www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

12 เกมสยาม +13 เกมสยอง , มันไม่ใช่แค่เกม



กฎของการการอ่านบทความนี้ : 13 ข้อต่อไปนี้ คุณสามารถเลือกอ่านและเลือกหยุดอ่านได้ด้วยตัวเอง โดย ข้อ 12 มีการเฉลยจุดสำคัญในหนังเรื่อง 12 และ ข้อ13 มีการเฉลยจุดสำคัญในหนังเรื่อง 13


1


...บทความครั้งนี้ต้องขอบคุณ คุณรบชนะ จากเว็บพันทิป ที่แอบเห็นผมพร่ำเพ้อรำพันถึงการอดดู 12 ในโรงผ่านทางหน้าแรกของblog จึงส่งมิตรภาพแนบมาเป็นแผ่น 12 พร้อมการ์ตูนจิตหลุดและหนังสือ มีชีวิตที่คิดไม่ถึง ของคุณดังตฤณ มาให้ เพื่อต้องการให้รีวิวถึง 13 ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์


2


วันก่อนรุ่นน้องในบล้อกผู้น่ารักถามว่า 13 เป็นหนังแนวไหน ผมตอบไปว่า 13 เป็นหนังแนวสยองและเขย่าขวัญ พร้อมเสียดสีสังคม ภายใต้การเล่าเรื่องเหมือนเล่นเกมส์ที่ตัวละครต้องผ่านด่านทีละด่าน ก่อนที่จะไปจบสุดท้ายในข้อ 13 ซึ่งสะท้อนความเสื่อมทรามและเสื่อมโทรมของสังคมปัจจุบัน ยุคที่เขาว่ากันว่า เรากำลังอยู่ในยุคดิจิตอล ยุคที่เทคโนโลยีล้ำหน้าไปไกลในระดับนาโนเทคโนโลยี แต่ เราจะได้เห็นว่าจิตใจมนุษย์กลุ่มหนึ่งก็ยังคงตกต่ำและดำมืดอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง

ในกลุ่มหนังไทยแนวนี้ 13 จัดอยู่ในกลุ่มแนวหน้า หนังมีจุดอ่อนอยู่บ้างในตอนท้ายกับการเล่าเรื่องบางช่วงที่ดูยืดๆเล็กน้อย แต่ 13 ก็เป็นความลงตัวและยอดเยี่ยมในหนังแนวสยองปนเขย่าขวัญที่จะเอาไปฉายโชว์ต่างประเทศได้อย่างไม่อายใคร และไม่ทำให้คนดูต้องรู้สึกเบื่อหรือหงุดหงิดรำคาญใจว่าทำไมตัวละครถึงทำอะไรโง่ๆ เช่น เดินไปหามีดที่ตั้งบนโต๊ะแล้วล้มตัวไปให้มีดเสียบเพียงเพื่อให้มีฉากโหดๆในหนัง


3
โลกของภูชิต โลกของเราทุกคน


ภูชิต (น้อย วงพรู) เซลล์แมนขายเครื่องดนตรี เขาอยู่ในสปีชี่ส์มนุษย์เงินเดือนที่ตกเป็นทาสของระบอบเงินผ่อนและบัตรเครดิต เขาเป็นเหมือนพนักงานออฟฟิซทั่วไปที่กินเงินเดือน หมื่นห้า แต่ดันเลือกผ่อนมาสด้า 3 นอนคอนโดชั้นดี พร้อมมี โนเกียรุ่นใหม่ล่าสุดควบบลูทูช นั่นทำให้ เขาต้องคอยจัดการหนี้บัตรเครดิตที่วิ่งไล่ขวิดทุกสิ้นเดือน และมันคือ ชะตากรรมที่เขาเองเป็นคนเลือก

การใช้ชีวิตอย่างขาดสติบนพื้นฐานของสังคมทุนนิยมของภูชิต เป็นตัวอย่างของคนหลายๆคนที่เราอาจเดินชนบนฟุตบาธในกรุงเทพและในหลายๆเมืองใหญ่ พวกเขาเหล่านี้ล้วนต้องเล่น เกมชีวิต ที่ยากลำบากอยู่แล้วในแต่ละเดือนที่ต้องเอาชีวิตให้รอด

แต่แล้ววันหนึ่ง วันที่เขาสูญเสียงาน วันที่เขาถูกยึดรถ วันที่เขาค้างค่ามือถือ วันที่แม่โทรศัพท์มาขอค่าเทอมของน้อง คือ วันเดียวกับที่ 13 ก้าวเข้ามายื่นข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธได้

เกม 13 ข้อที่มีรางวัลเป็นเงิน 100 ล้านบาท หากผ่านการทำตามโจทย์ได้ครบทั้ง 13 ข้อ

เป็นใครเห็นโจทย์ที่เย้ายวนเช่นนี้ก็ยากที่จะปฏิเสธได้ลง แต่ เมื่อโจทย์นั้นทวีความรุนแรงและท้าทายต่อความรับผิดชอบชั่วดีของเรา เราเลือกจะขายวิญญาณและความดีในจิตใจให้กับเงินรางวัลตรงหน้าได้มากแค่ไหน แค่ฆ่าแมลงวัน แค่แกล้งเด็กร้องไห้ หรือ ไปไกลถึงการฆ่าคน


4.
ทุกเกมในชีวิต ภูชิตเป็นคนเลือก



13 ไม่ได้ทำให้ชีวิตของภูชิตย่อยยับ 13 เป็นเหมือนกับปีศาจหรือซาตานที่เพียงมายื่นข้อเสนอ แต่ คนที่ตัดสินใจว่าจะ ทำ หรือ ไม่ทำ คือตัวมนุษย์ผู้นั้นเอง

ดังนั้นแม้หนังเรื่อง 13 จะเหมือนกับ Saw หรือ Cube ตรงที่ตัวละครในหนังต้องเล่นเกมเอาชีวิตเป็นเดิมพันจาก ใครบางคน แต่ ตัวละครจากหนัง Saw หรือ Cube ไม่มีสิทธิเลือกว่าจะเล่นหรือไม่เล่น พวกเขาจำเป็นต้องเล่นเพื่อเอาชีวิตรอด ตรงข้ามกับ ภูชิต ที่มีสิทธิเลือกหรือหยุดเกมเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ

13 จึงเป็นเหมือน บททดสอบท้าทายระหว่าง กิเลสความต้องการ (Id) กับ ศีลธรรม(Superego) ในใจคน

ตัวละคร สมบัติ ดีพร้อม ที่รับบทโดยหม่ำในหนังเรื่อง เฉิ่ม กล่าวประโยคหนึ่งที่ทำให้เราเข้าใจจิตใจมนุษย์ได้ดีขึ้นนั่นก็คือ "ความดีนั้นยังคงทน ตราบที่ใจคนไม่อ่อนแอ”

เกราะกำบังที่คอยป้องกันไม่ให้คนถูกกิเลสตัณหาเข้าครอบงำ มักจะอ่อนแอในวันที่คนๆนั้นรู้สึกว่า ชีวิตกำลังตกที่นั่งลำบาก และ รู้สึกหมดทางสู้ รู้สึกว่าไม่มีทางออกให้กับชีวิต

มนุษย์เราเมื่อถึงจุดอับ เมื่อจนตรอก เรามักคิดว่า ชีวิตไม่มีทางเลือก ความคิดเช่นนี้มักพาไปสู่การฆ่าตัวตาย ทำร้ายคนอื่น ฉกชิงวิ่งราว เพราะคิดว่า ไม่มีทางเลือกอื่นๆที่ดีไปกว่านี้

แต่ไม่จริงหรอกที่ มนุษย์ไม่มีทางเลือก เราทุกคนมีทางเลือกในชีวิตเสมอ เพียงแต่ ทางเลือกนั้นอาจไม่ถูกใจเราเท่านั้นเอง

ภูชิต สามารถเลือกได้ที่จะไม่เล่นเกม เขาเลือกได้ที่จะหยุดเกมไว้แต่ต้น เพียงแต่ ทางเลือกนั้นเขาต้องแลกกับความลำบากมากขึ้น ต้องเหนื่อยมากขึ้น กับการทำงานหาเงิน ต้องยอมทนใช้ชีวิตขึ้นรถเมล์และผ่อนหนี้บัตรเครดิต ต้องยอมบากหน้าไปบอกแม่ว่าไม่มีเงินส่งกลับบ้าน

เขาเลือกได้ แต่หลายคนมองว่า เส้นทางนี้ไม่ใช่ทางเลือก เพราะเราอยากได้แต่ทางเลือกที่ตอบสนองความต้องการในใจ(need) และ นั่นจึงทำให้ ซาตานมาหามนุษย์ได้ง่ายขึ้น เหมือนที่ 13 บอกไว้ก่อนหน้านี้ใน 12 แล้วว่า ไม่ต้องตามหาเขา แต่เมื่อถึงเวลา 13 จะมาหาเอง


5.


สังเกตได้ว่า คนที่มีพื้นฐานศีลธรรมหรือมีจิตใจมั่นคง มักไม่อ่อนไหวไปง่ายๆกับการถูกยั่วยวนด้วยกิเลสที่วิ่งเข้ามา แม้ว่าจะมีความต้องการมากเพียงใด ดังนั้นมนุษย์ส่วนใหญ่มักจะไม่พ่ายแพ้ง่ายๆทีเดียว แต่มนุษย์มักจะสูญเสียเกราะกำบังแห่งความดีนี้ ด้วย วิธีการของซาตานที่เรียกว่า “หยวนๆ”

การหยวนๆ สามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฎีทางพฤติกรรมของมนุษย์ ในลักษณะ desensitization หมายความถึงการที่เรายอมต่ออะไรเล็กๆน้อยๆที่เป็นเรื่องผิด การยอมในเรื่องเล็กๆทำให้เรารู้สึกผิดน้อยๆ แต่เมื่อผ่านไปบ่อยขึ้น ความรู้สึกผิดเล็กๆนี้ก็จะชาชิน และ สุดท้ายก็จะกลายเป็นชินชาจนไม่รู้สึกอะไร และ มันก็จะเริ่มรุกคืบไปเป็นอะไรที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตามมาด้วย ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ก็จะค่อยๆละลายหายไปเรื่อยๆเช่นกัน

ไม่ต้องดูอื่นไกล แต่ โจทย์13 ข้อในเกมส์ที่ถูกกำหนดมานั้น จะเห็นว่า บททดสอบแรกๆเริ่มต้นด้วยอะไรที่ง่ายๆ แต่ ในความง่ายนั้นมันก็มีการละลายความรู้สึกผิดไปทีละน้อยอย่างไม่รู้ตัว ตั้งแต่เกมส์แรกกับภารกิจ ฆ่าแมลงวัน สิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ มันเป็นแค่สัตว์ตัวเล็กๆที่ไม่มีความหมาย การตายของมันจึงทำให้ภูชิตไม่ต้องรู้สึกผิดมากมาย แต่อย่าลืมว่า ในเวลาปกติ หากแมลงวันไม่ได้มาตอมหรือสร้างความรำคาญ เราคงไม่รุกรานไปตีมันเล่นๆ

การตามติดมาด้วย การกินแมลงวัน นั่นก็คือการละลายความรู้สึกเคารพเกรงใจตัวเอง และ ก็ตามมาด้วยโจทย์ข้อที่ง่ายแต่ชัดเจนว่า เกราะกำบังจิตใจของภูชิต เริ่มอ่อนแอไปทุกที เมื่อเขาต้องเข้าไปทำให้เด็กร้องไห้ เขากำลังจะกลายเป็นผู้กระทำเต็มตัว และเด็กเหล่านั้น ก็กำลังจะเป็นเหยื่อสังคมเหมือนเขา ที่ถูกกระทำมาทั้งชีวิตดั่งที่หนังแฟลชแบคให้เห็น ถัดจากนี้ ก็คงไม่ต้องสงสัยว่า ภูชิตจะไปได้ไกลแค่ไหน

ปมในอดีตเป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนของภูชิต และ เป็นจุดอ่อนของมนุษย์ทุกคน เช่น ปมรู้สึกด้อย(inferiority complex) ของ ภูชิต เมื่อถูกกระตุ้นก็ทำให้เขากล้าที่จะกินอาหารในโจทย์เพื่อเอาชนะและได้เงินรางวัล และ ปมในจิตใต้สำนึกนี้เอง หากเราไม่เคยตระหนักรู้ตัว เราก็มักจะถูกกระตุ้นให้ต้องทำในสิ่งผิดๆได้ง่ายๆอยู่ร่ำไป


6.


