อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเหมือนประเทศไทยเรา...ขอโทษด้วยนะคะที่เจ้าบ้านไม่ค่อยได้อัพเดทเลย อย่าเพิ่งโกรธกันนะคะ ไม่มีเน็ตเล่นหง่า... :( “Just being alive is such a lovely and wonderful thing”. - Aya (1 litre of tears)

Group Blog
 
 
เมษายน 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
14 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
How to prepare yourself: เตรียมตัวมาออสเตรเลีย

ให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย course เรียน

และที่พักไปบ้างแล้ว...คราวนี้มาศึกษาเรื่องการเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง

มาออสเตรเลีย (โดยเฉพาะท่านที่จะมาแทสมาเนีย) บ้างนะคะ

สิ่งที่ต้องเตรียมบรรจุลงกระเป๋าเดินทาง มีดังนี้จ้า...




1. เสื้อผ้า


พยายามเลือกเสื้อผ้าลำลองที่มีลักษณะเรียบง่าย ดูแลทำความสะอาดง่าย

ยิ่งถ้าเป็นเสื้อผ้าผู้หญิง ก็เลือกแบบที่ไม่ยับง่ายนะคะ จะได้ไม่ต้องรีด (แต่

ส่วนมาก คนที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ค่อยรีดผ้าหรอกค่ะ เพราะมี sweater สวมทับอีกที

เวลาหนาวๆ)


นอกจากเสื้อยืด กางเกงยีนส์ กางเกงขาสั้น และเสื้อกล้ามหรือแขนกุด(เผื่อ

หน้าร้อน) ก็อาจจะเตรียมเสื้อเชิ้ตและกางเกงทำงาน มาสักชุดนึงก็ดีนะคะ

เผื่อใส่ไปงานพิธีการนะ


ทั้งนี้ การเตรียมเสื้อผ้าที่จะใส่ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศของเมืองที่เราจะไปอยู่

ค่ะ ถ้าเป็นเมืองร้อนอย่าง Darwin, Townsvill, Cairns หรือ แม้แต่

Brisbane และ Gold Coast ก็ควรจะหาเสื้อผ้าแบบเนื้อผ้าฝ้ายหรือเสื้อผ้าที่มี

ลักษณะใส่สบายๆ เบาๆ ไปด้วยนะ แต่ว่าถ้ามาอยู่ในที่ๆ หนาวๆ แบบ

Tasmania และแม้แต่ Canberra, Melbourne ล่ะก็ ควรเตรียมเสื้อผ้าเมือง

หนาวมาเยอะๆ ค่ะ โดยเฉพาะถ้ามา Tasmania นะ ควรเตรียมเสื้อกันหนาว

3 ลักษณะค่ะ คือ เสื้อกันหนาวแบบบาง (กันลมเย็นๆ แต่ไม่หนาวมาก),

sweater แบบหนาๆ (สำหรับใส่ตอนฤดูหนาว และสำหรับเล่นหิมะได้) และ

เสื้อกันหนาวแบบกันฝน หรือเสื้อแบบมี hood ค่ะ (เพราะที่นี่ เอาแน่เอานอน

กับฝนไม่ได้นะ บางวันก็มีฝนตกหยิมๆ ทั้งวันเลยล่ะ)


บางคนมักจะแนะนำให้ติดชุดออกงานทั้งแบบสากลและชุดประจำชาติ (ชุด

ไทย) มาด้วย แอ้ก็เห็นด้วยกับการเตรียมชุดออกงาน เช่นชุด dress ของ

ผู้หญิง และ suit ของผู้ชาย เพราะว่าในบางครั้ง เราก็คาดคะเนไม่ได้หรอก

ค่ะว่า เราจะได้มีโอกาสออกงานกับเค้า เช่น งานแต่งงานเพื่อน งานรับ

ปริญญา และอีกมากมาย แต่เรื่องชุดไทย อืมม์ ถ้าเป็นที่ Hobart คงไม่ต้อง

เอามาอ่ะค่ะ เพราะไม่มีโอกาสได้ใส่แน่ๆ (คนไทยยังไม่ค่อยแน่นหนาเท่า

ไหร่ เพราะฉะนั้นจึงไม่ค่อยมีงานรวมตัวกัน หรืองานต่างๆ ที่ต้องโชว์ชุด

ประจำชาตินะ)


เสื้อผ้าที่นี่มีขายมั้ย? มีค่ะ แต่ว่าแพง! และคุณภาพก็สู้บ้านเราไม่ได้แน่นอน

เมื่อเทียบในราคาเดียวกัน แอ้เคยสังเกตเห็นว่า เสื้อยืดบางๆ แบบตามตลาด

นัดบ้านเราที่มีราคาแค่ 200 บาท เมื่อมาขึ้นราวโชว์ที่ห้างแถวนี้ โอว...ราคา

ขึ้นพรวดเป็น 600 บาทค่ะ!!! ทั้งๆ ที่เนื้อผ้าเดียวกัน (หรือด้อยกว่าของไทย

ซะอีก)




2. ชุดชั้นใน


อันนี้ขอบอกว่า ต้องเตรียมมาเยอะๆๆๆๆ ค่ะ เตรียมให้พอกับระยะเวลาที่เรา

จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นะคะ :) เพราะ..โดยเฉพาะสำหรับคุณผู้หญิง..เสื้อชั้นในที่นี่

