'6 เดือนที่ผ่านมา Brand Awareness ดีขึ้น แม้จะยังไม่ได้ระดับที่เราต้องการมากนัก สิ่งที่ต้องการมากๆ ตอนนี้ คือ Brand Perceptoon สร้างความตระหนักรู้ในแบรนด์ไทยสมายล์ ว่าไม่ใช่สายการบินโลว์คอส'

หลังแยกบริหารอย่างเป็นเรื่องเป็นราวจากการบินไทย ไทยสมายด์โดยการนำของ "กัปตันวรเนติ หล้าพระบาง" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยสมายล์แอร์เวย์ ก็เตรียมแผนสร้างแบรนด์ ตอกย้ำความชัดเจน ในความเป็นสายการบิน Full Service เช่นเดียวกับการบินไทย หาใช้สายบินโลว์คอสอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ เพียงแค่ราคาตั๋วถูกกว่า แต่คุณภาพบริการไม่ต่างกัน บริการใกล้เคียงกันมากๆ 

"เราโอเปอเรทมาได้ 3 ปีกว่า แต่เริ่มความเป็นสายการบินแห่งชาติเต็มตัวในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีเวปไซด์ มีคอลเซ็นเตอร์ มีทิกเก็ตติ้งออฟฟิศ แยกต่างหากหลายสาขาของตัวเอง เราทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น จะซื้อผ่านระบบไหน ซื้อได้ทุกช่องทาง เราย้ายเที่ยวบินประมาณ 25% มาที่ดอนเมือง จาก 42 เที่ยวบินต่อวัน ที่เหลืออยู่สุวรรรภูมิ โดยเลือกเมืองที่เป็นเมืองใหญ่ในแต่ละภาค และเราเป็นสายการบินเดียวที่ให้บริการ 2 สนามบิน การบินจุดต่อจุด เราตอบโจทย์ลูกค้าเรื่องความเชื่อมต่อ ทำให้ลูกค้าคล่องตัวมากขึ้น" 

เมื่อถามว่า การบริหารองค์กรที่ต้องดำเนินการตามนโยบายบริษัทแม่ มีความหนักใจอะไรบ้างหรือไม่ ซีอีโอ ท่านนี้บอกว่า มันเป็นธรรมดาของการบริหารธุรกิจ เรื่ององค์กร คน ลูกค้า โปรเจคทั้งหลาย งานสามารถเดินไปตามแผนได้หรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ชอบ สำหรับการบริหารองค์กรนี้ก็คือ ความเป็นองค์กรเล็ก มีพนักงาน 100 กว่าคน ทำงานการทำงานร่วมกันมีความใกล้ชิด สนุก และทุกคนสามารถเข้าถึงกันได้ง่าย และจุดแข็งของการบริหารองค์กรนี้ ก็คือ สปีดการทำงาน มีอะไรที่ลูกค้าต้องการ คู่ค้าต้องการ สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว 

โดยส่วนตัวแล้ว "กัปตันวรเนติ" ผ่านงานบริหารที่การบินไทยมาแล้วพักใหญ่ ด้วยการทำหน้าที่ดูแลเรื่องแผนยุทธศาสตร์การบินไทย การจัดตารางบิน การหาเครื่องบิน การทำกลยุทธ์ต่างๆ เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก

"มันเป็นเรื่องทั่วๆของธุรกิจ ไม่อยากใช้คำว่าหนักใจ เรียกว่าความท้าทายจะดีกว่า ความท้าทายของเราคือ เราอยากเป็นสายการบินที่คนรักชอบมากที่สุด ตอนนี้ยังทำไม่ได้ตามเป้ามากนัก กรกฎาคม-สิงหาคมที่ผ่านมา เรามี Cabin Factor อยู่ที่ 70-80% ยังไม่ค่อยดีนัก แต่ระยะยาวคิดว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ เราจะปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเรื่องของแบรนดิ้ง ประชาสัมพันธ์ การบริการ แพ็คเกจจิ้ง รูปแบบอาหารบนเครื่อง การบริการภาคพื้นดิน เราต้องปรับ แนวทางจะค่อยๆ ออกมา เราจะเริ่มประมาณ เดือนกันยายนเป็นต้นไป จะได้เห็นอะไรใหม่ๆ มากขึ้น การบริการบางอย่างจะปรับปรุงมากขึ้น เช่นบริการบางอย่างบนภาคพื้นดิน"

ซีอีโอ เล่าอย่างขำๆ ว่า ที่ผ่านมา ไทยสมายล์ ได้รับเลือกเป็นสายการบินโลว์คอสแอร์ไลน์ที่ดีที่สุด คือถือเป็นความภาคภูมิใจที่ผู้ใช้บริการรู้จักไทยสมายล์ แต่ที่แทบจะขำไม่ออกเลยก็คือ ไทยสมายล์ไม่ใช่โลว์คอสแอร์ไลน์ แต่กลับได้รับเลือกโลว์คอสแอร์ไลน์ที่ดีที่สุด เรื่องนี้แหละที่ ผู้นำต้องพยายามแก้ไขให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น 

