"I hope we're all ready to leave the phenomenal world, and enter into the sublime?" - The Secret History
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
19 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
シンデレレ・ティース:Cinderella Teeth.. Cliché but Cute นิยายสไตล์ซีรี่ยส์ญี่ปุ่น





シンデレレ・ティース (坂木 司):Cinderella Teeth by Sakaki Tsukasa (2009)


อ่านบล็อกรีวิวหนังสือ P.S I love you ของอั๊งอังอาแล้วเลยขอหยิบหนังสือที่ Cliché เยอะไม่แพ้กัน (แถมเผลอๆอาจมากกว่าด้วยนะ) มารีวิวบ้างค่ะ


ถ้าฝรั่งมี chick-lit อป.ว่าญี่ปุ่นก็มี cute-lit (ตั้งเอาเอง) เป็นคู่แข่ง เนื้อหาก็เหมือนกับหนังซีรียส์เลยค่ะ ใครที่เคยดูผ่านตามาบ้างคงเดาตอนจบได้แทบจะทันที มีข้อสังเกตให้แยกแยะกันง่ายๆว่า cute-lit จะมีเรื่องราวความรักกระหนุงกระหนิงพอหอมปากหอมคอแต่ไม่ใช่ประเด็นหลักของเรื่อง ประเด็นหลักมักจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครในที่ทำงาน(เป็นประเทศบ้างานนี่เนอะ)และอุปสรรคเรื่องงานและชีวิตส่วนตัวที่สุดท้ายแล้วตัวเอกของเรื่องก็จะผ่านไปได้ ง่า...นึกถึงหนังเรื่อง shall we dance ประมาณนั้นเลย








เนื้อเรื่องย่อหลังปก


ช่วงฤดูร้อนหลังจบภาคเรียนมหาวิทยาลัยปีสอง ซาคิต้องจำใจรับทำงานพิเศษที่คลินิกหมอฟันซึ่งเธอแสนจะเกลียดเพราะโดนแม่หลอกเข้าให้ และที่นั่นเธอก็ได้พบกับเหล่าพนักงานที่แต่ละคนล้วนมีบุคลิกส่วนตัวหลากหลายแต่ก็ทุ่มเททำงานเพื่อคนไข้ (เน่าแล้วยัง..) ส่วนบรรดาคนไข้ที่มาหาหมอฟันก็ไม่ได้พกมาแต่ฟันผุอย่างเดียว ต่างคนก็มีเรื่องราวแปลกๆซ่อนอยู่เป็นปริศนาให้ซาคิคอยแก้ ฤดูร้อนที่เธอจะจดจำไปตลอดได้เริ่มขึ้นแล้ว









เรื่องนี้เล่าผ่านมุมมองของสาวน้อยคาโน ซาคิโกะซึ่งทุกคนเรียกว่า ซาคิจัง อ่านไปสองสามหน้าดิชั้นก็จินตานาการหน้าน้องซาคิออกมาเป็นดาราสาววัยรุ่นท่าทางแบ๊วๆแต่มีแววตามุ่งมั่น นี่ถ้ารู้จักดาราญี่ปุ่นมากกว่านี้อ่านไปอปอช.แคสติ้งไปสบายโลด เริ่มเรื่องมาก็ปูแบ็คกราวด์ว่าซาคิจังตอนเด็กๆเคยมีประสบการณ์แย่ๆตอนไปหาหมอฟัน (อป: มีมั๊ย ใครไปหาหมอฟันแล้วสนุกอ่ะหนู...อ้อ แต่มีเพื่อนที่ทำงานอป.คนนึงชอบไปหาหมอฟันประมาณเดือนนึงขูดหินปูนสองสามครั้ง...เพราะว่าชอบดมก๊าซหัวเราะ = =)