แพงเหลือหลาย แถมยังไม่มี size สำหรับเราๆ ชาวเอเชียเสียอีก เนื่องจาก

สรีระไม่เหมือนกันนี่นา เพราะฉะนั้น เตรียมของบ้านเรามาเถอะนะคะ

ซื้อแบบยี่ห้อแพงๆ มาเลยก็ยังดีกว่ามาหาซื้อที่นี่ค่ะ




3. รองเท้า


ขอเป็นรองเท้าผ้าใบเลยค่ะ เอาแบบที่ใส่นุ่ม เบา สบาย เคลื่อนตัวได้สะดวก

และรวดเร็วนะคะ ไม่ผิดหรอกค่ะถ้าหากจะติดรองเท้าเก๋ๆ สวยๆ ตามแฟชั่น

อย่างเช่น รองเท้าแตะ รองเท้าส้นสูง มาสักคู่สองคู่ (เพราะที่นี่ รองเท้าแตะ

ส่วนใหญ่เป็นแบบคีบ ราคาอย่างต่ำคู่ละ $15 ส่วนรองเท้าส้นสูงที่ขายบ้าน

เรา 199.- ที่นี่ขายประมาณคู่ละ $39 up ค่ะ!!) แต่ว่ายังไงก็ตาม แอ้ก็แนะนำ

ให้ใช้รองเท้าผ้าใบนะ เพราะถนนหนทางใน Tasmania เป็นเนินและทางชัน

ซะส่วนใหญ่ ต้องเดินขึ้นเขาลงเขากันขาขวิดแน่ๆ อีกอย่าง เวลาอากาศหนาวๆ

การใส่ถุงเท้าและหุ้มด้วยรองเท้าผ้าใบจะช่วยกันความเย็นได้เป็นอย่างดี

เลยค่ะ เพราะฉะนั้น..อย่าลืมพกถุงเท้ามาด้วยล่ะ (แต่ไม่ต้องเยอะนะคะ

มาหาซื้อที่นี่ก็ได้ เพราะที่นี่เค้ามีถุงเท้าแบบ wool ขาย ใส่แล้วอุ่นแน่นอน)




4. เครื่องใช้ไฟฟ้า


สิ่งสำคัญสำหรับการมาเรียนเมืองนอกคือ notebook ค่ะ เพราะการเรียนที่นี่

มี assignment เยอะมากกกกก เราควรจะมีคอมพิวเตอร์ฉบับพกพาที่สามารถ

หิ้วไปไหนต่อไหนได้ เพื่อทำรายงานหรือแม้แต่ทำงานกลุ่ม จะได้ไม่ต้อง

ไปลำบากแย่งเครื่องกับนักเรียนคนอื่นๆ ใช้ที่มหาวิทยาลัยนะคะ อีกอย่างนึง

คือ.. notebook ที่นี่ แพงค่ะ นอกจากแพงแล้วยังไม่ทันสมัยเท่าบ้านเราด้วย

แถมยังไม่มีโปรแกรม window ลงให้ด้วยนะ ต้องซื้อต่างหากค่ะ เวลาขาย

เค้าจะเสนอราคาขายเฉพาะเครื่องนะ โปรแกรมไม่เกี่ยว เฮ้อ...เห็นแล้วเซ็ง

เพราะฉะนั้น ถ้าตัดสินใจจะซื้อคอมอยู่แล้วก็ซื้อเถอะค่ะ ไม่เสียใจแน่นอน

แล้วก็..หาซื้อแผ่นโปรแกรมที่ต้องการติดตั้งในเครื่องด้วยนะคะ เพราะที่นี่

รับรองว่าหาไม่ได้ อิอิ.. อ้อ! อย่าลืมแบตเตอรี่ด้วยค่ะ สำคัญนะ


เครื่องใช้อื่นๆ ที่แนะนำให้พกติดมามีดังนี้ค่ะ..

- เครื่อง charge ถ่าน (กรณีใช้ถ่านแบบ rechargeable)

- adapter (ปลั๊กเปลี่ยนขาแบบ 3 ขา ตัวขาทรงแบนเอียงเข้าหากัน)

ออสเตรเลียใช้กระแสไฟฟ้า 220-240 โวลต์ค่ะ (ถ้าไม่มีก็มาหาซื้อที่นี่ก็ได้

ค่ะ แต่รับรองว่าที่ไทยถูกกว่าแหงๆ)

- ไดร์เป่าผมไฟฟ้า (ขนาดเล็กๆ ก็พอค่ะ จะได้ไม่หนักกระเป๋า)

- soundabout, MP3 player, I-POD, sound recorder (แล้วแต่สะดวกค่ะ)

เอามาฟังแก้เหงา แถมยังมีประโยชน์ใช้งานทางด้านการศึกษาด้วยนะ (ใช้

อัด lecture ได้ค่ะ)

- เครื่องคิดเลข > ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราเรียนอะไรนะ กรณีแอ้ แอ้เรียน MBA

ซึ่งมีวิชาคำนวณอาทิเช่น Stats, Finance และ Economic เพราะฉะนั้นจำ

เป็นต้องใช้เครื่องคิดเลขค่ะ แต่ว่า เค้าไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องคิดเลขที่

สามารถบันทึกสูตรทางคณิตศาสตร์ได้นะคะ มิเช่นนั้น จะโดน ban ในห้อง

สอบค่ะ

- Talking dictionary จำเป็นนะคะ อย่าทำเป็นเล่นไป (อิอิ)




5. เอกสารสำคัญ


- หนังสือเดินทาง (passport) ที่มีวีซ่าประทับเรียบร้อย


*ระยะเวลาในการทำ Passport & Visa

- passport = 2-3 วัน / Visa = ประมาณ 1-2 เดือน


*หลักฐานที่ใช้ในการทำ Passport & Visa

- ทำ passport ใช้บัตรประชาชนอย่างเดียว

- ขอ Visa ใช้หลักฐานดังนี้...

1. สำเนา Passport

2. สำเนาบัตรประชาชน

3. สำเนาทะเบียนบ้าน

4. *หนังสือรับรองสถานภาพทางด้านการเงิน (Statement) ที่แสดงยอดเงินใน

บัญชี ณ ปัจจุบัน สามารถทำเรื่องขอจากธนาคารได้โดยใช้เวลาประมาณ

1-2 วันค่ะ

5. สำเนาสมุดบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน (ดูว่ามีการเคลื่อนไหวของเงินที่ฝาก-ถอน

จากบัญชีบ่อยแค่ไหน หากใครเพิ่งนำเงินเป็นหลักแสนหลักล้านมาเข้าพรวด

เดียวก่อนขอ VISA ก็น่ากลัวอยู่ เพราะทางเจ้าหน้าที่จะสงสัยเอานะคะ)


