น่าสนใจนะคะ อยากอ่านจัง แต่อยู่ไกล
เอาไว้กลับไทยแแล้วจะหาซี้ออ่านนะคะ

ยังไม่ได้อ่านครับ แต่อ่านสองบทที่ส่งมาทาง E-Mail แล้วชอบจังเลย โดยเฉพาะเรื่องแรงบันดาลใจ
จะแวะมาสวัสดีปีใหม่
มีความสุขมากๆ นะครับ คุณหมอ

เท่าที่ดูไม่เห็นช่องจะวิจารณ์หน้าตาผู้เขียนนี่คะ หรือมีแต่เปิดข้ามไปนะ

ซื้อมาวันนี้เอง อ่านรวดเดียวจบเลยครับ ดีครับ

อ้อ สารภาพอีกครั้ง ยังไม่สามารถทำใจซื้อหนังสือรักได้ครับ ไม่รู้เป็นไง ไปอ่านที่ร้านรอบที่4หรือ5 ได้มั้ง รู้สึกไม่โดนอะครับ สงสัยไม่ค่อยได้ดูหนัง

อึม เราอ่านที่ร้านอ่ะค่ะ แต่ไม่ได้ซื้อกลับมา

อย่างแรกคือ สะดุดชื่อเรื่อง ชอบมากๆ แต่พออ่านๆ ไป อึม มีการรีวิวหนัง เรื่องแรกถ้าจำไม่ผิด โรงงานช็อกโกแล็ตนะ

อึม เรายืนอ่านไปเยอะเหมือนกันค่ะ คงไม่ผิดกับจขบ. ใช่ไหมอ่ะ โทษทีนะคะที่ไม่ได้ซื้อ สาเหตุนึงเพราะเราไม่ค่อยได้ดูหนังเท่าไหร่มั้งคะ

ปล. ชอบชื่อที่คุณตั้งนะคะ

+ แวะมาแปะโป้งแสดงความยินดีไว้ก่อนครับ เนื่องจากผมยังไม่เห็นที่แผง เลยยังไม่ได้ซื้อมาอ่านง่ะ ... เด๋วไว้อ่านจบเมื่อไหร่ จะมาเขียนความเห็นอีกรอบนะคร้าบ

อีกสามวันกลับไทย จะไปยลโฉมหนังสือนะครับ

ขอบคุณมากครับ

ต่างจังหวัด จะมาถึงแล้วยังน้อ ร้านไหนคะ ซีเอ็ดจะมีไหม

"เมื่อเรายืนบนพื้นที่สีเทาไปนานๆ เราก็จะพบว่า มันเป็นการยากที่จะแยกว่า ฝั่งไหนคือสีขาว ฝั่งไหนคือสีดำ"
ชอบข้อความนี้มากครับ เพราะทุกวันนี้รู้สึกว่าคนในสังคมเราเป็นมนุษย์สีเทา กันเยอะจัง

รายงานเบื้องต้น : หนังสือองศาที่ 361 เข้าใจง่ายกว่าหนังสือรัก


***
ปล ซื้อองศาที่ 361 มาอ่านแล้วปรากฎว่าเค้าตัดกระดาษไม่ดีอ่าค่ะ
เลยต้องมานั่งเอาคัทเตอร์เฉือนๆเองหลายหน้าเลย

ไม่โกรธ เคืองแต่อย่างใด
เฉือนแบบใจเย็น
ก็ความผิดเราเอง เราไม่ได้ดูตอนซื้อเลย
เห็นหน้าปกก็คว้าหมับจ่ายเงินฮะ

อ่านเล่มนี้จบแล้วกลับไปอ่าน"หนังสือรัก" รู้สึกว่าเล่มนี้อ่านง่ายกว่า ผ่อนคลายกว่า เพราะใน "หนังสือรัก" มีประโยคโดนๆซึ้งๆเยอะมากๆ เดี๋ยวก็กระแทก เดี๋ยวก็กระแทก(ความรู้สึก) อยู่เนืองๆ อ่านจบคำพูดดีๆก็ตราตรึงอยู่ในใจ แต่ไม่รู้สึกผ่อนคลายมันเต็มไปด้วยเนื้อหาดีๆกระทบแรงทั้งความคิดความรู้สึก เราอ่านจบก็เลยรู้สึกคล้ายถูกสูบพลังคงอาจเพราะอินกับหนังสือมากไปมั้ง ขอขอบคุณผู้เขียนอย่างมาก ที่ผลิตผลงานที่มีความแตกต่างกันเช่นนี้ เพราะคิดว่าผลงานของผู้เขียนคนเดิมแต่ละเล่มควรมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความโดดเด่น และความหนักเบาของเนื้อหาที่ต่างกันเพื่อประโยชน์กับผู้อ่านที่จะได้เลือกอันที่ชอบ อันที่clickกับตัวเองไปอ่านและใชใช้เนื้อหาในหนังสือไปมีส่วนทำให้ความรู้สึกทุกข์ที่เกิดกับการใช้ชีวิต(ถ้ามี)ลดน้อยลง คนเขียนก็ได้เข้าถึงผู้อ่านได้กว้าง เปรียบเทียบเป็นสี ผลงานแต่ละชิ้นก็น่าจะเป็นโทนสีที่แตกต่างกัน หลากหลาย ไม่ซ้ำซาก แต่ยังสามารถคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของผู้เขียนและสื่อสารกับผู้อ่านได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้เขียน (ร่ายซะยืดยาวเชียว ขออภัย) สรุปแล้วคิดว่าเป็นหนังสือที่ดีมากทั้ง2เล่ม ขอเป็นกำลังใจให้ ขอให้มีผลงานออกมาเรื่อยๆนะคะ

แม้จะไม่ค่อยได้ติดตามบล๊อกนี้บ่อย ๆ เหมือนแต่ก่อน แต่ก้อมีหนังสือเล่มนี้อยู่ในมือแล้ว กำลังอ่านอยู่ค่ะ แต่ยังอ่านไม่จบ อ่านได้ครึ่งเล่มล่ะ เห็นด้วยกับความคิดเห็นข้างบนนะคะ ที่ว่าเล่มนี้อ่านและทำความเข้าใจได้ง่ายกว่า "หนังสือรัก" แต่"หนังสือรัก" มีประโยคซึ้ง ๆ โดนใจจี๊ด ๆ เป็น
ระยะ ๆ มีจุดเด่นกันคนละแบบ แต่โดยส่วนตัวชอบเล่มนี้ เพราะเนื้อหาหลากหลายกว่า มิได้เจาะจงเฉพาะเรื่องรักเพียงอย่างเดียว ยังมีเรื่องของ คุณค่าในตัว โดยเฉพาะเรื่องศรัทธา ชอบมากค่ะ