ฉากตอนที่ซาคิจังถูกแม่หลอกไปทำงานพิเศษวันแรกก็สามารถทำสคริปต์ซีรี่ยส์ได้เลย คือแม่เธอหลอกให้ไปทำงานเป็นreception บริษัทชินาคาวะ น้องซาคิโกะก็นึกว่าเป็นบริษัทธรรมดา แต่พอไปโผล่หน้าตึกก็เห็นป้ายเล็กๆข้างล่างชื่อบริษัทว่า “ชินาคาวะ Dental Clinic” ... คิวเพลงนางเอกหน้าแตก กองถ่ายหันพัดลมเป่าใบไม้ปลิวผ่านหน้า นางเอกทำหน้าโฮมอะโลน กรี๊ด ไม่จริง ไม่เชื่อ


เริ่มทำงานวันแรกก็เจอบรรดาพนักงานหลายคาแรกเตอร์ มีคุณพี่สาวพยาบาลสุดเซ็กซี่ชื่ออุตะโกะในชุดเครื่องแบบรัดรูปแต่งหน้าฟูลออพชั่นเป็นพี่เลี้ยงสอนงานและรับปรึกษาปัญหาทุกเรื่อง ดูเผินๆเหมือนเธอเปรี้ยวซ่าก๋ากั่นแต่จริงๆเธอจิตใจอ่อนโยน (อป.วิ่งไปหัวเรือไททานิกแล้วตะโกนว่า cliché!!! ) นอกจากนั้นก็มีหมอฟันหนุ่มที่ทำท่าเจ้าชู้ไก่แจ้มาแต่ไกล แต่จริงๆคอยช่วยเหลือเหมือนเธอเป็นน้องสาว (อป.วิ่งกลับไปตะโกนท้ายเรือ ผู้โดยสารเริ่มตื่นตระหนก) พยาบาลทุกคนก็น่ารักนิสัยดี คอยแซว คอยแกล้งนางเอกให้เรื่องมีสีสัน

สุดท้ายอุตาโกะก็พาน้องซาคิไปแนะนำกับหนุ่มเนิร์ดในห้องทึบหลังคลินิก เขาคนนี้เป็นช่างเทคนิคด้านอุปกรณ์ทำฟันฝีมือดีชื่อโยสึยะ เคนโกะ แต่หนุ่มโอตาคุก็ก้มหน้าก้มตาทำงานไม่สนใจเธอเลย (อป.วิ่งกลับไปหัวเรือ ไททานิกจม)

นี่มันพระเอกการ์ตูนชัดๆ!








เนื้อเรื่องตอนต่อไปก็เป็นคนไข้เคสประหลาดๆทั้งหลาย แต่ประหลาดแบบน่ารักไม่มีพิษมีภัยนะคะ เช่นคุณลุงคนนึงโทรศัพท์มานัดทำฟันกับซาคิจัง แล้วซาคิจังผู้น่ารักไร้เดียงสาแบบนางเอกญี่ปุ่น (นางเอกซีรี่ยส์นะ ไม่ใช่นางเอกแบบที่หนุ่มๆบล็อกเกอร์แถวนี้ดูกัน หุๆ) ก็ตอบกลับไปทางโทรศัพท์ว่า “ปวดฟันมากมั๊ยคะ อดทนนิดนึงนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณหมอรักษาก็หาย”... แต่แล้วเมื่อคุณลุงมาปรากฏตัวที่คลินิก ลุงก็ไม่ยอมพูดจากับน้องซาคิเลย เอาแต่นั่งไกลๆไม่มองหน้า น้องซาคิก็เลยจิตตกว่าเป็นความผิดของเธอที่ทำให้คนไข้ไม่พอใจเพราะเธอไปพูดจาไม่ดีทางโทรศัพท์ (คิวในกองถ่าย: พี่สาวเซ็กซี่ออกมาปลอบใจ ป้าพยาบาลให้กำลังใจ หนุ่มโอตาคุโผล่มามองเหตุการณ์เงียบๆด้วยสายตาเป็นห่วง)