- ตั๋วเครื่องบิน


- เอกสารด้านการศึกษา ได้แก่ จดหมายยืนยันการลงทะเบียนจากสถาบัน

(confirmation of enrolment หรือ COE form) ใบแสดงผลการศึกษา

(transcript) ของสถาบันเดิม ผลการทดสอบภาษาอังกฤษ (TOEFL หรือ

IELTS) และจดหมายรับรองจากอาจารย์หรือที่ทำงาน (letter of

recommendation)


- เอกสารด้านการเงิน เช่น บัตรเครดิต bank draft และ traveller's cheque



- หากคิดจะไปหาประสบการณ์ทำงานที่ออสเตรเลีย ก็ควรเตรียมเอกสาร

เกี่ยวกับการทำงาน เช่น ประวัติการทำงานแบบย่อ (resume หรือ CV)

หนังสือรับรองการทำงาน และอย่าลืมบอกผู้ที่เราต้องการใช้ชื่อเป็นผู้

รับรอง (referee) ให้ทราบล่วงหน้าด้วยตามมารยาท


- เงินสด ไม่แนะนำให้นำเงินสดติดตัวไปมากนัก เพราะมีข้อจำกัดของทาง

รัฐบาลออสเตรเลีย (อนุญาตให้พกพาเงินสดติดตัวได้ไม่เกิน AU$ 10,000)

แถมยังไม่ปลอดภัยอีกด้วย ควรจะพกติดตัวไปสำหรับพอใช้ในช่วงเดือน

แรกแค่ประมาณ AU$ 1,000 ก็พอค่ะ ส่วนที่เหลือก็ซื้อเป็น Bank draft

หรือ Traveller's cheque ไว้นะ พอมาถึงที่นี่ก็จัดการไปฝากธนาคารให้

เรียบร้อย


- ถ้าวางแผนจะซื้อรถขับที่นี่ หรือเช่ารถขับไปเที่ยวช่วงปิดเทอม ก็ควรจะ

เตรียมทำใบขับขี่สากล (International Driver's Licence) จากเมืองไทยให้

เรียบร้อยเลยจ้า เสียค่าธรรมเนียมแค่ 500 บาทเท่านั้น ใช้เวลาทำแป๊บเดียว

ก็ได้แล้วค่ะ ใบขับขี่สากลมีอายุ 1 ปีหลังจากวันออกบัตร ถ้าหากอยู่ที่

ออสเตรเลียเป็นเวลานานมากกว่า 1 ปีล่ะก็ อาจจะทิ้งเอกสารจำเป็นอย่าง

เช่น รูปถ่าย 2" สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และใบขับขี่ภาย

ในประเทศไทยไว้ให้คนที่อยู่ที่ไทย เพื่อจะได้สามารถช่วยนำไปยื่นทำใบขับ

ขี่สากลให้ใหม่ได้ค่ะ (ใบขับขี่สากล เมื่อหมดอายุแล้ว ไม่มีการต่ออายุ ต้อง

ทำใหม่เท่านั้น เสียค่าธรรมเนียม 500 บาท เท่าเดิมค่ะ) อ้อ..แต่ที่สำคัญ ถ้า

จะให้คนที่อยู่ที่ไทยจัดการธุระอะไรสำคัญๆ แบบนี้ล่ะก็ อย่าลืมเซ็นใบมอบ

อำนาจทิ้งไว้ที่ไทยบ้างนะคะ เผื่อฉุกเฉินค่ะ


- Dictionary อังกฤษ-ไทย, ไทย-อังกฤษ หรือ อังกฤษ-อังกฤษ (เวลาเข้า

ห้องสอบ อนุญาตให้ใช้ อังกฤษ-อังกฤษได้ค่ะ แต่ต้องนำไป register และ

ผ่านการตรวจสอบจาก administration ของมหาวิทยาลัยก่อนนะ)


- ถ้ามีโรคประจำตัวที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษหรือต้องกินยา

พิเศษล่ะก็ อย่าลืมให้แพทย์ประจำตัวเขียน referee (จดหมายอ้างอิง) เกี่ยว

กับประวัติการรักษา โรคประจำตัว และยาที่ต้องใช้ด้วยนะคะ จะได้นำมายื่น

ให้แพทย์ที่นี่รักษาอาการต่อได้ค่ะ อยู่ที่ออสเตรเลียลำบากหน่อยตรงที่ว่า

อาการบางอย่างที่ต้องได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่ง เช่น

การจัดฟัน จำเป็นต้องมี referee จากคุณหมอที่ไทยมายื่นเพื่อส่งมอบไข้ให้

ดูแลแทน ซึ่งก็จะทำให้ขั้นตอนในการพบแพทย์เป็นไปอย่างสะดวกและรวด

เร็วขึ้นนะคะ เรื่องยาก็สำคัญค่ะ ถ้าใครรู้ว่าตัวเองแพ้ยาอะไร หรือจำเป็นต้อง

กินยาประเภทไหนอย่างต่อเนื่อง ต้องให้แพทย์เขียน prescription มาเลย

ค่ะว่า ยาชื่ออะไร ใช้ปริมาณเท่าไหร่ เพราะถ้าไม่มีใบสั่งยาล่ะก็ เราจะไม่

สามารถหาซื้อยาแบบเฉพาะโรคตามร้านขายยาทั่วไปได้เลย เพราะเค้าจะไม่

จ่ายยา จนกว่าจะมีใบสั่งยาจากแพทย์นะคะ




6. ของใช้เบ็ดเตล็ด


นอกจากสิ่งของหลักๆ ที่ต้องเตรียมไปแล้ว เราควรจะเตรียมของใช้เบ็ดเตล็ด

เหล่านี้ไปด้วย เผื่อฉุกเฉินนะคะ


- ของใช้ส่วนตัวสำหรับพอใช้ในระยะแรกๆ เช่น สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน

(รวมถึงแปรงสีฟันสำหรับผู้จัดฟันด้วย) ไหมขัดฟัน ยาสระผม ครีมนวดผม

ครีมบำรุงผิว โลชั่นกันแดด ลิปสติกกันแดด ผ้าอนามัย

จริงๆ แล้วของพวกนี้หาซื้อได้ในออสเตรเลียนะคะ เพียงแต่มีราคาแพง และ

อาจจะมีลักษณะคุณสมบัติที่ไม่ค่อยถูกใจเราคนไทยนัก เช่น ยาสีฟัน ที่นี่

ส่วนใหญ่เน้นของ colgate ค่ะ (แอ้ยังคิดถึงยาสีฟันที่ไทยเลย เพราะมีให้

เลือกเยอะกว่า) ยาสระผมและโลชั่นบำรุงผิว ก็ไม่มียี่ห้อที่เราต้องการเท่า

ไหร่นัก โดยเฉพาะเนื้อครีมบำรุงผิว ก็จะออกแนวๆ เหนียวเหนอะหนะซัก

หน่อย เป็นเพราะอากาศที่นี่แห้งค่ะ เค้าก็เลยใส่ moisturiser เยอะนะ แล้วก็

แน่นอนล่ะว่า เค้าไม่มี whitening cream เหมือนบ้านเรานะคะ ครีมทาหน้า

ทั่วๆ ไป เช่น ยี่ห้อ Garnier หรือ Oil of Olay ที่นี่มีตั้งแต่ราคาประมาณ

$13 - $30 ค่ะ เพราะฉะนั้นเตรียมมาเลยค่ะ

ส่วนผ้าอนามัย ที่นี่ก็มีค่ะ แต่ก็อีกแหละ บ้านเรา choice เยอะกว่า

แล้วก็ถูกกว่า สังเกตว่าที่นี่ ผ้าอนามัยปริมาณ 20 ชิ้น (แบบธรรมดา) ราคา

ประมาณ 150-200 บาทนะคะ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อค่ะ แต่ยังไงก็ตาม เราก็คงขน

เจ้าผ้าอนามัยมาเยอะๆ ไม่ไหวแน่ๆ เพราะน้ำหนักและพื้นที่กระเป๋าจำกัดนะ

สิ่งที่แอ้อยากแนะนำเกี่ยวกับเรื่องผ้าอนามัยคือ ซื้อเฉพาะผ้าอนามัยที่ใส่

ตอนกลางคืน แบบขนาดยาวมากๆๆ อ่ะค่ะ (เพราะที่นี่ไม่มีอ่ะค่ะ) แล้วก็

ผ้าอนามัยแบบแผ่นเล็กๆ (pad) สำหรับบางคนที่นิยมใส่เพื่อสุขอนามัยส่วน

ตัวนะคะ เพราะสังเกตว่าที่นี่ผ้าอนามัยแบบนี้นับว่ามีราคาต่างจากที่ขาย

ที่ไทยเยอะมากค่ะ เนื้อผ้าของที่ไทยก็มีลักษณะใส่สบายกว่านะ

..พอดีกว่า พูดเรื่องผ้าอนามัยเยอะเกินแล้ว..อิอิ


- ขอเตือนคุณผู้หญิงอีกนิดส์นึงค่ะว่า ท่านใดที่มักจะปวดท้องประจำเดือน

บ่อยๆ (เหมือนแอ้) ไม่ต้องกังวลนะคะ ที่นี่มีกระเป๋าน้ำร้อนขายค่ะ ขนาด

ย่อมเยาว์ ราคาประมาณ $7 - $9 ไม่ต้องพกมาค่ะ แต่ว่า..ใครจะหนีบผ้า

ยางกันเปื้อนที่ใช้ปูรองที่ก้นเพื่อให้เกิดความมั่นใจระหว่างกลางคืนก็ได้นะ

ไม่ว่ากัน เพราะที่นี่ไม่ล่ะจ้า


- ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่และผืนเล็ก (ที่นี่ ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กสำหรับเช็ดหลังสระผม

ประมาณ $9 เป็นอย่างต่ำนะคะ)


- เป้ ย่าม กระเป๋าเอกสาร กระเป๋า notebook หรือจะเป็นกระเป๋าสะพายตาม

fashion ก็ได้ค่ะ


- แว่นตากันแดด จริงๆ แล้วที่นี่มีขายทั่วไปค่ะ เพราะว่าคนออสเตรเลียเค้า

นิยมใส่แว่นตากันแดดกันอยู่แล้ว แดดเค้าแรงจริงๆ ค่ะ ต้องถนอมสายตา

ก่อนหน่อย แต่ว่า..ถ้าจะซื้อที่นี่ล่ะก็ ต้องยอมรับเรื่องราคาแพงและ design

เชยของเค้าให้ได้นะ แอ้เคยเดินตลาด salamanka (ตลาดนัดวันเสาร์-

อาทิตย์) ของที่นี่ แอบไปเห็นแว่นตากันแดดร้านนึง โอ้โห...ราคาแบบบ้านๆ

เราก็ประมาณ 199 - 300 บาท แต่ที่นี่...ด้วยคุณภาพที่เท่ากันหรือต่ำกว่า

design ก็งั้นๆ ราคาขายพุ่งพรวดขึ้นไปเป็น 2 เท่าค่ะ เพราะฉะนั้น ถ้าพอ

เหลือที่ในกระเป๋า ก็จัดเตรียมไปสัก 1 อันก็ดีนะคะ


- นาฬิกาปลุก เอาแบบเรือนเล็กๆ แต่ไม่พังง่ายนะคะ


- ร่ม (ถึงฝนไม่ตก ก็เอามากันแดดก็ยังดีค่ะ เพราะแดดแรงเหลือหลาย)

และ/หรือ ชุดกันฝน


- CD เพลงหรือหนังที่ชอบ เอาไว้แก้เหงาและคลายเครียดค่ะ


- ไฟฉายกระบอกเล็กๆ


- เครื่องเขียนอุปกรณ์การเรียน... เห็นเรื่องนี้แล้วอดพูดไม่ได้ เกี่ยวกับไส้

ดินสอกดค่ะ ขอให้เตรียมกันมาเยอะๆ เป็นโหลเลยก็ได้นะ สำหรับคนที่ชอบ

ใช้ดินสอเขียนเป็นประจำ เพราะที่นี่หาไส้ดินสอ 2B แทบไม่ได้เลยค่ะ เค้ามี

ขายแค่ HB อ่ะ..เซ็ง.. ส่วนเรื่องเครื่องเขียนอื่นๆ ที่นี่ก็มีหมดล่ะค่ะ แต่ว่าจะ

เตรียมปากกาด้ามสวยๆ หมึกสีๆ เขียนดีๆ มาสัก 2 แพ็คก็ดีเหมือนกันนะ

คะ :)