และนั่นคือ จุดที่ผมชอบในหนังเรื่องนี้ 13 ไม่ใช่หนังตะบี้ตะบันวิ่งไล่แทงกันให้เลือดล้นจอ หรือเป็นแค่เกมส์ผ่านด่านไปทีละด่านเหมือน cube แต่ 13 แอบซ่อนการสะท้อนปัญหาสังคมผ่านโจทย์แต่ละข้อ ผ่านเรื่องราวและตัวละคร เราจะเห็นได้เลยว่า ตัวละครในเรื่องที่มีบทบาทในหนัง ล้วนมีลักษณะร่วมเหมือนกัน นั่นคือ ถ้าไม่ใช่

-คนที่ถูกลืม คนที่ถูกทอดทิ้ง เช่น กี้ ปู่ชิว ภูชิต (กี้ เล่นเกมส์จนหายไปนานลือกันว่าตาย แต่เพื่อนกลุ่มเดียวกันแท้ๆกลับไม่มีใครใส่ใจ ,

ปู่ชิวตายไปแล้วเป็นสิบวัน แต่ญาติอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมกลับไม่มีใครเอะใจหรือสงสัยสะท้อนถึงว่า ช่วงที่มีชีวิตอยู่ของแกก็ไม่มีใครคงไม่มีใครแคร์ ,

ภูชิตถูกเมินจากคนรักเก่า ถูกมองอย่างเหยียดหยามในร้านอาหารตอนโจทย์ข้อ 5 และเจ้านายก็ไม่สนใจว่าเขาจะตั้งใจทำงานแค่ไหนเพราะเขาไม่มีความหมายเมื่อไม่ทำยอดได้ดั่งเป้า)

ก็จะเป็น

- คนที่เป็นปัญหาสังคม (นักเรียนช่างกลกลุ่มชอบมีเรื่อง / แก๊งมอเตอร์ไซค์ซิ่งกวนเมือง / ผู้ชายที่ชอบซ้อมผู้หญิง)

หนังสะท้อนสภาพสังคมปัจจุบันที่เราต่างมีชีวิตตัวเองแบบต่างคนต่างอยู่ และ ต่างรับรู้แค่เรื่องของตัวเองจนไม่สนใจใคร รวมทั้งถ่ายทอดมุมมืดในสังคมให้เราได้รับรู้ ลามไปถึงถึงมุมมืดในใจคน แถมยังอุตส่าห์มีการแอบเสียดสีบุคคลสำคัญในฉากตีแมลงวันอีกต่างหาก


7.


13 ดัดแปลงมาจากตอนหนึ่งในการ์ตูนชื่อ จิตหลุด ของสนพ.วิบูลย์กิจ เขียนโดยฝีมือนักเขียนไทยนามว่า เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ ซึ่งมาร่วมเขียนบทใน13 ด้วย ภูชิตในการ์ตูนต่างออกไป เขาไม่ได้มีพ่อเป็นฝรั่งในวัยเด็ก ,ไม่มีเรื่องของกี้ , ไม่มีตัวละครฝ่ายดีอย่างอิม อชิตะ และ ฉากสุดท้ายหรือเกมส์ข้อ 13 จัดขึ้นในห้องส่ง โดยมีผู้ชมนั่งลุ้นกันสดๆ กับบทสรุปของการกระทำที่เหมือนกัน แต่ต่างกันตรง ตัวละครสุดท้ายคือยายแก่ๆคนหนึ่ง ในการ์ตูนเล่มนี้ยังมีอีกหลายๆตอนที่คนเขียนขายไอเดียในแนวคล้ายคลึงกับ 13 ได้อย่างน่าสนใจ และ ผู้เขียนเองก็ทิ้งท้ายไว้ในเล่มว่า หากมีใครสนใจสร้างเป็นหนังเขาก็พร้อมจะขยายเนื้อเรื่องต่อ นั่นจึงนำมาสู่ 12 และ 13


8


12 และ 13 เป็นผลงานของผู้กำกับ มะเดี่ยว - ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ผู้กำกับที่แจ้งเกิดมากับการทำหนังสั้น เขาแสดงให้เห็นการพัฒนาของชิ้นงานมากขึ้นไปกว่าเรื่องก่อน คนผีปีศาจ อาจจะชวนให้กดดันได้มากกว่ากับการเล่นในเนื้อที่จำกัด แต่ คนผีปีศาจ สำหรับผมแล้วมันให้ความรู้สึก ยืดยาวเกินไป หนังยังไม่ค่อยกระชับอีกทั้งการหยิบจับประเด็นทางสังคมในตอนนั้นมาเล่นก็ยังดูตรงไปตรงมาเกินไปนิด ในขณะที่ 13 ลงตัวมากกว่า ความเป็นหนังยาวของ 13 ทำออกมาได้ดีกว่า คนผีปีศาจ และ 13 ก็ทำให้คนดูรู้สึกสนุกอย่างต่อเนื่องไปจนจบมากกว่า


9.


น้อย วงพรู เล่นเป็น ภูชิต พระเอกของเรื่องได้กลมกลืนเสมือนเป็นตัวละครตัวนั้นจริงๆ ต้องชมคนที่เลือกเขามารับบทนี้ด้วย แค่เห็นและแค่พูด ความเก็บกดอดทนก่อนที่จะระเบิดออกมา น้อย ทำให้คนดูเชื่อกับการแสดงที่ดูจริงใจเสมือนถ่ายทอดอารมณ์ออกมาจากตัวตนของเขาจริงๆ ฉากระล่ำละลักละล้าละลังเช่นในเกมส์ที่ 8 กับเก้าอี้ตัวนั้นหลังกระหน่ำฟาดลงไป อารมณ์ของเขาเองทั้งโกรธทั้งผิดหวังทั้งน้อยใจ แต่ก็ยังรักและเป็นห่วงในตัวแฟนเก่า เป็น ฉากที่เขาเล่นได้ดีมากๆฉากหนึ่ง นอกจากนี้ อิม – อชิตะ ก็ได้โอกาสโชว์ฝีมือให้เห็นว่าเธอเป็นได้มากกว่าผีหรือตัวละครบ้าๆบอๆ


10.


13 เป็นหนังที่ดี แต่ไม่ใช่หนังที่เหมาะกับคนทุกวัย หนังมีประเด็นที่ละเอียดอ่อนต่อการทำให้เยาวชนที่วุฒิภาวะยังไม่เติบโตพอ หรือ ระบบกรอบความคิดที่ยังไม่เติบโตพอ อาจคล้อยตามความคิดอันตรายในหนังได้ ไม่ใช่การดูถูกว่าเด็กคิดอะไรไม่เป็น แต่อย่าลืมว่า มนุษย์เราทุกคนล้วนมีพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย ด้านจิตใจ ไปจนถึงด้านศีลธรรม(Moral development) ดังนั้นการซึมซับหรือรับรู้ข้อความที่ไม่ได้ผ่านการชี้แนะหรือกลั่นกรอง มีความเสี่ยงต่อการปลูกรากของความเข้าใจผิดในตัวเด็ก และ หากผมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการเซ็นเซอร์ มีโอกาสทีเดียวที่จะฟันธงให้เรื่องไปอยู่ที่ R แก่ๆและค่อนไปถึงเรต NC-17 เสียด้วยซ้ำ แม้ไม่ได้มีเลือดกระฉูดสมองกระเซ็น แต่ ความรุนแรงในหลายฉากนั้นดูจริงมาก และ บทสรุปของข้อ 13 แม้เป็นความจริงที่พบได้ในโลกใบนี้ แต่ก็ไม่ใช่ความจริงที่เหมาะสมจะให้เด็กๆดู


11.


ในบทสรุปของข้อ 13 หนังน่าจะทำให้คนดูอึ้งและถึงพีคได้ในฉากจบที่ *** ใช้ *** จัดการกับ *** แต่เมื่อหนังเปิดตัวละครตัวสุดท้ายอุ้มแมวสีขาว เหมือนหลุดออกมาจากหนังเจมส์บอนด์ ห้อมล้อมด้วยจอมอนิเตอร์ปานประหนึ่งในห้องสถาปนิกใน Matrix หนังก็เหมือนดึงคนดูอย่างผมลงมาจากพีคที่กำลังอึ้งกิมกี่นั้นในพริบตา

การสอนคนดูด้วยคำพูดจากปากตัวละครดูขาดความน่าเชื่อถือและไม่เข้าหูเท่าไหร่นัก ปัญหาไม่ได้อยู่ที่วัยของตัวละครตัวนี้ แต่ปัญหาอยู่ที่การออกแบบฉากสถานที่เครื่องแต่งกายและลักษณะตัวละคร ทำให้ตัวละครนี้ดูไม่สมจริงมากๆบวกกับการแสดงที่ค่อนข้างทื่อๆไปนิด คำพูดที่เขาเอ่ยออกมาจึงไม่มีผลกระทบให้คนดูต้องทึ่งไปกับเนื้อความในประโยคนั้น

ฉากนี้แสดงออกชัดเจนว่า หนังลักลั่นกับการเลือกนำเสนอ ความจริง(reality) และ ความเสมือนจริง(fantasy) การขาดความชัดเจนและคาบเกี่ยวของสองส่วนนี้ ทำให้ คนที่อยากให้เห็นอะไรสุดๆมากกว่านี้ก็ต้องมาติดกับกรอบของความเป็นจริง และ คนดูที่ชอบในส่วนความสมจริงก็ต้องมาหงุดหงิดกับรูโหว่เล็กๆน้อยๆที่หาเหตุผลมารองรับได้ไม่หมดตั้งแต่ต้นเรื่อง เช่น กล้องถ่ายมุมนั้นได้อย่างไร , คนคุมเกมส์รู้ไปหมดทุกเรื่องได้อย่างไร ฯลฯ

หากใครไม่ได้ดู 12 มาก่อน ก็ยิ่งจะรู้สึกงงๆกับความไร้ที่มาที่ไป แต่แล้ว 12 ก็ทำให้ผมรู้จักและเข้าใจตัวละครที่โผล่มาในตอนนี้มากยิ่งขึ้น


12


12 เป็นหนังสั้นที่เรื่องราวเกิดก่อน 13

12 ชวนอึ้งและกระชับกว่า 13 ส่วนจะดูอะไรก่อนนั้นก็ไม่แตกต่างกันนัก

-การดู 12 ก่อนจะทำให้เราเข้าใจ 13 ได้มากขึ้น แต่ในเวลาเดียวกัน ก็ทำให้ความลึกลับที่เราไม่รู้ใน 13 เฉลยมากเกินไป เพราะ เราจะรู้แต่แรกแล้วว่า 13 มีที่มาจากไหน นั่นทำให้ ความสนุกจากการไม่รู้ลดน้อยถอยลง เช่น ผมซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้ดู 12 มาก่อน ย่อมฉงนและดูไปอยากรู้ไปว่า 13 มีที่มาจากไหน ความไม่รู้จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รออย่างใจจดใจจ่อว่า 13 คืออะไร ดังนั้น การรู้แต่แรกก็ทำให้ความสนุกจุดนี้ลดลงไป

-แต่หากเลือกตามเก็บ 12 ทีหลัง เมื่อดู 13 จบก็อาจสงสัยในตัวบทที่ดูเหมือนไม่มีที่มาที่ไป เช่น ทำไมบทของศรัณยูถึงมุ่งมั่นขนาดนี้ , กี้เด็กคนสุดท้ายในเรื่องเป็นใคร หรือ เด็กที่ตายตอนต้นเรื่อง 13 มีความหมายอย่างไร ฯลฯ