มารายงานค่ะ ได้หนังสือมาแล้ว กำลังละเมียดละไมอ่านค่ะ เดี๋ยวมันจะจบเร็วไป
ซีเอ็ดเป็นผู้จัดจำหน่ายนี่ดีจังนะคะ อยู่ไกลเท่าไหร่ ก็ได้อ่าน ม่ายงั้นต้องเราเข้าเมืองอย่างเดียว

เมื่อวานไปคาร์ฟูร์ลาดพร้าวมา ยังไม่มีเล่มนี้ เลยได้ ช่อการะเกด42 ของสุชาติ สวัสดิ์ศรี มา
ตอนหนังสือรักออก ไม่ได้อุดหนุนไปรอบนึงแระ (ยืมของห้องสมุด)เล่มนี้ต้องซื้อให้ได้ตกลงมีที่ซีเอ็ดใช่เปล่า

^
^มาบอกว่า ที่ B2S ก็มีค่ะ คุณ amoderndog

วื้อแล้วค่ะ องศาที่ 361 ทำให้ดึงความคิดตัวเองสู่จุดที่ควรจะเป็น ทำให้รักตัวเองมากขึ้น มีแรงใจรักคนอื่นด้วยค่ะ ความสุขอยู่ที่นี่จริงๆค่ะ

ซื้อมาอ่านแล้วค่ะ แต่ หนังสือรักยังไม่ได้อ่านเลย วันนี้กะว่าจะแวะไปหามาอ่านซะหน่อยค่ะ
องศาที่361 อ่านแล้วเข้าใจง่ายดีค่ะ เพราะเป็นเรื่องรอบๆ ตัวที่เราเห็น รับรู้ได้อย่างง่ายๆ ยังอ่านไม่จบเลย กะว่าจะค่อยๆ อ่านไปเรื่อยๆ ชิวๆ
**แค่มีความสุขกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ ในชีวิตก็มีความสุขแล้วค่ะ**

หลังจากแอบซ่อนตัวอยู่นานแล้ว แอบเข้ามาอ่านบทวิจารณ์ของคุณหมอตลอดเลย ดูหนังมากขึ้นก็เพราะคุณหมอเลยนะเนี่ย วันนี้เลยขอเข้ามาทักทายคุณหมออย่างเป็นทางการหน่อย
ซื้อหนังสือรักมาอ่านตั้งนานแล้ว องศาที่361 คงไม่พลาดแน่นอนค่ะ ยังไงก็จะซื้อมาอ่านนะคะ
คิดว่ายังไงอ่านเล่มนี้คงได้ความรู้สึกดี อบอุ่น ๆ เหมือนเดิม เหมือนตอนที่อ่านหนังสือรักนะคะ

ออนค่ะ

อ่านแล้ว หนุกดี ทำให้อยากไปเช่าหนัง(อีกหลายเรื่อง)มาดูแล้ววิเคราะห์ตามผู้เขียน ..
ขอบคุณมากค่ะที่ให้แง่คิดในการมองตัวเองใหม่ เข้าใจตัวเอง และคนรอบข้างมากขึ้น ..
ชอบนะ

อ่านแล้วจ้า รูปเล่มสวยงาม ตัวหนังสือน่าอ่าน จัดหมวดหมู่หนังได้ดี สรุปว่าชอบมากค่ะ แต่เนื้อหาส่วนใหญ่ก็อ่านจากบล็อกอยู่แล้ว เลยยังไม่ได้อ่านละเอียด
ปล.อ่าน 824 ของคุณงามพรรณรึยังคะ แนะนำมากๆเลย

อ่านมาแล้วค่ะ
ชอบที่สุดก็บทสุดท้าย เนื่องจากแอบลุ้นอยู่ว่าจะlinkกับหนังเรื่องไหน....... ปรากฎว่าเดาถูกแล้วก็เป็นหนังที่ชอบมากๆซะด้วย(ดังจะเห็นว่าเข้ามาตอบกระทู้เรื่องนี้เรื่องเดียว:P)
เลยอินจัดค่ะ น้ำตาซึมพรากๆ
ที่ชอบอีกอย่างคือการให้คนอ่านมีส่วนร่วมในหนังสือไปด้วย คอยคิดตามไปด้วย พออ่านจบบทมีหักมุมตอนท้าย ความรู้สึกเหมือนดูหนังเลยค่ะ
ปล.แต่หนังสือเล่มนี้ก็หายากเหมือนกันนะคะ คือไปที่ไหนๆก็หาเองไม่เคยเจอ ต้องให้พนักงานหาให้ บางที่พนักงานเองก็ยังหาไม่เจอเลยค่ะ ตกลงวางไว้ที่หมวดไหนเหรอคะ

เคยไหม ที่รู้ว่าโลกนี้มันมีทั้งคนที่เป็นสีขาว คือคนดี คนที่เป็นสีดำ คือคนไม่ดี และคนที่เป็น "สีเทา" คืออาจจะเคยดีหรือไม่ดีมาก่อน แต่ได้เปลี่ยนไปเป็นอีกแบบแล้ว แต่กลับไม่เคยนึกถึงคนที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยทุกวันว่าเขาเป็นสีอะไร?

อ่านแล้วค่ะ ซื้อแล้วด้วยค่ะ คิกๆ
ชอบหนังสือแบบนี้ค่ะ แบบที่มีสไตล์ของตัวเองอ่ะค่ะ มุมมองที่ต่างจากคนอื่นอ่ะค่ะ

หาซื้อยากมากค่ะ!!!
ไปหามาที่ร้านนายอินทร์แล้วไม่เจอเลยซื้อภารตะนิยายแทน(มันไม่ควรแทนกันได้อีกแล้วใช่มั้ย)

แต่บุญพาวาสนาส่งมาก
วันเกิดที่เพิ่งผ่านมา..เพื่อนซื้อมาให้ค่ะ!!

ชอบหลายๆประเด็นในหนังสือมาก ประกอบว่าชอบดูหนังเเล้วด้วย อ่านแล้วอินตามพยักหน้าหงึกๆจนคอแทบเคล็ดน่ะค่ะ

เป้นหนังสือที่เพื่อนบอกว่า..อยากซื้อแจกคนรู้จักทุกคนเลยว่ะ

แล้วเราก็ทำเหมือนเดิม..พยักหน้าหงึกๆเห็นด้วย

:)

อยากอ่านมากๆค่ะ เล่มนี้ เล่มเก่าก็ยังไม่ได้อ่านซะที(กะว่าจะสั่งซื้อทางเว็บแระค่ะ หวังว่าคงได้อ่านซะทีน้า วันนี้ไปดูที่ซีเอ็ดสาขามาบุญครองก็ยังไม่มีเพิ่งได้มาอ่านบล็อกของคุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"ไม่นานชอบมากค่ะ ไล่อ่านเกือบทุกเรื่องเลย เพิ่งรู้ว่าคุณออกหนังสือด้วย ชอบที่คุณวิจารณ์หนังแล้วสอดแทรกประเด็นทางจิตวิทยาลงไปน่ะค่ะ ทำให้ดูหนังเข้าใจขึ้นมากเลย ดูมันทำให้เรามองเหตุและผลของตัวละครออกดีค่ะ (จากที่ไม่เคยบอกออกเลย) เพิ่งรู้ว่าตุณเขียนหนังสือด้วย ไม่พลาดแน่ค่ะ

