Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2559
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
2829 
 
10 กุมภาพันธ์ 2559
 
All Blogs
 

ตกหลุมรักปัว .. ขับรถไม่เป็น ไม่เห็นเป็นไร ไปเที่ยวน่านได้แบบชิล ๆ (ตอนจบ)

⁞ ความเดิมจากตอนที่แล้ว 


ระหว่างรอรถออกตามเวลา ลุงก็ถามว่าจะไปเที่ยวที่ไหนต่อ ถ้าจะไปปัว ควรไปเที่ยวที่ไหนบ้าง (ส่วนใหญ่ที่เที่ยวก็ตรงตามที่เราอ่านรีวิวมาเลย)
เราก็แบ่งรับแบ่งสู้ไป บอกว่าขอเช็คที่พักก่อนว่าจะเข้าที่พักเลยได้ไหม ถ้ายังมีแขกพัก คงต้องรอบ่าย 2 ซึ่งอาจจะหาที่เที่ยวฆ่าเวลาซัก 3-4 ชม.

สุดท้าย ก็ต้องเที่ยวในปัวรอไปก่อน เพราะโทรเช็คที่พักแล้ว คืนก่อนแขกพักเต็มทุกห้อง แต่เพื่อความชัวร์ว่าลุงจะไม่งงกับค่าเหมารถอีก
เราเลยลองโทรเช็คราคาจากเจ้าอื่นดูก่อนค่ะ ซึ่งก็หาเบอร์มาจากในเน็ตนี่แหละ เค้าคิดราคาจุดละ 100 บาทค่ะ เที่ยว 3 ที่ก็ 300
หรือเหมาทั้งวันเลยก็ 500 แต่เค้าบอกว่าถ้าเที่ยวในปัวใช้เวลาประมาณครึ่งวันก็ทั่วละ แนะนำให้ไปเที่ยวบ่อเกลือ กับดอยภูคาไปอีก
(เราไม่ได้บอกว่าเรามาจากบ่อเกลือ 5555+) แต่ก็จะอีกราคานึง เราจำไม่ได้แล้วว่าเท่าไหร่ แต่รู้สึกจะ 1000+ มั้ง (-_-')

พอรู้เรทจากเจ้าอื่นแล้ว เราก็เลยมาดีลกับลุงคนเดิม ลุงบอกว่าเดี๋ยวจะถามที่คิวรถให้อีกที เพราะลุงติดวิ่งรถตามคิว (อ้าววว นึกว่าลุงจะพาไปซะอีก)

เราออกจากบ่อเกลือตามรอบของคิวรถสองแถว ตอน 9.00 น. และขอนั่งด้านหน้า
(เพราะขามานั่งด้านหลัง แทบไม่เห็นวิวอะไรเลย หลังคารถสองแถวบังหมด T^T)


ถึงปัวประมาณ 10.30 น. ลงรถสองแถวมา ก็มาดีลกับสองแถวอีกคันต่อ (ชีวิตวนแต่กับรถสองแถวนะทริปนี้ 555+)
หลังจากดูรีวิวจากเว็บนี้ >> หลงรัก..เมืองปัว ก็ตกลงกันว่าจะไปกัน 3 ที่ คือ ฟาร์มเห็ด วังศิลาแลง กาแฟบ้านไทลื้อ (ซึ่งมีร้านลำดวนผ้าทออยู่ติดกัน)
แล้วให้มาส่งที่ ตูบนา โฮมสเตย์ ซึ่งเป็นที่พักของเราในคืนนี้ สรุปราคาที่ 400 บาทถ้วน (ต่อราคาแล้ว) เฉลี่ยจุดละ 100 ก็โอเค ถือว่ารับได้ ไปลุยกันเลย!

