และมีฤทธิ์อยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นกับการรักษาและดูแลตัวเองของแต่ละคน (ถ้าไปนวดหน้า ซาวน่าบ่อยๆ หรืออบไอน้ำ ก็อาจจะทำให้ยาลดประสิทธิภาพในการทำงานเร็วขึ้นได้ค่ะ) ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์
PRECAUTIONS
1. สตรีมีครรภ์หรือหญิงให้นมบุตร อันนี้ควรหลีกเลี่ยงนะคะ
2. ควรไปพบแพทย์ที่ได้รับฝึกอบรมและมีความชำนาญในการฉีด เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ (ฉีดผิดตำแหน่ง หน้าอาจจะเบี้ยวได้นะ)