นัดครั้งต่อไปก็เกิดเหตุการณ์แบบเดิมอีก น้องซาคิถึงกับแอบโทรศัพท์ไปหาเพื่อนที่ทำงานของคุณลุงและได้ข้อมูลมาว่าเมื่อก่อนคุณลุงเป็นคนน่ารักช่างคุย แต่ตอนหลังไม่ค่อยคบหาสมาคมกับเพื่อนๆเหมือนเดิม ... ถึงคิวหนุ่มโอตาคุซึ่งในเรื่องนี้เล่นบทเป็นนักสืบกลายๆออกมาปฏิบัติการณ์ โยสึยะสังเกตด้วยหลักการแบบเชอร์ล็อคโฮล์ม อาศัยข้อมูลต่างๆมาปะติดปะต่อกันจนสุดท้ายได้ข้อสรุปว่า


คุณลุงเป็นโรคจิตประเภทหนึ่งที่คิดว่าตัวเองมีกลิ่นปาก! เลยไม่พูดกับซาคิยกเว้นทางโทรศัพท์และไม่พูดจากับเพื่อนร่วมงาน


เหล่าหมอและพนักงานทุกคนที่คลินิกเลยคิดแผนซ้อนแผนหลอกคุณลุงซึ่งจริงๆไม่ได้มีกลิ่นปากอะไรว่ารักษาเรียบร้อยหายเป็นปกติแล้ว คุณลุงเลยสามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมอย่างมีความสุข








ก่อนกลับจากคลินิกคุณลุงก็เดินมาขอบคุณซาคิจัง (นางเอกน้ำตาคลอเบ้า..คิวเพลงซึ้ง) “ขอบคุณมากนะหนู”


และนี่ก็เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ซาคิจังผู้เกลียดหมอฟันเริ่มรู้สึกรักในงานนี้และตัดสินใจทำงานที่คลินิกต่อไป (นางเอกมองพระอาทิตย์ตกดิน...คิวเพลงฮึกเหิม)


และก็ทำให้เธอได้รู้จักกับโยสึยะมากขึ้น ว่าเขาเป็นคนช่างสังเกตและเป็นห่วงผู้อื่น (นางเอกแง้มประตูแอบมองพระเอก...คิวเพลงรัก)

....

...ดิชั้นเลิกเขียนบล็อกไปกำกับหนังซีรี่ยส์ดีมั๊ยเนี่ย - -“



ตอนต่อๆมาก็เนื้อหาคล้ายกันค่ะ คือมีคนไข้แปลกๆ นางเอกทำอะไรเปิ่นโก๊ะ และพระเอกเป็นผู้ไขปริศนา...อ่านไปอ่านมาก็สนุกดี ทำให้ยิ้มได้ทั้งเรื่องสมกับเป็น cute-lit

Cliché ของเค้าท่าจะเยอะกว่าแหล่ะ อออ.








อปอช.แคสติ้ง .. บอกแล้วว่ารู้จักดาราญี่ปุ่นน้อยมากถึงมากที่สุด


น้องซาคิจัง นำแสดงโดยนางเอกซีรี่ยส์ Liar Game (สนุกนะเคอะ)







หนุ่มเนิร์ดโยสึยะ..ใครคนหนึ่งในวงอาราชิที่อป.กู้เกิ้ลมาได้ = =




Create Date : 19 สิงหาคม 2552
Last Update : 10 กันยายน 2552 10:54:26 น. 28 comments
Counter : 1681 Pageviews.

 
แอร๊ย นึกขึ้นมาได้ว่าต้องไปตรวจฟันก่อนเดินทาง



ไม่อยากไปหาหมอเลย


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:16:00:02 น.  

 

เรื่องอย่างนี้มีแต่ในนิยาย เฮ้อ .. ถึงรู้อย่างนั้น ตอนอ่าน Dive สี่เล่มรวดก็ยังนั่งร้องไห้กระซิกๆ ซึ้งน้ำใจนักกีฬาและวิญญาณนักสู้ของพวกหนุ่มๆ (ขอเพลง Charriot of fire) ถึงในความจริงมันอาจจะไม่สวยงามเหมือนนักกีฬาซ้อมวิ่งบนชายหาด อ่านยังอ่ะ

เจอเล่มที่บลอกเข้าไป ป่านนี้ยังสยองคลิเช่ไม่หาย ต้องเปลี่ยนไปอ่าน non-fic


โดย: อั๊งอังอา วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:16:13:33 น.  