เนื้อหาของ 12 เล่าเรื่องของเด็กมัธยมกลุ่มหนึ่งซึ่งมีเพื่อนหายสาบสูญไปชื่อ กี้ มีข่าวว่ากี้ตายไปแล้ว วันดีคืนดี กี้ มาปรากฏใน MSN เพื่อนในกลุ่มที่เหลือจึงพยายามตามหา กี้ แต่แล้วการตามหากลับตามมาด้วยการสูญหายของเพื่อนในกลุ่มไปทีละคน

เต้ หนึ่งตัวละครสำคัญในกลุ่มที่เป็นลูกชายของนายตำรวจสุรชัย ร่วมมือกับ มิก ตามไปจับตัวกี้ที่โรงเรียนตอนกลางดึก เพราะสืบค้นได้ข้อมูลมาจาก แบ้ เพื่อนที่หายตัวไปว่า กี้ ออนMSNจากเครื่องคอมในโรงเรียน แล้วทั้งคู่ก็ไปพบกับโน้ตบุ้คที่วางเปิดไว้ในห้องเรียน ในนั้นเป็นภาพวิดีโอที่ถูกอัดไว้และเปิดเผยความลับของการทัศนศึกษาปีก่อนว่า กี้ เคยถูกครูวิทยาศาสตร์ล่วงเกินทางเพศ

เต้ กับ มิก ต้องหนีการตามล่า ครู ที่โผล่มาเพื่อกลบเกลื่อนหลักฐานและต้องการฆ่าปิดปาก กระสุนพลาดไปโดนขาเต้ มิกจึงพาเต้ไปซ่อนไว้ในตู้ชั่วคราว แต่จู่ๆในตู้ก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆแล้วเต้ก็เหลือบไปเห็น เหล็กดัดฟันของแบ้ ตกอยู่ข้างๆ นั่นหมายความว่า ตู้แห่งนี้ก็เป็นที่สุดท้ายที่แบ้ได้มีโอกาสหายใจ

แล้วกล้องก็ฉายให้เราเห็นภายนอกตู้ใบนี้ ตรงประตูตู้แปะกระดาษเขียนไว้ว่า 12 นั่นหมายถึง นี่คือ เกมส์ที่ 12 ของมิก ที่เล่นเพื่อผ่านด่านเข้าไปสู่ 13

กี้หายไปเพื่อสร้าง 13 ขึ้นมา และ 13 นี้เองก็เป็นตัวคร่าชีวิตเพื่อนในกลุ่มไปทีละคน จนเหลือแค่ มิก ที่จะมาโผล่ใน 13 ตอนต้นด้วยการช่วยคุณยายข้ามถนน

13 คือโลกใบใหม่ที่ กี้ คาดไว้ว่าจะเป็น โลกที่สวยสดงดงามของตัวเอง แท้จริงแล้ว 13 ไม่ได้มีคุณค่าอะไรเช่นนั้นแม้แต่นิดเดียว 13 เป็นเพียงโลกที่ถูกถ่ายทอดจากบาดแผลของความเจ็บปวดของมนุษย์ที่ถูกสังคมกระทำชำเรา

ตัวละครที่เป็นตัวเอกของ 12 และ 13 ล้วนเป็น ผลตกค้างของการถูกกระทำชำเราจากความมืดบอดในสังคม


13


12 กับ 13 เกิดขึ้นจากเมล็ดพันธุ์ของการถูกทารุณกรรมทั้งทางเพศ(sexual abuse) และ ทางร่างกาย(physical abuse) ฝังอยู่กลายเป็นบาดแผลในใจ และ บาดแผลที่เน่าเฟะนั้นก็ทำให้ คนดีๆหลายคนต้องเปลี่ยนไป ผู้ถูกกระทำหลายคนที่ยังคงความโกรธแค้น ความเกลียดชัง ฝังไว้ในใจรอวันระเบิด เหมือนกับที่ กี้และ ภูชิต ทำออกมา

กี้ เป็น เหยื่อของการทารุณกรรมทางเพศ ตามทฤษฎีของ David Finkelhor บอกไว้ว่า หนึ่งในผลพวงต่อเนื่องของการถูกล่วงละเมิดทางเพศคือความรู้สึกไร้ซึ่งอำนาจเหมือนไม่สามารถควบคุมสิ่งใดๆ (powerlessness) และ นั่นจึงอธิบายตามมาได้ว่า ทำไมกี้จึงต้องการสร้าง 13 เพราะ 13 ก็เปรียบได้เหมือนกับโลกที่เขาสามารถมีอำนาจควบคุมทุกอย่างได้ดังใจ โลกที่ไม่มีใครจะทำอะไรเขาได้อีก

ส่วน ภูชิต เป็น เหยื่อของการทารุณกรรมทางกายและทางอารมณ์(physical & emotional abuse) มาตั้งแต่เด็ก แต่ด้วยบุคลิกแบบเก็บกดความรู้สึกภายใน คนอย่างบุญชิตก็ใช้กลไกทางจิตทั้ง เก็บกด(repression) ทั้ง แปรความรุนแรงความเกลียดชังเป็นความสุภาพนิ่งเฉย(reaction formation) เขาถูกกระทำทั้งจากเพื่อนในวัยเด็ก จากพ่อ จากคนรักที่ทิ้งไป และ ถึงขีดสุดจากเพื่อนร่วมงานที่แย่งงานกันหน้าด้านๆและจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มาแทนที่เขา

กี้ ลุกขึ้นมาปฏิวัติสังคมด้วยความเชื่อแบบผิดๆ ส่วน ภูชิต ถูกความอ่อนแอในใจกัดกร่อนให้ยอมรับข้อเสนอของซาตาน

ทั้งสองคนเป็นคนดีๆที่เคยถูกกระทำ(being abused) และถูก สังคมแปรเปลี่ยนไปเป็น ผู้กระทำ(abuser) แม้สุดท้าย ภูชิต จะเลือกดึงชีวิตจิตวิญญาณตัวเองกลับคืนมา เพราะ เขารับรู้ว่า ในความเลวร้ายของพ่อ จะอย่างไรก็ยังมีความดีงาม และ จะอย่างไร ชายตรงหน้าก็คือพ่อของตัวเอง มนุษย์ย่อมไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานที่ฆ่าพ่อแม่เพื่อเลี้ยงตัว

แต่การรู้ตัวในตอนนี้มันก็สายเกินกว่าจะทำได้แล้ว เพราะเส้นทางที่เขาเลือกเดินมา มันก็เต็มไปด้วยคนที่ยอมขายวิญญาณให้ปีศาจเช่นเดียวกัน การถูกพ่อตัวเองแทงตายในตอนจบนั้นเหมือนจะเย้ยหยันว่า ต่อให้กลับตัวกลับใจ สังคมก็ใช่ว่าจะสวยสดงดงามตามไปด้วย สิ่งเดียวที่เราจะช่วยให้เรามีชีวิตอยู่ได้อย่างยั่งยืน คือ ตัวของเราเองที่จะยึดมั่นกับความดีงามของจิตใจได้มากเพียงใด

หากจิตใจไม่แข็งแกร่งพอ ต่อให้ภูชิตรอดไปในวันนี้ ภูชิตก็จะเหมือนกับ Keanu Reeves ในหนังเรื่อง The Devil's Advocate ที่ต้องเผชิญกับซาตานต่อไปเป็นวัฏจักรไม่รู้จักจบจักสิ้น เพราะ เราทุกคนต่างก็อยู่ในสังคมที่กิเลสเย้ายวนอยู่รอบตัวและเราทุกคนต่างก็ยังเป็นมนุษย์ที่มีความต้องการอยู่ในรากฐานของจิตใจ


สิ่งที่ชอบ

1. ทุกข้อข้างต้นยกเว้นข้อ 10 , 11

สิ่งที่ไม่ชอบ

1.ข้อ 10 กับ 11

สรุป ... 12 เป็นหนังสั้นที่เยี่ยมยอดในแง่การสร้างความระทึกขวัญ ขนาดผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ตอนดูก็ยังอดลุ้นและตื่นเต้นตามไปด้วยไม่ได้ อาจเป็นเพราะผู้กำกับเติบโตมาทางสายหนังสั้น 12 จึงลงตัวกว่า 13 แต่ ถึงอย่างไร 13 เป็นหนังไทยที่เยี่ยม และก็ดีกว่าหนังไทยอีกหลายๆเรื่องที่มีแนวเดียวกันนี้ เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับคอหนังที่ชอบอะไรตื่นเต้นกดดัน และ หนังมีอะไรมากไปกว่าการไล่เชือดคอกันเพียงอย่างเดียว



Blog ช่วงนี้ ขอกินเนื้อที่โฆษณา(ด้วยเกรงว่าเด๋วจะขายไม่ออก) กับ พ็อกเก็ตบุ้คเล่มแรก ที่จะออกในงานมหกรรมหนังสือใน สัปดาห์ข้างหน้าครับ



"หนังสือรัก"
หนังสือที่แม้จะเกี่ยวกับ หนัง แต่ ไม่ใช่ รวมบทวิจารณ์หนัง ที่จะบอกว่า หนังเรื่องนี้ดีไม่ดีอย่างไร ไม่ได้บอกว่า หนังเรื่องนี้มีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ซ่อนเร้นอย่างไร "หนังสือรัก" คือ การนำ 25 ความรักหลากรูปแบบจากภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวละคร และย้อนมาเข้าใจตัวเองกับคนรอบข้างได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม

230 หน้า ราคา 175 บาท จ้า

สนพ. Bynature


ต้องขอบคุณทุกๆคำนิยมที่เพื่อนสละเวลามาเขียนให้ และ ต้องขออภัยที่เนื้อที่หนังสือมีจำกัดจึงไม่ได้สามารถลงคำนิยมได้ครบทุกคนครับ (ไว้ยังไงค่อยเอาไปใส่เล่ม 2 แล้วกันเนาะ )





ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ

เริ่มต้นอ่านครั้งแรก ชวนคลิก ชวนคุยกันที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง



ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป




 

Create Date : 14 ตุลาคม 2549
64 comments
Last Update : 16 ตุลาคม 2549 8:55:18 น.
Counter : 31682 Pageviews.

 

ไม่ได้ดูทั้ง 12 และ 13
เพราะว่าไม่ชอบหนังแนวนี้ค่ะ
แต่ว่าเท่าที่อ่านมา ก็พอจะเข้าใจในสิ่งที่หนังต้องการสื่อให้ผู้ชมได้รับรู้

ว่าแต่ pocket book เล่มนี้ เขียนเองเหรอคะ ?
แล้วอาทิตย์หน้าจะไปอุดหนุนค่ะ ^^

 

โดย: nini TU (nini TU ) 14 ตุลาคม 2549 0:53:06 น.  

 

แหะๆ พอดียังอยู่ ... ยังไม่อ่านเลยนะครับเนี่ย เพราะกะว่าจะไปดูพรุ่งนี้ แค่สแกนแว้บๆ ว่ามันใช้ได้ก็โอแล้วล่ะ ... เด๋วดูแล้วจะมาคุยใหม่นะคร้าบ ... เออ แต่เห็นเพื่อนผมไปดู The departed มา เค้าบอกว่าไม่ค่อยชอบ ไม่โดนเท่าไหร่แฮะ ... ผมก็ไม่ค่อยชอบหนังแนวนี้ด้วยจิ เด๋วคิดดูอีกทีแล้วกัน หุๆ

 

โดย: บลูยอชท์ IP: 202.69.140.233 14 ตุลาคม 2549 1:13:57 น.  

 

ผมชอบ 12 มากกว่านะ
13 ฮาไปหน่อย
นึกว่าจะออกมาโทนเดียวกับ คน ผี ปีศาจ เสียอีก

ขอให้หนังสือขายดีตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าครับ

 

โดย: เจ้าชายไร้เงา 14 ตุลาคม 2549 2:52:23 น.  

