www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

Cinderella man , Jim Braddock ชายที่ไม่ได้เป็นแค่นักมวย



...ในปี 1928 Jim Braddock เป็นนักมวยที่ไม่เคยพ่ายแพ้ให้แก่ใคร เขาชกเพื่อตำแหน่งแชมป์ และ เงินค่าตัวหลักพันเหรียญ

...ปี 1929-1939 เป็นช่วงเวลาที่ North America, Europe ล้วนอยู่ในภาวะที่ขนานนามกันว่า The Great Depression เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำทรุดฮวบ ธุรกิจมากมายล่มสลาย ผู้คนล้วนต้องประสบกับภาวะวิกฤติในชีวิต ล้มละลาย ไม่มีงานทำ ไร้ที่ทำกิน ฯลฯ

....The Great Depression ไม่ใช่แค่การจมดิ่งของเศรษฐกิจเท่านั้น ในอีกความหมายของ “depression” มันยังหมายถึง ภาวะที่ผู้คนก็ต่างหดหู่ ซึมเศร้า และ จิตวิญญาณของคนก็ตกต่ำลง Jim Braddock เองก็เช่นกัน จากบ้านหลังใหญ่ต้องแปรเปลี่ยนไปเป็นห้องหับเล็กๆ ที่บางมื้อตัวเองต้องอิ่มจากอาหารที่อยู่ในความฝัน เพื่อให้ลูกได้อิ่มจากอาหารจริงที่มีอยู่ไม่มาก

Jim Braddock กลายเป็นนักมวยที่ไม่เคยชนะ เขาชกเพื่อแลกค่าครองชีพเป็นเงินไม่กี่เหรียญในแต่ละครั้ง

Jim Braddock ต้องยืนเบียดเสียดแย่งคิว เพื่อให้คนเลือกเขาเข้าไปทำงานเป็นกรรมกรยกของ ท่ามกลางคนที่ตกงานอีกเป็นร้อยพัน

Jim Braddock ต้องชกมวยเพื่อให้ได้เงินทั้งที่กระดูกมือแตก และ เขาถูกถอดออกจากการเป็นนักมวยอาชีพ ด้วยเหตุผลชกไม่สมศักดิ์ศรี

ศักดิ์ศรีที่นายทุนวัดจากความสนุก กลายเป็นคนละความหมายกับ ศักดิ์ศรีที่ตัวเขาเองมีจากการกัดฟันสู้ทั้งที่เจ็บ เพื่อครอบครัว

...ทุกอย่างในชีวิต Jim Braddock ในฐานะนักมวย พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ ยกเว้นบางสิ่งในตัวเขาที่ไม่แปรเปลี่ยนไป นั่นคือ Jim Braddock ในฐานะพ่อและหัวหน้าครอบครัว เขาไม่ย่อท้อ ไม่ยอมให้คุณค่าความเป็นคนต้องตกต่ำ ดังตัวตัวอย่างคำสอนที่เขาบอกลูกให้รู้ว่า ความจนไม่ใช่ข้ออ้างที่เราจะขโมยของใครได้

เขาเดินหน้าทำงานเพื่อให้ได้เงินมาจ่ายค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ พร้อมสัญญาว่าจะไม่ยอมให้ลูกต้องจากไปไกล เหมือนพ่อแม่ของครอบครัวอื่นๆ ที่ไม่มีเงินทองเลี้ยงดูแล้วส่งลูกๆไปอยู่กับญาติๆ

แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อลูกเขาป่วย พร้อมกับบ้านที่ไร้น้ำไร้ไฟไร้อาหาร ในวันที่อากาศหนาวเหน็บ หนทางเดียวที่คนเป็นแม่อย่าง Mae Braddock จะช่วยเหลือลูกได้คือ การส่งลูกไปอยู่กับน้องสาวที่พอดูแลเด็กๆได้ นั่นคือ การผิดคำสัญญา ที่ Jim ให้ไว้กับลูก เขาจึงต้องทำทุกวิถีทาง แม้แต่ยอมลดเกียรติตัวเองก้มหน้าขอเงินไปรับลูกกลับมา จนเมื่อ โอกาสครั้งที่สองได้มาถึงเขาอีกครั้ง

...การชกมวยก่อนภาวะตกต่ำทั่วเมือง เป็นแค่ เกมส์การแข่งขัน ที่ให้ได้มาเพื่อ เงินทอง เกียรติยศ เข็มขัดแชมป์

