... มีจุดที่น่าสนใจที่อยากเขียนเพิ่มนิดเดียวครับคือเรื่องแขนของ Laocoön
ตอนที่มีการค้นพบรูปแกะสลักนี้ในปี 1506ท่าน Laocoön ไม่มีแขนขวานะครับ (และก็บังเอิญเหลือเกินที่แขนขวาของลูกชายทั้งสองก็หายไปด้วย)ทีนี้ก็เป็นงานของเหล่าศิลปินดังๆในยุคนั้นแหละครับที่มาออกแบบและใช้ความคิดวิเคราะห์จากโครงสร้างที่เหลือว่าแขนขวาน่าจะเป็นโพสิชั่นไหน จะยกชูสองนิ้ว จะทำท่าซึนเดเระ หรือยังไง
ผู้ชนะที่ได้มาทำหน้าที่ปฏิสังขรณ์คือสถาปนิกชื่อ JacopoSansovino โดยกรรมการตัดสินครั้งนั้นก็คือจิตรกรชื่อดัง ราฟาเอล โดยในตอนนั้นเซียนๆหลายคนมองว่าแขนของท่านLaocoön น่าจะเหยียดขึ้นมีแต่ มิเกลังเจโล่ (ผู้แกะสลักเดวิด)ที่คิดว่าแขนขวายกพับไปข้างหลังแต่ไอเดียของเขาก็พ่ายแก่เสียงส่วนใหญ่
แต่มันก็ช่างเป็นดั่งโชคชะตาฟ้าแห่งกรีกลิขิตเพราะอีก 400 ปีต่อมา คือในปี 1906 มีการค้นพบขุดพบแขนขวาในโรมโดยนักโบราณคดีชื่อ ลุดวิคพอลแล็ค แล้วในปี 1960 นี่หละครับที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นแขนของท่าน Laocoön จริงๆ
แล้วเมื่อแขนกลับมาประกอบกับร่างก็เป็นอย่างที่เห็นในรูปซึ่งยังเป็นการยืนยันด้วยว่าความเห็นเมื่อ 400 ปีก่อนของมิเกลังเจโล่ นั้นถูกต้องเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสได้รับรู้
นี่คือประติมากรรมที่หลายแหล่งยกให้เป็นงานระดับมาสเตอร์พีซโดยเฉพาะมัดกล้ามและเกลียวแขนที่หมุนตามการเคลื่อนไหวที่เป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินอีกมากมาย นอกจากมิเกลังเจโล่ ก็ยังมีศิลปินผู้สร้างสรรค์งานโชว์มัดกล้ามงามๆอีกหลายท่านเช่น คุณติเตียน Titian ฯลฯ(เสียดายตอนไปคราวนั้นได้เจอผลงานของเขาแค่ที่เวนิซ)
... ปัจจุบัน Laocoön and His Sons นี้อยู่ที่พิพิธภัณฑ์วาติกันครับครั้งหนึ่งในปี 1799 เคยถูกนโปเลียน โบนาปาร์ต ขนย้ายไปอยู่ที่ลูฟว์ แล้วก็กลับมาสู่อ้อมกอดของวาติกันในปี 1816
หากใครสนใจจะไปพบคุณ Laocoön กับลูกชาย อย่าลืมว่าวาติกันนั้นช่างอลังการกว้างใหญ่ ให้จดเลยครบว่าโซนที่จะไปพบคือโซนที่เรียกว่า Museo Pio-Clementino มีบริเวณลานกลางแจ้งชื่อ Octagonal Court ซึ่งจากลานนั้นมองไปรอบๆก็จะเห็นรูปแกะสลักนี้อยู่ในโซน Statues Courtyard ใต้หลังคา
มันเป็นโซนที่อาจจะเดินผ่านโซนนี้ไปได้ง่ายๆเลยครับ จะไม่ทันสังเกตเห็น Laocoön กับลูกชาย เนื่องจากนักท่องเที่ยวบังมิดแล้วเราก็จะไม่ทันรู้ด้วยนึกว่าสวนโล่งๆไม่มีอะไร ผมจึงขอเสนอให้คนที่ไปเยี่ยมชม ถ้าเป็นจังหวะทัวร์ลงให้หาที่นั่งพักรอตรงลานในรูปนี้(รูปด้านล่าง)ครับ
เพราะหากไปดูพร้อมคณะนักท่องเที่ยวโอกาสจะเห็นงูหรือขาของท่านนั้นช่างยากเย็นจะเห็นก็แต่หัวของนักท่องเที่ยวด้วยกันมากกว่า จนเมื่อคณะทัวร์เคลื่อนไปก็รีบแทรกไปอยู่แถวหน้า ก็จะได้อิ่มเต็มตากับมัดกล้ามในตำนาน
แต่ตอนเรียนผมเรียกสั้น ๆ ว่า Agony ตลอด
เพราะชื่อแบบกรีกมันสะกดย้าก~ยาก จำบ่ได้อะ
แต่...เอ...Titian นี่มีชื่อเสียงด้านประติมากรรมด้วยเหรอครับ
ผมจำได้ว่างานที่ดัง ๆ ของเค้าเป็นงานจิตรกรรมนะ
โดยเฉพาะภาพเปลือยของสตรีน่ะ