จะเป็นคุณแม่แล้ว---พาหนูไปเที่ยวสิงคโปร
ตามเกณฑ์การยื่นขอจบการศึกษาปริญญาโทของสถาบันที่เราเรียนคือต้องมีการสัมมนาวิชาการระดับนานาชาติอย่างน้อย 1 ครั้ง เราเคยไปครั้งนึงละที่เชียงราย นานาชาติ คุณสมบัติของงานสัมมนาผ่านหมด ยกเว้นอาจารย์ที่ปรึกษาที่ไม่ยอมรับ เลยต้องดิ้นรนหาอีกที่ ก็กลายเป็นว่าต้องส่งต่างประเทศ แต่ต่างประเทศที่พอจะแบกรับค่าเดินทางกะที่พักไหวก็ในเอเชีย เลยเลือกสิงคโปรซะเลย สมัครส่งงานไปตั้งแต่เดือนตุลาคม ได้ไปจริงก็เดือนนี้กุมภาพันธ์ แล้วใครจะไปรู้ว่าเราจะท้องละเน้อ เลยจองโลว์คอสไปหมด ทั้งเครื่องบินทั้งห้องพัก...ปรากฎว่าเมื่อเช้าบินมานั่งแถวติดกะแขก แทบเป็นลม แหวะไปหลายรอบ สุดท้ายตอนเครื่องลงนี้เกือบเป็นลม ต้องนั่งพักรอคนลงเครื่องให้เบาบางถึงอาการดีขึ้น มาถึงสิงคโปรที่กลัว คือ กลัวจะหลงในสนามบินเพราะมักจะหลงทางอะไรที่มีหลังคาคุ้มหัว ก็กลายเป็นว่าไม่มีปัญหา รถไฟฟ้าก็ใช้ง่ายกว่าเมืองไทยเยอะ แต่...หลงทาง เพราะนั่งท่องแผนที่มาแล้วคิดว่าเมืองสิงคโปรมันจะกว้างไง พอเดินไปสักพัก อ้าว! ถนนเปลี่ยนอีกละ จับทิศทางไม่ทันกันเลยทีเดียว เดินกันซะเมื่อยเลย ขนาดวันนี้แค่ไปเซอร์เวย์สถานที่สัมนาพรุ่งนี้เท่านั้นนะ ถ้าตั้งใจเที่ยวจริงนี้คงหลงให้วุ่นกว่านี้แน่ๆ ปัญหาของเราในสิงคโปรอีกอย่างก็คือ...หาอาหารถูกปากกินไม่ได้เลย วันนี้กินลาซานญ่าเป็นมื้อเที่ยง กินได้นิดนึง แถมมีกลิ่นเครื่องเทศติดปากติดคอทรมารอีกครึ่งวัน ตอนเย็นเลยกินสลัดไก่ย่างของแม็คฯ พอประทังชีวิต แต่...ไม่อยู่ท้อง เกือบซื้อติดมือมาแล้วเชียว มาถึงห้องพักเพิ่งเห็นว่าเค้าห้ามเอาของกินมากินในห้อง แต่เราก็มีเสบียงเยอะอยู่ทั้งขนมปังกรอบ ลูกอม ปลาหมึกเส้นฯลฯ แต่ต้องแอบๆกิน เดี๋ยวถ้าโดนจับได้ก็จะบอกว่าเราไม่สบายนี่แหละ เพราะมันคือเรื่องจริง ตอนนี้...อยากให้ครบวันนอนตื่นมาให้เป็นเมืองไทยซะที อยากกินข้าวต้มร้อนๆกะไขเค็ม หรืออะไรก็ได้ในเมืองไทย ที่นี่นอกจากหาของกินยากแล้วน้ำดื่มก็แพงซะ หรือเรายังหาที่ขายราคาถูกไม่เจอก็ไม่รู้สิ
อีกอย่างนึงที่เจอคือ เมืองนี้แขกเยอะ...กลิ่นก็เยอะไปด้วย เราทนไม่ค่อยไหวอ่ะจุดนี้
เหนื่อยใจ... แต่ก็ต้องอดทนเท่านั้น เพื่อตัวเองและลูกน้อย
ยังไงก็สู้ๆนะค้า อดทนเข้าไว้ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ฮึบๆๆ