...การชกมวยหลังจากได้โอกาสครั้งที่สอง ในครั้งนี้มีความหมายมากกว่านั้น เพราะมันคือ การต่อสู้ที่ให้ได้มาเพื่อ ค่าไฟ ค่านม และ การต่อสู้เพื่ออยู่รอด มันคือ การต่อสู้ในสังเวียนชีวิต

เขาเลือกกลับเข้าสู่สังเวียนเป็นครั้งที่สอง เขาขอเลือกโดนชกจาก หมัดที่มองเห็น บนเวทีมวย ยังดีกว่า โดนชกจากหมัดที่มองไม่เห็นบนเวทีชีวิต(ภาวะเศรษฐกิจ ที่ไม่รุ้ว่าพรุ่งนี้จะได้งานหรือไม่ พรุ่งนี้จะมีข้าวกินหรือเปล่า) เพราะบนเวทีมวยโอกาสอยู่ในกำมือของเขาเอง

...ใครต่อใครล้วนพูดถึงการกลับมาครั้งที่สองที่เขาได้รับ การกลับมาของเขาครั้งนี้ ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อแค่เงินเท่านั้น เขากลายเป็นสัญลักษณ์หรือตัวแทนของเหล่ามวลชนที่ต้องต่อสู้กับเกมส์ชีวิตเหมือนๆกัน กรรมกรรับจ้างต้องรับเหมายกของ เพื่อ สู้ชีวิตในการหาเงินมายังชีพครอบครัว , ช่างปูนต้องฉาบปูนสร้างบ้าน เพื่อ สู้ชีวิตในการหาเงินมาเลี้ยงลูกเมีย ฯลฯ การชกมวยของ Jim Braddock ก็ไม่ต่างจากพวกเขาเหล่านั้น เพราะมันเป็นการต่อสู้เพื่อหาเลี้ยงชีพเช่นกัน

....Abraham Maslow นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน เชื่อว่าคนเรามีความต้องการที่จะเติมเต็มชีวิตหลากหลายระดับ นับตั้งแต่ความต้องการพื้นฐานสุดในการดำรงชีพ ไปจนถึงความต้องการสูงสุดที่มนุษย์ทุกคนพึงต้องการ

....การชกมวยครั้งแรก Jim Braddock เองคงไม่รู้ตัวว่า การชกของเขาเป็นเพียงเพื่อตอบสนอง ความต้องการการยอมรับหรือเป็นส่วนหนึ่งของสังคม (Social Needs) ในขณะที่การชกครั้งที่กลับมานี้ เป็นการต่อสู้ให้ได้ซึ่ง อาหาร น้ำประปา ไฟฟ้า ความอบอุ่น ที่พักพิง ฯลฯ อันเป็นความต้องการพื้นฐานในการอยู่รอด (Physiological Needs) ของมนุษย์ทุกคน

เรามักจะไม่เห็นความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้ในวันที่เรามีอยู่มีกิน เรามักจะดิ้นรนก็เพียงเพื่อตอบสนองความต้องการการยอมรับหรือฐานะทางสังคม จนเมื่อเราต้องตกต่ำ วันที่เงินทองไม่ได้มีพอใช้จ่ายดังใจขึ้นมา จึงอาจรู้ตัวว่า ฐานะทางสังคมนั้นไม่ได้ทำให้เราอิ่มได้แต่อย่างใด

...ไม่เพียงแค่นั้น การกลับมาชกมวยของเขายังเป็น การต่อสู้เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของครอบครัว ป้องกันตัวจากการถูกคุกคามด้วยความอดอยากยากแค้น ไม่ให้ลูกหรือภรรยาต้องอดตายหรือป่วยออดๆแอดๆ (Security Needs) มันเป็น การต่อสู้ให้ได้การกลับมาเพื่อความมั่นใจ ความภาคภูมิใจในตัวเอง ของตัวเขาเอง (Ego / Self esteem Needs) เป็น การต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ ศักดิ์ศรี และตัวตนที่เคยมีและหายไป (Self Actualization)

...ทั้งหมดนั้นอาจดูเป็นแค่เป็นการสู้เพื่อตัวเองและครอบครัว Jim Braddock เองก็คงยังไม่เห็นเท่าที่คนดูและ Mae Braddock เห็นว่า การชกมวยของเขาให้ความหมายมากไปกว่านั้น เพราะในอีกระดับหนึ่งตัวเขาเองและการชกของเขา ยังเป็นตัวแทนของประชาชนที่ตกระกำลำบากที่ต่อสู้เพื่อเติมจิตวิญญาณของตัวเองที่ขาดหาย (Spiritual Needs)