ที่หมายแรกคือ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ ค่ะ ตอนหาที่พักที่ปัวแรกๆ เราเจอที่นี่ก่อน เกือบจะได้นอนที่นี่ละ ถ้าไม่ไปเจอตูบนาฯ เข้า คงได้นอนอืดกันที่นี่แน่ๆ
ที่นี่มีบ้านพักด้วยค่ะ (ราคาดูในเว็บได้เลย) แต่เราชอบบรรยากาศมุ้งมิ้งของตูบนามากกว่า 5555+ 






เมนูที่ขึ้นชื่อก็แน่นอนว่าต้องเป็น พิซซ่าหน้าเห็ด ค่ะ ปกติเราเป็นคนไม่ค่อยกินพิซซ่านะ แต่ต้องยอมรับว่าเค้าทำอร่อยมากกกกกกกกก อาหารเมนูอื่นๆ ก็อร่อยค่ะ
แกงเห็ด ส้มตำเห็ดทอด ซุปเห็ด (มาฟาร์มเห็ดก็กินแต่เห็ด คือกลัวคนไม่รู้ว่ามางี้ 555555+) ราคากลางๆ ค่ะ ไม่ถูก ไม่แพง 
แต่พวกน้ำหวานต่างๆ เราว่ายังไม่ค่อยโดน (แนะนำให้รอไปจิบกาแฟที่บ้านไทลื้อดีกว่า)











กินข้าวไป ชมวิวไปเพลินๆ 



โซนร้านอาหารค่ะ



โต๊ะเยอะพอสมควร มีคนแวะมาเรื่อยๆ เลยค่ะ (เราไปถึงเช้า เลยได้ถ่ายตอนยังไม่มีคน)





หลังป้ายนี้ จะมีทางลงไป "วังศิลาแลง" ค่ะ .. เค้าว่ากันว่าเป็นแกรนด์แคนยอนเมืองปัวเลยทีเดียวเชียว
อิ่มท้องกันแล้ว ก็เดินย่อยกันหน่อย ลงบันไดเล็กๆ ไป จะเจอทางดินอีกทีค่ะ ซึ่งตอนที่เราไปเค้ากำลังทำสะพานใหม่
ทำให้รถยนต์เข้าไปถึงทางเข้าวังศิลาแลงไม่ได้ เดินจากฟาร์มเห็ดฯ ไปน่าจะใกล้และสะดวกที่สุดแล้วค่ะ 
(ไม่ได้ถ่ายรูประหว่างทางมาค่ะ ลืมมมม 5555+)





ใช้เวลาเดินเล่นชิลๆ ไปไม่นานก็ถึงแล้วค่ะ ด้านหน้าจะเป็นแบบนี้ งงๆ กันนิดนึงว่ามันแกรนด์แคนยอนตรงไหน 555
แต่ก็เอาน่ะ มาถึงแล้ว ไปดูซักหน่อยซิ

ตรงทางเข้าเป็นเหมือนฝายกันน้ำเบาๆ



อีกฝั่งจะเห็นว่ามีลำธารและซอกหินพอให้รู้ว่ามาถึงแล้วนะ



พ้นสะพานคอนกรีตมา จะมีทางเดินขึ้นไปอีกค่ะ .. ป่ะ เดินต่อกันเถอะ



ทางเดินชันบ้าง ไม่ชันบ้าง มีราวจับระหว่างทางเรื่อยๆ ดูมั่นคงปลอดภัยดีค่ะ ร่มรืน อากาศเย็นๆ มีเสียงน้ำไหลเบาๆ ชิลมากกก
ในที่สุดก็ถึงจุดแรกค่ะ



จริงๆ มีทางเดินขึ้นไปอีกค่ะ แต่ด้วยความที่ชะนี 2 คนก็อายุขึ้นเลข 3 กันแล้ว เกรงใจสังขารตัวเองค่ะ
อีกอย่าง ไม่มีใครมาเลยยยยย เจ้าหน้าที่ก็ไม่มี เกิดอุบัติเหตุขึ้นมา คงลำบาก รักษาตัวรอดเป็นยอดดีค่ะ ป้ารู้ ป้าเรียนมา 5555


จากโขดหินที่เรายืน มีเชือกผูกไว้ให้ไต่ลงไปด้านล่างตรงลำธารได้ค่ะ แต่ด้วยสังขารแล้ว กลัวขึ้นมาไม่ไหว เลยไม่ได้ลงไปค่ะ
บ้าจริง 5555+ รูปเราถ่ายมาน้อยค่ะ แบตหมดไปอีก ส่วนใหญ่อยู่ในมือถือเพื่อน แต่บอกเลยว่าสวยกว่าในรูปกากๆ ของเราเยอะ
อากาศดี เย็นสบาย มีต้นไม้รอบบริเวณ .. เรานั่งเล่น ถ่ายเซลฟี่กันพักนึงเลยค่ะ กว่าจะเดินกลับ ซึ่งจากระยะทางไปกลับแล้ว
พูดเลยว่า สิ่งที่กินมานั้น เริ่มเข้าที่เข้าทางค่ะ .. ป่ะ กินกาแฟกัน 55555+

