อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเหมือนประเทศไทยเรา...ขอโทษด้วยนะคะที่เจ้าบ้านไม่ค่อยได้อัพเดทเลย อย่าเพิ่งโกรธกันนะคะ ไม่มีเน็ตเล่นหง่า... :( “Just being alive is such a lovely and wonderful thing”. - Aya (1 litre of tears)

Group Blog
 
 
เมษายน 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
7 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
How to write an essay (1)

เข้าเรื่องการเขียน Essay กันซะทีนะคะ...ไม่ยากค่ะ

แต่ต้องตั้งใจอ่านกันให้ดีๆ น้า..


- Essay คืออะไร??.... ถ้าแปลเป็นไทยก็คือ "เรียงความ" ที่เราเคยเขียนส่ง

อาจารย์ตั้งแต่เด็กๆ นั่นแหละค่ะ หรือเรียกอีกอย่างเป็นภาษาอังกฤษว่า

"Composition" นะ ตอนที่แอ้เรียนอยู่ ป.ตรี มักจะเรียกคำนี้ค่ะ

อาจารย์ให้งานทีไรก็เป็นอันรู้กันว่า ต้องเขียน Compo อีกแล้ว :(




จำกันได้มั้ยเอ่ย ว่าตอนเด็กๆ อาจารย์เคยสอนไว้

ว่า เรียงความ ต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง....น่าน ๆๆๆๆ ลืมแล้วล่ะสิ... เรียงความ

ประกอบด้วย "คำนำ - เนื้อเรื่อง - สรุป" ไงล่ะจ๊ะ



Essay ก็เหมือนกันค่ะ เพียงแต่เป็นภาษาอังกฤษ เราก็แปลเลยค่ะ มาเป็น..

1. Introduction (บทนำ)

2. Body (เนื้อเรื่อง)

3. Conclusion (สรุป)


อ้อ! ลืมบอกอีกนิดส์ค่ะว่า...Essay ของฝรั่งเนี่ย อาจจะต่างจากเรียงความ

บ้านเราซักนิโหน่ย ถ้าพูดถึงเรื่องคำนิยามทั่วๆ ไปของ Essay ก็จะรู้กันว่า เป็น

งานเขียนที่ผู้เขียนบอกเล่า บรรยายเรื่องราว โดยมีแก่นเรื่องหลัก (Theme) อยู่

เรื่องนึงอย่างละเอียด ทั้งนี้ เป็นการนำเสนอความคิดเห็น (opinion) ของผู้เขียน

เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ โดยมีการนำเสนอตัวอย่าง ให้เหตุผล อธิบายเรื่องราวต่างๆ

มาประกอบหรือสนับสนุนถ้อยความที่กำลังพูดถึงอย่างชัดเจนค่ะ



สิ่งที่โดดเด่นของ Essay คือ ต้องเขียนให้ชัดเจน กระชับ ได้ใจความ และที่

สำคัญ ต้องมีเหตุผลหรือเหตุการณ์สนับสนุนความคิดเห็นของผู้เขียนด้วย

โดยผู้เขียนสามารถอ้างอิงงานเขียนหรือ idea ของนักปราชญ์ นักเขียน

นักการเมือง หรือนักอะไรต่อมิอะไร มาได้ "แต่ว่า"...ต้องมีการอ้างอิง

(reference) หรือให้เครดิตกับเจ้าของ idea ด้วยนะคะ มิฉะนั้นจะผิด

กฎหมายนะ โดยเฉพาะกฎหมายลิขสิทธิ์สำหรับทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ค่ะ

รู้มั้ยคะว่า มหา'ลัยที่นี่เค้า strict มากๆ เลยนะ จะมาทำแบบ copy แล้ว paste

ลงในรายงานแบบที่เราเคยทำในบ้านเราไม่ได้เลยล่ะ (อุ๊ย หลุดปากบอก

ความจริงในอดีต )ถ้าทำแบบนั้นล่ะก็

เค้าจะเรียกว่า Plagiarism ค่ะ ซึ่งหมายถึง

การขโมยเอางานหรือความคิดของคนอื่นมาเป็นของตน

โดยที่ไม่มีการอ้างอิงหรือให้เครดิตกับเจ้าของผลงานคนนั้น



ออกนอกเรื่องไปไหนต่อไหนแว้ววว...กลับมาๆๆ (บอกตัวเองค่ะ อิอิ)

สรุป สั้นๆ ง่ายๆ เลยนะคะ..