แม้ภาวะ The Great Depression จะฉุดเศรษฐกิจและสังคมให้ตกต่ำลง แต่ตัว Jim Braddock เป็นคนฉุดจิตใจ และ จิตวิญญาณของผู้คนให้ขึ้นมา

....ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมากมายในสังคมรอบตัว ยังมีอีกสิ่งในชีวิต Jim ที่ไม่เคยเปลี่ยนไป นั่นคือ Mae Braddock ที่ยืนหยัดอยู่เคียงข้างและข้างหลังเขาเสมอ

...เธอไม่ต่างจาก Alicia Nash (Jennifer Connelly) ใน A Beautiful Mind ที่ไม่เคยท้อแท้และสิ้นหวังในตัวคนรัก คอยเป็นกำลังใจไม่ว่าคนรักจะแพ้หรือชนะในการต่อสู้ชีวิต

เป็นไปไม่ได้เลย ที่คนเราจะต่อสู้ตัวคนเดียวได้ตลอดเวลา วันที่เราเหนื่อย วันที่เราอ่อนล้า วันที่เราลังเล วันที่เราพ่ายแพ้ ร่างกาย ความคิด จิตใจเราอาจอ่อนแอ พร้อมที่จะถูกฉุดกระชากให้ตกต่ำได้โดยง่ายจากปัจจัยรอบตัว (เหมือนตัวละครหนึ่งในเรื่อง ที่ติดเหล้า ทะเลาะกับภรรยา หรือ คนที่ขโมยข้าวของ ฆ่าตัวตาย ฯลฯ จากภาวะสังคมที่กดดัน)

...การมีใครอีกคนที่คอยดึงเราไม่ให้ต้องตกเหวลึก และ ผลักดันให้เราเดินไปข้างหน้า มันทำให้เรารู้สึกว่าหนทางชีวิตจะลำบากแค่ไหนก็คุ้มค่าที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป และ การมีชีวิตอยู่ ถึงแม้ว่าจะลำบากแสนเข็ญแต่มันก็คุ้มค่ามากพอ ยังดีกว่า ชีวิตที่เพียบพร้อมแต่ไร้คนที่เคียงข้างกาย

...หาก Jim Braddock คือ Cinderella man ตัว Mae Braddock ก็คือ นางฟ้า ที่คอยเสกแรงใจให้เหมือนราชรถขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไป เสกความรักความห่วงใยให้ตัวเขา และ เธอก็คือ เจ้าชาย ที่อยู่เคียงข้างพร้อมศรัทธาและเชื่อใจเขาที่เป็น Cinderella ตลอดมา...

สุดท้ายหากใครถามถึงว่า Jim Braddock คือใคร การตอบว่าเป็นนักมวยคงไม่ใช่คำตอบที่เหมาะสมที่สุด คำตอบที่ดีที่สุดน่ามาจากคำพูดของภรรยาของเขา ที่บอกเขาไว้ว่า

You're the Bulldog of Bergen, and the Pride of New Jersey, you're everybody's hope, and the kid's hero, and you are the champion of my heart

...การมาของหนังชกมวยเป็นเรื่องที่ 2 ของปีนี้ มีความแตกต่างจาก Million Dollar Baby ตรงที่หนัง สาวเงินล้าน การชกมวย เป็นเพียงตัวประกอบหนึ่งในหนังที่เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละคร ฉากชกมวยเป็นแค่ฉากหนึ่งที่มีความสำคัญไม่มากกว่าฉากอื่นๆในเรื่อง ในขณะที่ หนุ่มซินฯ การชกมวยและฉากชกมวยมีอยู่มากมาย ที่น่าชื่นชมคือ การถ่ายและการกำกับฉากชกมวยในเรื่องนี้ หนังทำได้ ดีไร้ที่ติ ดีที่สุดในบรรดาฉากชกมวยของหนังชกมวยยุคหลังๆ โดยเฉพาะฉากไฮไลท์การชกครั้งสุดท้ายที่เป็นไคลแมกซ์ของเรื่องก็เป็นฉากที่หนังคุมจังหวะคนดูได้อยู่หมัด ชนิดเวลาในมือคนดูไม่มีความหมายเท่าเวลาบนจอ