นั่งรถจากฟาร์มเห็ดฯ ไม่นานนัก (จริงๆ ตอนขามาก็ขับผ่านค่ะ แต่อยากกินข้าวก่อน เลยแวะขากลับแทน) ก็ถึง "กาแฟบ้านไทลื้อ" แล้วค่ะ
บรรยากาศเหมือนนั่งกระท่อมน้อยปลายนา จิบกาแฟชมทุ่ง แต่ด้วยความที่เรามาเอาตอนหน้าหนาว เลยเจอแต่ทุ่งแห้งๆ แทน
มาตอนหน้าฝน เจอทุ่งนาเขียวๆ คงจะฟินน่าดู (แต่หน้าหนาวปีนี้ ก็ไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ ตอนเราไปสายๆ ก็แดดร้อนแล้วค่ะ เหงื่อตกกันเลย)
ร้านนี้กาแฟหอม กลมกล่อมใช้ได้เลยค่ะ (แอบชิมของเพื่อนมา เราสั่งชาเขียว ไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่)











และสำหรับสาวๆ ห้ามพลาดการช้อปร้านข้างๆ ค่ะ นั่นก็คือร้าน "ลำดวนผ้าทอ" นั่นเอง



ขออภัยไม่ได้ถ่ายรูปในร้านมาฝากนะคะ ไม่คิดว่าจะรีวิว 5555+ เอาเป็นว่าในร้านมีผ้าทอพื้นบ้านเยอะมากกกกกกกก
แบบเยอะด้วยค่ะ แบบน่ารักๆก็มี ราคาสบายกระเป๋ามาก พูดเลย เรากับเพื่อนได้เดรสมาคนละตัว ตัวละ 200 บาทถ้วน
เราเห่อสุด ใส่กลับ กทม. กันเลยทีเดียว .. ทั้งเดรส ทั้งผ้าใบ ทั้งยีนส์ อะไรคือความเข้ากัน (กระเป๋าเต็ม เลยต้องใส่เยอะไว้ก่อน) 55555+ 



กลับมาที่ปัวกันต่อ (เวิ่นเว้อกลับไปกลับมาอยู่นั่น) -..- หลังจากเที่ยวและช้อปกันแล้ว ก็เข้าไปที่พักกัน คืนนี้เราพักที่ "ตูบนาโฮมสเตย์" ค่ะ
โลเคชั่นในกูเกิ้ลตรงนะคะ ขับรถตามจีพีเอสไปได้เลย (เพราะลุงคนขับไม่แน่ใจว่าอยู่ไหน เราเลยเปิดกูเกิ้ลแมพ แล้วบอกทางลุงเป็นระยะๆ)

รูปภาพที่พักโดยรวมค่ะ ที่นี่เป็นโฮมสเตย์เล็กๆ มีห้องพักแค่ 4 ห้องเท่านั้น ห้องที่เราพักคือห้องชมวิว (ขวาสุดของรูปภาพ)
ตอนจอง น้องที่รับสาย (ลูกชายของเจ้าของที่นี่) บอกว่าห้องชมวิวคือวิวสวยที่สุด (และแพงที่สุด 555+) เราเลยตัดสินใจจองห้องนี้ค่ะ

รูปพาโนราม่า ตอนเย็นๆ 


บรรยากาศตอนกลางคืนโรแมนติคสุดๆ (ดูจากเว็บของตูบนาโดยตรงได้เลยค่ะ สวยเหมือนในรูป คอนเฟิร์ม)

ห้องชมวิว




มีระเบียงที่นั่งหน้าห้อง และดาดฟ้าส่วนตัวค่ะ




รูปในห้อง สะอาดสะอ้าน เตียงนอนสบาย ห้องน้ำไม่ได้แยกส่วนแห้งส่วนเปียกนะคะ ไปตอนหนาวๆ เครื่องทำน้ำอุ่นมีก็เหมือนไม่มี -..-
ในตู้เย็นมีเครื่องดื่มไว้บริการด้วย ราคาไม่ต่างจากซื้อข้างนอกมากนัก (ลืมแวะ 7-11 ก่อนเข้ามา) ก็จิบพี่สิงห์ในตู้เย็นไปค่ะ 555+