 

ตอนที่ดูไม่ได้เอะใจหรือรู้สึกตะหงิดอะไรกับฉากจบของ13

แต่พอมานั่งทบทวนดู ถ้ามันเป็นเกมจริงๆ โดยที่เราไม่รู้สาเหตุความเป็นมาเป็นไป อาจจะทำให้มันดูสนุกกว่านี้ก็ได้

มีบางเรื่องที่ผมสงสัย
1.ใน12 กี้รู้ได้ไง ว่าพ่อเต้กำลังเดินลงมาและจะปิดคอม รวมถึงรู้ได้ไงว่าเต้หยิบแผ่นซีดีมาดู รึว่าพ่อเต้เล่นเกมด้วย (กล้องน่าจะอยู่เฉพาะในบ้านของคนเล่นเกมเท่านั้น)
2.โจทย์ข้อ13ของมิกคืออะไร แค่ช่วยยายข้ามถนนเท่านั้นหรือ หรือว่าที่มิกตาย เป็นโจทย์ข้อนึงของยาย ส่วนตัวมิกเองอาจจะแค่กำลังฟังโจทย์ข้อใหม่
3.อันนี้ ไม่รู้ว่าผมงงไปเองรึปล่า
หนังแฟลชแบคหลังจากที่พ่อฆ่าภูชิต ให้เห็นฉากที่พ่อฆ่าหมาและเหยียบของเล่น ต้องการจะบอกอะไร
**ต้องการจะบอกว่านั่นคือโจทย์ข้อนึงของพ่อเหรอ(ในเวบพันทิบ หลายคนคิดอย่างนั้น)
แต่ตัวกี้ ยังเป็นเด็ก เกมน่าจะเพิ่งเริ่มไม่นาน คงไม่ใช่ ผมคิดอย่างนั้น
4.ใครเคยใส่รีเทนเดอร์(เหล็กครอบฟัน)บ้าง มันทนความร้อนสูงขนาดนั้นเลยเหรอครับ ขนาดที่กระดูกของทั้ง2คนละลายเลยนะนั่น
5.กี้ทำยังไง ให้แม่ตัวเองคิดว่ากี้ตาย เพราะทีแรกผมนึกว่ากี้เล่นเกมจนหายสาบสูญไปเลย แต่แม่กี้กลับบอกว่า กี้อยู่ที่รพ.จนตาย รึว่าเล่นเกมกันหมดทั้งแม่ทั้งหมอ
(คุณเพ็ญพักตร์ บทน้อยจัง)
6.ฉากจบ พ่อเต้ เดินมาหาอิม เหมือนจะมาคุยอะไรสักอย่าง
หาเจอได้อย่างไร และดูเหมือนจะรู้อะไรมา

 

โดย: จอมผีดิบมันตรัย IP: 203.114.101.184 14 ตุลาคม 2549 3:12:18 น.  

 

อีกเรื่องนึงครับ ทราบมาว่ามี11 หรือearth coreด้วย ไม่ทราบว่าพี่ได้ดูรึยังครับ ผมยังไม่ได้ดู

จะไปอุดหนุนหนังสือนะครับ

 

โดย: จอมผีดิบมันตรัย IP: 203.114.101.184 14 ตุลาคม 2549 3:15:19 น.  

 

แวะเข้ามาอ่านค่ะ ไม่ชอบดูหนังแนวนี้ แต่ก็อยากรู้เรื่อง หาอ่านเรื่องราวไปเรื่อย---ดีใจที่ได้มาอ่านที่นี่ค่ะ

 

โดย: d__d (มัชชาร ) 14 ตุลาคม 2549 9:10:11 น.  

 

อยากทราบว่าคุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ศึกษาเกี่ยวกับทางด้านไหนมาครับ เพราะดูมีความรู้ลึกๆ หลายๆ เรื่องทีเดียว

 

โดย: กุยโด้มอน IP: 58.8.71.55 14 ตุลาคม 2549 13:32:48 น.  

 

อื่มม.. คุณจอมผีดิบมันตรัยครับ..
เท่าที่ทราบมา ผมเดาเอาเองว่าศรัณยู กับ เพ็ญพักตร์ น่าจะมีบทมากขึ้นใน 14 นะครับ
แล้วบทแม่ของกี้เองก็น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาณาจักรลึกลับของ 13 มากอยู่เหมือนกัน

อย่างที่บอกล่ะครับ เท่าที่ผมดูแล้ว อาณาจักรของ 13 มันกว้างขวางมากเหลือเกิน (จากภาพตอนท้ายของ 13 ที่กี้แสดงภาพของคนที่เข้าระบบ 13 อยู่หน้าคอมเป็นพันๆหมื่นๆภาพ) ส่วนใครจะอยู่ในเกมนี้บ้าง.. ไม่อาจทราบได้

บางที ด.ต.สุรชัยเองอาจจะได้รับโทรศัพท์จาก 13 หลังจากที่เต้ตายก็ได้ เพราะช่วงเวลานั้นคือช่วงที่เขาน่าจะผิดหวังและตกต่ำที่สุดในชีวิตครั้งหนึ่ง เหมือนกับภูชิตที่ได้รับโทรศัพท์เมื่อชีวิตเขามาถึงจุดตกต่ำ

แต่ปริศนาหลายๆอย่าง ผมว่าน่าจะเฉลยใน 14 นะครับ

ส่วนเรื่องของพ่อภูชิต flashback ส่วนนั้นผมคิดว่า ถึงพ่อจะทำร้ายหรือทำอะไรหลายๆอย่างให้ภูชิตเจ็บแค้นถึงกับจะฆ่าจะแกงกัน แต่ก็ยังมีส่วนดีอยู่บ้าง และส่วนดีส่วนนั้น(หรือเปล่า?) ที่ทำให้ภูชิตตัดสินใจอย่างที่ทำลงไปในท้ายเรื่อง ซึ่งผมคิดว่า ถ้าหนังเลือกจบแบบในการ์ตูนน่าจะดูดีกว่าการใส่ subplot เรื่องของพ่อเข้ามาแล้วขาดน้ำหนักเช่นนี้

*******

พูดถึง 13 ผมเองชอบที่หนังเรื่องนี้เก็บรายละเอียดดีนะครับ (ทั้งเรื่องใบหน้าบุคคลสำคัญบนหนังสือพิมพ์ฉบับที่ฟาดแมลงวัน, ขอทานหูหนวกตาบอดเป็นใบ้ และ สัญลักษณ์ตัวเลขต่างๆ เช่น รถเมล์สาย 6) แล้วก็ชวนให้ระทึกไปได้เรื่อยๆ

ไม่อยากเชื่อว่าโอปอล์ปาณิสรา ยังอุตส่าห์โผล่ออกมาขโมยซีนได้ในที่สุด (ตอนแรกทำท่าเรียบร้อยจนผมพาลด่าคนเรียกเธอมาเล่นว่า "เอามาเล่นทำไมเล่นแค่นี้" แต่พอถึงฉากขึ้นส.น. ถอนคำพูดทันที 55+)

 

โดย: nanoguy IP: 203.113.35.7 14 ตุลาคม 2549 13:41:44 น.  

 

ชอบ 12 มากครับ

ขอให้หนังสือมียอดขายมากๆสมดังใจครับ

 

โดย: ตี๋น้อย IP: 221.194.29.238 14 ตุลาคม 2549 14:35:45 น.  

 

นี่มัน...!รีวิวเปี้ยนไป๋!? รูปแบบแหวกแนวมากครับ เข้ากับหนังได้อย่างลงตัว บทวิจารณ์ยังคงความลึก (ในทุกแง่มุม1-9,12,13) และกว้าง (ครอบคลุมทุกประเด็น10,11) จอร์จประทับใจมาก
ps. ผมเป็นโจทย์ข้อหนึ่งของริวิวด้วยนะเนี่ย!!

 

โดย: รบชนะ IP: 124.121.33.30 14 ตุลาคม 2549 15:36:04 น.  

 

เป็นอีก 1 เรื่องในดวงใจไปแล้วค่ะ

เพิ่งเขียนถึงเรื่องเดียวกันเลย ฝากไว้ด้วยนะคะ

//louise-r.bloggang.com/

 

โดย: Louise Redknapp 14 ตุลาคม 2549 21:51:50 น.  

 

ชอบครับ ยิ่งวันนี้คุณเขียนเป็นข้อๆ ถูกใจอย่างยิ่ง(ตรงคอนเซปดี) ที่สำคัญผมเป็นคอมเมนต์ที่ "12"

 

โดย: นายตัว P IP: 58.10.234.147 15 ตุลาคม 2549 0:00:30 น.  

 

และคอมเมนต์ที่ "13"

 

โดย: นายตัว P IP: 58.10.234.147 15 ตุลาคม 2549 0:01:14 น.  

 

ผมไปดู แต่ 13 มาละมะกี้ได้ดู 12 ตอนฉายไปครึ่งเรื่องละ ก็พอเข้าใจขึ้นเพราะตอนไปดู 13 รู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันเบา ๆ อยู่หลายจุด ขาดการเชื่อมโยงกัน ตอนแรกก่อนดู 13 ผมคิดว่าหากตอนจบเป็นแบบตัวเอกเกิดอาการเครียดจัด จนหลอนไปเอง มันน่าจาทำให้บทหนังแน่นกว่านี้ แต่นี่กลายเป็นว่าคนสร้างเกมส์ขึ้นมาเป็นเด็ก ซึ่งเปิดบอร์ดใต้ดินในเน็ต คำถามมันเกิดขึ้นทันทีว่า แค่บอร์ดใต้ดินในเน็ตต่อให้เก็บค่าเมมเบอร์แพง ๆ ก็เหอะ จะมีเงินถึง 100 ล้านหรือ (ป.ล. ผมอาจคิดมากเกินไป)

 

โดย: ganblade IP: 124.121.3.220 15 ตุลาคม 2549 2:01:17 น.  

 

ได้ถึง 12 แล้วค่ะ แต่ยังไปไม่ถึง 13
เข้าใจคิดนะคะ แบ่งเป็นข้อๆ เฉลย 12 ที่ 12 เฉลย 13 ที่ 13 เข้าใจคิด จริงๆ
ยอดเยี่ยม ๆ
และ ประเด็นเรื่องนี้เสียดสีสังคมอย่างที่คุณผมอยู่ข้างหลังคุณว่าไว้ค่ะ
คนไทยทำได้ดี พล๊อตดีจัง
แต่เป็นหนังต้องควบคุมสำหรับเด็กเพราะ แรง และเสี่ยงต่อการเลียนแบบค่ะ

 

โดย: 31 IP: 58.9.160.68 15 ตุลาคม 2549 2:05:37 น.  

 

ประทับใจค่ะ คุณเขียนได้ดีมากๆ อิอิ หรือ มุมมองของเราค่อนข้างตรงกันก็ไม่รู้นะคะ เราชอบพี่มะเดี่ยวมาตั้งแต่เรื่องคนผีปีศาจแล้ว เราดีใจมากที่หนังเรื่องนี้ทำให้พี่มะเดี่ยวเป็นที่ยอมรับของคนกลุ่มใหญ่ขึ้น
สุดท้าย เดี๋ยวจะไปซื่อหนังสือคุณมาอ่าน เพราะเราประทับใจกับบทวิจารณืของคุณตั้งแต่ Always แล้วค่ะ จะติดตามผลงานเรื่อยๆนะคะ
เออ ไม่สนใจไปเขียน แทนพวก คอลัมนิสต์ห่วยๆที่วิจารณืแต่หนังตลาดแย่ๆหรอค่ะ เราว่าคุณเจ๋งกว่าพวกนั้นเป็นกองเลยค่ะ

 

โดย: chuchoo IP: 58.136.71.141 15 ตุลาคม 2549 3:19:41 น.  

 

แล้ว 1 - 11 ล่ะครับหายไปไหน

 

โดย: งง IP: 125.25.187.200 15 ตุลาคม 2549 3:21:57 น.  

 

เป็นบทวิจารณ์ที่อ่านกันจนอิ่มจุใจและสมบูรณ์มากเลยฮะ

ยิ่งหนังแนวเล่นกับจิตใจมนุษย์อย่างนี้ก็เข้าทางคุณเต็มเหนี่ยวไปเลย

 

โดย: Killy IP: 125.25.60.160 15 ตุลาคม 2549 5:05:37 น.  