...หนังบรรจงสร้างคาแรคเตอร์ Jim Braddock ให้คนดูค่อยๆหลงรักตัวละครนี้มากขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่รู้ตัว ความเป็นสุภาพบุรุษ(ฉากแถลงข่าวตอนท้ายยังเพิ่มความเฉลียวฉลาดควบคู่ไปด้วย เรียกความสะใจจากคนดูได้อีก) ความเป็นลูกผู้ชาย ความเป็นพ่อและคนรัก ฯลฯ ล้วนอยู่ในตัวของคนๆนี้ ไม่น่าแปลกใจที่เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น Pride of New Jersey หรือถูกเปรียบเป็นตัวละครอย่าง Cinderalla

ดังนั้นเมื่อเขาตกต่ำคนดูจึงรู้สึกหดหู่ไปพร้อมกับเขา และ เมื่อเขาขึ้นชกคนดูในโรงก็พร้อมส่งใจเชียร์อย่างเต็มร้อย ตัวละครนี้ไม่เพียงแต่ชนะในการชกแต่ยังชนะใจคนดู ความสำเร็จบนจอนี้เกิดจากคน 2 คนที่กลับมาจับมือกันอีกรอบ ระหว่าง Russell Crowe และ Ron Howard

...Ron Howard เป็นผู้กำกับที่ค่อนข้างจะเชื่อใจในผลงานได้ งานของเขามีทั้งประสบผลสำเร็จมากมาย และเงียบๆเจ๊งๆ สลับกัน แต่กระนั้น หนังที่เงียบที่สุดของเขาก็ไม่ได้เป็นหนังที่ย่ำแย่ สำหรับผมไม่เคยชอบงานของเขาชิ้นไหนที่มากเป็นพิเศษ เป็นแค่ชอบกลางๆไม่มีเรื่องไหนถึงขั้นประทับใจมาก อาจเป็นเพราะหนังของเขาส่วนใหญ่ค่อนข้างเล่นตามสูตรพอสมควร ไม่ค่อยกล้าและไม่มีอะไรที่ฉีกหรือแหวกสูตรตัวเองไป

หนังของ Ron Howard เรื่องที่ผมชอบสุดไม่ได้เป็นหนังดราม่าคว้ารางวัลอย่าง A Beautiful mind แต่กลับเป็น Drama - thriller อย่าง Ransom ในขณะเดียวกันงานที่ผมชอบน้อยสุดคือ How the Grinch Stole Christmas ที่ไม่ถูกจริตนัก และ เป็นอีกเรื่องที่จิม แครี่ย์น่ารำคาญมาก

...หนังสร้างความรู้สึกร่วมกับคนดูได้ดี เมื่อถึงคราวตกระกำลำบากหนังก็ทำให้เรารู้สึกหิวโซข้นแค้นไปกับตัวละคร เมื่อถึงคราวที่ต้องลุ้นหนังก็ทำเอาคนดูลุ้นแบบหายใจหายคอไม่ถนัดถนี่ การแสดงที่ยอดเยี่ยมตกเป็นของ Russell Crowe ชนิดไม่มีใครกังขา อีก 2 คนที่มาประกบเขาก็ทำหน้าที่ตัวเองได้ดี Renée Zellweger ยังรักษามาตรฐานมาได้ตั้งแต่ Cold mountain ทำให้เราเอาใจช่วยเธอผ่านวิกฤติอย่างใจจดจ่อ และ การแสดงของเธอช่วงท้ายๆยิ่งมีส่วนสำคัญ ที่ทำให้คนดูต้องลุ้น Jim Braddock ในการชกครั้งสุดท้ายมากยิ่งขึ้นไปอีก

ส่วน Paul Giamatti ให้การแสดงคุณภาพที่ช่วยบทของตัวเองเป็นอันมาก เพราะเหมือนบทนี้ หนังไม่ค่อยใส่ใจมากนัก ขาดมิติความลึก ขาดรายละเอียด ชนิดที่ว่าสามารถถูกกลบไปได้ง่ายๆเมื่อต้องมาประกบคู่กับ Jim Braddock อย่าง Russell Crowe แต่เพราะตัว Paul Giamatti เองที่ทำให้ตัวละครนี้ไม่แบนราบจนเกินไป น่าเสียดาย ถ้าหนังใส่ใจกับบทนี้มากขึ้นอีกนิด น่าจะเป็นอีกบทที่มีโอกาสส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัลคู่กับนักมวยตัวเองในช่วงเทศกาลรางวัลมากขึ้น