เรื่องของ Brand Awareness ตรงนั้น "กัปตันวรเนติ" ถือว่าไม่มีปัญหา การสื่อสารได้ส่วนหนึ่ง แต่เราต้องใช้เวลา ตอนนี้คนเริ่มรู้เยอะขึ้นแลฃ้ว เรามีการสำรวจความพึ่งพอใจลูกค้าอยู่แล้ว 6 เดือนที่ผ่านมา การรับรู้ต่อแบรนด์ (Brand Awareness) ดีขึ้น แม้จะยังไม่ได้ระดับที่ต้องการมากนัก สิ่งที่ต้องการมากๆ ตอนนี้ คือ Brand Perception หรือการตระหนักรู้ในแบรนด์ไทยสมายล์ ไทยสมายล์ไม่ใช่สายการบินโลว์คอส ดังนั้น สิ่งที่ไทยสมายล์จะทำภายใน 6 เดือนข้างหน้า คือ เรื่องของแบรนด์ เรื่องการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งผู้บริหารบอกว่า ไม่ได้เกี่ยวกับโครงการเพื่อสังคมที่ไทยสมายล์จะเริ่มสร้างให้ชัดเจนมากขึ้นด้วยเช่นกัน

"การทำซีเอสอาร์ ไม่ใช่ทำเพื่อการสร้างแบรนด์ ซีเอสอาร์ เราเน้นเรื่อง Engagement เป็นหลัก เราสนับสนุนให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า พาร์ทเนอร์ และพนักงาน มีส่วนร่วมซึ่งกันและกัน อย่างการสนับสนุนให้เด็กได้ในโครงการ "พาน้องท่องฟ้า" พาน้อง 30 คนจากจังหวัดหนึ่งไปเรียนรู้สร้างประสบการณ์ในอีกจังหวัดหนึ่ง คนที่จัดหารเด็กมาให้เรา ก็จะรักเรามากขึ้น ถ้ามีส่วนร่วมกับเรา พนักงานในแต่ละแผนกก็มีส่วนร่วม ทั้งการจัดตั๋ว การเช็คอิน การดูแลและให้ความรู้น้องๆ เมื่อเราทำกิจกรรมเหล่านี้บ่อยๆ ก็จะทำให้เกิดการ Engagement ในแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน แต่ละคนจะมีส่วนร่วมกับแบรนด์ไทยสมายล์ ซึ่งนั่นคือผลทางอ้อมที่ได้กับแบรนด์"

"กัปตันวรเนติ" บอกว่า การทำซีเอสอาร์ เป้าหมายหลักไม่ใช่เรื่องของแบรนด์ แต่การทำซีเอสอาร์ของไทยสมายล์เริ่มมาจากสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ "การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว" หรือการ "พาน้องท่องฟ้า"เพราะทั้ง 2 ส่วนเกิดจากบริการด้านสายการบินของไทยสมายล์ มีที่นั่งให้น้องๆ ได้เดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง การเดินทางโดยสายการบิน ก็คือการเดินทาง ซึ่งแต่ละจุดเดินทาง ก็มีความสำคัญด้านแหล่งท่องเที่ยวอยู่แล้ว ดังนั้น การพัฒนาและส่งเสริมสิ่งเหล่านี้ จึงถือการให้ความช่วยเหลือและส่งเสริมสร้างสิ่งดีๆ ให้สังคม ตามกำลังที่องค์กรมีอยู่ และจะดำเนินโครงการต่อเนื่องในทุกๆ ปี  

"อีก 3-5 ปีข้างหน้า เราจะโฟกัสที่แนวทางเดิม แต่ขยายในวงกว้างมากขึ้น เพราะในเชิงธุรกิจ เราบิน ในประเทศ 90% เครื่อง 13 ลำ กลางปีหน้า เราจะโต 40% จากเครื่องที่เพิ่มเป็น 20 ลำ การโตจะโตในตลาดต่างประเทศ กลางปีหน้า เราจะบินเกือบๆ 16 จุดบิน โดยที่หลายจุดบิน คือต่างประเทศ ส่วนหนึ่งเราจะไปบินแทนการบินไทย เช่น ฉงชิ่ง ฉางซา ที่จีน ไฮเดอราบัด ในอินเดีย ย่างกุ้งเราบินแล้ว 1 ไฟล์ 1 ตุลาคมนี้จะเริ่มที่มัลดาเลย์ และ อีก 3 จุดบิน ในจีน เป็นจุดบินใหม่ และพร้อมๆ กันเราจะใช้ซีเอสอาร์ขยายวงให้กว้างขึ้น จะขยายไปต่างประเทศด้วย เราอยากโฟกัสในกิจกรรมเดิม เราอาจจะให้เด็กหาดใหญ่กลุ่มหนึ่งไป ฉงชิ่ง ไปมาเก๊า" 

เป้าหมายของซีอีโอท่านนี้ คือ การทำให้ไทยสมายล์ เป็น Favorite Asian Airline เป็นสายการบินที่ทุกคนชื่นชอบ โดยมองที่ความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ถ้าลูกค้าแฮปปี้ นั่นคือความสุขของผู้ให้บริการ โดยไม่ได้ตั้งเป้าว่า จะต้องเป็นสายการบินที่ทำกำไรสูงสุด หรือเป็นสายการบินอันดับหนึ่ง... แต่สายการบินอยู่ด้วยตัวเองไม่ได้ มีความสุขคนเดียวไม่ได้ ถ้าชุมชนรอบๆ ไม่มีความสุขไปด้วย เพราะฉะนั้นทั้งโลคัลพาร์ทเนอร์ ผู้โดยสาร ทุกอย่างต้องเดินหน้าไปพร้อมๆ กัน 

ดังนั้น ความสำคัญของการบริหาร คือ การสร้าง Engagement

Create Date : 03 พฤษภาคม 2559
Last Update : 4 พฤษภาคม 2559 1:57:59 น.		2 comments
Counter : 2082 Pageviews.
Share Tweet