 

เข้ามาอ่านค่ะ หลังจากที่ดูเรื่อง 13 ในวันแรก ๆ
ซึ่งตอนแรกไม่ค่อยชอบหนังแนวนี้ แต่หลังจากที่ดูความรู้สึกแตกต่างออกไป

ชอบน้อยที่สามารถสื่อสารของคนอึดอัดและต้องเลือกสิ่งที่ง่ายต่อการตัดสินใจในยุค money system อย่างปัจจุบัน และถ่ายทอดได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ชอบอิงที่รู้สึกเหมือนตัวตนในฝ่ายดี และแสดงได้ดี ซึ่งไม่บ้าบอเหมือนกะทุกท่านที่กล่าวมา

คงต้องยกความดีความชอบให้กับผู้เลือกนักแสดงอย่างที่คุณบอก

สำหรับหนังโดยรวม ก็ชอบนะ รู้สึกไม่เสียดายเงินที่จ่ายไป ซึ่งไม่เหมือนหลายเรื่องที่ดูมา บางตอนบางฉากที่ไม่เนียนโดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ชอบข้ามสิ่งเหล่านั้นไปถ้าฉากอื่นหรือส่วนประกอบอื่นใช้ได้ดี

12 ยังไม่ได้ดูแต่จากที่อ่านคอมเม้นไปก็คงต้องไปหามาดูเสียหน่อยแล้ว แต่ละท่านอธิบายมาเสียจนต้องพิสูจน์แล้วว่าเราจะคิดเหมือนกันหรือไม่

ส่วนบทความในบล็อคนี้ ขอชื่มชม ว่าเขียนได้ดี (ทั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เข้ามา เห็นบอกว่าให้ลงชื่อด้วยเลยอ่านซะหน่อย) ชอบการคอมเม้นท์ของคุณมาก ตรงตัวและได้ใจมากเลย

ท้ายสุดขอให้หนังสือขายดีนะคะ วันไหนผ่านร้านหนังสือจะลองช่วยอุดหนุนทันทีที่มีโอกาส

 

โดย: K-modjung (K-modjung ) 15 ตุลาคม 2549 7:13:14 น.  

 

ไว้จะไปซื้อหนังสือในงานนะคร้าบ ขอลายเซ็นด้วยได้ป่าว

 

โดย: หมาร่าหมาหรอด 15 ตุลาคม 2549 8:17:40 น.  

 


"คุณ ข้างหลัง จะ มาแจก วันไหน อ่ะ ครับ

//meจะได้ ตามไปขอ







ส่วนลดสัก 33 % อิ อิ

 

โดย: Brad Pooh IP: 203.130.145.67 15 ตุลาคม 2549 10:05:24 น.  

 

nini TU ... เขียนเองจากมือและใจคร้าบ เรียกได้ว่าเป็นงานรีเมคจากในบล้อกนี้นี่แหละ

บลูยอชท์ ... ดูแล้วมาคุยกัน ครับ

เจ้าชายไร้เงา ... ขอบคุณคร้าบ

จอมผีดิบมันตรัย ... ข้อ 1 เป็นจุดอ่อนที่มีรูโหว่เหมือนหลายจุดในแง่ของความสมจริงครับ / ข้อ 2 ต้องคิดกันเองครับ เดาว่าถ้าจะไม่เกี่ยวกับพายายข้าม โจทย์ก็คงมาจากในสายโทรศัพท์ และ เขาก็คงเป็นโจทย์ของยาย/ 3.คงสะท้อนภาพของพ่อ คงไม่ใช่เรื่องเกม ตอนนั้นคงยังไม่มี / 4.ไม่ละลายหรอกครับ /5.ไม่รู้ครับ /6.คงต้องรอ 14 / เรื่อง 11 อยากดูแต่ยังไม่ได้ดูครับ

มัชชาร ... ดีใจเช่นกันที่คุณแวะมาเยี่ยมครับ

กุยโด้มอน ... ยินดีต้อนรับคร้าบ

nanoguy ... โอปอ ก็ขำๆนะ แต่ผมไม่ค่อยชอบ เพราะเธอเด่นจนหนังหลุดไปนิดนึง

รบชนะ ... ด้วยความยินดีครับ

Louise Redknapp ... ตามไปอ่านแล้วคร้าบ

นายตัว P ... มาตอบได้จังหวะดีมั่กๆ

31 ... อย่าลืมไปดู 13 เน้อ

chuchoo ... ขอบคุณมากคร้าบ / สนใจครับ หลายเดือนก่อนเคยส่งไปเหมือนกันกะจะได้เอาเงินมาซื้อตั๋วดูหนัง แต่ไม่มีใครเอาครับ ก็เลยไม่ได้ส่งไปที่ไหนอีก

งง ... 11 คงจะได้ดูกันเร็วๆนี้ครับ

Killy ... เหะๆ ตอนเขียนก็คิดเหมือนกันว่า เข้าทาง

K-modjung ... ขอบคุณคร้าบป้ามด มาเยือนเป็นครั้งที่ 1 หวังว่าคงมีครั้งถัดๆไปนะครับ

หมาร่าหมาหรอด ... อู้ว ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ ขอสัมผัสชิโร่ตัวเป็นๆด้วยนะครับ

Brad Pooh ... อันแรกผมยังไม่รู้เลยครับ ส่วนอันหลังผมไม่มีปัญหา แต่ทางร้านหรือสนพ.จะมีปัญหาหรือเปล่าไม่รู้นะ

 

โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" 15 ตุลาคม 2549 13:14:40 น.  

 

ไปดูมาแล้วคับ ทั้ง 12 และ 13 มีหลาย ๆ อย่างที่คิดเหมือนกันนะคับ แต่ขอชมก่อนแล้วกันว่าผู้กำกับเก่งในการสร้างความผูกพันระหว่างคนดูกับภูชิต แต่ข้อเสียที่ผมรู้สึกขัดใจก้อคือจากที่ดู 12 ผมไม่ค่อยกระจ่างกับเรื่อง 13 เท่าไร ในหลายประเด็นแต่สงสัยคงจะเฉลยในเรื่อง 14 ก้อรอชมอยู่นะคับ
ป.ล.วิจารณ์ดีมาก ๆ เลยคับ ว่าง ๆ ไปวิจารณ์เรื่องที่ผมเขียนในบล็อคบ้างนะคับ

 

โดย: นักต้มตุ๋น (นักต้มตุ๋น ) 15 ตุลาคม 2549 13:43:53 น.  

 

ไม่ชอบ ข้อ 11 เหมือนกัน
มันดูทำลายจินตนาการคนดูมากเกินไป
น่าจะละเอาไว้ ให้ไปคิดเอาเอง ว่าเบื้องหลังเป็นยังไง

ขอให้หนังสือขายดี ได้พิมพ์ซ้ำครั้งที่ 85 นะคะ

 

โดย: SFFC IP: 203.188.51.30 15 ตุลาคม 2549 15:05:55 น.  

 

เพิ่งได้ดู12 ค่ะ พอดีอ่านในพันทิปแล้วมีกระทู้ที่ให้เปิดไปดูได้ พอดูแล้ว ก็เลยวนมาอ่านอีกรอบ เริ่มอยากดู 13 (ทั้งๆที่ไม่ชอบหนังแนวนี้) แต่คงไม่ได้ดู 13 อยู่ดี มะมีใครไปเป็นเพื่อนนี่นา

 

โดย: d__d (มัชชาร ) 15 ตุลาคม 2549 16:35:36 น.  

 

เมื่อคืนดู12ค่ะ เด๋วจะไปดู13
จขบ.เขียนดีจังเลยค่ะ เป็นคำตอบของทุกคำถาม

 

โดย: ~posy in my mind~ IP: 203.113.40.7 15 ตุลาคม 2549 17:47:38 น.  

 

โห..อ่านแล้ว เข้าใจเรื่อง 13 ขึ้นมาแบบว่าสุดๆเลย เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นยังงั้นยังงี้ แต่ก็ ติดอีกนิดๆหน่อยๆ ว่า กี้ไปรู้ความเป้นมาของภูชิตได้ไงอ่ะ แบบว่า ทำไม เอาพ่อของภูชิต มาเล่นได้ด้วย
อยากดู 12 น่าเสียดายเมื่อวาน ช่อง7 เอามาฉายก็อดดู

 

โดย: ลั้นล้า IP: 124.120.136.173 15 ตุลาคม 2549 17:56:07 น.  

 

เพิ่งได้ดู 12 ครับ จาก Youtube เนี่ยแหละ ...(เมื่อคืนตื่นไม่ทันได้ดู ทางช่อง 7 และก็อยากจะแฉตัวเองว่าที่ผมไม่ตื่นนั้น เป็นเพราะผมเองดั้นไปตั้งโทรศัพท์ปลุกเอาตอนเที่ยงวัน แทนที่จะเป็นเที่ยงคืนซะนี่ สุดท้ายก็เลย... )
ผมรู้สึกว่าการได้ดู 13 มาก่อน ทำให้ผมรู้สึกซึมซับเรื่องราวใน 12 ได้ดีนะ ...การที่ 13 ทิ้งจุดต่างๆให้ชวนสงสัย แล้วให้เรามาหา 12 ดูเพื่อเก็บเรื่องราวอีกที เป็นวิธีที่ท่าจะเวิร์กกว่า การดู 12 ก่อน แล้วค่อยไปเก็บ 13 ...

เป็นเพราะผมคิดว่า 12 ควรถือเป็นส่วนเติมเต็มของเรื่องราวใน 13 มากกว่าจะเป็นแค่ภาคก่อนของเหตุการณ์ 13 น่ะครับ ...ความรู้สึกมันก็คล้ายๆกับตอนที่เราดู Infernal Affairs ล่ะนะ
เราดูภาคต้นฉบับเพื่อเป็นส่วนเติมเต็มของภาคแรกอีกทีหนึ่ง

ปล. จัดคิวแจกลายเซ็นที่งานหนังสือได้เมื่อไหร่ อย่าลืมเอามาบอกในบล็อกด้วยนะครับ ...ผมจะได้กะเวลาไปซื้อและไปขอถูกวันน่ะ
ปล.2 ยังไม่ได้ดู The Departed เลยครับ แต่ก็โดนสปอยล์ไปไม่น้อย เพราะผมเองดันเกิดความอยากรู้ว่า ของใหม่ไม่ดีเท่าของเก่าตรงไหนบ้าง ...ตอนนี้ก็เลยทำใจไม่หวังอะไรไว้อีกแล้ว กะไปตายเอาดาบหน้า ดูเพลินๆแค่นั้นเอง

 

โดย: OncE UPoN'-'a MaN 15 ตุลาคม 2549 19:42:22 น.  

 

ตามมาอ่านค่ะ ไปดูมาแล้วก็มารอทุกวันว่าเมื่อไหร่จะมา review เพราะคิดว่าไม่พลาดแน่ๆ ไปดูหนังมาทีไร กลับมาต้องมาคอยเปิด blog นี้ทุกทีเพราะรู้สึกว่าได้อรรถรสมากขึ้น ตอนดูเอาเพลิน แต่กลับมาเอาความคิดจากที่นี่แหละค่ะ ตามอ่านมานานแล้ว ดีใจที่มีหนังสือเป็นของตัวเองด้วยนะคะ ไม่พลาดแน่ๆ ค่ะ นี่ก็เป็นหน้าม้า ส่ง review ไปให้เพื่อนๆ อ่านกันจนติดงอมแงมหลายคนแล้ว (ขอค่านายหน้าด้วยนะคะ)

 

โดย: rurujung IP: 58.8.24.38 15 ตุลาคม 2549 20:43:00 น.  

 

คุณ aorta ที่ tdvd รออยู่นะครับ...

 

โดย: แมวลาย (MaewLaay ) 16 ตุลาคม 2549 0:34:04 น.  

 

เรียกว่าอ่านแล้วอยากดูมาเลยค่ะ ... หนังดีๆ มีการเก็บรายละเอียดเยอะๆ แบบนี้ ยิ่งเป็นหนังไทยของเราเองมีหรือว่าจะพลาด ...

อุดหนุนค่ะ มีโอกาสจะดูทันทีเลยค่ะเรื่องนี้

 

โดย: JewNid 16 ตุลาคม 2549 1:28:18 น.  