- ถ่าย AAA, AA เตรียมมาให้พอสำหรับใส่นาฬิกาปลุก, กล้องถ่ายรูป แล้วก็

talking dictionary ค่ะ...แต่ยังไงก็ตาม ที่นี่ก็มีขายนะ


- กล้องถ่ายรูป digital > อันนี้ไม่ควรพลาดน้า Tasmania สวยมากๆ ใคร

อยากเก็บภาพสวยๆ ไว้ในความทรงจำตลอดไป ตัดสินใจซื้อกล้องได้เลย

ค่ะ ไม่ควรมาหาซื้อที่นี่นะ สาเหตุก็เหมือนเดิมแหละค่า..แพง!


- โทรศัพท์มือถือ > แนะนำให้เลือกซื้อโทรศัพท์มือถือแบบ Triple band

ซึ่งสามารถเปิดใช้เครือข่ายของที่นี่ได้ค่ะ ที่นี่ก็มีขายนะคะ ราคาก็ไม่ค่อย

ต่างกันนัก แต่ว่า...มือถือบ้านเรา in trend กว่าเยอะ..อิอิ


- อุปกรณ์เสริมสำหรับผู้ที่ชอบ chat ผ่านอินเตอร์เน็ต อาทิ microphone

และ web cam


- ของฝากเล็กๆ น้อยๆ สำหรับ homestay (host mom & host dad) หรือ

แม้แต่คนที่เรารู้จัก ซึ่งอาจจะเป็นเพื่อนร่วมชั้น เพื่อนบ้าน หรือครูบาอาจารย์

นะคะ ของที่แอ้เตรียมมาก็เป็นพวก magnet รูปไทยๆ ที่ทับกระดาษ ผ้า

พันคอใยไหม เน็คไท และภาพไทย เป็นต้นค่ะ


- เครื่องดื่มสำเร็จรูป จำพวก กาแฟ 3 in 1 (จริงๆ แล้วที่นี่มีขาย แต่มีเฉพาะ

ยี่ห้อ Nescafe ค่ะ) หรือ Ice Tea (ไม่มีแน่นอน) แต่ Milo มีขายเป็นแบบ

กระปุกอยู่แล้วนะคะ ไม่ต้องขน Milo มาค่ะ


- สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำขนม (แบบแอ้) และมีที่ว่างในกระเป๋าพอที่จะใส่

อุปกรณ์อาทิ เทียนอบหอม(ใช้รมควันอบขนมให้หอมกรุ่นแบบไทยๆ), กลิ่น

นมแมว (ที่นี่ก็มีขาย แต่บางทีของก็หมดอายุไปนานแล้ว) กลิ่นใบเตย (กลิ่น

มะลิ กลิ่นวานิลลา และกลิ่นกาแฟมีขายที่นี่นะคะ), ไม้ครองแครง (เผื่อใคร

นึกครึ้มอยากทำขนมครองแครงกรอบหรือแม้แต่ครองแครงน้ำกะทิ


- ใครที่รักสวยรักงาม ก็หนีบเอาเครื่องสำอางค์ที่ชื่นชอบมาด้วยสักชุดนึง

แล้วก็พกตุ้มหู สร้อย นาฬิกามาด้วยนะคะ เพราะที่นี่แพง..อีกแล้ว โดย

เฉพาะตุ้มหู เห็นแล้วทำใจไม่ได้ค่ะ บ้านเราขายคู่ละ 5 - 20 บาท มาอยู่ที่นี่

ตุ้มหูมัน go inter ราคาพุ่งปี๊ดดดดดดดไปเป็นเท่าไหร่ ให้ทายค่ะ..ติ๊กต่อก

ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก... ออดดดดดด หมดเวลา ที่นี่เค้าขายกันคู่ละ $2 เหรียญ

(60 บาท) เป็นอย่างต่ำ บางคู่ก็ปาไปเป็นร้อยๆ กว่าบาท ทั้งๆ ที่เมืองไทย

ขายกันแค่คู่ละ 20 นะค้า เจ้าประคู้ณณณณณณ....







นอกจากสิ่งของที่ต้องเตรียมไป สิ่งหนึ่งที่ละเลยไม่ได้คือ การเตรียมตัวของ

เราเองนะคะ การรักษาร่างกายและจิตใจของเราให้พร้อมก่อนเดินทางเป็น

สิ่งสำคัญมากๆ ค่ะ เพราะหากร่างกายเราอ่อนแอหรือมีจิตใจไม่พร้อมที่จะไป

เรียนต่อแล้วล่ะก็ อาจจะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ในอนาคตได้นะคะ


เพราะฉะนั้น แอ้ขอแนะนำดังนี้นะคะ...



@ สำหรับผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรงหรือมีโรคประจำตัว ควรตรวจร่างกายก่อน

มาให้พร้อม ปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการดูแลรักษาสุขภาพ และ

ขอใบสั่งยา (อย่างที่กล่าวข้างต้น) พร้อมทั้งใบรับรองแพทย์เพื่อ declare

ต่อเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรในการนำยาเข้าประเทศ และควรนำยาไปใน

ปริมาณที่พอเหมาะสำหรับระยะเวลาที่เราอาศัยอยู่ที่นี่ ที่สำคัญ ต้องมีใบ

รับรองและฉลากกำกับยาอย่างละเอียดนะคะ


*ยาสามัญที่ควรพกมาด้วย: พารา หรือซาร่า (ที่นี่แพงมากกก), ยาแก้หวัด

แก้น้ำมูก, ยาแก้แพ้, ยาคลายกล้ามเนื้อ (เช่น Neotica), ยาแก้ท้องเสีย, ยา

ระบาย, ยาหม่อง หรือยาสำหรับทาแก้แมลงสัตว์กัดต่อย, ยาดม, ยาแก้ปวด

ท้อง ประเภท ยาธาตุน้ำแดง น้ำขาว หรือ Mixture Calminative (ยาประจำ

ตัวแอ้เลยล่ะ ช่วยในการย่อยและลดอาการจุกเสียดแน่นท้อง), ยาแก้

อักเสบ, ยาแก้โรคกระเพาะ, ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน, ยาแก้ไอชนิดเม็ด, ยา