สิ่งที่ชอบ

1. Russell Crowe ... แสดงได้ดีอีกครั้ง ฉากที่ดีที่สุดฉากหนึ่ง คือ จุดต่ำสุดของ Jim Braddock ที่ต้องบากหน้าไปขอเงินกับเพื่อนฝูงที่เคยอยู่ระดับฐานะเดียวกัน เป็นการแสดงที่ไม่ต้องระเบิดอารมณ์แต่ปล่อยพลังออกมายอดเยี่ยมเหนือคำบรรยาย

2.ฉากชกมวยครั้งสุดท้าย ... ตรึงคนดูอยู่หมัดด้วยหมัดของจริงในจอ เป็นการกำกับช่วงเวลาที่ทำให้คนดูไม่สามารถละสายตาจากจอ ไม่อยากลุกออกไปไหน พร้อมกับลุ้นตามเหมือนกำลังลุ้นมวยของจริง (ชนิดขาขยับตามไม่รู้ตัว และ ถ้าอยู่ที่บ้านไม่ใช่อยู่สกาล่าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาตอน 18.45น. อาจส่งเสียงเชียร์ตามเย้วๆไปด้วยแล้ว) ไม่ใช่ได้แค่ลุ้นว่าใครแพ้หรือชนะ มันยังทำให้หัวใจคนดูพองโตขึ้นเรื่อยๆเมื่อหนังจบ

3.ดนตรีประกอบ ... สกอร์ในหนังโดย Thomas Newman เด่นมาก ช่วยเร้าอารมณ์คนดูโดยไม่รู้สึกว่ามันจงใจ และมันก็เข้ากับทุกๆฉากในเรื่องได้ดี

สิ่งที่ไม่ชอบ

1. หนังสนใจรายละเอียดอื่นๆน้อย ... การเน้นไปที่การชกมวย และตัว Russell Crowe มาก มีข้อดีคือทำให้เราเอาใจช่วยและเป็นพวกเดียวกับตัวเอก แต่ มันก็มีข้อเสียคือ รายละเอียดอื่นๆนอกจากตัวเอกที่ถูกตัดออกไป ทำให้หนังลดพลังในตัวในหลายส่วน เช่น เมื่อหนังต้องการจะทำให้เห็นว่าเขามีอิทธิพลกับคนในสังคมอย่างไร ผมกลับรู้สึกว่ายังไม่อินมากพอ เพราะหนังนำเสนอเรื่องราวความตกต่ำของคนอื่นๆน้อยมาก

แม้แต่ตัวละคร Joe Gould ทีเด่นเพราะการแสดงของ Paul Giamatti แท้ๆ หากขาดเขาไปน่าสงสัยว่าบทนี้จะยิ่งแบนราบไม่น่าสนใจมากแค่ไหน นอกจากนี้ ฉากที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอกหนังไม่สามารถทำได้มีพลังมากพอ เหมือนแค่แซมมาเพื่อให้มีใช้ประโยชน์บางอย่าง เช่น ฉากการตายของตัวละครหนึ่งในเรื่อง ช่วงเวลานั้นไม่ทำให้คนดูรู้สึกร่วม แค่เอาประโยชน์จากการตายนี้มาใช้ตอนท้ายเท่านั้น ที่ให้ตัว Mae กลัวสูญเสีย Jim

สรุป ... ไม่ชอบชกๆต่อยๆ เกลียดกีฬาชกมวย ควรหลีกเลี่ยง เพราะหนังชกกันทั้งเรื่อง แต่สำหรับคอดราม่าหรือหนังคุณภาพ เป็นหนังที่ไม่น่าพลาด ไม่น่าเบื่อ เป็นหนังดราม่าที่แทบจะหาข้อตำหนิไม่ได้ แต่ มันก็ยังไม่ได้ให้ความรู้สึกเต็มอิ่มชนิดเข้มข้น

หากเป็นมวยก็เป็นมวยประเภทที่ชนะคะแนนคนดูอย่างผมแต่ยังไม่ถึงขั้นน็อคให้ตายคาโรงได้ เป็นงานที่น่าจะได้เข้าชิงรางวัลปลายปีหลายรางวัล (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Russell Crowe โหรผมฯขอฟันธง ว่าเข้าชิงแน่นอน) ตอนนี้ได้แต่เฝ้านอนรอว่า The Da Vinci Code ของ ผู้กำกับคนนี้จะออกมาอย่างไร


ติดตามบทความใหม่ๆ หรือ บทความน่าสนใจ หรือ เริ่มต้นอ่านBlogนี้มีข้อสงสัย คลิกไปเริ่มต้นที่ --> หน้าแรก


รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง



ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป




 

Create Date : 28 กันยายน 2548
21 comments
Last Update : 10 เมษายน 2549 22:53:32 น.
Counter : 4715 Pageviews.