วิวรอบๆ ที่พัก


มีจักรยานให้ยืมปั่น (ฟรี) ส่วนรถเอทีวี ก็มีนะคะ แต่ไม่แน่ใจเรื่องค่าใช้จ่ายค่ะ





ปั่นไปดูพระอาทิตย์ตกไป ชิลสุดๆ




ข้างห้องชมวิว มีที่นั่ง (ส่วนกลาง) ให้มานั่งพักผ่อน ถ่ายรูปได้ด้วย (ไม่ได้อยู่แนวเดียวกับห้องพักค่ะ เยื้องไปทางด้านหลัง ไม่เห็นหน้าต่างห้องชมวิว)


มีสวนดอกไม้เล็กๆ ให้ชม และสตรอเบอร์รี่ให้ชิมด้วยนะเออ




ศาลาน้อยๆ นี่ไว้ทานอาหารเช้าค่ะ ด้านหลังเป็นสวนเล็กๆ ของคุณแม่เจ้าของรีสอร์ทค่ะ


ประมาณ 6 โมงเย็นก็ได้เวลากินข้าวแล้ว อ้อ ที่นี่ค่าที่พักจะรวมค่าอาหารเย็นไว้แล้วนะคะ อาหารอลังการมากกก อร่อยด้วย ประทับใจมาก
และเนื่องจากเราพักห้องชมวิว ซึ่งมีดาดฟ้าส่วนตัว เราจึงได้กินข้าวบนดาดฟ้าค่ะ พ่อแม่ช่วยกันยกอาหารมาจัดให้ มาเป็นขันโตกเลย (มีน้ำเปล่าให้ด้วย)




มีอะไรบ้างน้าาาา .. เริ่มที่ปลาทอด น้ำจิ้มอร่อยยยมากกก แม่บอกเป็นสูตรเฉพาะเลย


แกงฮังเล ก็อร่อยยยยย .. น้ำพริกหนุ่ม แคปหมูก็มี .. ข้าวเหนียวก็มา (ข้างๆ น้ำพริกหนุ่มคือน้ำจิ้มปลาทอดค่ะ)



ไส้อั่ว กับ แกงจืดลูกรอก เห็นแว้บๆ นั่นคือลาบหมูค่ะ



ลาบหมู (เป็นลาบแบบทางเหนือ หอมๆ กว่าของทางอีสานค่ะ)



และที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา คือ ข้าวสวยอีก 1 โถ และน้ำเปล่าอีก 1 เหยือกค่าาาา อลังการดาวล้านดวงมากกกกกกกกกก
พ่อคะ แม่คะ .. พวกหนูมากัน 2 คนนนนนน นี่อยากห่อกลับมากกกก กินไม่หมด T^T พยายามเคลียร์ไปได้ 3 อย่าง
เหลือแกงฮังเลค่อนถ้วน ปลาเกือบครึ่งตัว และแกงจืดอีกครึ่งถ้วน เสียดายมากกก แต่พุงจะแตกแล้ววว ยัดไม่ลงงงงง

สิ่งที่ประทับใจนอกเหนือจากที่พัก วิว อาหาร ก็คือพ่อกับแม่น่ารักมากก .. ด้วยความที่มีแค่เราจองกันมาแค่ห้องเดียว
พ่อกับแม่เลยจะมานอนห้องข้างๆ เป็นเพื่อนค่ะ (คงกลัวเหงา และเผื่อมีอะไรฉุกเฉิน เพราะจริงๆ พ่อกับแม่นอนบ้านอีกหลัง ซึ่งไม่ได้อยู่ในบริเวณที่พักค่ะ)
คอยมาถามไถ่ ชวนคุยอยู่เรื่อยๆ ขาดเหลืออะไรไหม กลับกรุงเทพกันยังไง แม่ขับมอไซค์ไปส่งไหมลูก
(จริงๆ ที่นี่มีรถรับส่งจากท่ารถด้วยค่ะ แต่ลูกชายแม่บอกว่า รถของพ่อเสีย เราเลยเหมารถสองแถวมารับ-ส่งค่ะ 
ทีแรกน้องแนะนำว่านั่งมอไซค์มาก็ได้นะ แต่ก็ไกลจากท่ารถพอสมควร ตูบนาเหมือนอยู่เส้นรอบเมืองหน่อยๆ)