 
ใช่ๆ อป.ออกงานจาก แล้วไปเป็นผู้กำกับละครค่ายดาราวิดีโอเลยดีกว่า 55+

เรื่องราวเน่าได้ใจมากกกก เอาคอนเซ็ปของซีรี่ย์ร้านกาแฟ มาเปลี่ยนเป็นคลีนิคทำฟันเลยอ่ะเน๊อะ ซึ่งก็อาจใช้คอนเซ็ปผลิดออกมาเป็น spin-off ได้เรื่อยๆ ครั้งต่อไปอาจเป็น ร้านเกมส์ออนไลน์ ครั้งหน้าอีกก็อาจเป็น ร้านขายส้มตำ ไรงี้ ฮ่าๆๆ

แต่มันก็ทำให้เรานึกถึงหนังเรื่องนึงที่ดูทางเคเบิ้ลนะ The Ramen Girl ที่นางเอก (เล่นโดย บริทานี่ย์ เมอร์ฟี่ย์) เดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อเรียนทำราเม็ง แต่แล้วเธอก็ได้เจอกับหลากหลายชีวิต และได้เรียนรู้สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า บลา บลา บลา (เน่าสนิทได้ใจ)... แต่ถึงจะบ่นไป เราก็ดูจนจบนะ (และถ้าเรื่องนี้สร้างเป็นหนัง เราก็คงดูเหมือนกัน 55+)

แคสติ้งยังคิดไม่ออก เด๋วจะกลับมาแคสแบบ americanized version นะ หุหุ ^^


โดย: BdMd IP: 58.137.81.98 วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:16:22:57 น.  

 
อป เขียนบรรยายได้หนุกมากเลยค่ะ
เราอ่านแล้วรู้สึกได้ว่ามันสไตล์หนังซีรีย์(ที่สร้างมาจากนิยาย การ์ตูน บลาๆ)
แบบว่าช่วงนี้ก็เพิ่งดูเรื่องนึง มันน้ำเน่าแต่ฮา และต้องแฝงข้อคิดด้วยเนอะ(ตามสไตล์หนังยุ่น)
ภาพมาเป็นฉากๆเลย อป. ไปสร้างซีรี่ดีกว่า เผื่อฮิตชนะเจ้าชายกาแฟอะไรนั่น ฮี่ๆ

ว่าแต่ อป.เก่งจังเลยค่ะ อ่านเป็นญี่ปุ่นด้วยเหรอ ดีจังเราอยากอ่านออกมั่ง
(คาดว่าชาติหน้า แหะๆ)

ปล.อย่ากลัวหมอฟันกันเลยเด็กๆ(และไม่เด็ก)จ๋า บ้านเค้าเป็นหมอฟันกันหมดเลยอ่ะตัวเอง


โดย: เด็กชายหัวตะปู วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:18:53:44 น.  

 
หมีหมี- ไปตรวจก่อนเถอะ หาหมอฟันต่างถิ่นมันน่ากลัวเป็นสิบเท่านะมี๊

อออ. - โฮะๆๆจริงที่สุด มีแต่ในนิยายเท่านั้น แถมนึกว่าสมัยนี้ไม่มีใครเขียนพระเอกแนวเสือยิ้มยากแล้วนะ ยังมีอีตานี่โผล่มาได้ - -"
หนัง charriot of fire ดูแล้ว เพลงติดหูมากเลย ตึ่ง ตึ๊ง ตึงๆๆ แต่ยังบ่ได้อ่านDive