 

ไปดูมาเมื่อวันอาทิตย์ค่ะ ชอบมากเลยค่ะ

วิจารณ์เขียนได้ดีจัง

 

โดย: keyzer 28 กันยายน 2548 23:30:26 น.  

 

ขอบคุณค่ะ
ของเราคงไปดูในโรงไม่ทันแล้ว
เดี๋ยวรอดีวีดีออกมา ไปหามาดูดีกว่า
น่าสนใจมากเลยค่ะ

 

โดย: พฤษภาคม 2510 29 กันยายน 2548 0:46:56 น.  

 

ไปดูมาเมื่อวันอังคารค่ะ russell crowe เล่นดีมากๆ โดยเฉพาะฉากที่ไปขอบริจาคเงิน พอเห็นเค้าน้ำตาคลอแล้วเราน้ำตาไหลไม่รู้ตัวเลยค่ะ

 

โดย: melancholia IP: 58.10.76.37 29 กันยายน 2548 16:28:37 น.  

 

มาลงชื่อหลังจากอ่านเสร็จครับ

 

โดย: SpicyDevil IP: 137.92.97.111 29 กันยายน 2548 20:40:28 น.  

 

ตามมายืนยัน ความเยี่ยม อีกที

ปล. ขออนุญาตแอดคุณ ไว้ใน Friend's Blog
นะครับ

 

โดย: JediAcademy 29 กันยายน 2548 20:56:35 น.  

 

เขียนได้ดีมากเลยครับ แต่รู้สึกว่าคุณจะวิจารณ์แต่หนังใหม่เท่านั้น ไม่วิจารณ์หนังเก่าบ้างเหรอครับ
//www.afi.com/Docs/tvevents/pdf/movies100.pdf

 

โดย: A Muggle IP: 141.140.6.77 30 กันยายน 2548 6:59:25 น.  

 

สวัสดีค่ะ

เพิ่งไปดูหนังเรื่องนี้เมื่อวานนี้เองค่ะ

เพิ่งเขียนถึงวันนี้


คุณยังเขียนวิจารณ์ได้ดีเหมือนเคยนะคะ เก็บรายละเอียดมาเขียนได้ครบด้วย

กับบางเรื่องที่เรารู้สึกตอนได้ดู พอเขียนจริงๆ ก็กลับลืมไปซะนี่ มาได้นึกทวนอีกทีตอนอ่านของคุณนี่หละค่ะ


ยังติดตามอย่างสม่ำเสมอนะคะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 30 กันยายน 2548 11:06:28 น.  

 

ชอบหนังเรื่องนี้มากๆในแง่มุมที่พูดถึง second chance จริงอย่างที่ Jim พูดว่า มีน้อยคนที่จะได้รับโอกาสครั้งที่ 2 ในชีวิต หนังทำให้เราเห็นว่า คนเราทุกคนมี strength อยู่ลึกๆภายใน และ jim ก็เลือกใช้ strength ในด้านบวกของตัวเองเมื่อโอกาสครั้งที่ 2 ของเค้ามาถึง เป้นหนังที่ให้กำลังใจในการสู้ชีวิตได้ดีมากๆเรื่องนึงเลยค่ะ ส่วนตัวชอบอ่าน review ของคุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" มากๆ ชอบแง่มุมในการมองและวิเคราะห์มนุษย์ผ่านตัวหนังของคุณมากๆค่ะ แล้วจาติดตามอ่านไปเรื่อยๆนะคะ

 

โดย: beau IP: 203.144.210.52 30 กันยายน 2548 15:32:21 น.  

 

"ไม่ชอบชกๆต่อยๆ เกลียดกีฬาชกมวย ควรหลีกเลี่ยง"

..ชกกันเยอะขนาดนี้เลยเหรอคะ ^^

 

โดย: ~ ส้มๆอมชมพู ~ 30 กันยายน 2548 18:55:23 น.  

 

ไปดูมาแล้วคะ
รวมๆชอบคะ
ตอน match สุดท้ายเนี่ยเผลอลุ้น
ยังกะเชียร์มวยจริงๆเลยละ
ชอบ PAUL คะเล่นดี
เสียแต่บทน้อยไปหน่อย

 

โดย: bi-tong IP: 202.28.181.10 1 ตุลาคม 2548 16:51:20 น.  