อาหารเช้าที่นี่จะเป็นข้าวต้ม (อร่อยยยยยยย ยิ่งกินตอนเช้าๆ หมอกลงเบาๆ ฟินมากกก) ขนมปัง กาแฟ โอวัลติน ประมาณนี้ค่ะ


ประมาณ 10 โมงครึ่ง ลุงก็มารับตามที่นัดค่ะ มี offer ไปส่งถึงสนามบินด้วยแหละ แต่แพงง่ะ 600 เลยเชียว
ไปเองดีกว่า ค่ารถสองแถวเข้าเมืองคนละ 50 บาทเอง -..-

พาหนะคู่ใจในทริปนี้ .. ค่ารถให้มารับที่นี่ ไปส่งที่ท่ารถสองแถว (ที่เดิมที่ไปบ่อเกลือ มีรถไปเมืองน่านค่ะ) 150 บาทค่ะ


พูดถึงสองแถวขากลับ ก็เพลินๆ ดีค่ะ .. ไม่ร้อนมาก มีขับวนในตัวอำเภอปัว ขับวนตัวอำเภอท่าวังผา และผ่านสนามบินด้วยค่ะ (จากด้านหน้าถนนใหญ่เข้าไปสนามบินอีกลึกเหมือนกัน ไม่ไหวจะเดินแน่ๆ แต่เห็นหน้าปากทางเข้าสนามบินก็มีรถรับจ้างอยู่นะ)
แต่เรายังมีเวลาเหลือ เพราะจองไฟล์ทเกือบสี่โมงเย็น กะว่าจะหาข้าวเที่ยงกินในเมืองกันก่อนค่ะ แต่คิดอะไรไม่ออก สุดท้ายก็นั่งวนเมืองน่าน ไปลงที่ขนส่งน่านค่ะ (สุดสายพอดี)

พอลงรถก็แดดร้อนไปอีก เอาไงดี กินไรดี .. เปิดแอพวงใน ไปเจอรีวิวร้านอาหาร ชื่อ "เฮือน่าน" ที่อยู่ใกล้ขนส่งพอดี มีทั้งอาหารเวียดนามและอาหารไทย เลยตัดสินใจเดินไปที่ร้านนี้กัน (ที่สำคัญอีกอย่าง คือ ร้านติดแอร์ 555555)

มาเหนือแต่กินอาหารเวียดนาม เอากะพวกนางซิ๊ 55555+ .. ยำแซ่บมาก ส่วนแหนมเหนืองเค้ารับจาก VT แหนมเนืองค่ะ ปอเปี๊ยะสดธรรมดาไปหน่อย แต่โดยรวมคืออร่อย ราคากลางๆ ค่ะ






หลังจากอิ่มท้องแล้ว ก็เกือบบ่าย 3 ค่ะ เราเคยเที่ยวในเมืองมาแล้ว ก็ตัดสินใจนั่งมอไซค์รับจ้างไปที่สนามบินเลย (คนละ 60 บาท)
เป็นอันจบทริปบ่อเกลือ - ปัว - เมืองน่าน แบบไม่ง้อรถส่วนตัว (เพราะขับไม่เป็น 5555+) แต่เพียงเท่านี้

สวัสดีค่ะ




 

Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2559
0 comments
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2559 15:19:54 น.
Counter : 7879 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แม่ลูกอ่อน 2019
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แม่ลูกอ่อน 2019

ชีวิตมนุษย์แม่ มันก็จะมีเรื่องท้าทายเยอะหน่อย
เวลาส่วนใหญ่ ยกให้ลูกหมดแล้ว
อัพบ้าง ไม่อัพบ้าง แล้วแต่ว่างนะจ๊ะ

เชิญรับชมได้ตามสะดวก ;-)
New Comments
Friends' blogs
[Add แม่ลูกอ่อน 2019's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.