โครงสร้างของการเขียน Essay (Essay Structure) มีดังนี้:

1. Introduction


- กล่าวเกริ่นว่าจะพูดถึงเรื่องอะไร ซึ่งจะเป็น guideline ให้กับผู้อ่านได้ว่า Essay

นี้เกี่ยวกับอะไรนะคะ


- อาจเริ่มด้วยคำนิยาม (Definition) ของ title หรือคำศัพท์หลักๆ ที่เรา

ต้องการจะพูดถึง, การอ้างคำพูด (Quotations) หรือสุภาษิตคำคม (Proverb)

หรืออาจจะเป็นการเล่าเรื่องย่อๆ อ้างอิงจากประวัติหรือประสบการณ์ในอดีต

(very brief story / history background) หรือพูดถึงเรื่องทั่วๆ ไป (แต่ต้อง

เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องที่จะพูดต่อไปด้วย) หรือไม่ก็เปิดด้วยประโยคคำถามที่

น่าสนใจก็ได้นะคะ...เลือกเอาค่ะว่าอยากเริ่มแบบไหนดี ที่สำคัญ ต้องจูงใจ

และเชิญชวนให้ผู้อ่านสนใจที่จะติดตามเนื้อเรื่องต่อไปจนจบได้นะ


- ต้องมีประโยค Thesis statement (a sentence or two explaining

your opinion about the topic) พูดง่ายๆ คือ ประโยคที่บอกถึงแก่นหลัก

หรือความคิดหลักที่เราจะพูดถึงในเรื่องนี้ค่ะ ถ้าถามแอ้ ส่วนใหญ่แอ้จะเขียน

Thesis statement เป็นประโยคสุดท้ายของย่อหน้า Introduction นะ


- จากนั้น ย่อหน้าต่อไป ควรเป็น outline (โครงเรื่อง) ที่บอกว่าเราจะพูดถึง

อะไรบ้างใน Essay นี้ค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะเขียนประมาณว่า This essay aims to

(describe/explain/explore/compare and contrast...etc.)


แล้วต่อด้วยการบอกว่า essay นี้มีกี่ part (ตอน) เช่น There are ...parts

in this essay.


แล้วก็เริ่มลำดับ Outline ที่เราจะเขียนค่ะ First(ly), ..... Second(ly),....

Third(ly)/Next,.... Finally/In Conclusion/To sum up,.....



- สรุปแล้ว...Introduction มีความยาวประมาณ 1 - 2 ย่อหน้านะจ๊ะ แล้ว

แต่ค่ะว่า เป็น Academic Essay (บทความเชิงวิชาการ) รึป่าว ถ้าใช่ ก็ควรจะมี

outline นะ ผู้อ่านจะได้อ่านติดตามได้โดยง่ายค่ะ



2. Body

- เนื้อเรื่องของแต่ละคนมีความยาวไม่เท่ากันค่ะ แล้วแต่ผู้เขียนนะว่าจะเขียน

กี่ประเด็นและเนื้อหามีความซับซ้อนมากมายแค่ไหน ที่สำคัญ เขียนให้กระชับ

เข้าใจง่าย มีความต่อเนื่องกันระหว่างย่อหน้า และมีความเป็นเอกภาพ อย่างที่

ได้เคยอธิบายไว้ในเรื่อง paragraph ล่ะจ้า



3. Conclusion

- อันนี้สำคัญมากค่ะ เป็นหัวใจของ Essay เลยนะ อย่าจบ Essay แบบห้วนๆ

นะคะ จำเป็นต้องสรุปรวมเรื่องราวที่พูดมาทั้งหมดให้ผู้อ่านสามารถมองเห็น

ภาพรวมได้ค่ะว่า เราได้พูดอะไรไปบ้าง เนื้อหาที่สำคัญคืออะไร และอยู่ตรงไหน

ส่วนใหญ่ บทสรุปก็ดึงมาจากสิ่งที่เขียนไว้ใน body ล่ะค่ะ แค่จับประโยคสำคัญๆ

ของแต่ละ paragraph มาเขียนใหม่ในฉบับย่อกะทัดรัด ได้ใจความ และ

ครบถ้วนเท่านั้นเอง


- อาจปิดท้ายด้วยแง่คิดดีๆ หรือคติสอนใจ หรือแม้แต่เปิดประเด็นให้ผู้

อ่านคิดตามว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็ได้ค่ะ อย่างนี้จะเรียกว่าเป็น