อ่านจบแล้ว..พี่หมอเนี่ย มีมุมมอง ชีวิต อีกมุมจริงๆเลยคะ
หนังสือรัก คือ ความนุ่มนวล ทางความรู้สึกที่ถูกตีความออกมา หลากหลายรูปแบบว่า จะเป็นเช่นไร

ให้รู้สึกว่ารัก นั้นสวยงาม แม้จะเกิดท่ามกลางความเจ็บปวด หรอืปัขจัยชีวิตหลายๆอย่าง

361 องศา ชื่อนี้ พี่คิดได้ไงเนี่ย 55
ชอบหลายๆตอ่หลายเรือ่งที่พี่หยิบยกมา ในหนังสือเล่มนี้ มีทั้งหนังที่ได้ดูและ ไม่ได้ดู
และ มีหลายๆเรือ่ง ที่คิดและรู้สึกเหมอืนคนเขียน หลังจากดูหนัง
55 เพราะชอบจิตวิทยาด้วยมั๊งคะพี่หมอ
งานที่ทำ ก็เกี่ยวกับคนไข้ ประชาชน คนมากมายเหมือนกัน..
ทำให้รู้ว่า มุม กามองชีวิต อีกด้านนั้นเป้นอย่างนี้
สามรถเอาหลักจิตวิทยามาจับได้ เป้นทฤษฎี กันเลยทีเดียว
ทั้งๆที่ตอนเดรียน คดว่า เอามาไว้อ่านคน มากกว่า วิชา จิตวิทยา
แต่อ่านแล้วซึ้ง กับมันมากขึ้นค่ะ
ชอบ เรือ่ง Facing Window เป็นพิเศา ไมด้ดูหนังเรื่องนี้ แต่ ชอบ คำสุดท้าย ของหนังสือค่ะ
..เพียงเราเปิดใจ เราจะเห็นมากกว่าตามอง..
ไว้จะติดตามเล่มต่อไป
ขนาด วงกลม มัน ๕จรมาชนกัน360องสา พี่หมอ ยังมองกลับ เหมอืนตาชั่งตีกลับได้
คราวหน้า รอลุ้นว่าจะ คิดชือ่ อะไรมาให้อ่าน เอาอะไรมาให้ ร่วมคิด อีก

ปล..พี่เขียนหนังสือดีนะคะ
จะมาเม้นต์ ให้บอ่ยค่ะ

ในที่สุดก็ได้มาครอบครองจนได้ ตั้งใจว่าจะซื้อตั้งแต่วางแผง เพราะชอบบทวิจารณ์หนังของพี่ทุกๆเรื่องและ หนังสือรักมากๆ แต่มัวยุ่งกับการย้ายที่ทำงาน เลยเพิ่งจะมานึกออกช่วงนี้

อ่านแล้วเกิดความรู้สึก ไม่อยากให้จบเลย เลยแกล้งอ่านช้าๆ แต่ก็จบเร็วอยู่ดี 555 หลายบทซึ้งจนยิ้ม+น้ำตาคลอคนเดียวเลยก็มี (อินซะขนาดนั้น)

หนังสือพี่ทำให้ได้มุมมองอะไรดีๆมากมายหลายอย่าง บางเรื่องก็นำมาปรับใช้กับตัวเอง บางเรื่องก็ใช้บอกคนอื่นต่อเวลาเค้ามาขอคำปรึกษา

มาชื่นชมและให้กำลังใจนะครับ ขอให้มีแรงเขียนผลงานดีๆให้แฟนๆอ่านกันต่อไปเรื่อยๆ บทความและหนังสือของพี่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมมากๆเลยครับ (ตอนนี้สมัครเรียนต่ออยู่ หวังว่าจะได้เป็นรุ่นน้องร่วมสาขากับพี่นะครับ)

สวัสดีค่ะ เพิ่งเป็นเจ้าของ "องศาที่ 361" เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
แต่ยังไม่ได้ลงมืออ่านค่ะ ได้แต่เปิดดูผ่าน ๆ
วันก่อนโน้น ไปถามหาที่ซีเอ็ด เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า เค้าบอกหนังสือหมด
เราไปได้มาจากซีเอ็ด โลตัสเปิดใหม่ ศาลายา
หนังสือแอบอยู่ในหมวด จิตวิทยาทั่วไปค่ะ
ต้องให้พนักงานหาให้ค่ะ เดินหาเองอยู่นาน หาไม่เจอ

ไว้จะมาคุยใหม่นะคะ

อยู่ต่างจังหวัดแบบสุดๆ วันไหนได้เข้าเมืองจะไปหามาอ่านคะ

คนสำคัญที่สุดของฉันเค้าซื้อหนังสือเล่มนี้มาให้อ่านค่ะ ยังอ่านไม่จบแต่หวังว่าหนังสือของคุณจะช่วยเราทั้งคู่ได้นะคะ

เพิ่งอ่านจบค่ะ เราชอบมากกว่าหนังสือรักเยอะเลยล่ะ ทั้งในแง่เนื้อหาและองค์ประกอบภายนอกค่ะ


ชอบขนาดเอาไปเขียน review ใน blog ด้วยน้า ทั้งๆที่ไม่ได้ up blog มาเกือบปีแน่ะ(จริงๆแล้วเข้ามาขออนุญาตค่ะ แหะๆๆ)

ขอบคุณ องศาที่ 361 ที่พามาเจอ หนังสือรัก จะคอยติดตามหนังสือเล่มต่อๆไปของคุณหมอนะคะ (ตอนนี้ก็เล่าสู่กันฟังให้บรรดาหมอๆ กับคนคอเดียวกันได้รู้จักหนังสือของคุณหมอแล้วนาคะ)

สิ่งหนึ่งที่ผมได้หลังจากอ่านจบรอบแรก คือ ความลึกซึ้ง ในการมองเข้าไปที่จิตใจของมนุษย์ ที่ทำให้ผมได้มองตัวตนของตัวเอง ว่า "ตอนนี้เราได้ยกระดับจิตใจของตัวเองมากน้อยแ่ค่้ไหนแล้ว "

พอได้อ่านซ้ำในรอบที่ 2 คำตอบที่ได้เพิ่มเติม คือ เราเข้าใจตััวเองหรือยัง ว่าเราต้องการอะไร และเราอยากจะพัฒนาอะไรเกี่ยวกับตัวเอง