 

อยากดูเรื่องนี้เหมือนกันครับ
กะดูพรุ่งนี้ (มั้ง)
แต่ไม่ชอบรัสเซล โครว์ เลย
ให้ตายสิ

 

โดย: it ซียู (it ซียู ) 2 ตุลาคม 2548 12:59:27 น.  

 

สวัสดีค่ะ
ดูแล้วสมเป็นซินเดอเรลล่าจริงๆ คือเป็นคนดี ทำดี และ ได้ดี
ตัวหนังทำได้สนุก ตรึงความรู้สึกของคนดูและรู้สึกร่วมไปกับหนัง ในทุกอารมณ์ ทั้งอารมณ์สมหวัง ผิดหวัง ตกอับ และ ชัยชนะ
ชอบการแสดงของรัสเซล โครว์ แม้ตัวจริงจะมีปัญหาการควบคุมอารมณ์ แต่ยอมรับว่าฝีมือการแสดงดีมากๆ ถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครได้ดี
ฉากที่ชอบ
ฉากที่ไปขอเงิน เห็นจากสีหน้าและแววตาแล้วเข้าใจความรู้สึกโดยไม่ต้องพูด
ส่วนอีกฉากชอบการโต้ตอบที่ทำให้เห็นว่าพระเอกฉลาดทางความคิดและอารมณ์ คือฉากที่ถูกเยาะเย้ยถากถางว่าอยู่หลังภรรยา
และชอบ เรเน่ เดิมชอบอยู่แล้ว เพราะบุคลิกน่ารักดีเห็นแล้วขำ และเรื่องนี้เล่นได้น่ารักดีเหมือนเคย และชอบตอนที่ไปงานเลี้ยงกับพระเอก ท่าทีที่เรเน่แสดงออกว่าไม่ชอบนักมวยอีกคน สื่อทำให้รู้สึกว่าเค้าคอยอยู่เคียงข้างพระเอกจริงๆ

 

โดย: 1993 IP: 61.91.135.119 3 ตุลาคม 2548 21:26:56 น.  

 

ชอบ Russell Crowe มากๆๆๆๆๆ ตั้งแต่ insider ไม่เคยผิดหวังกับหนังที่เค้าเลือกแสดง เมื่อวานไปดู Cinderella Man มา หนังดีมากๆๆๆ ทำให้เรามีกำลังใจ

 

โดย: surfboard IP: 221.128.107.235 4 ตุลาคม 2548 10:06:29 น.  

 

เป็นหนังอีกเรื่องที่ผมดูแล้วชอบมากๆของปีนี้ครับ
แต่ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับที่พี่ว่า หนังสนใจรายละเอียดอื่นๆน้อย สำหรับผม เพียงแค่ครอบครัวของ แบรดดอก ก็สื่อความเป็นอยู่ของสังคมเพียงพอแล้ว อีกทั้งปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทที่ท่าเรือ หรือ เหตการณ์ตามท้องถนนที่แทรกเข้ามาเรื่อยๆ

แต่สิ่งนึงที่ทำให้ผมยอมรับ และคิดว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของหนัง คือ ความเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีเหลือเกินของแบรดด้อก ไม่ว่าจะขัดสนเพียงใด แต่ความสุขของครอบครัว แกทำได่ทุกอย่างไม่เคยหงุดหงิดกับปัญหาต่างๆเลย

 

โดย: infonoom (infonoom ) 4 ตุลาคม 2548 13:34:10 น.  

 

คนที่ได้ดูหนัง
คงได้เก็บเกี่ยวข้อคิดดีๆ จากชีวิตผู้ชายคนนี้
ผู้ชายที่จัดได้ว่า..สามารถทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ทุกบทบาท
สามี พ่อ เพื่อน ....ความเป็นผู้ชาย

ฉากที่เค้าสอนลูก ตอนที่ขโมยของ ก็สามารถเรียกความรู้สึกได้
"ความจน...ไม่ใช่ข้ออ้างที่ทำให้เราต้องขโมย"
แล้วเค้าก็เข้าใจลูกเค้ามากๆ ถึงความวิตกกังวล
ที่เป็นตัวผลักดันให้ลูกเค้าทำลงไป

ตอนที่เค้าไปเปิดหมวก ขอเรี่ยไรเงินเพื่อนำมาจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ
ศักดิ์ศรี..ที่รักษาไว้ทั้งหมดก็ยอมลงให้ได้
ถ้าเพื่อครอบครัว เพื่อลูก เพื่อคำสัญญาที่จะไม่ให้ลูกไปไหน

เทียบสองฉากนี้....การยอมเสียศักดิ์ศรี ยังดีกว่าการถูกตราหน้าว่า เป็นขโมย

สรุปว่า....ชอบค่ะ




 

โดย: understatement 6 ตุลาคม 2548 13:44:02 น.  