 

แหม คุณพิมพ์ชื่อตาภูชิต หลายจุดเป็น "บุญชิต"

เลยรู้สึกเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นเรียกมา

หนังเรื่องนี้ ผมชอบความอมหิตในการไล่เรียงข้อของเกม

และการมาถูกเวลา ในยุคที่คนไม่ไว้ใจกันถึงที่สุด

คือต่างคนต่างก็เชื่อว่า คนอื่นๆในสังคม สามารถรับเงินมาทำนั่นทำนี้ได้ หรือสิ่งที่เราเห็น มีบางคนถูกจ้างมาให้ทำ

(นึกถึงกระทู้พันทิปนะครับ ที่ประมาณว่า ถ้ามีการเถียงอะไรกันมากๆ ต้องมีคนมาตั้งประเด็นว่าใครสักคนรับเงินมาตอบกระทู้ หรือมาโปรโมท หรือรับเงินมาสกัดดาวรุ่ง

หนังเรื่องนี้เลยออกจะเหมือนการตบหน้าสังคม ที่เชื่อว่าเงินสามารถส่งให้คนทำนั่นทำนี่ได้

ทำได้แค่ไหน มาดูกัน

 

โดย: บญชิตฯ IP: 81.251.28.31 16 ตุลาคม 2549 4:31:41 น.  

 

เสียดสีสังคมได้ดี ทั้งเรื่องเด็กติดเกม โทรศัพท์ พิษภัยของเทคโนโลยี คนทำงานแล้วเป็นหนี้บัตรเครดิต กฎหมายที่ซื้อไว้แล้ว ครอบครัว คนแก่ที่ถูกทอดทิ้ง แก็งซิ่ง 9ล9
ทำให้เป็นเรื่องสยดสยองได้ แล้วทำให้ทั้งขำทั้งน่ากลัวได้ ทั้งๆที่มาดูหนังแนวนี้แต่ทำให้เราขำได้เก่งจริงๆ ขำบนความขมขื่น ขมขื่นบนความขำ บอกไม่ถูก

 

โดย: ไร้เวลา IP: 203.159.12.16 16 ตุลาคม 2549 9:42:42 น.  

 

ยังไม่ได้ดูเลยคะ แต่แค่อ่านก็ทำให้เกิดความทึ่งในการนำเสนอของผู้กำกับซะแล้ว

 

โดย: ผู้กองจอมบ่น IP: 124.121.93.69 16 ตุลาคม 2549 14:17:21 น.  

 

+ ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ (ของตัวผมเอง) ว่า วันเสาร์ที่ 14 ตุลา (แหม! เกือบเป็นศุกร์13) ที่ผ่านมาเป็นอีกวันหนึ่งที่ฮอร์โมนอะดรีนาลินของผมหลั่งออกมากระฉูดที่สุด ... มันค่อยๆ เพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ จนพีคสุดตอนก่อนจะเข้านอน จากการดูหนัง 2 1/2 เรื่อง ... เริ่มวอร์มเบาๆ จากการดู The departed ที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเทสโตสเตอโรน แทบทั้งเรื่อง (แต่ผมกลับไม่ค่อยชอบเท่าไหร่แฮะ ทั้งๆ ที่หนังมันก็ดีใช้ได้นะ อาการแบบนี้ผมเคยเป็นมาแล้วตอนดูหนัง 2 เรื่องก่อนหน้านี้ของ ผกก. มาร์ติน สกอร์เซซีเนี่ยแหละ ทั้ง Gangs of New York และ The aviator) ... คงเป็นเพราะ Internal affairs มันดู คมและลึก มากกว่าละมั้งครับ (ขนาดยังไม่ได้ดูฉบับเต็ม ดูแค่แว้บๆ บางช่วง เพราะช่อง 7 เอาภาค 2 มาฉายเป็น Big cinema ในคืนวันเสาร์นี่พอดี ... ก็ยังรู้สึกเช่นนั้น) ...
+ แล้วต่อด้วย 13 เกมสยอง ที่ถึงแม้จะทิ้งคำถามไว้ในหัวผมมากมาย แต่ก็จัดได้ว่าเป็นหนังแนว Psychological-Thriller อีกเรื่องหนึ่งที่สามารถทำให้หัวผมเกิดอาการ 'ตึ้บ' หลังจากดูจบได้ (เคยเกิดอาการแบบนี้ตอนดูหนังอย่าง Se7en หรือ The silence of the lambs) ราวกับได้ดูเรื่อง The Game (เดวิด ฟินเชอร์) เวอร์ชัน Battle Royale นั่นเลยเชียว ... มันหลอนจนกระทั่งว่า ขากลับจากสยามไปยังที่พัก ต้องนั่งรถผ่านประตูน้ำ ผมเผอิญเหลือบสายตาไปมองรถเมล์ที่ตีคู่มาด้านข้าง แล้วก็เกิดอาการสะดุ้งเฮือก! เพราะมันคือ ... รถเมล์สาย '13'! (คลองเตย-ห้วยขวาง ... ถ้าจำไม่ผิด) นั่นเอง (เห็นอะไรเป็นตัวเลขตั้งแต่ 1 ถึง 13 แล้วหลอนไปหมด หุๆ) ...
+ ยัง ... มันยังไม่จบแค่นั้น ผมยังคาใจเพราะอยากดู '12' (เกมสยาม 555 - เข้าใจผวนนะครับ) เป็นยิ่งนัก ... แล้วก็ให้พระเจ้าช่วยกล้วยปิ้งสิเอ้า ... กลับถึงหอ หย่อนอารมณ์ด้วยการพักนั่งอ่าน นสพ. สายตาดันเหลือบไปเห็นที่กรอบโฆษณาหนังเรื่อง 13 เขียนตัวอักษรเล็กๆ ไว้ว่า "คืนนี้มีฉายเรื่อง 12 ที่ช่อง 7 สี หลัง Big cinema เรื่อง 2 คน 2 คมจบ" ... ด้วยความที่ผมยังคาใจ 13 ในหลายๆ ประเด็น (จะรออ่านบล็อกนี้วันจันทร์ ก็คงอกแตกตายซะก่อน) จึงต้องรีบโทรไปเคลียร์กับเพื่อนผู้ดูแล้ว ทั้ง 12 (จากแผ่น) และ 13 ซึ่งก็ได้รับความกระจ่างเพิ่มขึ้นพอสมควร ... จากนั้นจึงถ่างตาจนกระทั่ง ตี 1 10 นาที เรื่อง 12 ก็มา ... และจนกระทั่ง 12 จบไปแล้วตอนตี 1 45 ... ยิ่งมีคำถามในหัวเพิ่มขึ้นอีกพะเรอ (อาจเป็นเพราะหนังสั้นที่ฉาย โดนดูดเสียง(คำหยาบ)ไปซะเยอะ และมีการทำภาพเบลอร์ๆ ในบางจังหวะด้วย ทำให้ดูยากเข้าไปอีก) จึงต้องโทรไปเคลียร์ประเด็นคาใจกับเพื่อนต่อ ... กว่าจะคุยจบตี 2 ... ผมรู้สึกมีอาการ 'ขนคอตั้งชัน' ว่า โห ... เค้าคิดได้ไงฟระเนี่ย ถึงจะโหด หยึย แหวะ ไปหน่อย ... แต่ไอเดียสุดยอดโคตรๆ อ่ะครับ นับถือเลย ที่การ์ตูน 'จิตหลุด' ที่เขียนโดยคนไทย ... กลายร่างมาเป็นหนังไทยได้ขนาดนี้ ... เทียบชั้นการ์ตูนญี่ปุ่นได้เลยนะครับเนี่ย

+ ชื่นชมสไตล์การเขียนรีวิวของคุณ จขบ. เรื่องนี้ (ด้วยคน) เป็นอย่างแรงครับ เข้าใจสร้างสรรค์วิธีการให้เข้ากับตัวหนังเหลือเกิน แถมยังมีประเด็นที่สมควรพูดถึงเป็นอย่างยิ่งเช่นข้อ 11 ของคุณ จขบ. ซึ่งโดยส่วนตัว ผมก็ไม่ใช่คอหนัง โหด สยอง แหวะ สักเท่าไหร่ (แต่กลับชอบดูหนังทริลเลอร์ ยิ่งเป็นไซโค-ทริลเลอร์ยิ่งชอบ) ... แต่กับเรื่องนี้ ด้วยไอเดียที่กระฉูดเหลือเกินของเจ้าของพล็อตการ์ตูนชุดนี้ และยังเป็นแนวที่ผมชอบด้วย ก็เลยยิ่งทำให้ชอบมากขึ้นครับ
+ อารมณ์ของหนังที่สร้างมาจากการ์ตูน (แบบเดียวกับ Death note) ก็คือสิ่งที่คนดูจะได้พบในหนังเรื่องนี้ด้วย ... นั่นคือ สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ก็อาจเป็นไปได้อย่างง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลรองรับไปซะทุกช็อต เพราะมันมีความเป็นแฟนตาซีอยู่ในตัว ... กับอีกอารมณ์นึงก็คือ "เจ๋งว่ะ คิดได้ไงฟระเนี่ย! มุกนี้" ประมาณว่าตัวละครในเรื่องทำเหตุการณ์บางอย่างที่คนปกติน่าจะไม่สามารถทำได้