หลังจากอ่านจบในรอบที่ 3 สิ่งที่ได้คือ "แรงบันดาลใจ" ที่จะทำให้ตัวเองหันมาเข้าใจตัวเอง ให้มากที่สุด เพราะคงไม่มีใครที่เขาเข้าใจเรา มากกว่าตัวเรา และพร้อมที่จะฝ่าฟันไปในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ที่จะทำตามความฝันอันเล็กน้อย ที่แม้อาจจะไม่สำเร็จ แต่ผมก็เลือกที่จะเดินไป รวมถึง เรียนรู้ที่จะอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว ให้จงได้

แต่สิ่งหนึ่ง ที่ผมได้จากการอ่านทั้ง 3 รอบ เหมือนกันทุกครั้ง คือ สาระควบคู่กับความบันเทิง ผ่านตัวอักษร และภาพยนต์ต่างๆ ที่คุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ได้เอามาเป็นเหมือน Case Study ในการบอกเล่าเรื่องราวของจิตใจมนุษย์ ผ่านแผ่นฟิล์ม ทำให้ต้องหวนนึกถึงทั้งภาพยนต์ดัังกล่าวที่เคยได้ดูมา และนึกถึงตัวเองควบคู่ไปด้วย ตรงกับวลีที่ว่า "หนังจบ แต่อารมณ์ไม่จบ" และ องศาที่ 361 นั้นมีจริงๆ ถ้าเราได้ใช้ใจของเรามองอย่างแท้จริงครับ

ตอนแรกที่ซื้อมาอ่านนะ...คนสำคัญหยิบมาพลิกๆแล้วก็บอกว่าอย่าไปเชื่อมากนะเธอ....แต่เผลอแป๊บเดียวนอนอ่านจนจบ...ก็แหม...ว่ากันว่าคนในแวดวงวิชาชีพนี้เนี่ยโคตร e-go มากๆเลย...ไม่ว่าจะหมอ med หมอสูติ แม้กระทั่งอีหมอฟันข้างๆตัวเราเนี่ยแหละ....แต่ช่างเถอะ...เราไม่ให้ยึดของเราถาวรหรอก....หวง(ทั้ง 2 เล่มแหละ)

อ่านแล้วววววววววววว ชอบ ชอบ จะไปหาหนังสือรักมาอ่าน แวะมาชื่นชม...

อ่าน 361 จบแล้ว บทสรุปคือ จะไปหาหนังสือรักมาอ่านต่อค่ะ และก็จะติดตามผลงานต่อไปนาคะ

ยังไม่ได้อ่านค่ะ แต่น่าอ่านมาก ๆ เลยค่ะ

อาศาที่361 ให้แง่คิดที่ดีค่ะเป็นสิ่งที่ผู้อ่านไม่สามารถเขียนหรือคิดออกมาเป็นคำพูดได้จากการดูหนังแต่ละเรื่อง ต้องขอบคุณที่ทำให้เข้าใจตนเองและคนรอบข้างตลอดจนสิ่งดีๆที่ได้รับจากหนังสือเล่มนี้...พัฒนาความคิดได้ดีเยี่ยมค่ะ

อ่านทั้งสองเล่มแล้วเรียบร้อยค่ะ
ชอบตั้งแต่หนังสือรักแล้วค่ะ
พอได้ข่าวว่าออกหนังสือเล่มที่สอง
ก็เตรียมรอซื้อเลยค่ะ ตั้งใจว่าจะซื้อตั้งแต่ต้นปีแล้ว
แต่ก็ยังไม่ได้ซื้อสักที
จนเมื่ออาทิตย์ก่อนไปเดินร้านหนังสือ
แล้วเจอหนังสือ องศาที่ 361 ก็เลยซื้อกลับบ้านมาเลย...
พอได้เปิดอ่านเท่านั้นแหละค่ะ...
รู้เลยว่าทำไมถึงเพิ่งจะได้ซื้อมาอ่าน...
จริงๆแล้วหนังสือนี่เลือกคนอ่านนะคะ :)
แล้วก็เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมให้เราด้วย อิอิ

ตอนนี้ยังอ่านไม่จบ ค่อยๆอ่านไปเรื่อยๆ
(ยังไม่อยากให้จบ อยากให้เล่มมันหนาๆๆๆ กว่านี้เยอะๆเลยอ่ะค่ะ)

เพราะเป็นหนังสือแนวคิดดีๆ นี่เองล่ะค่ะ
แต่ใช้หนังเป็นตัวสื่อออกมา....
อ่านไปคิดไปมองตัวเองไป แล้วก็ยิ้มกับตัวเองได้

ยิ่งในยามที่ชีวิตมีวิกฤติ.... คำพูดดีๆ ข้อคิดคมๆ..
มันช่วยให้เราผ่านพ้นวิกฤติแย่ๆในชีวิตไปได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ...

ขอบคุณอีกครั้งจริงๆนะคะ...
ที่เขียนงานดีๆ แบบนี้ออกมา...

...คนเรามัวแต่แสวงหาความรู้รอบตัวมากมาย..
แต่กลับลืมที่จะเรียนรู้ภายในจิตใจตัวเอง...
ของใกล้ตัวที่สุด...แต่กลับเป็นสิ่งที่ทุกคนมองข้ามไปซะอย่างนั้น....
ถ้าวันนี้ได้ลองมองเข้าไปในหัวใจตัวเอง..
มองตัวเองดีๆ ผ่านหนังสือเล่มนี้...
จะพบอะไรดีๆที่ซ่อนอยู่แน่นอนค่ะ

:)
ตอนนี้หนังสือองศาที่ 361 ก็กลายเป็นเพื่อนสนิทของเราไปแล้วล่ะค่ะ...ว่างเป็นหยิบอ่านตลอด :)

อ่านจบแล้วค่ะ ชอบมั่กๆๆ ทำให้รู้สึกมีกำลังใจในชีวิตขึ้นเยอะ ชอบบทที่เกี่ยวกับการทำตามความฝัน เพราะช่วงนี้กำลังรู้สึกไม่มีแรงบันดาลใจพอดี แต่ว่าไม่ได้ค่อยๆอ่านทีละนิดแบบที่บอกหรอกนะคะ ใจร้อนเลยอ่านทีเดียวหมดเลย แต่ก็รู้สึกดีมากๆเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ

สวัสดีค่ะ
แวะมาเยี่ยมเยียนค่ะ
อ่านหนังสือรักจากปีที่แล้ว ณ.วันนี้ยังคงอ่านตวบคู่กับองศาที่-361
เสียดายไม่มีโอกาสขึ้นมางานหนังสือ
ทั้งที่เป็นวันอาทิตย์ที่ 6 ก็ยังคงต้องทำงานค่ะ