Critical thinking ดีนะ




เห็นมั้ยคะ บอกแล้วว่าไม่ยากเลยยย เพียงแค่วางโครงร่างดีๆ และเขียน

อย่างมีเหตุผลสนับสนุนหรือความคิดเห็นประกอบ แค่นี้เราก็จะมี

Essay ที่ถูกหลักทางวิชาการไปส่งอาจารย์ได้แล้วค่า....

Blog หน้าแอ้จะเริ่มวางโครงสร้างการเขียน Essay จริงๆ ให้ดูแล้วนะคะ

อย่าลืมติดตามกันน้า .. อ้อ.. ใครมีคำถามอะไร ถ้าแอ้พอช่วยตอบได้

ยินดีค่ะ ถามมาเร้ยยยยย






Create Date : 07 เมษายน 2551
Last Update : 7 เมษายน 2551 15:13:57 น. 24 comments
Counter : 23893 Pageviews.

 
อยากเขียนเก่ง ๆ จัง


โดย: น้ำเงี้ยว วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:18:53:15 น.  

 
ได้ความรู้ขึ้นมาอีกเยอะเลย ขอบคุณ


โดย: สมพล IP: 202.29.6.177 วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:21:29:00 น.  

 


โดย: หนังสือมือสอง (AngelTomorrow ) วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:23:01:10 น.  

 
thank you so much because tomorrow i will submit the intro and body


โดย: oat IP: 58.168.54.119 วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:16:42:37 น.  

 
ขอบคุณครับสำหรับตัวอย่าง ทำแต่assignment ไม่เคยเขียนassey อ่ะ
มีคำแนะนำอะไรมั้ยเอ่ย เกี่ยวกับการเขียนในหัวข้อ brand are just name, logo, slogan and things are irrelevant to customer's choice of supplier ถ้ามี any idea ช่วยตอบหน่อยนะคร๊าบบบบ ขอบคุณครับ


โดย: tum IP: 202.74.172.87 วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:50:04 น.  

 
ไม่ได้เข้ามาดู blog นี้เลย พอเข้ามาก็ตกใจที่ยังมีคน comment ให้แอ้มีกำลังใจขึ้น...ดีใจจังเลยที่สามารถเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ พี่ๆ ได้บ้างนะคะ...

++Writing ไม่ยากค่ะคุณน้ำเงี้ยว เริ่มแรกเราอาจจะยังไม่ปึ้ก grammar เท่าไหร่ แต่ว่าต้องลองฝึกลองเขียนไปเรื่อยๆ ค่ะ การที่จะเขียนเก่งได้ ต้องอาศัยประสบการณ์ค่ะ และที่สำคัญ ต้องอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเยอะๆ จะเป็นหนังสือประเภทไหนก็ได้ (ที่ไม่ใช่การ์ตูน) ซึ่งเราจะได้ศัพท์ สำนวน และโครงสร้างภาษาอังกฤษติดตัวมาเองโดยไม่รู้ตัวค่ะ++

++ขอบคุณคุณสมพลและ"หนังสือมือสอง" ที่แวะมาเก็บเกี่ยวความรู้ที่พอจะเป็นประโยชน์ได้บ้างนะคะ++

++I guess you've already got a good mark for your intro and body na ka K. Oat :) ++


โดย: cadeau วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:18:20 น.  

 
ตอบคุณ Tum นะคะ(ไม่แน่ใจว่าชื่อตั้ม หรือ ตุ้มเอ่ย?)...