แก้ปวดท้องประจำเดือน (ponstan) เป็นต้น

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะและสภาพอาการโรคที่เราเป็นบ่อยๆ นะคะ ถ้ายังเหลือ

พื้นที่และน้ำหนักกระเป๋าพอ อยากแนะนำให้พกยาพวกนี้ไปจริงๆ ค่ะ เพราะ

สิ่งที่เราคาดไม่ถึง มักจะเกิดขึ้นกับเราเสมอ และครั้นจะมาหาซื้อที่นี่ มันก็ไม่มี

อย่างที่เราต้องการนะ


*บางคนที่มีปัญหาเรื่องความเครียดและโรคนอนไม่หลับ แนะนำให้ติด

ยาคลายเครียด หรือยานอนหลับมาด้วยก็ดีนะคะ จะหวังขอจากคุณหมอที่นี่

ไม่ได้แน่ๆ เพราะเค้าจะไม่ค่อยให้ตัวยาประเภทนี้หรอกค่ะ นอกจากว่าเราจะ

มีอาการหนักมากๆ จริงๆ


@ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องสายตา ควรตรวจวัดสายตาและตัดแว่นสายตาหรือเตรียม

คอนแทกเลส์ให้เรียบร้อย (เตรียมแว่นสำรองมาด้วยนะคะ) เพราะที่นี่ ค่าใช้

จ่ายด้านนี้แพงมากกกกกก แล้วก็ต้องไปหาหมอก่อนด้วยนะคะถึงจะตัดแว่น

หรือซื้อคอนแทกเลนส์ได้น่ะ


@ ผู้ที่ปัญหาเรื่องฟัน ต้องพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสอบและรักษาฟันตั้งแต่

เนิ่นๆ เพราะค่าใช้จ่ายที่นี่แพงมหาศาลอีกเช่นเดียวกัน เคยได้ยินมาว่าที่ถอน

ฟันซี่หนึ่งประมาณ $250 ค่ะ แม้เราจะไปตรวจฟันธรรมดา โดยไม่ได้ทำ

อะไรเลย ค่าใช้จ่ายขั้นต้นก็ $40 แล้วนะ...ประเด็นนึงที่แอ้อยากเตือนบรรดา

นักจัดฟันหัวอกเดียวกันกับแอ้ก็คือ อย่าลืมเช็คฟันให้ดีๆ ปรึกษาคุณหมอที่

ไทยอย่างละเอียดก่อนมา อุดฟันให้เรียบร้อย ขอใบ referee จากคุณหมอ

ในกรณีที่เหล็กหลุด (ถามหมอด้วยค่ะว่าใช้เหล็กเบอร์อะไร ที่นี่รับรักษา

เฉพาะคนไข้ที่ใช้เล็ก 0.22) แล้วก็เตรียมแปรงจัดฟัน แปรงซอกฟัน รวมทั้ง

retainer มาให้พร้อมค่ะ



...อย่าลืมนะคะว่า OSHC ไม่ cover การรักษาเกี่ยวกับตาและฟันนะคะ

เพราะฉะนั้นเตรียมตัวมาให้พร้อมค่ะ จะได้ไม่เสียใจภายหลังนะ...



**Tips ในการจัดกระเป๋า...

- ม้วนเสื้อผ้าเลยค่ะ ม้วนให้เล็กและบางที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วพยายามจับ

มันเบียดเสียดเยียดยัดกันลงไปตามช่องว่างที่เหลือ

- แต่ว่า..แม้จะม้วนเสื้อผ้าได้เยอะและยังมีที่เหลืออยู่พอให้ใส่ได้อีก ระวังนะ

คะ! ระวังเรื่องน้ำหนักกระเป๋าด้วยนะ ทั่วๆ ไปเค้าอนุญาตให้แค่ 20 kg.

สำหรับ load ใต้เครื่องค่ะ แต่บางสายการบินและพนักงานบางท่านก็หยวนๆ

ให้ได้ถึง 30 kg. นะ ด้วยเหตุที่เราเป็นนักเรียนไงล่ะ (พยายามออดอ้อน

หน่อยค่ะ อิอิ..บอกว่าต้องไปเรียนหลายปี) แต่ระวังนะคะ อย่าใส่ลงไปให้

ถึง 30 kg. เพราะว่าแขนอาจจะหักไหล่อาจจะหลุดจากข้อต่อกระดูกได้ แอ้

เคยทำมาแล้วค่ะ หนักอึ้ง ยกออกจากสายพานไม่ไหวเลยล่ะอยากจะบอก

ต้องวานคนมาช่วย

- กระเป๋าใบเล็กที่ถือขึ้นเครื่อง (hand carry) ระบุว่าห้ามเกิน 7 kg. ค่ะ แต่

แอ้ก็เคยแบกถึง 10 kg. มาแล้วนะ ผ่านฉลุย...(แต่หนักน่าดู ยู้ฮู..)