 

เดี๋ยวจะไปดูครับ

 

โดย: nui IP: 203.209.32.175 13 ตุลาคม 2548 12:00:12 น.  

 

ตอนแรกได้ยินชื่อหนัง คิดว่า "เอ๊ะ มาแนวไหนหว่า"
เสียดายที่ใช้บัตร movie pass ดูไม่ทันแล้ว อาทิตย์ที่แล้วก็เหลือแต่โรง VIP ที่ MBK คงต้องรอดู DVD

 

โดย: chocolateสอดไส้มิ้นต์ผสมถั่ว IP: 61.90.97.146 16 ตุลาคม 2548 14:26:40 น.  

 

ชอบหนังเรื่องนี้มากครับ ขอบคุณสำหรับบทความ

 

โดย: bigBird IP: 203.146.94.193 19 ตุลาคม 2548 17:36:05 น.  

 

เมื่อวาน รอบสี่โมงเย็น ไปดูที่ลิโด3มา
คนดูราวสักสามสิบคน เข้าไปดูแบบไม่มีข้อมูลเลยว่า เป็นหนังแนวไหน ใครกำกับ ใครแสดง

แต่พอหนังเริ่ม เห็นหน้ารัสเซล โครว์ แล้วก้อ เห็นหน้าพอล เห็นหน้าเรเน่ เซลวีเกอร์ ก็เบาใจ เชื่อว่าหนังคงจะดี ดาราใหญ่ๆทั้งนั้น

ชอบพอล แสดงคับ ผมขอลุ้นในใจว่า อาจจะได้เข้าชิงตัวสมทบ

หนังเรื่องนี้กำกับดีคับ (มารู้ตอนท้ายว่า รอน โฮเวิร์ด กำกับ) ดนตรีดีคับ แสดงก้อดีคับ แต่ผมไม่ชอบเสื้อผ้า เนื้อผ้าดีดีทั้งนั้น และเปลี่ยนเสื้อผ้าบ่อย แม้จะสีตุ่นๆ ก้อเถอะ

เรื่องบทหรือปล่าว ก้อไม่รู้ ...ถ้านิ้วมือและฝ่ามือขวาเจ็บ ผมก้อเป็นห่วงว่า พระเอกไม่น่าจะชกต่อได้ และไม่น่าจะยกของหนักๆได้

ดูหนังไป ใจผมจะคอยเป็นห่วงตรงจุดนี้ตลอด

 

โดย: yyswim 25 ตุลาคม 2548 11:11:11 น.  

 

review ได้สุดยอดมากๆ ครับ ยังไม่ได้ดูต้องรีบหามาดูแล้ว

 

โดย: ultraman IP: 203.144.252.236 5 มกราคม 2549 12:19:50 น.  

 

แบรดดอกเป็นพระเอ๊ก..พระเอกไปหรือเปล่า ก็จริงอย่างที่วิจารณ์ไว้คือ บทของพอลนั้นสมควรจะมีรายละเอียดลงลึกกว่านี้ เพราะเขาเป็นตัวผลักดันสำคัญที่ทำให้แบรดดอกประสบความสำเร็จ แรงจูงใจที่เขาอยากช่วย ความคิดของเขาในเบื้องลึก เรื่องพวกนี้เราต้องเดากันเองแบบเอาใจช่วย

หนังให้ความสำคัญกับชีวิตตัวเอกอย่างมาก ยอมรับว่าฉากชกมวยทำได้ดี และบรรยากาศของยุคสมัยที่ได้อารมณ์ รู้สึกถึงความหนาว ความคับแค้น ความกดดันได้ดี ต้องยอมรับว่าฝรั่งทำรายละเอียดพวกนี้ได้ถึงกว่าเรามาก ทั้งฉาก การแต่งกาย แต่งหน้า ฯลฯ รวมไปถึงการแสดงที่เป็นธรรมชาติ จะรอดูว่าวันนั้นของหนังไทยจะมาถึงเมื่อไร...

 

โดย: Bkkbear IP: 58.10.177.146 11 มกราคม 2549 21:25:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
28 กันยายน 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.