BdMd- ไม่อยากแย่งงานท่าน Uwe Boll หุๆ อืมม จริงๆรายละเอียดของหนังสือมันไม่เหมือนเรื่องร้านกาแฟนะ (อันนั้นค่ายเกาหลีชิมิ) คือเรื่องกุ๊กกิ๊กมันเป็นตัวแถม แต่จะเน้นที่ตัวละครแปลกๆโผล่กันออกมา แล้วก็เฉลยปมในใจของตัวละครที่ตอนแรกคนอ่านอาจไม่ชอบหน้า...ก็สรุปว่าน้ำเน่าแอนด์clicheนี่แหล่ะ
แต่เราก็ชอบละครน้ำเน่าญี่ปุ่นที่สุดเพราะเกือบทุกเรื่องที่ดูมาจะจบด้วยDilemmaให้เลือกระหว่างความรักหรือทำตามความฝัน(เช่นไปเรียนเมืองนอก ไปทำงานต่างเมือง)
ซึ่งก็แน่นอนเค่อะว่าพระเอกนางเอกมันไม่มีใครเลือกความรักเลย

คุณดช.หัวตะปู- ใช่ค่ะ อป.ก็ชอบดู เน่าแต่แฝงแง่คิดแล้วก็ตลก บางเรื่องบทจะซึ้งก็ซึ้งน้ำตาซึมเลยเนอะ
งี๊ดดส์...ที่บ้านเป็นหมอฟันกันหมด


โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:22:07:17 น.  

 
อ๊ะ น่าอ่านจัง
คนญี่ปุ่นช่างคิดเนอะ
เรามีความหลังเกี่ยวกับการถอนฟันคุด
เจ็บเป็นบ้า เป็นอะไรที่น่ากลัวสุดๆ เลยละ


โดย: foneko IP: 58.8.211.72 วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:22:14:56 น.  

 
เออ แปลกดีเน๊อะ ถ้าเป็นละครน้ำเน่าเมกัน (เรียกซีรี่ย์ละกัน 55+) หลายเรื่องมักจะลงเอยด้วยความรักเสมอ ซึ่งเราว่ามันบอกถึงค่านิยมของทั้ง 2 ชาติได้เหมือนกัน ฝรั่งเค้าอาจจะคิดว่าความฝันนั้นอาจไม่สำคัญ ถ้าปราศจากคนที่จะมาคนแชร์มันด้วย ในขณะที่ญี่ปุ่นก็อาจเป็นแนวๆว่า เราต้องเป็นอะไรสักอย่างให้ได้ก่อน แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็จะลงล็อคเอง... ส่วนตัวเราหน่ะเหรอ ก็เลือกไปมันทั้งสองทางเลยไง (โลภ 555+)

โอ๊ะ ว่าจะมาแคสติ้งเวอร์ชั่นฮอลลิวู้ดนี่หน่า ^^ ถ้าเอาสองคนนี้ไปเล่น รับรองหนังเรื่องนี้ทำรายได้ถล่มทลายเทียบเท่าชู้รักเรือล่มแน่นอน บดมด.โปรโมชั่นขอตะแคงยัน...


Ellen Page & Michael Angarano

ปล. จะบอกว่าทำฟันที่จีนถูกกว่าไทยเป็นเท่าตัวเลยนะเอ้อ (แต่คุณแพนด้าคงทราบอยู่แล้ว) เราเคยใช้บริการอุดฟันเหมือนกัน ซึ่งก็ทุลักทุเลพอสมควร เพราะไม่รู้ศัพท์เกี่ยวกับช่องปากเลย ได้แต่บอกว่า "ปวดฟัน ปวดฟัน" และ "ไม่ถอน ไม่ถอน" 555+


โดย: BloodyMonday วันที่: 20 สิงหาคม 2552 เวลา:0:06:03 น.  