ในหัวข้อเรื่อง 'Brand....' ที่คุณ Tum พูดมา ไม่ทราบว่าอาจารย์เค้าเปิดคำถามให้เรา argue ได้ด้วยรึป่าวคะ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับคำนี้ใช่มั้ยเอ่ย...เพราะถ้าเปิดให้เรา argue ในลักษณะปฏิเสธหรือพูดตรงกันข้ามได้ แอ้ก็จะเสนอ idea ว่า

Brand ก็เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจของลูกค้าว่าจะเลือกซื้อสินค้าหรือ deal business กับเราหรือเปล่า เพราะคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น individual consumers หรือ suppliers/companies ทั่วๆ ไป ก็ล้วนแล้วแต่ต้องสำรวจและศึกษาดูว่าบริษัทที่ขายสินค้าหรือที่เราจะ deal ด้วยนั้น มี goodwill (reputation), performance, etc. เป็นยังไง

ยกตัวอย่างง่ายๆ นะคะ..."ทำไมเราถึงเลือกซื้อรองเท้ากีฬาของ Nike - Adidas หรือยี่ห้ออื่นๆ ที่ดังๆ แทนที่จะเลือกยี่ห้อที่ถูกๆ แต่เป็นแบบ no name!?!" หรือถ้ามองในภาพของบริษัท "ทำไม Sony ถึงซื้อ flat screen จาก Samsung โดยการ joint กันทำ flat-screen production line!?!" นั่นเป็นเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่ Brand name / Reputation ของบริษัทที่เราในฐานะผู้บริโภคหรือแม้แต่บริษัทผู้ผลิตเองเป็นผู้เลือก พูดง่ายๆ เลยคือ Brand name เป็นจุดแข็ง (strength) อย่างหนึ่งของบริษัท โดยที่บริษัทที่มี strong brand อยู่แล้วนั้นต้องสามารถใช้ประโยชน์และบริหาร brand ของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย เพราะถึงจะมี strong brand อยู่ในมือ แต่ใช้ไม่เป็น ไม่ทำให้เป็นที่รู้จักแล้วล่ะก็ brand name ก็เป็นแค่ name เท่านั้น และ logo ก็เป็นแค่ trademark คือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงลักษณะธุรกิจและทำให้บริษัทนั้นๆ มีความแตกต่างจากบริษัทอื่น
ส่วนเรื่อง Slogan ในความคิดแอ้ ก็มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ brand และ logo อีกอยู่ดีอ่ะค่ะ เพราะการที่บริษัทจะตั้ง slogan เพื่อบอกความเป็นเอกลักษณ์และใช้โฆษณาสินค้าของเค้า ก่อนอื่น บริษัทนั้นก็ต้องเป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจเสียก่อน ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่จะ utilise brand, logo, slogan ในทางที่จะทำให้เกิดประโยชน์กับบริษัทได้ ก็ทำได้โดย developing effective marketing, advertising and sales activities. (แอ้ไม่ขอเขียนภาษาอังกฤษทั้งหมดนะคะ เดี๋ยวจะกลายเป็นเขียนให้คุณ Tum แทน อิอิ)

ส่วนหนึ่งที่อยากเพิ่มเติมในเรื่อง Consumers' choice ก็คือเรื่องของ Quality and value ของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์(รวมถึง services ด้วย)ของบริษัทนั้นๆ ซึ่ง Quality and value เป็นเรื่องที่แอ้เคยเขียนตอบใน test วิชา marketing ที่นี่เหมือนกันค่ะ ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะสามารถ attract consumers ให้มาซื้อสินค้าและใช้บริการของบริษัท โดยก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า 'Brand loyalty'(ความจงรักภักดีในการเลือกสินค้าและใช้บริการของบริษัท) ในบริษัทนั้นๆ ได้ เช่น เราเลือกซื้อรองเท้า Nike & Adidas เหตุผลนึงคือ good brand/reputation ใช่มั้ยคะ ส่วนอีกเหตุผลนึงที่เราเลือกซื้อ(แม้ราคาจะแพงมากกกก) ก็เป็นเพราะ high quality of products ซึ่งถ้าลูกค้าทั่วไปคำนึงถึงตรงนี้แล้วล่ะก็ เค้าก็จะเกิด value perception ค่ะว่า สินค้าที่เค้ากำลังเลือกอยู่ "มันคุ้มค่าและคุ้มกับราคาที่เค้าจ่ายไปรึป่าว?" ลูกค้าบางคนก็ไม่สนใจว่าจะราคาจะแพงแค่ไหน เพราะถ้า quality ดีแล้ว เค้าก็ยินดีที่จะจ่าย premium price (คือจ่ายในราคาแพงๆ) สำหรับสินค้าที่เค้า perceive ว่าเป็น premium quality ค่ะ

เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้สรุป แอ้ว่า...การเลือกซื้อสินค้าของลูกค้า ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ซึ่งก็ต้องรวมทั้งหมดที่ได้กล่าวไปข้างต้นล่ะค่ะ


หวังว่าคงจะช่วยคุณ Tum ได้บ้าง ไม่มากก็น้อยนะคะ...โชคดีค่า


โดย: cadeau วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:53:59 น.  

 
ขอบคุณมากๆๆๆคร๊าบ ตอนนี้พอจะเริ่มมีideaมาบ้างแล้วครับ มีอะไรแนะนำเพิ่มเติมก้อแนะนำมาได้นะคร๊าบ ยินดีรับฟัง อิอิ


โดย: tum IP: 202.74.172.67 วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:01:31 น.  

 
ขออีกนิดนะคราบ อยากขอคำแนะนำจากคุณแอ้ว่า ผมควรจะเขียนหัวข้ออะไรบ้างในส่วนbodyในessay ตัวนี้ คือเรียบเรียงideaไม่ออกนะครับ ถ้าแนะนำได้ก้อขอบคุณเป็นอย่างมากคราบ


โดย: tum IP: 202.74.172.67 วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:27:56 น.  

 
ยินดีค่ะ..แต่ว่า เอ่อ..คุณ Tum ลองเขียนดูก่อนดีมั้ยคะ (เดี๋ยวจะกลายเป็นแอ้ทำงานให้แทนนะ คิคิ) แล้วก็ลองมาคุยกันก็ได้ค่ะ..พอดีช่วงนี้แอ้มี assignment รออยู่เหมือนกัน คงต้องเร่งทำก่อนน้า..คุณ Tum ร่างๆ ไว้ แล้วเอามาโพสต์ดูก็ได้ค่ะ ว่าจะใส่ point ไหนลงไปบ้าง...ถ้าแอ้แนะนำได้จะแนะนำเพิ่มเติมนะ


โดย: cadeau วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:41:16 น.  

 
thanks for tell about details of Essay


โดย: Terry IP: 124.182.145.84 วันที่: 21 มิถุนายน 2551 เวลา:18:37:58 น.  

 
ดีมากๆๆเลยคะ ตอนนี้กำลังเรียนที่ ออส ได้เรียนพอดีกำลังหาข้อมูลเลยเจอเป็นประโยชน์มากกคะ และจะตามอ่านหน้าต่อๆ ไปคะ


โดย: aomam IP: 202.7.183.130 วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:18:55:55 น.  

 
++With all my pleasure ka :)++

++ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมค่ะคุณ aomam...แล้วจะพยายามมาอัพเดทความรู้เพิ่มเติมให้อีกนะคะ ++


โดย: cadeau วันที่: 2 กรกฎาคม 2551 เวลา:7:00:46 น.  

 
โอ้โฮ........เพิ่งเข้ามาเจอ หาบอร์ดชนิดนี้อยู่เหมือนกัน แต่ก็โพสต์ไว้นานมากแล้วนะ ครั้งสุดท้าย เดือน 7 แน่ะ


โดย: Cha IP: 125.26.72.74 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:10:01 น.  

 
เอ่อ..ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณ Cha อย่างที่บอกแหละค่ะว่าไม่ค่อยมีเวลาเข้ามา update เลย เรียนกลับมาปุ๊บ ก็ทำงานปั๊บ เฮ้อ...

จะพยายามเข้ามา update นะคะ ตอนนี้ก็ติดตามอ่านของเก่าๆ ไปก่อนละกันเน้อ

ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ


โดย: cadeau วันที่: 3 ธันวาคม 2551 เวลา:11:21:44 น.  