=== Spoiler Alert === สำหรับ 13 ===
(ขอขอบคุณเพื่อนคนนึงของผม ที่ช่วยเคลียร์แทบทุกประเด็นข้องใจ ที่ผมได้รับจาก 12 และ 13 ในคืนวันเสาร์ด้วยครับ)
+ อย่างนึงที่ผมชอบก็คือ แต่ละข้อที่ให้ทำ มันจะหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จากตอนแรกที่เป็นเรื่องเล็กๆ ก่อน แล้วก็ไล่ไปจนถึงการลุกล้ำเข้าไปกระทำแก่คนที่ในสายตาคนทั่วไปมองว่าเป็น 'สิ่งไร้ประโยชน์ หรือ ทำร้ายสังคม' อย่างเช่น ขอทาน, คนบ้า, วัยรุ่นกวนเมือง ไปจนถึงแก๊งมอเตอร์ไซด์ซิ่ง ฯลฯ ... มันเป็นการค่อยๆ หลอมละลายหิริโอตตัปปะของคนๆ นึง อย่างที่คุณ จขบ. ว่าไว้ ... จนในที่สุดข้อท้ายๆ มันจะเริ่มคืบคลานเข้ามายังคนรอบๆ ตัวที่เรารู้จัก คนที่เรารัก เช่นเดียวกับโจทย์ข้อ 11 ของภูชิต (ซึ่งเค้ายังมีทางเลือก) และข้อ 13 (ซึ่งเค้าพ่ายแพ้ในข้อนี้ เพราะความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ยังคงยับยั้งการกระทำของเค้าไว้)
+ อีกอย่างนึงที่ชอบก็คือ ... ภูชิต จากประสบการณ์ในอดีตที่เค้าเป็นผู้ถูกกระทำด้วยเหตุการณ์เช่นนั้นมาตั้งแต่เด็กๆ กลับกลายเป็นผู้กระทำเหตุการณ์นั้นย้อนกลับไปซะเอง มันเป็นเหมือนการขุดเอาสันดานดิบของเค้าออกมา ... เพราะคนเราย่อมไม่มีใครอยากเป็นผู้ถูกกระทำไปจนตลอดชีวิตหรอก เพียงแต่การตอบโต้กลับ จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตอนไหนเท่านั้น ... ดังนั้นจงอย่าได้กดดันใคร จนเค้าไม่มีทางออก ไม่งั้นถ้าเค้าไม่สามารถระเบิดใส่ผู้กระทำได้ ... เค้าก็อาจเปลี่ยนเป็นการทำร้ายตัวเอง เพื่อหลีกหนีปัญหาก็เป็นได้
+ ยังมีอีกประเด็นนึงที่ ผม (รวมทั้งเพื่อน-คนที่ถามเค้ามานั่นแหละ) ชอบก็คือ การหลอกล่อปั่นหัวคนดู ความเนียนในการต่อโจทย์ข้อต่อไป ซึ่งบางทียังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่นคือโจทย์ (เช่นข้อ 6) หรือที่ยายหลอกให้ภูชิตทำโจทย์ข้อ 10 เป็นต้น ... และรวมถึงการเสียดสีสังคมในแง่มุมต่างๆ ที่คุณจขบ. และความเห็นบนๆ ว่าไว้ทั้งหมดด้วย
+ แค่ 13 เปิดเรื่องก็ทำเอาผมอึ้งแล้ว ... ว่าอะไรของมันฟระ ทำไมเจ้าเด็กนั่นต้องห่วงมือถือที่ตกอยู่กลางถนนซะขนาดนั้น แล้วพอได้มาดู 12 ก็ถึงบางอ้อ ว่าเด็กคนนี้ คือคนเดียวกับที่เล่นเกมส์อยู่ในเรื่อง 12 และอาจกำลังเล่นเกมส์ข้อ 13 ของเค้าอยู่ก็ได้ ... ดังนั้นมือถือ จึงสำคัญที่สุดในชีวิต ... แต่คนที่ผมว่าแสบที่สุดในเรื่องนี้ ก็คือ 'คุณยายคนนั้น' แหละครับ เค้าน่าจะเป็น staff ของเกมส์ 13 (ผมเดาเอานะ) ที่ทำงานได้ยอดเยี่ยมจนน่าขนลุก (จนผมคิดว่าเค้าอาจเป็นคนทำให้มือถือของเด็กคนนั้นตกก็เป็นได้) ... รวมทั้งการที่ยายเค้าให้โจทย์ข้อ 10 แก่ภูชิต ซึ่งเป็นข้อที่ทำให้ผมเหวอได้มากที่สุด (อาจเป็นเพราะฉากหม่ำอุนจิ กับ แบกศพ ผมเคยเห็นจากหนังตัวอย่างมาก่อนแล้วก็เป็นได้ เลยไม่ช็อคเท่าไหร่) ... เพราะเรื่องแบบนี้ เคยได้ยินแต่การเล่าๆ กันมาเป็น Urban legend แต่เพิ่งจะได้เห็นจะๆ คาตา คาจอ ก็คราวนี้แหละครับ บรึ๋ยยย
+ Earth core (11) ไม่แน่ใจว่าฉายที่ไหน ตอนไหน ได้ยินมาว่าเป็นเรื่องราวของคลิป ตอนที่พวกเด็กๆ ใน 12 ไปทัศนศึกษากันนี่ครับ
+ สำหรับฉากจบของเรื่อง 13 ถ้าให้ผมเดา ไม่พ่อกี้ (ศรัญญู) ก็อิม น่าจะเป็นผู้เล่นคนต่อไปของเรื่อง 14 หรือเปล่าครับ? (ไม่รู้นะ ยังไม่ได้อ่าน) แต่อิมก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเธอรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วนี่นา ?!? ... ส่วนเพ็ญพักตร์ น่าจะเกี่ยวข้องกับ 14 (หรืออาจเป็น 11 ด้วย) อย่างที่คุณ nanoguy ว่าไว้ เพราะไม่งั้นบทเล็กๆ แค่ใน 12 นี่ คงไม่ต้องใช้ฝีมือระดับเธอมาแสดงก็ได้ ... ส่วนพ่อของภูชิต หรือตำรวจที่อิมไปแจ้งความ (เห็นว่ามีเอกสารเลข 13 อยู่บนโต๊ะ) หรือใครก็ได้ในหนังตระกูลนี้ อาจกำลังเล่นเกมส์ 13 อยู่ก็ได้อ่ะครับ ... คือทำให้ทุกคนเป็น ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดว่างั้นเหอะ

=== Spoiler Alert === (อย่างรุนแรง) === สำหรับ 12 ===
+ ถ้ามาคิดดูอีกที ก็งงเหมือนกันว่าทำไมเด็กอย่างมิก (ซึ่งดูแล้วน่าจะบ้านรวย ไม่น่าจะเดือดร้อนเรื่องเงิน) ทำไมต้องมาเล่นเกมส์ 13 ด้วย ... และการทดสอบมโนธรรมในใจของมิก ด้วยการให้เพื่อนรักอย่าง แบ้ เป็น 11 ของมิก (เพื่อนผมชี้ให้เห็นว่า ตอนวันก่อนที่แบ้จะหายตัวไป เค้าได้เสื้อเบอร์ 11) และ เต้ เป็น 12 ของมิก มันเป็นอะไรที่ช็อค อึ้ง ว่าโห ... มันทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ
+ มีประโยคนึงที่สะดุดใจผมใน 12 ก็คือ การที่เต้ถามพ่อว่า "ถ้าเต้หายไปอย่างแบ้ แล้วพ่อจะตามหาเต้มั้ย" ... ก็เลยเกิดความสงสัยว่า พ่อ (ศรัญญู) เค้ารู้ตื้นลึกหนาบางในเกมส์นี้แค่ไหน หลังจากที่เต้ได้หายตัวไปจริงๆ ... และทำให้เกิดบทบาทที่เค้าพยายามตามหาภูชิต ในเรื่อง 13 ให้ได้อ่ะครับ
+ เกือบทุกคน จะบอกว่าชอบ 12 มากกว่า 13 คงเป็นเพราะ 12 มัน สั้น กระชับ โหดได้ใจ ... แต่จะดูไม่รู้เรื่อง แม้กระทั่งดูจนจบ (เลข 12 ที่ฝาตู้อบยังติดตาผมตอนนอนคืนนั้นอยู่เลย) แล้วก็ตาม ว่านั่นมันคือเกมส์ ... แบ้ และ เต้เป็นเหยื่อของเกมส์ 13 ที่เล่นโดยมิก ... แล้วก็เป็นเพราะคนดูจะไม่รู้ด้วยว่าใครเป็นคนเล่นจนกระทั่งตอนจบเรื่อง มันเลยทำให้มีความลึกลับอยู่ในตัวสูงมาก มีแต่เครื่องหมายคำถามมากมายโดยที่หาคำตอบไม่ได้ (ขนาดผมดู 12 จบ ผมยังต้องโทรไปเคลียร์กับเพื่อนต่ออีกในบางจุด)

+ สรุปว่า เรื่องนี้เป็นหนังแนว ไซโค-ทริลเลอร์ ฝีมือคนไทย ที่เจ๋ง และแจ่มแจ๋วมากๆ ครับ (ถึงบางเหตุการณ์จะดูอ่อนเหตุผล และมีความโหด แหวะอยู่เป็นอันมากก็ตาม) ... เพื่อนผมยังบอกว่า อาจมีสิทธิ์ถูกฮอลลีวู้ดซื้อไปทำรีเมคได้เลยนะครับเนี่ย

 

โดย: บลูยอชท์ IP: 202.69.140.233 16 ตุลาคม 2549 15:06:21 น.  

 

เคยดูหนังฝรั่งเรื่อง Falling Down กับ The Game ที่ Michael Douglas แสดงนำ คาแรคเตอร์คล้ายๆ ภูชิต
และ 2 เรื่องนี้ ก็มีแนวคล้ายๆกันกับ 13 เกมสยอง คิดว่ายังไงครับ

 

โดย: ยุทธ (ดวงตาตะวัน) IP: 124.120.92.9 16 ตุลาคม 2549 19:01:28 น.  

 

แล้วท้ายที่สุดแล้วจะแนะนำให้ดูอะไรก่อนดีอ่ะครับ 12 หรือ 13 ไม่รู้ว่าดูอันไหนแล้วมันจะไปเสียอรถถรสอีกอันมากไหมอย่างไร

 

โดย: Pong IP: 124.120.26.134 16 ตุลาคม 2549 21:05:51 น.  

 

^
^
ผมว่ามันก็ได้อรรถรสต่างกันนะครับ
ถ้าดู 12 ก่อน ก็จะไม่เกิดคำถามมากนักกับ 13 (เหลือแค่คำถามที่ต้องไปหาใน 14)
ส่วนดู 13 ก่อน แล้วค่อยมาเก็บ 12 ก็จะเป็นการ solve หาคำตอบให้ตัวเองหลังจากที่คำถามมากมายก่ายกองรอค้างอยู่ในหัวสมอง

---Spoiler Alert--- สำหรับ 12---

สำหรับเรื่องมิคนะครับคุณบลูยอชท์ ผมว่าในเรื่อง 12 กี้เพิ่งสร้างอาณาจักรของ 13 ขึ้นมาได้ไม่นานหรอกครับ คนที่กี้เลือกมาเล่นเกมผมว่ายังไม่ใช่คนที่ตกอับหรืออยู่ในช่วงตกต่ำของชีวิตเหมือนภูชิต หรือมีเหตุอะไรให้เข้ามาเกี่ยวพันกับเกมนี้ ผมว่ามิคเป็นเหมือนหนูทดลองเกมน่ะครับ อาจจะเพราะว่ามิคถูกกระตุ้นด้วยความอยากรู้ว่า ไอ้ 13 นี่มันคืออะไรกันแน่ แล้วด้วยความเป็นวัยรุ่นไงครับ มันทำให้ถูกชักจูงได้ค่อนข้างง่าย อาจจะแค่ใช้คำพูดประมาณว่าถ้ามาอยู่ที่ 13 นายจะเป็นพระเจ้า แบบที่กี้เคยพูดก่อนหายตัวไปก็ได้

 

โดย: nanoguy IP: 203.113.34.7 17 ตุลาคม 2549 10:23:53 น.  

 

== spoiler alert ==
+ อืม ... มีเหตุผลครับคุณ nanoguy ... เลยยิ่งทำให้อยากรู้เข้าไปใหญ่ว่าใน Earthcore เนี่ย แบ้กับเต้ไปรุมแกล้งหรือกดดันอะไรกี้หรือเปล่า ถึงถูกเลือกให้ต้องกลายมาเป็นเหยื่อใน 12 (ก็ทีอาจารย์ตัวแสบ ถึงแม้ไม่ได้ถูกฆ่าด้วยคนเล่นเกมส์ 13 แต่กี้ก็ยังมีวิธีแก้แค้น กดดันจนทำให้อาจารย์ทนอับอายไม่ไหว ต้องฆ่าตัวตายไปเองจนได้) ... และยังทำให้อยากรู้ 14 ด้วย ว่าเกมส์มันมีแค่ 13 ข้อ แล้ว 14 มันคือไรฟระ?!? บ้าไปแล้ว 555
+ เพื่อนผมตั้งข้อสังเกตอีกว่า ตัวละครแม่กี้ (เพ็ญพักตร์) น่าสงสัยเป็นอันมาก ที่ทำไมบอกว่ากี้ตายไปตั้งนานแล้ว ทั้งๆ ที่ใน 13 กี้ยังมีชีวิตอยู่? ... กี้จะหลอกแม่ตัวเองให้นึกว่าตายไปแล้ว ... หรือว่าเธอเก็บซ่อนเงื่อนงำอะไรบางอย่างไว้ ... หรือว่าเธอคือเจ้าของอาณาจักร 13 ตัวจริงกันแน่เนี่ย ?!?

 

โดย: บลอทช์ยู IP: 202.69.140.233 17 ตุลาคม 2549 11:20:23 น.  

 

เพิ่งรู้ว่าเจ้าของ บล็อค เป็น จิตแพทย์ครับ
ผมก็ชอบดูหนังครับ แต่ยังตีความได้ไม่ลึกซึ้งขนาดนี้
มาอ่านบล็อค ของคุณหมอ แล้ว ได้อะไรจากหนังที่ดูมาเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย
ว่าแล้ว ผมก็อยากจะเรียนจิตแพทย์เหมือนกันนะเนี่ย

 

โดย: นศ.แพทย์ปี 1 IP: 203.130.159.4 17 ตุลาคม 2549 23:04:50 น.  

 

ชอบมากๆครับ
เป็นหนังที่กล้าเล่นกับอะไรที่สังคมไทยยังเมินเฉยอยู่
ดูทั้ง 12 -13 แล้ว...อยากให้มีอีกครับ

 

โดย: Sixteenth IP: 202.28.181.9 18 ตุลาคม 2549 1:46:46 น.  