- อ้อ..ท่านใดมี notebook ให้จัดใส่กระเป๋า notebook แยกมาถือต่างหาก

เลยค่ะ เค้าไม่คิดน้ำหนักรวมกับ hand-carry ใบเล็กๆ (รวมถึงเป้สะพาย

ด้วย) อย่าทำแบบแอ้นะ คือแอ้ใส่ notebook ไว้ในกระเป๋าเป้ของ Nike ที่มี

ช่องใส่ notebook โดยเฉพาะ ผลคือ..เสียดายโอกาสค่ะ เราสามารถถือ

กระเป๋า notebook เพียวๆ มาได้โดยไม่คิดน้ำหนักรวมกับ handcarry เพราะ

ฉะนั้นแยกถือเถอะค่ะ เพียงแต่..อาจจะไม่สะดวกในการเคลื่อนย้ายกระเป๋า

สักเท่าไหร่ เพราะมือนึงต้องเข็นกระเป๋าใบใหญ่ อีกมือนึงถือ notebook แล้ว

ก็สะพายเป้ข้างหลัง หรือไม่ก็ต้องเอารักแร้หนีบ notebook แล้วเอาอีกมือนึง

ไปลากกระเป๋าใบเล็ก ...เฮ้อ ยุ่งค่ะยุ่ง... ใครถนัดแบบไหนก็เลือกกันเองนะ

ค้า...แต่แอ้ขอแนะนำให้สะพายเป้แทนการลากกระเป๋าใบเล็กอีกใบค่ะ (ถ้า

มี notebook ที่ต้องถือด้วยนะ)



ใครอยากทราบอะไรนอกเหนือจากนี้ ก็เขียนมาถามได้นะคะ

ยินดีให้คำแนะนำค่า...


...ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก IDP...



Create Date : 14 เมษายน 2551
Last Update : 16 เมษายน 2551 10:00:21 น. 15 comments
Counter : 8678 Pageviews.

 


โดย: the river of Aquarius วันที่: 15 เมษายน 2551 เวลา:0:46:58 น.  

 
Just dropping by to say hello ka.


โดย: CrackyDong วันที่: 15 เมษายน 2551 เวลา:3:04:02 น.  

 
ข้อมูลเป็นประโยชน์มากๆเลยค่ะ ..ของพี่สงกะสัยหากจะไปนี่คงจะหนีบสามีไปคนเดียวพอ..คริ คริ.. เลยวัยเรียนแย้ว..


โดย: Patarawan H วันที่: 15 เมษายน 2551 เวลา:5:09:11 น.  

 
โห...เยี่ยมไปเลยแอ้
อย่างนี้คนไหนจะไปเรียนต่อที่นี่ สบายแฮเลย
มี Guru ช่วยแนะนำทุกอย่าง ละเอียดมากๆ

ปล. สุขสันต์วันสงกรานต์เช่นเดียวกันจ้า... ^_^


โดย: jubjib (phil-harmonica ) วันที่: 15 เมษายน 2551 เวลา:11:41:36 น.  

 
ขอบคุณคุณแอ้ มากค่ะ
ใจดี และน่ารักมากๆ ที่ให้ความรู้ดีๆ อย่างนี้
ตอนแรกวิก้อติด Marketing ที่ UTAS ไปแล้ว(ได้ทุน) แต่เปลี่ยนมาเอา Monash แทนค่ะ เสียดายใจง ไม่งั้นได้เจอกันแล้วเนาะ
ยังไงก้อขอบคุณนะคะ ขอให้มีความสุขใน Tasmania ค่ะ


โดย: วิ IP: 118.172.50.176 วันที่: 23 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:32:45 น.  

 
ดีใจด้วยค่ะคุณวิ..เห็นคำว่า Monash แล้วก็อดยิ้มแทนไม่ได้ เพราะเป็นมหาลัยที่มีชื่อเสียงและมีการจัดการเรียนการสอนที่ดีค่ะ (เผลอๆ อาจจะดีกว่า UTAS ด้วยซ้ำ คิคิ) น่าเสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้เจอกันเนาะ..แต่ไม่เป็นไร แอ้ก็ขออวยพรให้คุณวิใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าและมีความสุข แล้วก็ประสบความสำเร็จในการเรียนนะคะ...แอ้เองก็นับวันกลับไทยแล้วล่ะ อีกแค่ไม่กี่วันก็จะสอบละ โชคดีนะค้า...


โดย: cadeau IP: 131.217.6.9 วันที่: 23 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:51:54 น.  

 
- ขอบคุณสำหรับข้อมูล แล้วก็อยากถามเรื่องเกี่ยวกับยาเพิ่มอีกนิดค่ะ
ยาที่ติดไปด้วยทุกตัวต้องระบุชนิดกับจำนวนในใบสั่งยา หรือว่าแค่ให้แพทย์เขียนรับรองว่าเป็นยาสามัญและมีอะไรบ้าง ไม่อยากไปซื้อยาที่AU


โดย: Qchn IP: 61.19.199.147 วันที่: 29 มิถุนายน 2551 เวลา:18:07:04 น.  

 
ถ้าเป็นไปได้ก็ให้แพทย์เขียนระบุมาให้ครบถ้วนดีกว่าค่ะ เพราะว่าที่นี่ค่อนข้างเข้มงวดกับเรื่องการนำเข้ายามากๆ เลยค่ะ


โดย: cadeau IP: 131.217.6.9 วันที่: 14 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:04:38 น.  

 
สวัสดีค่ะ ข้อมูลมีประโยชน์มากๆเลยค่ะ ขอถามเพิ่มค่ะถ้าจัดฟันอยู่ ไปหาหมอที่โน่นจัดต่อได้มั้ยค่ะ? ค่าใช้จ่ายต่อครั้งแพงมั้ยค่ะ?


โดย: zimbo IP: 124.120.20.7 วันที่: 25 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:20:19 น.  

 
คุณ zimbo คะ...จริงๆ แล้วตอนที่แอ้ไปเรียนที่นู่นก็อยู่ในช่วงจัดฟันเหมือนกันค่ะ แต่ว่าคุณหมอไม่ใส่ยางให้ ใส่เฉพาะลวดไปค่ะ เพราะจะได้ทำความสะอาดได้สะดวกหน่อย ส่วนเรื่องที่จะไปหาหมอฟันที่นู่น แนะนำว่าให้คุณหมอเขียน reference letter เผื่อไว้ให้คุณหมอที่นู่นดูค่ะว่า เราจัดฟันมานานแค่ไหนแล้ว ใช้ลวดจัดฟันเบอร์อะไร (เพราะหมอที่นู่น เท่าที่แอ้เคยไปหามา เค้าจะไม่รับทำฟันให้กับคนที่ใช้ลวดใหญ่หรือเล็กกว่าขนาด 22 mm มั้งคะ จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน) อีกอย่าง ทำฟันให้เรียบร้อย (อุด หรือถอน) ก่อนไปก็ดีเหมือนกันค่ะ เพราะหมอฟันที่นู่นค่อนข้างคิวเต็ม ไม่สะดวกเหมือนที่ไทยนะคะ แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลค่ะ เพราะว่าการจัดฟันไม่เป็นปัญหาหรืออุปสรรคในการไปเรียนต่อนะคะ (แต่แพงค่ะ..guarantee เลยว่าแพงมากกกกกกกก)


โดย: cadeau วันที่: 11 สิงหาคม 2551 เวลา:17:11:52 น.  