 
คุณครูเพิ่งสั่งงานมาอ่าค่ะรู้สึกว่ายากมากเลยค่ะ เพราะเป็นคนไม่ค่อยเก่งภาษา แล้วก็ไม่เคยเขียนมาก่อนเลยไม่รู้ว่าจะทำได้ดีแค่ใหนT^T


โดย: i-dea IP: 125.26.134.173 วันที่: 21 เมษายน 2552 เวลา:17:27:03 น.  

 
ใจเย็นๆ นะคะคุณ i-dea ไม่มีอะไรยากไปกว่าความสามารถของเราค่ะ สู้ๆ นะคะ จะเป็นกำลังใจให้


โดย: cadeau วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:47:50 น.  

 
คือว่า หนูแต่งเรียงความภาษาอังกฤษไม่เก่งอ่าค่ะ

เลยรบกวนให้พี่ๆช่วยหน่อยนะคะ
คืออาจารย์สั่งงานมาให้แต่งเรียงความ เรื่องอะไรก็ได้ค่ะ

ให้มีบทนำ เนื้อเรื่องและก็สรุป
3 paragraph ค่ะ

ช่วยหน่อยนะค๊ะ


โดย: joice IP: 125.25.129.118 วันที่: 18 สิงหาคม 2552 เวลา:17:39:45 น.  

 
ขอบคุณสำหรับ ความรู้ดีๆ นะคะ


โดย: Holapui วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:34:40 น.  

 
ขอบคุณมากๆเลยค่ะสำหรับความรู้ดีๆ ตอนนี้ก็กำลังจะเข้ามหาลัยแล้ว คงจะได้นำไปใช้เยอะเลยค่ะ (^^) ปล. อย่างน้อยๆตอนนี้ก็มีงานไปส่งครูฝรั่งแล้วววว


โดย: หนูแฮมแง่มๆ IP: 124.122.11.198 วันที่: 11 มกราคม 2555 เวลา:23:10:48 น.  

 
ขอบคุณนะคะ ได้ความรู้ดีมากๆ หนูอยุ่ ม. 5 เรียนกะ ทีเช่อ เค้าสอนยากมาก ส่วนหนูไม่เคยมีความรู้ ไอเดียไม่ดี แต่งไม่เป็น มันเลยกลายเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ช่วยบอกแนวคิดไอเดียให้หน่อยได้มั้ยคะ ? ขอบคุณค่ะ คือรู้แต่หลักการ แต่เอาไปใช้ไม่เป็นค่ะ


โดย: ploy IP: 171.98.127.98 วันที่: 14 กรกฎาคม 2556 เวลา:13:05:42 น.  

 
Thanks..


โดย: PP IP: 182.52.66.234 วันที่: 24 กันยายน 2556 เวลา:23:15:53 น.  

 
เราเพิ่งผ่านงานเขียน essay มาหมาดๆ เลยค่ะ จะบอกว่าช่วงแรกยากมาก เพราะไม่ค่อยได้ writing เท่าไหร่ มาเจอบทความนี้ ขอบคุณมากนะคะ ได้เทคนิคเอาไปใช้ และก็เลยถือโอกาสทำ slide บอกวิธีการเขียน essay แบบง่ายๆ เอามาแชร์ให้เพื่อนๆ เก็บไว้ดูกันค่ะ //www.slideshare.net/ThanradaChuensawatwo/essay-67777741


โดย: T.Chuen IP: 188.165.240.145 วันที่: 28 ตุลาคม 2559 เวลา:22:57:20 น.  

 
มีตัวช่วยดีๆ สำหรับ rephasing ประโยคและ essay ด้วย ถ้าหากว่าเป็นมือใหม่ ที่นี่จะมีคำแนะนำอย่างดีให้เลยค่ะ หลังจากปรับแก้แล้ว ผลงานออกมาเหมือนมือโปรเขียนเลย เว็บไซต์นี้ค่ะ //thailand.thesiswritingservice.com


โดย: Reborn IP: 188.165.201.164 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2559 เวลา:22:21:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

cadeau
Location :
Tasmania Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




Friends' blogs
[Add cadeau's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.