ขอให้แฟนท่านอื่นๆที่พอมีเวลาไปกันมากๆ แล้วนำมาเล่าสู่กันฟัง บรรยากาศที่บูธซีเอ็ดด้วยนะคะ

น้าฝากพวกเราทุกคนช่วยๆกันเรื่องทำให้ประเทศไทยมีปํญหาโลกร้อนน้อยที่สุดด้วยค่ะ

ได้มาอ่านแล้วครับ(สั่งทางเนทจากร้านปูทะเลย์) อ่านแล้วได้อะไรเป็นข้อคิด เป้นข้อเตือนใจ พอสมควร อ่านสนุก อ่านแล้ววางไม่ลงเลย ต้องอ่านให้หมดเล่ม(ต้องอ่านจนจบ) อ่านจบแล้ว ยังอยากอ่านอีก ไม่อยากให้จบ เหมือนดูหนังที่เราชอบ แล้วพอตอนจบ ยังไม่อยากให้จบ อยากดูอีก(อย่าง Billy Elliot นั่นไง หนังจบ เราไม่จบ)
ตอนนี้อ่านได้ สองรอบแล้ว
ว่าง ๆ จะอ่านอีกเป็นรอบที่ 3 จะไปเก็บตกบางอย่างที่หลงลืมไป

เสียดายที่รูป/ภาพ ประกอบเป็นภาพวาด ถ้าเป็นภาพสี หรือภาพจากหนังแบบ-หนังสือรัก ก็คงจะดี นะครับ แต่ตัวหนังสือโตกว่าหนังสือรัก เลยทำให้อ่านง่าย อ่านสนุก

ดูจากปกหนังสือ (ไม่ชวนใจให้ซื้อเลยครับ) นี่ถ้าไม่ใช่คนแต่ง-ผมอยู่ข้างหลังคุณ ผมคงพลาดหนังสือดี ๆ เล่มนี้แน่ ๆ เลย

จะขอเป้นแฟนประจำ ติดตามผลงานของคุณหมอ ไปตลอดนะครับ จริง ๆ แล้ว อยากคุย หรือถ่ายทอดประสพการณ์หรือบำบัดจิตกับคุณหมอ พอสมควร เพราะจริง ๆ แล้ว มีความรู้สึกว่า ยังไม่เข้าใจตนเองเท่าไหร่ ? แต่ก็มีความสุข มีความพอเพียงตามสภาพ ตามสถานะ ไม่เคยคิดอยากได้ อยากเป็น อยากเหมือนคนอื่น คิดว่าสภาพเศรษฐกิจพอเพียงแบบพระองค์ท่านสอนมา นั่นละดีที่สุดสำหรับมนุษย์เรา ซึ่งคิด(เอง)ว่าตรงประเด็นกับที่คุณหมอต้องการนำเสนอ

คงไม่มีใครสุขหรือทุกข์ตลอด นะครับ บางครั้งอาจจะสุขมาก ทุกข์มาก คละเคล้ากันไป แต่โดยทั่ว ๆ ไป มีความสุขตามสภาพ อยากทำอะไรที่จะทำให้ตัวเองมีความสุข ความพอใจ ก็ได้ทำ แต่ก็ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร หรือรบกวนใคร หรือทำให้ใครเดือดร้อน เห็นด้วยกับคุณหมอ ที่อย่าเอาชีวิตของเราไปฝากไว้กับใคร เราก็คือเรา อย่าไปยึดติดกับสิ่งใดที่ไม่ใช่ของเรา หรือวัตถุ เงิน-ทอง ของนอกกาย เพราะสุดท้ายก็ไปแต่ตัวทุกคน เลย นะครับ

ชอบคำพูดที่บอกว่ามีหนังเป็นเพื่อน และจะมีความสุขเมื่อได้แผ่นหนังใหม่ ๆ มา แบบว่า อยากกลับบ้านไปดูหนังใหม่ที่ได้มา อันนี้โดนเลยครับ ตรงใจสุด ๆ เลย ก็เป็นแบบนี้ละครับ ปกติทำงาน(เพราะอยู่คนเดียวและชอบทำอะไรคนเดีย-ตามลำพัง-ตามหลักตนเป็นที่พึ่งของตนเอง, ก็จะเปิดหนังที่ชอบ หนังที่รัก เป็นเพื่อน แม้จะไม่ได้ดู แต่ก็ฟัง หนังที่เปิดก็เหมือนเพื่อนคุยกับเรา เราก็จินตนาการถึงฉากที่ตัวละครกำลังพูด กำลังสนทนากัน ฯ ไม่ว่าบ้าก็บ้าแล้ว เพราะหนังบางเรื่องผมดูไปมากกว่า 40 รอบแล้ว บางเรื่องก็เปิดไว้เป้นเพื่อนเวลาทำงานมากกว่า 50 ครั้งด้วย

แอบบอิจฉาคุณหมอนิด ๆ ที่มีครอบครัวที่อบอุ่น มีคุณพ่อ คุณแม่ที่เข้าใจ ทำให้เติบโตมาอย่างมีคุณภาพ

สำหรับตนเอง แม้ว่าชีวิตครอบครัวที่เติบโตมาจะม่ได้อบอุ่นนัก พ่อแม่ อาจจะไม่เข้าใจในตัวเรา แต่ก็มีความศรัทธาในสิ่งที่ดีมาตลอด และมีความคิดแบบคุณหมอที่ว่า ถ้าเราศรัทธาในสิ่งที่ดี สิ่งที่ดี ๆ ก็จะเกิดกับตัวเรา อันนี้ก็โดนอีก แบบว่าสุด ๆ เลย และก็จะสอนนักเรียน นักศึกษา(เป็นครูครับ) ให้ศรัทธาในความดี ให้ยึดมั่นในความดี แล้วสิ่งที่ดี ๆ ก็จะเกิดกับตัวเรา และถ้าเรามีโอกาส อย่าลืมช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่าเรา แม้ว่าเราจะไม่ได้มั่งมีมาก ก็ให้ช่วยเท่าที่จะช่วยได้

อ่านหนังสือ ***องศาที่ 361 แล้ว มีความสุขมาก ๆ ครับ

ขอบขอบคุณคุณหมอที่ได้ Share ประสพการณ์และให้ข้อคิดมากมายในหนังสือ ถ้าคนอ่านทุกคนได้ดูหนังแต่ละเรื่องที่คุณหมอกล่าวถึง(mention) คงจะดี และได้(get) อะไรมากกว่านี้แน่ ๆ เลย