 
ขอบคุณคะ อีกสามอาทิดก็จะไปแล้วเหมือนกันคะ


โดย: noo IP: 125.26.44.54 วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:10:34:45 น.  

 

*ยาสามัญที่ควรพกมาด้วย: พารา หรือซาร่า (ที่นี่แพงมากกก), ยาแก้หวัดแก้น้ำมูก, ยาแก้แพ้, ยาคลายกล้ามเนื้อ (เช่น Neotica), ยาแก้ท้องเสีย, ยาระบาย, ยาหม่อง หรือยาสำหรับทาแก้แมลงสัตว์กัดต่อย, ยาดม, ยาแก้ปวดท้อง ประเภท ยาธาตุน้ำแดง น้ำขาว หรือ Mixture Calminative (ยาประจำตัวแอ้เลยล่ะ ช่วยในการย่อยและลดอาการจุกเสียดแน่นท้อง), ยาแก้อักเสบ, ยาแก้โรคกระเพาะ, ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน, ยาแก้ไอชนิดเม็ด, ยาแก้ปวดท้องประจำเดือน (ponstan) เป็นต้น
**ยาทั้งหมดที่พี่บอกมานี้เอาไปได้เลยหรือว่าต้องมีใบสั่งแพทย์ใบรับรองจากแพทย์ทุกอันที่พี่บอกมาคะ (พอดีชอบแพ้อากาศและปวดประจำเดือน)ยาแก้แพ้กับพอนแสตนนี่จำเป็นมากเลยค่ะ กลุ้มเรื่องนี้มากเลยค่ะ


โดย: Bizkit IP: 117.47.164.61 วันที่: 7 กันยายน 2551 เวลา:21:50:43 น.  

 
ถ้าเรามีทั้งกระเป๋าสะพายเล็ก ทั้งโน้ต
บุค และกระเป๋ากล้อง DSLR ละคะ เค้าจะนับน้ำหนักยังไง รวมกระเป๋า
กล้องด้วยไม๊คะ คงจะเป็นบ้าหอบฟางน่าดูเลยค่ะ


โดย: เทเลทับขี้จ้ะ IP: 124.120.165.180 วันที่: 29 กันยายน 2551 เวลา:1:44:33 น.  

 
++สวัสดีค่ะคุณ noo..ตอบช้าไปนะนี่เรา แหะๆ...ยินดีด้วยนะคะ ได้ไปแล้วเย้ๆๆๆ++

++ตอบคุณ Bizkit นะคะ...คงไม่ต้องเขียนใบรับรองแพทย์สำหรับทุกตัวยาหรอกค่ะ เอาเฉพาะยาที่แปลกๆ ที่ที่นู่นไม่มีขายและโดยเฉพาะยาที่ไม่มีฉลากภาษาอังกฤษกำกับว่าเป็นยาประเภทไหน มีตัวยาอะไรบ้าง อะไรประมาณน้าน แต่จะว่าไป แอ้เคยพกไปเยอะนะ เค้าไม่มาตรวจดูเลยอ่ะ ผ่านฉลุย แต่ขอย้ำว่า ยาประเภทมีฤทธิ์กดประสาท พวกยานอนหลับ อะไรประมาณเนี้ย ย้ำว่าต้องมีใบรับรองแพทย์นะคะ แล้วก็ระวังอย่าขนยาเม็ดแต่ละชนิดไปเยอะเกินขนาดที่จะทำให้เค้าสงสัยได้ว่าเราเอาไปขายค่ะ++

++คุณเทเลทับบี้(บ.ละกันเนาะ อิอิ)..กระเป๋า notebook สามารถ hand carry ไปได้ 1 กระเป๋าต่างหากเลยค่ะ แล้วก็สามารถนำกระเป๋าสะพายเล็ก (จะเป็นกระเป๋าสะพายแบบผู้หญิง หรือเป้สะพายหลังก็ได้) อันนี้ได้ไม่เกิน 7 kg. (แต่เพื่อนแอ้เคยแบกขึ้นตั้ง 10 kg. แน่ะ) เพราะฉะนั้น เรื่องกระเป๋ากล้อง ตัดทิ้งเลย ห้ามหิ้วไปให้เค้าเห็นระโยงระยางนะคะ อัดมันลงไปในกระเป๋าสะพายใบเล็กเลยค่ะ แล้วค่อยควักออกมาใช้ยามฉุกเฉิน....อยากบอกว่า แค่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่กับกระเป๋าสะพายเล็ก ก็หนักหน่วงเอาการแล้วนา โดยเฉพาะถ้าไป transit ที่ Sydney ด้วยแล้ว โอววว...เหนื่อยมั่กๆๆๆ แล้วถ้าเอา notebook ไปด้วย ก็ต้องเพิ่มความลำบากขึ้นอีกนิด แต่ก็ไม่มีปัญหาค่ะ เพราะคนส่วนใหญ่ก็ทำแบบนั้นแล จริงๆ นะ...สู้ๆๆๆๆ :)


โดย: cadeau IP: 124.121.8.217 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:16:02 น.  

 
ถามเรื่อง mba หน่อยครับ คืออยากเรียนแต่อยากรู้วิชาที่ต้องใช้เลขหรือคำนวณยากมากไหมครับ เพราะว่าไม่เก่งเลข


โดย: Dibb IP: 58.9.68.170 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:19:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

cadeau
Location :
Tasmania Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




Friends' blogs
[Add cadeau's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.