 
งี๊ดดด อป อย่าทำหน้าแบบน้านน
ถึงพ่อแม่แก้วเป็นหมอฟันแต่ใจดีน้า
อป เรียกแก้วเฉยๆก้อได้ค่ะ เรียกคุณแล้วแปลกๆ แบบว่าเราไม่ชินอ่ะคะ(ดูแก่ด้วย แบบไม่อยากแก่อ่ะ แฮ่)
ซี่รี่ย์ที่บอกที่เราเพิ่งดูคือ dandy daddy ค่ะ ยังฉายอยุ่ที่นี่ค่ะ ยังไม่จบ
เป็นเรื่องประมาณคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่เป็นนักเขียนชื่อดัง
แต่ห่วงลูกสาวที่อยู่ในวัยกำลังจะมีความรักจนไม่เป็นอันทำงานอ่ะค่ะ
น่ารักแบบฮาๆ แบบพ่อมันทำไปได้แบบนั้นอ่ะค่ะ
เพิ่งเริ่มดูเหมือนกันค่ะ
จริงๆเราชอบดูซีรี่ย์ที่ไม่เครียดของญี่ปุ่นนะคะ
รู้สึกว่าเค้าเล่นทุ่มเท(เพื่อความฮา)กันจริงๆเลย
เราว่าซีรี่ย์ยุ่นไม่เน้นความรัก(ถ้าไม่ใช่ประเด็นที่เค้าจับหลักๆ)จริงๆค่ะ
เน้นแบบความฝัน โอ้ (ตาปิ๊งๆ)มากกว่าเนอะ
แต่ส่วนตัวเราชอบมากกว่าเกาหลีแหะ (ความเห็นส่วนตัวจริงๆค่ะ)

ปล. ลูกค้าที่มาแบกช้างทองเหลืองนี่คารวะเลยค่ะ แบกกันไปยังไงนั่น


โดย: เด็กชายหัวตะปู วันที่: 20 สิงหาคม 2552 เวลา:3:23:38 น.  

 
+ บ้านพี่ก็มีหมอฟันตั้ง 2 คน (พี่สาวกับพี่เขย) ส่วนตัวเองเมื่อก่อนก็เป็นโรคกลัวหมอฟันเหมือนกันเลยครับ ... แต่ในที่สุดอาการที่สะสมไว้มันก็ลุกลามจนกลายเป็นโรคเหงือกไปตำแหน่งนึง กับต้องรักษารากฟัน - ทำครอบฟัน ไปอีกซี่นึง ตอนนี้ก็เลยเข็ดแล้วจ้า ต้องไปให้หมอฟันตรวจสภาพฟัน - ขูดหินปูนทุก 6 เดือนเลยอ่า อายุเยอะแล้ ปล่อยไว้จะมิเป็นการดีอ่ะครับ หุๆ

+ เง้ออออ ... พระเอกที่แคสท์มานั่นเนิร์ดแล้วรึครับนั่น? (แต่ไม่แน่เนาะ ถ้าเอาแว่นหนาๆ มาใส่ ลุคอาจเปลี่ยนเป็นเนิร์ดก็เป็นได้) แต่นางเอกน่ารักจังเลยจ้า


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 20 สิงหาคม 2552 เวลา:14:19:35 น.  

 
+ มาตอบว่า นางไม้ ก็ผีนั่นแหละจ้ะ แต่จริงๆ คุณเป็นเอกเค้าต้องการเน้นประเด็นทางสังคมและครอบครัวมากกว่า แต่อาศัยนางไม้เป็นสื่อกลางในการนำเสนอเฉยๆ อ่ะครับ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 20 สิงหาคม 2552 เวลา:23:56:34 น.  

 
คลิเช่ช่ช่ช่ช่ช่ช่ช่ จริงๆ ด้วย

ที่จริงคลิกไว้ตั้งแต่ก่อนอัพบล็อกเมื่อวาน แต่ไม่ทันอ่านจบก็กลับบ้านก่อน แล้วเมื่อวานก็ไม่ได้แวะมา ขออภัย อปอช.ด้วยเด้อ

มันก็มีจิ้งจกจริงๆ แหละ มีตัวหนึ่ง แต่ก็ทำให้มีแมวเหมียวสามตัวมาเมียงมองเพื่อจับจิ้งจกด้วยนะ พอจะชดเชยกันได้มะ?