 

ตกลงว่าจขกท.เป็นคุณหมอหรอคับ
ฮุๆมิน่าละ เข้าทางเลยครับ^^

ปล.ผมเข้ามาอ่านหลายเรื่องแล้วครับชอบที่คุณหมอวิจารณ์มากๆครับ จะตามอ่านต่อไปครับ

 

โดย: Eyescream IP: 58.8.116.103 18 ตุลาคม 2549 2:05:35 น.  

 

ไอเดียการเขียนวิจารณ์ของคุณเท่มากอ่ะ เขียนเป็นข้อๆไป เหมือนหนัง ^^
เราว่าหนังเรื่องนี้พล็อตเรื่องโอเคเลย เพียงแต่ยังมีจุดที่น่าสงสัย ดูไม่สมเหตุสมผลนิดนึง (เช่นทำไมกี้ถึงรู้ได้ทุกอย่างขนาดนั้น เป็นพระเจ้าหรือไง รู้ล่วงหน้านี่ต้องพระเจ้าแล้วเหอะ) ซึ่งจุดเล็กๆน้อยๆนี้ ถ้าไปเฉลยใน 14 แบบละเอียดหมดจด ก็จะเพอร์เฟคมากๆ
เราก็ว่า 12 เหมือนจะทำออกมาได้ดีกว่า ดูลึกลับและน่ากลัวกว่าอ่ะ
ฉากไคลแมกซ์ของ 13 สำหรับเราดูคุ้นๆอย่างบอกไม่ถูก ตอนที่หน้าจอขึ้นมาว่า congratulation the winner ... เราก็แว้บขึ้นมาเลยว่าอีพ่อมันต้องเล่นด้วยแหง (คุ้นๆแฮะหักมุมแบบนี้) แต่ชอบตรงที่คุณบอกว่าเหมือนเป็นการเย้ยหยัน ก็จริงแหละ ถึงแม้เราจะกลับตัวกลับใจได้ ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะแฮปปี้เอนดิ้งซะหน่อย ชี้ให้เห็นว่าโลกที่เราอยู่ไม่ได้สวยงามแบบนั้น มัน irony ดีเลยชอบ ^^
ส่วนน้องที่เล่นเป็นกี้ รู้สึกว่าจะพูดเสียงเพี้ยนๆชอบกลนะ บางทีฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ยิ่งใน12 ตอนยืนหน้ารูปปั้นแม่งบ่นไรก็ไม่รู้ สร้างโลกๆ งึมงำๆ -_-'
แล้วก็ไม่เข้าใจอีกอย่างว่าทำไมใจดีจัง ถึงปล่อยให้อิม อชิตะ เข้ามารับรู้เกี่ยวกับเกมได้ง่ายดายขนาดนั้น แถมยังปล่อยตัวไปง่ายๆอีก (หรือว่าจะเกี่ยวกับ 14 ต่อไป)
รวมๆก็หนุกดี ชอบไอเดียของหนังเรื่องนี้ ขอยกนิ้วให้คนเขียนการ์ตูน คุณเอกสิทธิ์ ไทยรัตน์

ปล. ตกลงคุณ"ผมอยู่ข้างคุณ"ไปงานหนังสือวันไหนเล่า อยากเจอตัวจริงนะเนี่ย จะขอลายเซ็น อิอิ

 

โดย: Mook Nagase (นางาเสะจัง) IP: 61.47.116.64 18 ตุลาคม 2549 22:39:15 น.  

 

รู้สึกเหมือนกันค่ะ
ตอนจบทำให้อารมณ์ที่พีคหายไป
น้องกี้ไม่น่าโผล่มาแบบนี้เลย
ห้องสีขาว มอนิเตอร์ การแต่งตัว
มันบั่นทอนความน่าเชื่อถือของฉากนี้ไปเยอะมาก ส่วนตัวคิดว่า สู้ให้กี้นั่งเล่นอยู่ในห้องเล็กๆ(อาจจะเป็นห้องนอน หรือห้องในอพาร์ตเมนท์สักแห่ง มืดๆ ทึมๆ หรือไม่ก็มีแต่เกมส์ อะไรประมาณนั้น จะยังน่าเชื่อถือมากกว่า .. )

*อยากเจอที่งานหนังสือเช่นกันค่ะ ไปนั่งบูธไหน จะได้ตามไปให้เซ็นหนังสือ ^^ "

 

โดย: Abstract Life IP: 61.47.86.65 19 ตุลาคม 2549 3:42:24 น.  

 

อยากรู้ว่าจะหาดู 12 ได้จากที่ไหน

ซีทาญ่าหรือแมงป่องจะมีไหมคะ

ปล.แอบแว๊บไปเชียร์ จขบ. ที่บูธ ดีกว่า

อิๆ

 

โดย: แก้มยุ้ย (หมวยแก้มป่อง ) 19 ตุลาคม 2549 9:29:47 น.  

 

อ่านแล้วชอบจังเลย ค่ะ

กลัวว่าจะหาซื้อหนังสือไม่ได้จังเลย

แต่อยากอ่านจัง

 

โดย: ka*nom IP: 124.121.124.227 19 ตุลาคม 2549 12:48:46 น.  

 

เป็นอีกคนที่เจ้ามาอ่านบ่อย ๆ เป็นคนที่ชอบดูหนังแต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ดูเท่าไหร่
อาศัยมาอ่านในนี้

รู้สึกว่าวิจารณ์ได้คมดี บางทีบลอคนี้ก็ให้อะไรมากกว่าที่ดูหนังเฉย ๆ โดยไม่มีบทวิจารณ์ เพราะบางทีก็ไม่เข้าใจจุดประสงค์จองหนังว่าต้องการอะไร
แต่หลังจากที่อ่าน ก็เข้าใจมากขึ้น

คงต้องหาแผ่นมาดู

 

โดย: เข้ามาอ่านย่อย ๆ IP: 202.29.6.226 22 ตุลาคม 2549 15:19:16 น.  

 

 

โดย: patikal IP: 124.121.35.49 22 ตุลาคม 2549 19:02:45 น.  

 

อ่านบทวิจารณ์เรื่องนี้แล้วชอบมากครับ .. มีดึงทฤษฎีต่าง ๆ มาโยงให้ข้องเกี่ยวกันได้ ..

ไว้จะอุดหนุนหนังสือนะครับ ..

: )

 

โดย: patikal IP: 124.121.35.49 22 ตุลาคม 2549 19:04:02 น.  

 

เป็นบทวิจารณ์ ที่... สุดยอดครับ

 

โดย: Reisan IP: 203.113.45.228 23 ตุลาคม 2549 14:30:47 น.  

 

เผอิญได้อ่านการ์ตูนมาก่อน พูดๆกับเพื่อนอยู่เลย ว่าน่าจะทำเป็นหนังนะ ไอเดียบรรเจิดดี แล้วก็มีหนังออกมาจิงๆ พี่น้อยสุดยอด ปกติเขาจะดูเท่ห์ๆ ในหนัง เล่นเป็นคนสิ้นหวัง เก็บกด ได้ใจสุดๆ หลายๆฉากในหนัง มันแหยะแบบไม่ไหวแล้ว ฉากแก็งซิ่งที่มีผู้ชายลุกขึ้นมา มันไม่สมจิงอ่ะ แล้วก็ฉากในห้องควบคุมของกี้ มันก็เหมือน The Matrix จิงๆอย่างที่พี่ว่า มันขัดใจอ่ะ
สรุปแล้ว ชอบแบบที่เป็นการ์ตูนมากกว่า

 

โดย: heartfelt melody IP: 58.9.59.59 23 ตุลาคม 2549 21:59:58 น.  

 

ดู 12 จาก Youtube ตื่นเต้นมาก สงสัยจะเป็นคนขวัญอ่อน ยังไม่ได้ดู 13 แต่ก็ตามมาอ่านบทวิจารณ์ที่อ่านแล้ว ทำให้อยากดูขึ้นมา

 

โดย: Noni IP: 203.170.254.18 24 ตุลาคม 2549 14:30:30 น.  

 

อ้าว คุณผมอยู่ข้างหลังคุณ ยังไม่ได้บอกเลยครับ
ว่าศึกษาทางด้านไหนมา 55
แต่ผมติดตามตลอดอยู่แล้ว
เอาเป็นว่าคอยคลิกดูตลอดว่าคุณไปดูอะไรมาแล้ว
บ้าง เพราะผมชอบอ่านมากครับ

 

โดย: กุยโด้มอน IP: 58.8.73.21 25 ตุลาคม 2549 22:46:25 น.  

 

^
^
กรุณาไปอ่านที่บล็อคเรื่อง Death note แล้วจะได้คำตอบของคำถามที่ถามนะครับ

 

โดย: ช่วยตอบให้ IP: 202.69.140.233 27 ตุลาคม 2549 10:48:50 น.  

 

ล่าสุด ข่าวล่ามาเร็ว (จากรายการ Filmmaker) แจ้งว่าทาง ไวน์สตีน คัมปะนี ได้ขอซื้อลิขสิทธิ์ 12 + 13 เอาไปรีเมค เป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ ... ไอเดียเจ๋งก็เงี้ยะ (แต่เค้าไม่ได้บอกราคา ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าซื้อไปเท่าไหร่อ่าครับ)

 

โดย: บลูยอชท์ IP: 202.69.140.233 30 ตุลาคม 2549 14:41:20 น.  

 

ยังไม่เคยดูทั้งสองเรื่อง แค่มาอ่าน blog ยังรู้สึกกดดันได้ขนาดนี้เลย

 

โดย: David IP: 210.246.66.103 10 พฤศจิกายน 2549 18:01:00 น.  

 

น่รั้เร่รา

 

โดย: 213132 IP: 124.157.161.33 20 พฤศจิกายน 2549 13:51:21 น.  

 

น่รั้เร่รา

 

โดย: 213132 IP: 124.157.161.33 20 พฤศจิกายน 2549 13:51:35 น.  

 

ชอบที่เขียนมากเรยคับ เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่าน
ที่สำคัญชอบ 12 มากกว่า 13 เยอะเลยคับ

 

โดย: เก่งกว่าผมตายไปหมดแล้ว 8 พฤษภาคม 2550 14:07:18 น.  

 

8.5/10 คะแนน

เป็นหนึ่งในหนังที่มีการเล่าเรื่อง และถ่ายทอดความโลภของมนุษย์ได้ดีที่สุดที่เคยดูมา หนังชวนน่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ผมเสียอารมณ์ตอนจบนี่แหละ (ไม่ชอบตอนที่เด็กและคำพูดในตอนท้าย)

บทภาพยนตร์เรื่องนี้ยังถือเป็นอะไรที่ ไม่ซ้ำหนังเรื่องไหนเลย ถึงจะเป็นการเล่นเกมส์ก็เถอะ มันก็ยังแฝงถึงความโหดร้าย ความโลภความหลงของคนเราที่สามารถทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้ได้มา

ผู้กำกับคนนี้มีผลงานที่น่าสนใจมากๆ เหลืออีกเรื่องหนึ่งที่ผมยังไม่ได้ดูคือเรื่อง "คน ผี ปีศาจ" ที่หลายคนบอกว่าดีกว่า ชัตเตอร์และบอดี้ศพ เสียอีก

 

โดย: นักวิจารณ์สมัครเล่น IP: 125.24.43.251 24 พฤศจิกายน 2550 10:38:33 น.  

 

ขอให้หนังนี้ขายดีนะ

 

โดย: เด็กดีมีปัญหา IP: 125.24.67.62 24 ธันวาคม 2550 21:30:05 น.  

 

ผมถึงว่ารู้สึกหงุดหงิดนิดๆ กับฉากจบ13 เพราะตอนที่กี้ออกมานี่เอง

 

โดย: KkTp IP: 202.129.36.200 6 พฤษภาคม 2551 7:44:28 น.  

 

ขอบคุณมากครับ สำหรับบทความดี ๆ

 

โดย: BB IP: 58.8.47.247 29 กรกฎาคม 2553 0:55:10 น.  

 

Gg

 

โดย: Gg IP: 1.47.193.72 25 กันยายน 2559 18:59:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
14 ตุลาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.