ขอขอบคุณอีกครั้ง นะครับ

เห็นหนังสือชื่อแปลกดี งานสัปดาห์หนังสือ อ่านพบว่าผู้เขียน เขียนใน Blog นี่เอง ที่เราพึ่งเรามาเป็นสมาชิก หนังสืออ่านจบแล้วค่ะ ชอบมากเขียนแล้วอ่านเข้าใจง่าย หนังที่คนสร้างก็มาจากการใช้ชีวิตของคนเรานี่หละ จังหวะที่อ่านหนังสือเล่มนี้กำลังต้องการ อะไรซักอย่าง ที่เตือนใจตนเอง ให้คิดในแง่บวก เพื่อไม่ให้เกิดอาการเครียด
ทำให้เตือนใจตนเองได้จริงๆ อยากขอบคุณที่เขียนหนังสือดีๆ ออกมา อย่างน้อยแน่นอนมี ดิฉันที่ได้รับประโยชน์จากคุณ

อ่านจบไปรอบนึงแร้วค่ะ สนุกและภาษาที่ใช้ก็เข้าใจได้ง่ายมาก อ่านจบภายในหนึ่งวันเลยนะทั้งๆที่ปกติไม่เคยทำได้แบบนี้กับหนังสือเล่มอื่น

หนังสือเล่มนี้ทำให้ได้คิดในบางมุมที่เราไม่ทันได้ฉุกคิดหรืออาจจะไม่เคยคาดคิดเลยก็ได้

อยากให้เพื่อนๆๆๆๆๆไปหาซื้ออ่านนะค่ะ ของเค้าดีจริงๆๆๆค่ะ

อยากอ่านบ้างจังค่ะ...จะพยายามหามาอ่าน...นะคะ

สวสัดีครับพี่ ผมเพิ่งซื้อหนังสือองศาที่361ของพี่มาอ่าน

คือจริงๆก็แอบอ่านบทวิจารณ์หนังของพี่ในบล้อคนี้มานานพอควรแล้วล่ะ

เลยตัดสินใจที่จะซื้อหนังสือพี่มาอ่าน เพราะเชื่อว่าต้องให้ข้อคิดดีๆไม่แพ้ในนี้แน่ๆ

แล้วก็พออ่านจบ ก็เกิดความรู้สึกที่ว่า ไม่เสียดายที่ซื้อมาเลยครับ

หลายๆอย่างที่พี่บอกทำให้ผมต้องกลับมามองตัวเองอีกครั้งนึง

หลังจากที่มองแต่คนอื่นมานาน T__T

ขอบคุณครับ กับสิ่งดีๆที่เขียนมาในราคามิตรภาพ

จะติดตามผลงานต่อไปนะครับพี่

แวะมาทักค่ะ เพราะอ่านแล้วรู้สึกชอบมากค่ะ เนื่องจากช่างสังเกตุ และจดจำดีจังเลยค่ะ ลิตาก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบดูหนังแต่ก็...ความจำสั้นนิดหน่อยค่ะ ซักประมาณ 2 อาทิตย์ ก็จะเลือน ๆ แล้ว แต่พอมาอ่านเล่มนี้แล้วเนี้ย ... ดีจิง ๆ เลยค่ะ

ไปเดินเล่นที่ร้านหนังสือในห้างแห่งหนึ่งค่ะ
สายตาไปสะดุดหนังสือชื่อ "องศา 361"
บังเอิญชอบหนังหลายๆเรื่องที่พูดถึงในหนังสือ
ตัดใจ กินแกลบก็ได้ T_T
อ่านจบในคืนนั้นเลย

เป็นหนังสือที่ทำให้คนอ่านมีความสุข และคิดตามได้อย่างสร้างสรรค์
ชอบมากๆค่ะ
ทำให้อยากไปหา หนังสือรักมาอ่าน
ขอบคุณหนังสือดีๆอีกเล่มหนึ่งค่ะ

This is a very fun game, [URL=//www.dofusvault.com]acheter des kamas[/URL]dofus kamas, on dofusvault.[URL=//www.dofusvault.com]dofus kamas[/URL]com and dofusmax.[URL=//www.dofusmax.com]acheter des kamas[/URL]com you can find the best dofus kamas,[URL=//www.dofusmax.com]dofus kamas[/URL] I believe our most sincere services that will let you choose the best.

This is a very fun game,acheter des kamas dofus kamas, on dofusvault.dofus kamascom and dofusmax.acheter des kamascom you can find the best dofus kamas,dofus kamas I believe our most sincere services that will let you choose the best.

thanks for the great inspiration!

มะวานไปเดินห้างเจอหนังสือ องศาที่ 361
แอบอ่านไปนึดนึงแล้ววางไม่ลง
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าอยากเขียนหนังสือแบบนี้มั่ง
คมดีคับ
"จะรู้ได้อย่างไรว่าหนังสือเล่มไหนดี จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อได้อ่านหนังสือดีๆมาก่อน" ใช่มั๊ยคับ

[url=//hr-soft.co.jp/]サイト制作[/url]
[url=//www.cutierelax.com/]秋葉原　メイド[/url]
[url=//www.aishinn.jp/]ペット火葬 つくば[/url]
[url=//www.aishinn.jp/]つくば ペット火葬[/url]
[url=//www.aishinn.jp/]つくば ペット霊園[/url]
[url=//www.aishinn.jp/]つくば ペット葬儀[/url]
[url=//www.motailcer.com/]立食パーティー用プレート[/url]
[url=//www.deshiko.com/]でしこ[/url]
[url=//www.soulsource.jp/]soul source production[/url]
[url=//www.offre.cc/]ベトナム シーフード[/url]
[url=//www.hanaparasite.jp/]高収入 アルバイト[/url]
[url=//www.hanaparasite.jp/mobile/]高収入 アルバイト[/url]
[url=//www.a-onemp.co.jp/]アパレル 求人[/url]
[url=//www.a-onemp.co.jp/]アパレル 派遣[/url]
[url=//www.aaa-ch.net/]風俗[/url]
[url=//www.aaa-ch.net/m/]風俗[/url]
[url=//www.aaa-ch.net/m/deli/]デリヘル[/url]
[url=//www.akibain.com/]美少女ゲーム[/url]
[url=//www.offre.cc/]高収入求人[/url]
[url=//www.offre.cc/m/]高収入求人[/url]
[url=//www.pure-soapland.com/i/]ソープランド[/url]
[url=//chuh.jp/]出会い[/url]
[url=//www.erogle.net/m/]デリヘル[/url]

อ่านจบไปเรียบร้อยแล้วครับ อันดับแรกเลยคือชอบชื่อเรื่อง เข้าใจคิดดี พออ่านจบทั้งเล่มแล้วก็ยกให้เป็นหนังสือในดวงใจเล่มหนึ่งเลย อ่านแล้วมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับปัญหาที่อยู่ตรงหน้าต่อไป ชอบประโยคเด็ดๆ หลายประโยค อย่างเช่น "ให้กำลังใจที่ทำผิดน้อยลง ไม่ใช่ตำหนิที่ยังทำผิดอยู่" บทที่เขียนถึงเรื่องศรัทธาก็เยี่ยมครับ ถ้าทุกคนคิดได้อย่างคุณหมอ โลกเราคงไม่มีเรื่องวุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่นี้ รูปที่ใส่เข้ามาประกอบก็ดูเข้ากันดีกับเนื้อหาออกแนวอาร์ตๆ ดีครับ

ขอบคุณสำหรับหนังสือดีๆ ครับ

มาแปะตามคำขอของคุณหมอค่า เป็นคคห.ส่วนตัวนะคะ ถ้าทำให้ใครเคืองก็ขออภัย ^^

องศาที่ 361 : เนื้อหาที่ "จม" หายไปอย่างน่าเสียดาย


เรื่อง : องศาที่ 361
เขียนโดย : ผมอยู่ข้างหลังคุณ




ปกหน้าเขียนว่า...