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:10:19:47 น.  

 
งือ ไม่ชอบหมอฟัน ไม่ชอบคลินิคทำฟัน
เพราะงั้นเรื่องนี้ ... ผ่านนนนนน



โดย: The White Rider วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:15:22:24 น.  

 
อืม... อ่านแล้ว Cilche มากจริงๆ

แต่ถ้าทำเป็นซีรี่ส์ก็น่าจะสนุกนะครับ เพราะญี่ปุ่นเค้า "แม่น" เรื่องพวกนี้ น่าจะทำให้ดูไปยิ้มไปได้ไม่ยาก

ว่าแต่หนังแบบที่หนุ่มๆบล็อคเกอร์ชอบดูนี่มันหนังอะไรเหรอครับ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย...


โดย: แฟนผมตัวดำ วันที่: 23 สิงหาคม 2552 เวลา:11:21:41 น.  

 
สปอยล์แหลก สูตรเจ้าชายเย็นชา...
.
.
สรุปแล้ว โมแร ไม่เลือกใครเลย ดูเร ตัดสินใจบินกลับไปฝรั่งเศส (ซึ่งฉากบนเครื่องบิน จูจีฮุน ตีบทได้แตกมากกก โธ่ ไม่น่าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเล้ย) ส่วนตัวนางเอกก็หย่าขาดกับ ซังอิน... ซึ่งจากนั้นเวลาผ่านไปหลายเดือน มูแร ก็ได้จัดแกลลอรี่โชว์ภาพถ่ายของเธอบนชายหาด (ติสท์แตก...) ซึ่ง ซังอิน ก็มาหาและขอเธอแต่งงานอีกรอบ คุณนางเอกซึ่งตอนนั้นท้องแล้วด้วย (แต่ลูกใครนั้นหนังไม่กล่าวถึง) ก็บอกว่าตอนนี้ชั้นไม่พร้อม ขอเวลาสำหรับตัวเองก่อนก็แล้วกัน (แน่ล่ะสิ สวยเลือกได้ก็เงี้ย เฮ๊อะ !! )

คุณแฟนผม - แต่ได้ข่าวว่า น้องอ้อย ก็รู้จัก มิยาบิ ก็คุ้นเคย สาวอินเตอร์อย่าง ซาช่า เกรย์ ก็ยังพานพบมาแล้ว แบบนี้มาเข้าร่วมสมัครเป็นสาวกหนัง...กับผมซะดีๆ 555+ (เออ แล้วจะภูมิใจทำมายย)

Ps. haven't heard from u for a while, hope u r alright


โดย: BloodyMonday วันที่: 24 สิงหาคม 2552 เวลา:18:59:56 น.  

 
ขอความช่วยเหลือจากสาวกเลิฟคราฟต์หน่อย

ไอ้เจ้า Cthulhu นี่อ่านออกเสียงว่าอะไรรึ


โดย: ทินา IP: 81.111.167.185 วันที่: 25 สิงหาคม 2552 เวลา:4:25:55 น.  

 
จ๊าก ชอบหนุ่มเนิร์ดรูปสุดท้าย


โดย: grappa วันที่: 25 สิงหาคม 2552 เวลา:10:45:28 น.  

 
Check this out



I think goosebumps maybe insufficient reaction to describe what I just saw. This is beyond words. It's like Merchant/Ivory's heaven ! (anyway, I just posted the preview, u can check it out when u free )

ps. one more weekday, fighto !


โดย: BloodyMonday วันที่: 27 สิงหาคม 2552 เวลา:21:36:11 น.  

 
น่าอ่านอย่างแรง

ปล. ว่าแต่แอบมีเลือดสาดตอนทำฟันด้วยรึป่าวเนี่ย อิอิ


โดย: ThE BooK@HoLiC วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:10:38:54 น.  