ในวันที่ผิดหวังท้อแท้ แม้จะมองไปรอบตัวจนครบ 360 องศาแล้วก็ยังไม่เห็นทางออก แท้จริงแล้ว ยังมีอีกหนึ่งองศาที่คนมักมองข้ามไป เป็นมุมที่ทำให้เราทุกคนค้นพบคุณค่าในตัวเอง เป็นมุมเล็กๆ ที่ทำให้เรารักตัวเองมากขึ้น และสามารถมีความสุขในชีวิตได้มากกว่าเดิม



ปกในเขียนว่า...

เมื่อประสบปัญหา ชีวิตไร้ทางออก ไร้ความสุข เรายืนขึ้นแล้วมองไป 360 องศารอบตัว ถึงแม้เราจะเห็นจนครบหมดแล้วก้ตาม แต่หลายครั้งที่เราก็ยังรู้สึกว่า ยังไม่เจอสิ่งที่ค้นหา นั่นเป็นเพราะเราหลงลืมที่จะมองมุมเล็กๆ มุมหนึ่ง ที่ไม่ได้เกิดจาก "การมองออกไป" แต่คือ "การมองกลับเข้ามาภายในตัวเอง"

เมื่อเราดูหนัง เราทำความเข้าใจและเก็บเกี่ยวรายละเอียดของหนังมากมาย แต่สิ่งที่เรามองข้ามไปคือ เรื่องราวของหนังที่สัมพันธ์กับภายในตัวเรา องศาที่ 361 จะใช้หนังเป็นสื่อกลางที่จะเชื้อเชิญเพื่อนผู้อ่านไปค้นหามุมนั้นของตัวเอง ให้หันกลับมามองเข้าไปในตัวเอง ทำความรู้จักตัวเองและพัฒนาตัวเองให้มีความสุข


....


เล่มนี้เป็นผลงานเล่มที่ 2 ของผู้เขียน ที่ไอซ์หยิบมาอ่านหลังเรื่อง LifeSCAN มากกว่าที่ตาเห็น ซึ่งเป็นผลงานเล่มที่ 4 ของผู้เขียน จึงอดไม่ได้ที่จะขอเปรียบเทียบกันนะคะ เพราะเห็นถึงพัฒนาการของผู้เขียนได้ชัดเจนมากๆ


ผลงานทั้งสองเล่มนี้มีจุดร่วมจุดหนึ่งก็คือ การนำชีวิตของตัวละครในภาพยนตร์มาใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อถึงจิตวิทยา

ความแตกต่างในความรู้สึกของไอซ์ก็คือ LifeSCAN ทำสำเร็จ ขณะที่องศาที่ 361 "ไม่เวิร์ค" ค่ะ


LifeSCAN นำเอาตัวละครจากภาพยนตร์มาใช้เป็น "เครื่องมือ (tool)" ได้อย่างชาญฉลาด ผู้อ่านไม่จำเป็นจะต้องเคยดูหนังมาก่อนก็เข้าใจสิ่งที่ต้องการนำเสนอได้เป็นอย่างดี


แต่...องศาที่ 361 กลับไม่เป็นอย่างนั้น ระหว่างที่อ่านนั้น อ่านไปด้วยความอึดอัด การเกริ่น การโยงระหว่างตัวละครกับจิตวิทยานั้น "ยัดเยียด" จนเกินไป และที่สำคัญ...ถ้าไม่เคยดูหนังที่ได้รับการกล่าวถึงและนำมาเป็นตัวอย่าง ก็อ่านอย่างอึดอัด เพราะไม่รู้เรื่อง ... ช่วงหลังๆ ยอมรับค่ำว่า พลิกๆ ผ่านๆ จนจบ เพราะหนังสือไม่สามารถดึงความสนใจให้จดจ่ออยู่กับเนื้อหาได้


ที่บอกว่าเนื้อหาในองศาที่ 361 นั้น "จม" หายไปด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ค่ะ


- การเกริ่นเข้าเรื่อง การเชื่อมโยงระหว่าง "ตัวละคร" และ "จิตวิทยา" นั้นไม่ดีเลย

การแบ่งบทแทนที่จะแบ่งด้วย "เนื้อหา" เหมือนกับ LifeSCAN เป็นการเน้นว่า บทนี้จะพูดถึงจิตวิทยาเรื่องอะไร แต่กลับแบ่งบทด้วย "ชื่อหนัง"

ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า LifeSCAN ใช้ "หนัง" เป็น "เครื่องมือ" ขณะที่ องศาที่ 361 ยกความสำคัญของหนังขึ้นมามากกว่าจนกลบ "จิตวิทยาที่ต้องการนำเสนอ" ไป

แถมยังทำให้คนอ่านอย่างไอซ์รู้สึกกดดันและเกิดความ negative ไว้ก่อนแล้วว่า "ตูไม่เคยดูหนัง จะอ่านรู้เรื่องมั้ยฟะเนี่ย"


นอกจากนั้นการเรียบเรียงก็กระโดดไปกระโดดมา บทนี้พูดถึงหนังเรื่องนี้ แต่เขียนๆ ไป จิตวิทยานี้โยงกลับไปยังตัวละครอีกเรื่องหนึ่ง

คนที่ไม่เคยดูหนังมาก่อน บอกตรงๆ ค่ะว่า "มึน" แทนที่จะได้อ่านเนื้อหาเต็มที่ กลับมีคำถามตั้งอยู่ในใจว่า "คนเขียนพูดถึงใครฟะ" ((อย่างที่บอกด้วยว่า เล่มนี้เป็นหนังสือในห้องน้ำ อ่านทีละบท ไม่ได้อ่านต่อเนื่อง ทำให้มึนเป็นพิเศษ ฮา))



- เนื้อหาไม่มีความหลากหลาย

เทียบกับ LifeSCAN ซึ่งมีความหลากหลายเกี่ยวกับโรคต่างๆ ทางจิต และจิตวิทยาแล้ว องศาที่ 361 จะมีเนื้อหาที่วนๆ อยู่กับการละความทุกข์เพื่อหาความสุข

แน่นอนว่ามันเป็นธีมหลักของหนังสือเล่มนี้ แต่อ่านๆ ไป ถึงจะเปลี่ยนตัวละคร แต่ก็รู้ว่าผู้เขียนจะเขียนอะไร ทำให้อ่านแล้วเบื่อค่ะ



- กราฟฟิคน่าเวียนหัวสุดๆ

เป็นสิ่งที่เกลียดที่สุดในเล่มนี้เลยล่ะค่ะ องศาที่ 361 เล่นกราฟฟิคมากจนเกินงาม เปลี่ยนสีตัวอักษร ทำตัวหนาตัวเอง ทำกรอบเน้น ใส่รูป ฯลฯ ... แทบทุกหน้า

กลบเนื้อหาไปจนหมด แถมทำให้หนังสือที่ควรจะเป็นหนังสือที่นำเสนอด้านจิตวิทยามีความน่าเชื่อถือด้อยลงไป

ยกตัวอย่าง



เป็นแบบนี้แทบทุกหน้า ย้ำ...แทบทุกหน้า

มากไปค่ะ มากไปจริงๆ


อะ...เดี๋ยวจะมีคำถามว่า ทำไมถึงไม่เปิดดูก่อน ก็ขออธิบายอย่างนี้ค่ะ


ตอนช่วงงานหนังสือ ไอซ์ติดกิจกรรมกับสนพ.เยอะมากๆ เลยไม่มีเวลาเดินหาซื้อหนังสือ ก็เลยใช้วิธีจดลิสให้น้องสาวไปซื้อ

สำหรับหนังสือของคุณผมอยู่ข้างหลังคุณนั้น ตั้งใจจะหามาอ่านนานแล้ว ก็ไม่เคยเจอบู้ธสักที คราวนี้ลองส่งให้น้องสาวไปเดินหา

ไอซ์เลือกที่ชื่อเรื่องค่ะ ไอซ์ชอบคำว่า "องศาที่ 361" และ "LifeSCAN" รู้สึกว่ามันสื่อได้ดี ก็เลยเลือกให้น้องสาวซื้อสองเล่มนี้มาให้ ไม่ได้ไปเปิดดูเอง


.......


สรุป ไม่ชอบ "องศาที่ 361" ค่ะ ถ้าอ่านเล่มนี้เป็นเล่มแรก สงสัยคงไม่คิดอุดหนุนผลงานอื่นๆ ของคุณผมอยู่ข้างหลังคุณแหงๆ ดีที่อ่าน LifeSCAN มาก่อนนะ


ถ้าใครชอบอ่านแนวจิตวิทยาที่อ่านสนุก แนะนำให้อ่าน LifeSCAN ค่ะ


สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านหนังสือของคุณผมอยู่ข้างหลังคุณ อย่าเพิ่งอ่านองศาที่ 361 ให้อ่านเล่มอื่นก่อนจะดีกว่า ((แต่อีกสองเล่ม "หนังสือรัก" กับ "เมื่อฉันลืมตาแล้วโลกเปลี่ยนไป" ไอซ์ก็ไม่มีนะ ไม่เคยอ่าน แหะๆๆๆ))


เล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของคุณผมอยู่ข้างหลังคุณ และคิดสะสมหนังสือของคุณผมอยู่ข้างหลังคุณให้ครบเซ็ตมากกว่านักอ่านทั่วๆ ไปค่ะ


ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ถ้าทำใครเคืองก็ขออภัยค่ะ


ลังเลมากๆ ว่าจะกลับไปหาซื้ออีกสองเล่มที่เหลือมาอ่านดีหรือเปล่า กลัวว่าจะผิดหวัง เพราะอ่านเล่มล่าสุด...เล่มที่ 4 ที่ผู้เขียนเขียนดีกว่าเล่มที่ 2 มาก กลัวไปอ่านเล่มที่ 1 และ 3 แล้วจะรู้สึกแบบเดียวกัน


แต่ที่แน่ๆ กำลังรอ LifeSCAN 2 อยู่นะคะ เห็นคุณผมอยู่ข้างหลังคุณแง้มๆ ว่า จะมี เป็นกำลังใจให้ค่ะ อยากอ่าน ^^

ไม่รุจาบอกยังไง
ดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เปลี่ยนชีวิตไปเลยอ่ะ

ยังไง ลิเวอร์พูลก้อไม่ได้แชมป์หรอกครับ หุหุ

ม๊าวววววววววววว

เมื่อวานเพิ่งไปซื้อหนังสือ องศาที่ 361 มาไม่ผิดหวังเลยถึงแม้จะเพิ่งเริ่มอ่านได้ไม่กี่บท แต่รู้สึกความคุ้มค่าและให้แง่คิด ฝึกให้คิดตามมาก ๆ เลย ขอเป้นกำลังใจในการสร้างผลงานแบบนี้ไปอีกนะค่ะ

เล่มนี้เป็นผลงานของคุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ที่ผมชอบมากที่สุดครับ รู้สึกว่าชีวิตเราได้หลงลืมอะไรหลายๆอย่างไป และได้กำลังใจ + วิธีคิดที่ดีเลยทีเดียว
เมื่อวานพาเพื่อนไปคิโนะที่พารากอนเพื่อไปซื้อหนังสือเล่มนี้ แล้วก็พูดๆๆๆๆๆๆให้เพื่อนฟังถึงเนื้อหาและข้อคิดที่ประทับใจจากหนังสือเล่มนี้ (เพื่อนแทบจะไม่ต้องอ่านแล้วมั้งครับ เพราะพูดเยอะมาก) ระหว่างนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ ฟังเราโดยที่เราไม่รู้ตัว เขาก็เข้ามาคุยด้วย บอกว่าเราเก่งจังทำไมจำเนื้อหาได้เยอะ เรียนนิติฯหรือเปล่า ฮ่าๆ เขาบอกว่าเคยซื้อ "องศาที่ 361" แล้ว และก็ถามว่ามีผลงานอื่นอีกหรือเปล่า ผมก็เลยแนะนำ "เมื่อฉันลืมตาแล้วโลกเปลี่ยนไป" ซึ่งเป็นเล่มสุดท้ายบนชั้นให้แทน (ซึ่งเพื่อนผมก็จะซื้อเล่มนี้ด้วย 55)
สุดท้ายแล้วเมื่อวาน เพื่อนผมก็เลยซื้อแค่ "องศาที่ 361" ไปครับ ^^

มีน้องที่ทำงานแนะนำให้อ่านพอได้อ่านแล้ววางไม่ลงค่ะรู้สึกว่ารักตัวเองมากขึ้นอยากให้คนที่กำลังท้อแท้ได้อ่านบ้างดีจริงๆค่ะอยากให้เขียนอีกชอบมากๆ