 
ประกาศตามหาบุคคลสาบสูญ... เดี๋ยวขอเอารูปอป.ไปติดข้างกล่องนมก่อนนะ ;-P



โดย: BdMd IP: 124.121.233.52 วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:22:14:22 น.  

 
นั่นดิ หายไปไหนเนี่ยะ


โดย: grappa IP: 58.9.193.243 วันที่: 7 กันยายน 2552 เวลา:21:17:33 น.  

 
ท่าทางจะหายไปอีกนานสิเนี่ย


โดย: แฟนผมตัวดำ วันที่: 7 กันยายน 2552 เวลา:22:03:48 น.  

 
สงสัย อป. เป็นไม้ 3 ที่รับต่อจาก 3 'Or แหงมๆ


โดย: ThE BooK@HoLiC วันที่: 8 กันยายน 2552 เวลา:8:43:20 น.  

 
เพิ่งรู้ว่าหนูคือคนไหน ในทวิตเตอร์
ใช้ BB เสียด้วย หุหุ


โดย: grappa IP: 58.9.189.138 วันที่: 8 กันยายน 2552 เวลา:10:06:59 น.  

 
เรื่องอาเมนโอซ่าผมก็อ่านครับ ผมว่าเค้าต้องได้รับอิทธิพลจากเบอร์เซิร์กไปไม่มากก็น้อย แต่ผมไม่ชอบตอนจบของเรื่องนี้อ้ะ มันดูง่ายๆลวกๆยังไงพิกล เล่นแต่งให้ตัวร้ายเก่งเทพซะขนาดนั้น เสร็จแล้วก็ให้ตายดื้อๆ

แต่อ่านเบอร์เซิร์กแล้วมือดำจริงๆ ไม่รู้ว่าอ่านการ์ตูนหรือเผาถ่าน


โดย: แฟนผมตัวดำ วันที่: 8 กันยายน 2552 เวลา:13:21:28 น.  

 
น่าอ่านจังค่ะ


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 8 กันยายน 2552 เวลา:14:25:11 น.  

 
เรื่องบากินี่ผมรับลายเส้นมันไม่ได้จริงๆครับ แบบว่าเหนือมนุษย์เกิ๊น ส่วน Tough นี่ไม่เคยอ่านแฮะ แต่เมื่อก่อนผมอ่านผลงานของ อ. ซารุวาตาริเกือบทุกเรื่องเลยนะ ชอบมากด้วย อย่าง Riki-oh หรือ Dogsoldier นี่ทั้งโหด ทั้งฮา อืม... ว่าแล้วไปลองหามาอ่านดีกว่า


โดย: แฟนผมตัวดำ วันที่: 8 กันยายน 2552 เวลา:15:56:07 น.  

 
Do not dong for too long, comrade. I'm waiting for the review of The Strain yoo na ^0^


โดย: bDmD IP: 58.137.81.98 วันที่: 8 กันยายน 2552 เวลา:17:02:09 น.  

 
+ กี๊ซซซซ พี่ก็ชอบ Crimson tide มั่กๆ เหมือนกันอ่ะครับ ไซโคดีทีเดียว

+ เรื่อง Orphan หนังตัวอย่างก็นึกว่าคล้าย The omen แต่จริงๆ แล้วเป็นคนละแนวกันเลยอ่ะครับ ต้องลองดูเองจ้า

+ พี่ก็ว่าจะไปเจิม 5 แพร่งวันพรุ่งนี้อยู่เนี่ยครับ อุๆ ... หนังผีนี่แหละ ช้อบบบบ ชอบ วะฮ่าฮ่า (ทั้งๆ ที่กลัวผีนี่แหละ)


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 8 กันยายน 2552 เวลา:23:40:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

apple_cinnamon
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




forbidden fruit...




สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. 2539
ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


my love...
PhotobucketPhotobucketPhotobucketPhotobucketPhotobucket


LATEST BLOG
Quarter Share: กะลาสีอวกาศ






is reading:
Photobucket
Friends' blogs
[Add apple_cinnamon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.